คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ความคาดหวัง... จะเอาอะไรกับผมคร๊าบท่าน ?
วันนี้มาขยันอัพสักหน่อย เพราะรู้ว่าคงจะมีเวลาอัพอยู่อีกไม่นาน ฮ่าๆๆๆ เพราะกำลังจะหนีไปเที่ยวเจ้าคร่า ดังนั้นนึกอะไรได้ก็จะรีบๆลงไว้ให้นะ... ขอบ่นหน่อย คาดว่าวันนี้ทุกคนคงได้ดูถ่ายถอดการเจรจาระหว่าง นายก vs เสื้อแดงกันนะ เหอะๆ เราไม่ได้ดูหรอกนะ รำคาญ แต่บังเอิญ เย็นๆแม่กลับมาแล้วเปิดดู ก็แบบนึกแล้วว่ามันต้องจบลงอีแบบนี้... เฮ่อ จะยอมเสียหน้ากันได้ไงจริงเปล่า ? แล้วจะมาเจรจาสร้างภาพกันเพื่ออะไร...??? การเมืองไทย อีกกี่ 10 ปีคร๊าบเนี่ยะ จึงจะหลุดพ้นจากการเป็นประเทศที่หลอกตัวเองว่ากำลังพัฒนาสักที...
พอๆเลิกๆ เรื่องการเมืองไว้หลังไมค์ อิอิ เดี๋ยวโดนปาอี้ ฮ่าาาา
เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่กะว่าจาอัพนานแล้ว... คือเรื่องนี้จะขอพึมพำถึงเรื่องของคำว่า "ความคาดหวัง" สักหน่อย
ความคาดหวัง... คำๆนี้ถูกผูกติดกับตัวเรามาตั้งแต่เกิด แล้วมันก็คงจะติดตัวเราไปจนถึงวันตายนั่นแล เป็นธรรมดาที่ชีวิตมนุษย์เราเกิดมา ย่อมมาพร้อมกับความหวัง เพราะพ่อแม่ที่มีลูก ก็มักจะตั้งความหวังไว้กับลูกก่อนลูกจะลืมตาดูโลกซะอีก ลูกบางคนถูกคาดหวังว่าจะต้องเกิดมาเป็นผู้ชายเพื่อสืบทอดวงศ์ตระกูล ลูกบางคนถูกคาดหวังว่าจะต้องเกิดมาเป็นผู้หญิง เพื่อมาเป็นแม่บ้านแม่เรือน มาดูแลพ่อแม่ยามแก่เฒ่า... ซึ่งก็เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่เมื่อจะลงมือกระทำการใดสักอย่างย่อมจะหวังผลตอบแทนเสมอ ซึ่งพ่อแม่ก็เหมือนก้น หลายๆคน หลายๆคู่ หลายๆครอบครัว เมื่อวางแผนที่จะมีลูก แต่ละคนก็คาดหวังกับลูกๆของเขาแตกต่างกันออกไป บางคนหวังให้ลูกเป็นคนเก่งเรียนดีๆ บางคนหวังให้ลูกเป็นนักกีฬาระดับเหรียญทอง บางคนก็หวังขอแค่ให้ลูกมีชีวิตอยู่ได้ในสังคมอย่างมีความสุขก็เพียงพอแล้ว... ซึ่งทั้งหมดที่พูดมานี้ก็เพื่อจะบอกกับทุกๆคนว่าชีวิตคนเราเกิดมาพร้อมกับความคาดหวังของคนหลายๆคน หนึ่งในนั้น แน่นอนไม่ใช่ใครที่ไหน พ่อแม่เรานั่นเอง
ดังนั้นเราจึงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า เรามีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะเรามีคำว่า ความคาดหวังนั้นผูกติดกับตัวเราอยู่ ฉะนั้นเราจึงไม่สามารถที่จะเกิดมาแล้วละทางโลก ไปได้เลย ในที่นี้หมายถึงละซึ่งความโลภ โกรธ หลง ความมักมาก ความอยากได้ ไปสู้ความไม่อยากได้ ไม่อยากมี และนิพพานในที่สุด ซึ่งแน่นอนว่านิพพานที่หมายถึงไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดให้ทรมาน ณ วัฏสารสังสารนี้ให้ทรมาน ซึ่งนิพพานนั้นคาดว่าหลายๆคนต่างพากันใฝ่ฝันถึง แต่จะมีบุคคลบนโลกนี้สักกี่คนกัน ที่จะไปถึงนิพพานนั้นได้จริงๆ จะมีสักกี่คนกันที่จะสามารถละทิ้งซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างถึงแก่นแท้... ที่พูดมานี้ไม่ได้หมายถึงไม่สนับสนุนทางธรรม หากใครสามารถทำได้จริงก็ขออนุโมทนาบุญด้วย แต่ที่พร่ำมาทั้งหมดนี้ เพียงแต่อยากจะให้ท่านมองเห็นข้อดีของการถูกคาดหวัง หรือคำว่า ความคาดหวังเท่านั้น ว่าเพราะมีความคาดหวังมนุษย์เราถึงมีการพัฒนา ว่าเพราะมีความคาดหวังวันนี้เราจึงสามารถหายจากโรคหัวใจ ว่าเพราะมีความคาดหวังวันนี้เราถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ได้ แต่ทั้งนี้ืั้งนั้นจงใช้ความคาดหวังเหล่านั้นเป็นเพียงเครื่องค้ำจุนเท่านั้น จงอย่าใช้ความคาดหวังเป็นเครื่องชักจูงเลย...
เราคนหนึ่ง ก็เป็นคนที่เกิดมาพร้อมกับการถูกคาดหวัง ตั้งแต่อยู่ในท้อง แม่ก็หวังจะให้เป็นผู้ชาย พ่อหวังอยากให้เป็นนายร้อย เพราะพ่อข้าพเจ้าก็เป็นทหาร ดังนั้นแม่ของข้าพเจ้าจึงตั้งชื่อเล่นให้ข้าพเจ้าแบบ แมนจริงๆ ฮ่าๆๆ แต่บทสรุปของเรื่องนี้ก็ต้องจบลง เมื่อข้าพเจ้าบังเอิญเป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชาย ไม่ใช่ผู้ชายยย... แต่พ่อแม่ของข้าพเจ้า ก็ยังไม่เลิกหวังในตัวข้าพเจ้าสักที แม่บอกข้าพเจ้าว่าจะเลิกหวังในตัวลูกได้อย่างไร เพราะว่าลูกคือความภูมิใจของพ่อแม่ แล้วพ่อแม่ก้อยากจะเห็นข้าพเจ้าโตไป แล้วเป็นความภูมิใจของวงศ์ตระกูล ตำบล จังหวัด และสังคมในภายภาคหน้า...(เยอะจัง) ตอนเด็กๆพ่อแม่ของข้าพเจ้าหวังอยากให้ข้าพเจ้าเป็นหมอ เป็นวิศวกร ซึ่งก็เหมือนพ่อแม่ยุคนี้ส่วนใหญ่ ลูกใครได้เป็นหมอ เป็นวิศวกรนี่ก็หน้าบานกันเข้าไปใหญ่ แต่หารู้ไม่ว่าสองอาชีพนี้มันก็ไม่ได้ดีเด่อะไรมากมายในสังคมปัจจุบันแล้ว... ครอบครัวของข้าพเจ้าก็ไม่ได้ใหย่โตหรือมีนามสกุลยาวแต่ประการใด ก็เป็นแค่ครอบครัวของข้าราชการทั้วๆไป ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาเข้าไปอีก ที่พ่อแม่หวังอยากจะเห็นข้าพเจ้าโตไปเป็นเจ้าคนนายคน ซึ่งคำๆนี้ก้ได้ยินผู้หลักผู้ใหญ่ให้พรอยุ่บ่อยๆ... เฮ่อจะเป็นไปทำไมเจ้าคนนายคน มันไม่ได้สบายอย่างที่คิดสักหน่อย ยิ่งสุงยิ่งหนาวนะเออ... พูดง่ายๆพ่อแม่หวังอยกาจะให้ข้าพเจ้าก้าวไปได้ไกลกว่าพวกเขานั่นเอง อย่างน้อยๆก้หวังให้ข้าพเจ้าได้เรียนสูงๆในแบบที่พวกเขาไม่มีโอกาส แล้วพ่อแม่ของข้าพเจ้าก็หยิบยกกุศโลบายต่างๆมาหลอกล่อข้าพเจ้าตั้งแต่ข้าพเจ้ายังเด็ก ให้เดินตามความหวังนั้น... แต่ข้าพเจ้าก็โชคดีที่มีพ่อแม่ดี ท่านทั้งสองคาดหวังแต่ไม่เคยกดดันในตัวข้าพเจ้าเลย ท่านแค่มักจะเปรียบเปรย ว่าถ้าข้าพเจ้าไม่อยากทำงานหนักๆตอนแก่ ก็ให้ยอมลำบากตั้งใจเรียนเสียแต่ตอนนี้ก็เท่านั้น แล้วก็ขยายความให้ข้าพเจ้าเข้าใจมากขึ้น ว่าทำไมถึงควรตั้งใจเรียน... และพ่อแม่ก็มักจะหยิบยกเรื่องราวของคนในครอบครัวที่ฝากความหวังไว้กับข้าพเจ้าขึ้นมาพูดเสมอๆ นั่นกระมังจึงเป็นแรงผลักดันให้ข้าพเจ้าเริ่มนึกถึงคนรอบข้างขึ้นมาอย่างจริงๆจังๆ
ในทัศนของข้าพเจ้าเห็นว่า การที่ข้าพเจ้าถูกคาดหวังเช่นนี้กลับทำให้เป็นเรื่องดีเสียอีก เพราะข้าพเจ้ารู้สึกว่าเพราะมีความคาดหวังค้ำจุนอยู่ชีวิตของข้าพเจ้าจึงดำรงอยู่อย่างมีความหมาย เพราะมีความคาดหวังข้าพเจ้าจึงสามารถยืนอยู่และหายใจอยุ่ได้ เพราะหากปราศจากความคาดหวังที่มีต่อตัวข้าพเจ้าแล้ว ชีวิตของข้าพเจ้าก้คงไม่ต่างกับคนจรจัด หรือหมาข้างถนน ที่ไม่มีแม้แต่คนจะชายามมอง ท่านว่าจริงไหม?... ดังนั้นข้าพเจ้าจึงคิดว่า ในเมื่อชีวิตมีความคาดหวัง ชีวิตก็ยังคงมีความหมาย ถึงแม้ชีวิตของเราจะเริ่มต้นจากศูนย์แล้วต้องจบลงที่ศูนย์ก็จริงอยู่ แต่กว่าที่มันจะไปถึงศูนย์นั้น ข้าพเจ้าจะขอเติมให้มันเต็มสิบก่อนก้แล้วกัน ก่อนที่มันจะกลับสุ่ศูนย์ ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจที่จะใช้เวลาอันมีค่าในชีวิตไปกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ตั้งใจอย่างเต็มที่ ข้าพเจ้าไม่อยากให้เวลาในชีวิตศูนย์ไปอย่างไรความหมาย และข้าพเจ้าก็คิดเสมอว่าทุกอย่างก้าวที่ข้าพเจ้าเดินนั้น ไม่ได้เดินไปคนเดียว อย่างน้อยก้เดินไปพร้อมๆกับบุพการีของข้าพเจ้า เดินไปพร้อมกับความคาดหวังที่ได้กลายมาเป็นพลังและเครื่องค้ำยันอย่างดีใชีวิตข้าพเจ้าทุกวันนี้ แต่ข้าพเจ้าก้ไม่เคยนำความคาดหวังเหล่านั้นมากดดันตัวเองเวลาล้มลง แต่ข้าพเจ้าเปลี่ยนมันมาเป้นแรงผลักดันต่างหากเล่า เพราะการดันกับการผลัก ผลลัพธ์ที่ได้มันต่างกันเยอะนักแล
และวันนี้ข้าพเจ้าคงต้องขอบคุณความคาดหวังเหล่านั้น ทีเกาะติดอยู่กับตัวข้าพเจ้ามาโดยตลอดไม่เคยไปไหน และเพราะมีความคาดหวัง..ข้าพเจ้าจึงมีวันนี้ได้ และเพราะมีความคาดหวัง..ข้าพเจ้าจึงมีชีวิตอยู่อย่างมีความหมาย ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงอยากชี้ให้ท่านมองไปรอบๆว่า ท่านไม่ได้เดินไปคนเดียว ท่านไม่ได้สู้อย่างโดดเดี่ยว ท่านไม่ได้ต้องทนอยู่คนเดียว ขอให้ท่านจงนึกไว้เสมอว่า เมื่อตัวท่านถูกคาดหวัง ท่านก็จงสร้างความหวังของตัวท่านเองตอบ เพราะตราบใดที่ท่านยังมีความหวังโปรดเชื่อเถิดว่านั่นจะทำให้ท่านไม่ต้องเป็นเยี่ยงคนจรจัด และความคาดหวังที่รายล้อมท่านจะเป็นเครื่องค้ำจุนท่านให้เดินทางไปสู้จุดสูงสุดของความหวังที่ท่านตั้งไว้ และไม่ว่าอย่างไรความคาดหวังที่ดี ไม่เคยทำร้ายท่าน ความคาดหวังนั้นจะช่วยโอบอุ้มท่ายามท่านล้มลงเสมอ และเมื่อท่านได้เดินเดินไปพบกับความหวังของท่านแล้ว ความคาดหวังเหล่านั้นก็จะได้รับการเติมเต็มและกลายไปเป็นเหมือนอวัยวะชิ้นสำคัญอีกส่วนในร่างกายท่านอย่างสมบูรณ์ อย่างที่มันเป็นมาเสมอ มันจะกลายไปเป็นกำลังใจให้ท่านยังคงมีแรงก้าวเดินต่อไปได้อีก และไม่ว่าท่านจะล้มลงหรือแม้แต่ในวาระสุดท้ายของชีวิตท่าน ความคาดหวังก็ยังไม่เคยจากไปไหน เมื่อถึงวาระสุดท้ายความคาดหวังสุดท้ายก็คือให้ท่านหลับให้สบาย ไปสู่สุขติภูมิ ภูมิที่มีแต่ความสุขนั่นแล
และทั้งหมดนี้ก็เป็นมุมมองต่อความคาดหวัง ที่มองในแง่บวกจากตัวข้าพเจ้าเอง เพราะข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนมีสองด้าน คือทั้งดีและชั่ว แต่ทั้งหมดอยู่ที่ตัวเราว่าเลือกที่จะมองจากมุมไหน เช่นข้าพเจ้าเลือกที่จะมองในมุมบวก เพราะมันจะทำให้ข้าพเจ้าใช้ชีวิตอยู่ในแง่มุมบวกได้อย่างไรเล่า แต่หากข้าพเจ้ามองในมุมกลับกัน ข้าพเจ้าคงต้องมีชีวิตอยู่ในแง่มุมลบๆอย่างแน่นอน ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเลือกที่จะมองสรรพสิ่งในแง่บวก แต่ก็ไม่ลืมที่จะนึกอยู่เสมอว่ายังมีข้อมูลอีกด้านที่ข้าพเจ้าต้องมอง และมองอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้มุมมองนั้นมาครอบงำข้าพเจ้าได้นั่นแล
แล้วท่านหล่ะมองเห็นสิ่งใดในความคาดหวัง
ความคิดเห็น