ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BATTLE ROYAL KOREA [ FT. SJ & SNSD ]

    ลำดับตอนที่ #6 : IN THE GAME : AWAKE : จากภวังค์

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ย. 53


    IN THE GAME : AWAKE : จากภวังค์

         ขณะนี้เป็นเวลา 18.00 น. ณ. เกาะร้างที่ไม่มีใครอยู่มานานหลายทศวรรตและได้ปรับปรุงไปแล้วบางส่วนโดยรัฐบาลเกาหลีใต้ ในปี ค.ศ. 2XXX

     

    : LEE TUEK MODE :

     

         “……” ตอนนี้โลกของผมดูมืดมิด ผมมองไม่เห็นอะไร และไม่รู้สึกอะไร ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน และ ผมคือใครทำไมผมจำไม่ได้ นั่น ! นั่นแสงอะไรหนะ

     

    วูบ ...

     

         อึก...ผมสะดุ้งลุกขึ้นมาจากการหลับไหลเมื่อครู่ ผมหลับนานไปเท่าไหร่กันเนี่ย

       เรามาทัศนาจรสินะ..ผมพูดกับตัวเองพลางสอดส่ายสายตาไปทั่วบริเวณที่จำได้ล่าสุดคือก่อนหลับผมยังร้องรำทำเพลงกับเพื่อนอยู่บนรถระหว่างทางทัศนาจร แต่..ที่นี่ไม่ใช่รถ ที่นี่มัน

         ที่ไหนกัน..ตอนนี้ภายใต้จิตใจผมเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว ผมสอดส่ายสาตาไปมาแม้จะมองไม่เห็นเนื่องด้วยตอนนี้รอบๆบริเวณนั้นมันมืดมิดเสมือนไปไฟไว้ แต่สักพักผมก็ชินกับความมืดภายในบริเวณนี้ และรู้ว่าที่ที่ผมอยู่ ณ.ตอนนี้คือที่ไหน มันคือห้อง ใช่ ! ต้องเป็นห้องสี่เหลี่ยมและเหมือนจะมีของระแกะระกะเต็มไปหมดบนพื้นห้องผและผมก็สังเกตุ สิ่งที่รูปร่างเหมือนมนุษย์นอนเกลื่อนกลาดอยู่เต็มพื้นที่นี้ ผมไม่รอช้ามานัก ผมลุกจากที่นั่งของตนเองเมื่อครู่ พยายามเดินไปเรื่อยโดนที่ยังไม่ชินทาง และผมก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่างเข้า ..

        เฮ้ย !!!!” ผมร้องด้วยความตกใจก่อนจะหน้าคมำลงไปที่พื้น..

          อึก..เฮ้ ! เดินดีๆหน่อยซิ !!”เสียงใครอีกคน น่าจะเป็นคนที่ผมสะดุดเมื่อครู่นั่นแหละโวยขึ้น ผมจำได้นี่เป็นเสียงของ คังอิน..

         นั่นคังอินหรือเปล่าผมถามขึ้นหลังจากที่ต้นเสียงทำท่าจะไม่พอใจผมน่าดูเชียว

         อืม ! ทำไมที่นี่มืดจังวะ..เสียงจากคน ที่ผมถามไปในความนั่นแหละเขาตอบรับผมและเค้าก็บ่นด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ไม่แปลกหรอกเพราะ นายคังอิน หนะเขาเป็นหนุ่มเจ้าอารมณ์นี่นา

    ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่ารอบข้างกายผมเริ่มขยับบ้างแล้วคิดว่าคงจะตื่นกันมาบ้างหลายคนเริ่มส่งเสียเอะอะโวยวายสันตะโร ส่วนแม่ผู้หญิงหลายนางที่กลัวความมืดก็วี๊ดว้าย เสมือนเจอผีป่าผีเขา..

        ที่นี่ไหนวะเนี่ย..” “กรี๊ดดด โอ๊ยทำไมมันมืดฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย

    หลายเสียงมากขึ้นทำให้ห้องนี้เริ่มดัง ดังขึ้นเรื่อย ตอนนี้ยังไม่มีใครตอบได้แน่ชัดว่าพวกเราอยู่ที่ไหนกันแน่ถึงอย่างนั้นก็คงต้องดูต่อไป ว่ามีใครมาช่วยเราจากห้องมืดๆนี่หรือเปล่า ผมภาวนาลึก ขอให้ใครก็ได้มาช่วยพวกเราออกไป

    แล้วเหมือนคำภาวนาขอผมจะเป็น หรือไม่นั้น เมื่ออยู่ดีๆ ไฟก็ถูกเปิดขึ้นภายในสถานที่ ที่ผมและใครอีกหลายคนอยู่ที่นี่        ขณะนี้สถานที่นี้สว่างแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ชินสายตามากเพราะผมคงอยู่ในความมืดนานพอสมควรและหลังจากที่ผมชินกับแสงสว่างจากหลอดไฟนั่นมากขึ้นทำให้เห็นว่า สถานที่ ที่ผมยู่ ณ.ตอนนี้มันมีลักษณะเป็นห้อง สี่เหลี่ยมคล้ายห้องเรียนที่โรงเรียนผม หรือผมจะกลับมาที่โรงเรียน ? แต่มันผิดสังเกตุไปตรงที่ โต๊ะมันระเกะระกะและเก่าจนแทบจะใช้ไม่ได้แล้วสำหรับบางตัว แล้วข้างหน้าห้องก้มีกระดานดำขนาดใหญ่ ที่คาดว่าคงไม่ได้ใช้งานมาหลายปีแล้ว มุมห้องทางขวามือถัดจากกระดานมีโต๊ะและทีวีเก่าๆเครื่องหนึ่งวางอยู่เช่นเดียว แล้วก็ที่มุมห้องฝั่งซ้ายมีประตูไม้เก่าๆ น่าจะเป็นประตูทางออกหนะนะ และรอบห้องก็จะมีหน้าต่างที่ถูกม่านปิดไว้อยู่ โดยรวมห้องนี้มันห้องเรียนร้างดีๆนี่เอง แล้วทำไมผมและเพื่อๆ ถึงมาอยู่ที่นี่หละ ..

     

    ผมมองไปรอบๆ เห็นบางคนยังหลับคาซากโต๊ะอยู่เลย ขี้เซากันจริงพวกนี้ บางคนก็ทำท่างงๆ เช่นเดียวกับนี่หละ..

    เฮ้ ! ทึกกี้..นี่ที่ไหนกันเนี่ยเสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้ผมที่คิดอะไรเพลินกับการดูห้องนี้อยู่ถึงกับสะดุดและหันไปหาต้นเสียงที่ถามผมเมื่อครู่..ทึกกี้ชื่อเล่นผมเองเพื่อนๆชอบเรียกผมอย่างนี้แหละ

     

    ต้นเสียงที่ถามผมเมื่อครู่ไม่ใช่ใครอื่น คิม ฮีชอล หนุ่มหน้าสวยประจำห้องเขาคนนี้ป๊อปมากในหมู่สาวๆและหนุ่มๆ แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นเขาคนนี้ควงกับใครสักทีหรือว่าเขาจะมีแฟนแล้วนะ ผมได้แต่หัวเราะในใจนี่หละ

    ไม่รู้สิ..ตื่นมาก็มาอยู่ที่นี่แล้วหนะ..ผมตอบไปตามจริงซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมอยู่ที่ไหนและชะตากรรมในภายภาคหน้า หรือ ในไม่กี่ชั่วโมง ไม่สิ นาที หรือ วินาที ข้างหน้านี้จะเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ

    ฮีชอล ได้คำตอบจากผมก็ไม่ได้ถามอะไรต่อได้เพียงพยักหน้าแล้วเดินไปหาเพื่อนสนิทของเขา

    ชเว ซีวอนผมคิดว่าสองคนนี้เหมาะที่จะเป็นแฟนกันดีนะ..เจ้าหญิง เจ้าชาย ...

     

    : LEE TEUK END :

     

    ขณะที่นักเรียนหลายคนเริ่มลุกขึ้นมานั่งและตั้งสติได้แล้ว เสียงภายในห้องที่เคยรกร้างแห่งนี้ก็ดังเซ็งแส่ขึ้นมาถนัดตาจากที่เคยเงียบและหลับไหลอยู่นาน แต่เสียงนักเรียนเหล่านั้นหาได้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและรื่นเริงไม่ หากมันแต่เป็นเสียงที่ตื่นตระหนกว่า ต่อไปในไม่อีกวินาทีข้างนี้จะเจออะไร

     

    ภายในห้องเรียนร้างเก่าซึ่งมีโต๊ะวางระเกะระกะนี้มีนักเรียนที่เคยหลับไม่รู้สึกตัวอยู่ในนี้ แต่ตอนนี้ทุกคนเริ่มรู้สึกตัวแล้วหลายคนทำท่าทางกลัว หลายคนยังคงคิดว่านี่เป็นแค่เกมของการทัศนาจรเท่านั้น และหลายคนไม่คิดหัวสมองว่างเปล่า หากแต่มันจะเกิดอะไรก็คงต้องพร้อมรับมือ

     ขณะนี้หลายคนเริ่มหาหนทางเอาตัวรอดแล้ว หลายคนไปแหวกม่านดูพอเพียงหน้าต่างบานเลือดที่เป็นกระจกแต่พอมองออกไปก็พบเพียงความมืดและหน้าต่างอย่างไรก็เปิดไม่ออก หนึ่งในสมาชิกกลุ่มนักเรียนที่มีนิสัยเลือดร้อน คิม ยอง อุน หรือ คังอินเริ่มไม่ไหวกับเหตุการณ์ในห้องเรียนเน่าแห่งนี้แล้วเขาตรงดิ่งไปที่ประตูไม่เก่าๆ หน้าห้องของห้องนี้ เขาบิดที่กลอนประตูมันก็ไม่เกิดผลอะไร ใช่มันถูกล๊อกจากภายนอกน่าแปลกใจที่ประตูไม้แห่งนี้มันช่างแข็งแรงถึงแม้สภาพของมันจะดูคร่ำครึก็เถอะ !

            อะไรวะเนี่ย..นี่กูมาติดอยู่ที่ไหนวะนู่นก็ออกไม่ได้นี่ก็ออกไม่ได้คังอินหนุ่มเลือดร้อนเริ่มรู้สึกโมโหเลือดขึ้นหน้าเมื้อทำอย่างไรประตูนั้นก็ไม่มีทางเปิดออกให้เขาไปสู่อิสระภาพเสียที

                    เฮ้..ใจเย็นๆ น่าคังอิน เดี๋ยวก็คงมีคนมาช่วยนั่นแหละครูคงไม่ปล่อยให้พวกเราติดอยู่ที่นี่จนแห้งตายหรอกน่า !”อีทึก เด็กหนุ่มอีกคนในห้องเดินมาตบไหล่พลางพูดปลอบหนุ่มอารมณ์ร้อน

     

    แก๊ก !!    

     

    เหมือนประตูจะถูกปลดล๊อกทุกคนหันไปที่หน้าประตูเป็นเสียงเดียวกันไม่นานประตูก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นชายร่างใหญ่ ซึ่งทุกคนในนี้คุ้นหน้ากันดี เขาคือ อดีตประธานาธิปดีของเกาหลีเมื่อเขาเดินเข้าและเห็นคังยืนขวางประตูอยู่โดยมีเพื่อนหนุ่มอีกคนยืนอยู่ข้างๆ ชายผู้มีอายุกว่าที่เพิ่งเข้ามาใหม่ก็ผลักคังอินจนกระเด็นลงไปกองที่พื้น

    ด้วยสัญชาติญาณของนักเลง ในตอนนั้นเหมือนมันย่ำศักดิ์ศรีชายหนุ่มเลือดร้อนอย่างเขายิ่งเขาไม่รอช้าหรอกกระเด้งตัวขึ้นไปเหมือนติดสปิงไม่พูดพร่ำทำเพลงกับ ชายสูงอายุกว่า ที่ผลักเขาเมื่อครู่ ง้างมือทำท่าจะต่อยแต่ก็ต้องชะงัก เมื่ออยู่ ๆ กระบอกปืนก็มาหยุดอยู่ที่หน้าเขา โดยห่างจากปลายกระบอกปืนที่ว่าไม่กี่เซ็น

    หญิงสาวในห้องหลายคนที่เห็นปืนมาจ่อหน้าเพื่อนชายดังนั้นต่างพากันกรีดร้องเป้นศัพท์

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดด อะไรหนะ ทำไมต้องใช้ปืน นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันเนี่ยเสียงของเด็กสาวในห้องที่เริ่มหวาดกลัวเริ่มวิจารณ์และบางคนกลัวจนถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ มีเพียง 1 สาวที่ไม่ตื่นตระหนกอะไรเธอมีเพียงหน้าเฉยเมยที่มองดูกระบอกปืนที่จ่ออยู่หน้าเพื่อนร่วมห้องของเธออยู่ เธอมองแบบไร้ความรู้สึก เธอเป็นคนใจเย็น หรือเลือดเย็นกันแน่นะ ชเว ซูยองเด็กสาวที่นั่งอยู่มุมห้องได้เพียงแค่นั่งมองนิ่งๆเท่านั้น

                    ตอนนี้คังอินเริ่มเป็นฝ่ายถอยไปเองเพราะยังไม่อยากทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่แม้จะไม่รู้ก็เถอะว่าปืนนั้นมันของจริงหรือปลอมแต่เขาก็ไม่ขอเสี่ยง..

    ชายสูงอายุที่มีใหม่เดินเข้าไปยืนอยู่หน้าห้อง พร้อมด้วยทหาร เดินตามเข้ามาอีก 6 คนโดยทุกคนมีปืนและอาวุธครบมือเปรียบเสมือนพร้อมรบอย่างไงอย่างงั้น

    ซึ่งนั้นทำให้หญิงสาวหรือแม้แต่ชายหนุ่มบางคนเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว ภายในจิตใจเริ่มนึกคิดไปต่างๆนานาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้มันจะป็นอย่างไง เขาจะตายหรือไม่ หลายคนเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงดังหลายเสียงมากขึ้นทำให้ห้องกลับมาดังอีกครั้ง และมีทีท่าว่าจะดังขึ้นเรื่อย ๆ

     

    ปัง !!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

    เสียงปืน จากกระบอกของ ชายหนุ่มผู้สูงอายุอดีตปรานาธิปดีดังขึ้นทำให้ห้องที่เสียงดังเมื่อครุ่เงียบลงได้ถนัดตา

    พวกแกจะโวยหาอะไรกัน..แกรู้แล้วหรอว่าแกมาที่นี่ทำไม !!!!! ฮะ !!” ชายสูงอายุเริ่มพูดและกระแทกเสียงหนักให้ดูน่ากลัว

    แล้วเราอยู่ที่ไหนหละ คะ..เด็กสาวหนึ่งในกลุ่มนักเรียนซึ่งเป็นคนกล้าแสดงตอนอยู่โรงเรียนอย่าง คิม แทยอนถามขึ้นแม้ว่าตัวยังสั่นงกๆ อยู่ก็ตาม

    ถามก็ดี แต่ยังไม่ขอตอบคำถามเธอ คิมแทยอน..ชายคนเดิมเริ่มทำเสียงเบาลงแต่กลับดุมีเลสนัยมากขึ้นกว่าเดินยิ้มกรุ่มกริ่ม

    เอาหละ..เดี๋ยวมันจะเสียเวลาการแข่งขันของเรา..ชายคนเดิมยังพูดต่อแต่กลับมีเสียงแทรกขึ้นมาบ้างเป้นปลายเสียงด้วยความสงสัย ว่า แข่งขันอะไร เขามาทัศนาจร มิใช่หรือ ?

    เงียบ..ฟังสิ ขอต้อนรับเข้าการแข่งขันเฟ้นหา ประชากรผู้มีค่าแห่งเกาหลี BATTLE ROYAL KOREA” ชายหนุ่มคนเดิมว่าจบก็ปรบมืออยู่คนเดียวเปรียบเสมือนเปิดรายการเรียลริตี้โชว์ไม่มีผิด

    รายการที่จะหา บุคลากร ที่เหมาะสมในการใช้ชีวิตอย่างมีค่าในเกาหลี ซึ่งเสรษกิจบ้านเมืองตกต่ำอยู่อย่างนี้

    เริ่มสงสัยแล้วหละสิว่านี่มันอะไรกันแน่ นี่เป็นหลักสูตรวิชา ซึ่งเป็นกฎหมายข้อบังคับฉบับใหม่จากรัฐบาลให้ทุกคนได้เรียนวิธีการอยู่รอด และรักษาชีวิตจากอันตรายอย่างไหร่หละ..

    ชายคนเดิมยังคนพูดต่อและยิ้มกรุ่มกริ่มอยู่คนเดียวโดยรอบๆมีเด็กนักเรียนหลายชีวิตนั่งฟังด้วยความตั้งใจและตื่นตระหนกในเหตุการณ์

    เอาเป็นว่า สั้นๆ ง่ายๆ แล้วกัน วิชานี้ มีสโลแกนว่า.. วิชานี้ไม่มีกฎตายตัว แค่รักษาอย่าให้ตัวตายและฆ่าได้ไม่จำกัดวิธี ..

    เพราะสโลแกนบ้าๆ นี่แหละทำให้ เด็กหนุ่มผู้ท่าทางฉลาดและดูเป็นคุณหนู เพรียบพร้อมด้วยใบหน้าที่หล่อเหลา อย่าง ชเว ซีวอนเริ่มสงสัยขึ้นมาจึงลุกขึ้นยืนถาม..

    ฆ่า ได้ไม่จำกัดวิธี เราต้องฆ่าคนงั้นหรอกครับซีวอน ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบและสุภาพแม้ภายในจิตใจจะแอบกลัวอยู่บ้างก็เถอะ

    แน่นอน ไม่ใช่ฆ่าใครคนอื่นคนไกลหรอก..ฆ่าเพื่อนแกนั่นแหละเอาเป้นว่าพวกแกต่างหากที่ต้องฆ่ากันเอง วะฮ่า ฮ่า ..ชายหนุ่มสูงอายุตอบจบก็หัวเราะดังสนั่นด้วยความชอบใจ ที่จะเห็นว่า พวกเด็ก ๆ ฆ่ากันเอง ซีวอนได้รับคำตอบถึงกลับมาหน้าเสียไปครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาสงบใจไว้ให้เป็นปกติเหมือนเดิมพร้อมเอ่ยต่อ


            “
    นี่คุณอย่ามาพูดเล่น..เราไม่มีทางฆ่ากันเองอยู่แล้ว..

    นายดูมั่นใจนะซีวอน..นายลองคิดดู ๆ ดีๆ เมื่อได้ฟังกติกาก็แล้วกัน..ก่อนจะเข้าสู่การเอ่ยกติกาทั้งหมดขอเกริ่นนำสักเล็กน้อยแล้วกันว่า หากพวกแกไม่ฆ่ากันเอง พวกแกก็ต้องตายพร้อมกันทั้งหมด และสิ่งที่ทำให้พวกแกตายก็นั่นหนะ ปลอกคอสุดหรูนั่นแหละ..ที่คอพวกแกทุกคน

    ทันทีที่ชายสูงอายุคนเดิมพูดจบ ทุกคนในห้องเว้นเพียงทหารก็เอื้อมมือไปจับที่คอของตนเองก็พบกับปลอกคอที่ว่านั้นจริงๆหลายคนพยายามดึงออก แต่ก็ไม่เป็นผล

    นี่มันอะไรกันแน่มันชักจะยังไง และ ต้องมาฆ่ากันเองมันอะไร หลายสมองเริ่มสับสนหรือนี่จะเป็นการเซอร์ไพร์จากครูที่ปรึกษากันแน่... TO BE CONTINUE ++ ++


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×