ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    God Trader

    ลำดับตอนที่ #3 : Trade 3 พ่อค้าสุดซวย

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 56


    It is fair to judge people only in their best light. จะตัดสินผู้คนโดยยุติธรรมได้ก็ต่อเมื่อมีแสงสว่างเพียงพอเท่านั้น

    นี่มันเรื่องเวรอะไรกันวะ ไอ้กัลโลเอ๋ย

    ว่าแล้วเชียว พวกเลดี้ชอบก่อเรื่องเสียจริง บอกแล้วว่าอย่ารับงานของพวกชนชั้นสูง เป็นไงล่ะ เป็นไง ไอ้กัลโล!!

    “โว้ย! ยุ่งยากที่สุด ยุ่งยากและยังเหนื่อยอีก!!

    เสียงโวยวายดังลั่นมาจากชายหนุ่มผมแดงที่กำลังวิ่งสุดกำลังอยู่ภายในป่าทึบ ข้างๆเป็นธีโอที่วิ่งคู่กันมาด้วยความเร็วไม่ต่างกันแต่ใบหน้าของคนวิ่งนั้นเรียกได้ว่าเฉื่อยสนิทสวนทางกับความเร่งของฝีเท้า

    “วิ่งเข้าเถอะ ถ้าลึกกว่านี้เด็กคนนั้นได้ลำบากแน่”  ธีโอตอบเสียงเรียบ ก่อนจะวิ่งเปลี่ยนทิศไปทางซ้ายมิอซึ่งกัลโลก็วิ่งตามธีโออย่างไม่ลดละเช่นกัน ภายในป่าที่รกเต็มไปด้วยไม้ยักษ์นานาพันธุ์ ซึ่งเป็นป่าอยู่ในเขตมอร์ทัลถัดจากชายแดนฟรอนเทียร์เข้ามาเล็กน้อย

    สิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องใส่เกียร์หมาวิ่งเข้ามาสุดกำลังเนื่องมาจากตอนเช้าได้รับข่าวที่แสนจะร้ายสุดๆมาจากผู้ว่าจ้างไม่สิ มาจากพ่อบ้านของผู้ว่าจ้างที่วิ่งร้องไห้ฟูมฟายมาทุบประตูร้านจนแทบจะพังตั้งแต่เช้าตรู่

    “คุณพ่อค้าครับ! กรุณาช่วยกระผมด้วย กรุณาด้วยเถอะครับ!!

    เมื่อเปิดประตูออกมาก็เจอตาแก่วัยกลางคนถลาตัวเองเข้ามาเกาะแข้งเกาะขาหนุบหนับในขณะที่คนโดนเกาะยังอยู่ในสภาพเมาขี้ตาอยู่

    “มันอะไรกันลุง” กัลโลเอ่ยอย่างหัวเสีย แต่ก็ต้องหัวใจแทบวายเมื่อเห็นหน้าของพ่อบ้านตระกูลเลออนฮาร์ท

    “ช่วยด้วยครับ! คุณหนูหนีไปแล้ว!” โจชัวฟูมฟายน้ำตาไหลพราก

    “อ่าหนีไปไหนล่ะ ใจเย็นๆสิลุง” คนผมแดงพูดพลางแกะตาลุงออกจากขาของตัวเองไปด้วย

    “นี่ครับ ฮึกๆ” โจชัวสูดน้ำมูกของตัวเองแล้วหยิบกระดาษจดหมายออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตัวเองส่งให้ชายหนุ่มตรงหน้า

    ถึง โจชัว

    ฉ้นจะล่วงหน้าไปรอพวกคุณพ่อค้าที่ทางเข้าหุบเขาโหยหวน สบายใจได้ ฉันแค่รอเฉยๆยังไม่เข้าไปหรอก จากแผนที่ของมอร์ทัล มีเมืองที่อยู่ใกล้ๆ ฉันจะไปซื้อของและแวะพักที่นั่นจนกว่าคุณพ่อค้าจะผ่านมา ฝากบอกเขาด้วยว่าให้มารับฉันที่เมืองท่า กรีนทัซ

    ปล. ถ้าเขาไม่มารับภายในสามสี่วันที่ตกลงกันไว้ ฉันจะเข้าไปในหุบเขาโหยหวนทันที และถ้าฉันเป็นอะไรไปขอให้ถือว่าเป็นความผิดของคุณพ่อค้า ฝากแจ้งความที่กองทหารม้าด้วย

    ปล.2 ฉันเอาจริงนะ

    เลดี้ อาเรียน่า อเล็กซ่า เลออนฮาร์ท

                    “อะไรวะ” กัลโลพึมพำงงๆ “มันหมายความว่าไงลุง ยัยเลดี้นี่ท่าจะเพี้ยน”

    พูดแล้วก็โยนจดหมายส่งคืนคนเก่าอย่างไม่แยแส โจชัวเห็นท่าทางของกัลโลแบบนั้นยิ่งใจเสียวิ่งถลามากอดทั้งตัว ซึ่งแน่นอนหนุ่มน้อยบริสุทธิ์ย่อมโวยวายลั่น

    “ไม่นะครับ คุณต้องไปช่วยคุณหนูนะ ที่นั่นมันมอร์ทัลนะ เขตมอร์ทัล! คุณหนูน่ะเป็นGod blood อยู่ในเขตนั้นอันตรายที่สุด”

    “ก็รู้ดีนี่หว่า แต่ทำไมไม่เฝ้าให้ดีๆล่ะ” กัลโลหาววอด แต่ก็ได้รับคำตอบที่ยาวยืดปนเสียงฟูมฟายฟังไม่รู้เรื่อง

    “อ่ะๆ จะไปรับให้ก็ได้ ที่กรีนทัชใช่มะ เดี๋ยวรับมาส่งที่เขตชายแดน โอเคนะ เอ้า ไปได้แล้ว รบกวนเวลานอน”

    กัลโลตัดบทอย่างรำคาญใจ วุ่นวายและยุ่งยากกันจริงๆ แต่ดูเหมือนโจชัวยังไม่ยอม เขายังคงเกาะชายหนุ่มไม่ปล่อย

    “คุณไม่ไปเดี๋ยวนี้เหรอ!

    “ก็บอกว่าต้องเฝ้าร้านไง รออีกคนกลับมาก่อน เอาน่าอีกสามสี่วันก็กลับมาแล้ว”

    “แต่ผมเป็นห่วงคุณหนูใจจะขาดแล้วนะ”

    “นี่ กรีนทัชน่ะเป็นเมืองท่าของมอร์ทัล มีมนุษย์ธรรมดาอาศัยเยอะแยะ ไม่อันตรายเท่าไหร่หรอกน่า”

    “แต่ทางผ่านอันตราย” ครานี้เป็นเสียงเนือยๆออกมาจากปากบุรุษผมขาวโพลนที่ยังคงนอนคว่ำหน้าอยู่บนโซฟายาวตัวเก่า เขาตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงโวยวายจากหน้าร้านและพอจะได้ฟังคร่าวๆ ที่จริงกรีนทัชเป็นเมืองท่าน่าเที่ยวขึ้นชื่อของมอร์ทัล มีสินค้าอาวุธเครื่องประดับมากมายจากเขตต่างๆ เขาเคยไปบ่อยครั้งจากการที่ต้องไปส่งออเดอร์ให้ร้านค้าต่างๆ จนมีคำขวัญสุดฮิตติดหูประจำเมือง

    กรีนทัชสุดตระการ งานเก่งทำอาวุธ ชุดเกราะสุดเทพ โคตรเมพเรื่องค้าประเวณี

    “อะไรของแกวะ” กัลโลถามส่วนโจชัวสติแตกไปเรียบร้อยแล้ว

    “ได้ข่าวว่าละแวกนั้นมีกองโจรดักซุ่มอยู่เมื่อไม่นานมานี้เอง” ธีโอพูดเสียงอู้อี้ “ผมทองขายได้ราคาดี”

    “นั่นไง! โฮ ไปเดี๋ยวนี้เลยนะครับ ไปกันเลย ถ้าพวกคุณไม่ไปกระผมจะนำเรื่องนี้ไปบอกทหารอัศวินให้หมด บอกว่าพวกคุณค้าของหนีภาษี แถมยังรับซื้อของโจรด้วย” โจชัวปากยื่นปากยาว ทำเอากัลโลหน้ากระตุกพลางกระซิบเสียงรอดไรฟัน

    “แกรู้ได้ไงวะ”

    “กระผมสืบมานิดหน่อยครับ”

    “โถ่โว้ย เอาไงดีธีโอ” กัลโลหัวเสียหันไปถามธีโอที่สวมเสื้อโค๊ดพร้อมสะพายดาบไว้ด้านหลังเรียบร้อยแล้ว

    “ไปเถอะ เดี๋ยวจะแย่เอา การช่วยหญิงสาวเป็นหน้าที่ของฮาร์ทบอยไม่ใช่เหรอ” ธีโอตอบเสียงเย็นๆพร้อมโยนเสื้อโค๊ดสีน้ำตาลและกระเป๋าหนังใส่ปืนคู่ให้พี่ชายตัวเอง กัลโลรับมาอย่างเสียไม่ได้ “รู้แล้วน่า ลุงไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวจะเป็นตัวถ่วงซะเปล่าๆ”

    ธีโอเป็นคนที่วิ่งนำหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ กัลโลที่ยืนหัวเสียล็อคประตูพร้อมกับตะโกนคุยกับของตัองสาปไปด้วย

    “นี่พวกนาย ฝากเฝ้าร้านด้วยนะ ถ้าพี่กลับมาก็บอกว่าฉันไปหาสินค้าที่หุบเขาโหยหวน เฮ้ย ธีโอ รอด้วยสิวะ คึกอะไรของมัน”

    กัลโลออกวิ่งตามน้องชายที่ล่วงหน้าไปไกลแล้ว ทางด้านโจชัวก็มองทั้งสองจนลิบตาและในใจก็ภาวนาให้คุณพ่อค้าหาเลดี้เจอและขอให้เลดี้ปลอดภัย

    “เฮ้ย วิ่งช้าๆหน่อยสิวะ แกจะรีบไปไหน กรีนทัชไม่หนีไปไหนหรอกน่า” กัลโลกระโดดตัวลอยมาจากต้นไม้ลงมาวิ่งข้างๆกับธีโอที่วิ่งอย่างไม่หยุดพัก

    “ตะกี้ ฉันถามพวกพิกซี่ที่ข้างทางมาแล้ว พวกเธอบอกว่าเจอหญิงGod blood ผ่านไปได้ราวๆสองสามชั่วโมงก่อน

    “ป่านนี้ก็คงถึงกรีนทัชแล้วน่ะสิ” กัลโลกล่าว

    “ไม่ เหมือนเธอจะยังไม่ถึง เธอหลงทาง”

    “หา! หลงทาง” กัลโลพูดพลางแค่นหัวเราะ ขนาดทางไปกรีนทีชที่ง่ายๆยังหลงทางเลย แล้วยังคิดจะเข้าไปในหุบเขาโหยหวนตามลำพัง แบบนี้จะเรียกว่าโง่หรือบ้าดี

    “อืม เหมือนจะหลงไปทางหมู่บ้านโจรเสียด้วย”

    สิ้นสุดคำพูดของหนุ่มหน้าปลาตาย ดวงตาสีน้ำเงินแทบจะถลึงออกมานอกเบ้า นอกจากจะไปไม่ถึงกรีนทัชแล้วยังเจ๋อไปหมู่บ้านโจรอีก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ ว่าแล้วเชียว ว่าแล้ว ทำไมพ่อถึงเตือนว่าอย่าไปรับงานพวกเลดี้ ที่แท้มันก็เพราะแบบนี้นี่เอง ซวยจริงอะไรจริงไอ้กัลโลเอ๊ย

    ในขณะที่พวกพ่อค้ากำลังวิ่งวุ่นอยู่นั้น เลดี้สาวก็กำลังเดินไปตามทางในแผนที่ในมือ ซึ่งแน่นอนว่ามันคนล่ะทิศล่ะทางกันเลยทีเดียว ชุดคลุมตั้งแต่หัวจนถึงปลายเท้าเปิดมาให้เห็นแต่หน้าตาช่วยปกปิดตัวตนของเธอไปได้เยอะ ร่างเล็กๆของเธอเริ่มเหนื่อยอ่อนและรู้สึกโมโหขึ้นมาเรืองๆ ไหนคนขายแผนที่บอกว่าเดินทางไปกรีนทัชโดยเท้าใช้เลาประมาณสองสามชั่วโมง อีกทั้งเส้นทางก็ไม่ได้ยากลำบากอะไร แต่เหมือนว่าการที่เธอยิ่งเข้ามามันกลับยิ่งดูเดินลำบากขึ้นตอนแรกเป็นทางปูด้วยหินขัด แล้วก็มาเป็นทางเดินดินแคบๆ จากนั้นก็เป็นพื้นหญ้ารกตามมาด้วยแม่น้ำ หุบเขาลึก แต่เธอไม่ย่อท้อหรอกนะ เขาบอกว่ามอร์ทัลนั้นเป็นดินแดนอันตรายและการเดินทางนั้นยากลำบาก ยิ่งลึกก็ยิ่งอันตราย เธอจะต้องผ่านไปให้ได้ ไม่เช่นกันพวกคุณพ่อค้าไม่ยอมให้เธอตามไปด้วยแน่

    “หืมตรงนั้นมีควันไฟขึ้นด้วย หรือว่าจะถึงแล้วนะ” ใบหน้าหวานยิ้มกว้างอย่างมีความหวัง ในใจก็กระหยิ่มยิ้มย่องในตัวเองที่สามารถเดินทางในเขตมอร์ทัลได้ตัวคนเดียว

    “โถ่เอ๋ย ไม่เห็นจะเท่าไหร่นี่นา ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเรายังผ่านมาได้เลย” สาวน้อยเดินข้ามสะพานไม้ไปยิ้มไป แต่แล้วอยู่ดีๆสะพานก็สั่นเหมือนมีคนกระโดดลงมา เลดี้อาเรียหันรีหันขวางอย่างสับสน ดวงตาสีทองเปิดกว้างเมื่อมีบางสิ่งบางอย่างเข้ามาจู่โจมเธออย่างรวดเร็ว

    เสียงกรี๊ดของหญิงสาวดังลั่นแต่ก็ถูกมือใหญ่อุดปากไว้ บุรุษสามสี่คนล้อมหน้าหลังของสะพานไม้ มีดเล่มใหญ่จ่อคอระหงของสาวน้อยโดยชายนเดียวกับที่ใช้มืออุดปากของเธอไว้

    “แกเป็นใคร! เข้ามาที่นี่ได้ยังไง!” เสียงเข้มคร้ามของชายที่ใช้ผ้าโพกหน้าเอาไว้ทำเอาเลดี้สาวหัวใจกระตุกวาบ

    “ฉันถาม ก็ตอบ!

    “เอ่อ...เรา...เราจะเข้าไปในกรีนทัช ทำไมท่านทำอย่างนี้ ไหนบอกว่าผู้คนที่กรีนทัชเป็นมิตรกับคนจากจัสติน่านี่”

    เจ้าโจรโพกหน้าขมวดคิ้วแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนๆที่ยืนจดๆจ้องๆอยู่

    “โกหก! ใครส่งเจ้ามา ทหารม้า? อัสวินหรือ!

    “ไม่มีใครส่งเรามา เอ๊ะ ปล่อยเรานะ เราแค่เข้ามาในกรีนทัชแบบนักท่องเที่ยว ทำไมทำกับนักท่องเที่ยวแบบนี้” หญิงสาวพูดกล้าๆกลัวๆ ก็ใบมีดที่มาจ่อจอนั้นมันดูคมกริบจนน่าหวาดเสียว

    “ท่องเที่ยวอะไรวะนังนี่ หมู่บ้านโจรมีอะไรให้ท่องเที่ยว! อย่ามาโกหกข้า” เจ้าโจรตวาดเสียงดังลั่นก่อนจะกระชากผ้าคลุมหน้าของหญิงสาวออก ซึ่งเมื่อเห็นใบหน้ารวมทั้งลักษณะโดยรวมของอาเรียแล้ว เจ้าโจรต่างพากันตกอกตกใจเผลอผลักเลดี้สาวให้ไกลจากตัวเหมือนของร้อน

    “เฮ้ย ยัยนี่มันพ...พวก God blood ป่ะวะ”

    “เออนั่นสิ ผมสีทอง ตาสีทอง ใช่ว่ะ”

    “งั้นก็อัศวินหรือจอมเวทย์น่ะสิ น่ากลัว” เจ้าโจรหน้าเถื่อนพากันถอยกรูด แต่หญิงสาวที่โดนผลักขมวดคิ้วงงๆ พวกนี้ไม่เคยเห็น God blood รึไง และอีกอย่างเธอไม่ได้เป็นอัศวินเสียหน่อย จอมเวทย์ก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น แค่ใช้เวทย์ได้นิดๆหน่อยๆเท่านั้น

    “แต่ยัยนี่ไม่มีอาวุธนะ” ชายอีกคนพูด

    “เฮ้ย อย่าโง่น่า พวกนี้มันมีเวทย์ในตัว ใช้เวทย์โดยไม่ต้องผ่านอาวุธได้” อีกคนแย้งเสียงสูง

    “งั้นก็เหมือนพวก Wicth blood อ่ะดิ แหม่ง อะไรกันวะ”

    “ไอ้โง่ เขาว่าพวกGod bloodมีพลังเวทย์สูงและใช้เวทย์ได้หลากหลายมากกว่า อันตรายกว่าพวกเลือดแม่มดนั่นอีก”

    พวกโจรหนุ่มพากันพูดเสียงระงมกล้าๆกลัวๆไม่รู้จะทำยังไงดี ทั้งๆที่ปกติก็ไม่มีใครเข้ามาได้อยู่แล้ว แต่ยัยนี่ก็เข้ามาได้ แสดงว่าเป็นคนมีฝีมือพอตัว เลยกล้าๆกลัวๆที่จะเข้าใกล้เลดี้อาเรียน่า

    “เอ่อ เราเข้าไปในกรีนทัชได้รึยัง”

    “ยัยบ้า! ที่นี่ไม่ใช่กรีนทัช มันคือหมู่บ้านโจรต่างหาก กรีนทัชมันอยู่คนล่ะทางเลยโว้ย”

    “ไอ้โง่ แกไปบอกมันทำไมว่าที่นี่เป็นหมู่บ้านโจร เดี๋ยวได้ชิบหายกันยกหมู่บ้านหรอก” โจรอีกคนตวาดเสียงขม แต่ดูเหมือนอาเรียน่าจะเหวอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นี่เธอหลงทางหรือนี่ ว่าแล้วเชียวว่าทิศตะวันออกอยู่ซ้ายมือนี่เอง เธอดูแผนที่สลับกันทุกทิศ แถมยังเข้ามาในหมู่บ้านโจรอีก แบบนี้มีแต่ตายกับตาย แต่ว่าพวกนี้ดูเหมือนจะกลัวเธออยู่ไม่น้อย ไม่แน่แค่ขู่มันอาจจะหนีกระเจิงก็ได้แล้วพอมันเผลอค่อยหาทางหนีดีกว่า

    “น...นี่ ไปให้พ้นหน้าเรานะ ไม่งั้นเราจะจัดการพวกเจ้าแน่”

    ได้ผล พวกโจรถอยหลังไปตั้งหลักและดูระแวดระวังมากขึ้น หญิงสาวยิ้มอย่างมีชัย แต่ก็ได้แวบเดียวนั่นแหละเมื่อเห็นสิ่งต่อไปที่โจรกำลังจะทำ

    “ถึงต้องแลกด้วยชีวิตก็ต้องจับมันไว้ มันรู้ที่อยู่ของหมู่บ้านเราแล้วมันอาจพาคนมาจับพวกเรา” เจ้าโจรตวาดลั่นพร้อมทั้งหยิบดาบที่เหน็บอยู่ที่เอวออกมา ดาบสีเงินวาววับทำเอาสาวน้อยกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ ก่อนจะเตรียมหันหลังหนี แต่ก็โดนโจรอีกคนถีบยันให้ล้มลงไปกองกับพื้นสะพานอีกครั้ง เจ้าโจรฟาดดาบลงมาหวังเอาชีวิตสาวน้อยแต่ว่าหญิงสาวนั้นได้ท่องมนตร์เอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ไลท์ชิลด์ เวทย์มนตร์พื้นฐานง่ายๆสายแสงสว่าง บาเรียบางๆมากันคมมีดของเหล่าโจรเอาไว้ ซึ่งกันได้เพียงการฟันแค่สองสามทีแรก เกาะอ่อนก็แตกกระจาย เมื่อเห็นแบบนั้นเหล่ากลุ่มโจรก็ยิ้มออกมาก่อนจะง้างหวังปลิดชีวิตสาวน้อยผู้มีสายเลือดสูงส่งอย่างไม่เกรงกลัวพระเจ้า

    แต่อยู่ดีๆแขนขาก็ขยับไม่ได้ ความชาบริเวณปลายประสาทลามมาชาทั้งขาและแขน ความเย็นที่พัดวูบเข้ามาเมื่อครู่มันส่งผลให้พวกโจรหวาดวิตกขึ้นมา ดวงตาเหลือบมองร่างของเพื่อนและตัวเองที่กำลังโดนแช่แข็งทีล่ะน้อยอย่างตกใจ มันเกิดอะไรขึ้น เขากำลังโดนสาวน้อยคนนี้เล่นงานใช่หรือเปล่า แต่สาวน้อยตรงหน้ากลับไม่ได้ทำอะไรเลย เธอเพียงยกมือขึ้นป้องหน้าตัวเองด้วยความหวาดกลัวเท่านั้น แล้วมันใครกัน ใครที่ใช้เวทย์น้ำแข็งซึ่งเป็นเวทย์ธาตุ มันมีพวกมาอีกหรือ God bloodหรือพวกจอมเวทย์มนุษย์ที่ใช้อาวุธธาตุกัน!

    ร่างเล็กของสาวน้อยตรงหน้าถูกฉกอุ้มไปอย่างรวดเร็วโดยชายหนุ่มผมสีแดงใบหน้าหล่อแต่แววตากลับเครียดขึง เสียงหอบของเขาและเหงื่อที่ไหลท่วมบ่งบอกได้ดีว่าเขาเร่งรีบมากแค่ไหน

    อาเรียที่ถูกจับพาดเอาไว้ที่บ่าก็ลืมตาขึ้นก็พบกับเส้นผมสีแดงที่ดูยุ่งเหยิงและความเปียกขึ้นเหงื่อที่ไหลออกมาทั้งๆที่อากาศก็ไม่ได้ร้อนอะไรมาก

    “ปลอดภัยใช่ไหมเลดี้ ยัยบ้าเอ๊ย ทำไมหลงมาที่นี่ได้นะ” กัลโลพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ส่วนพวกโจรที่โดนน้ำแข็งเกาะก็คำรามออกมาลั่นเมื่ออยู่ๆก็โดนฟันด้วยของมีคมอย่างรวดเร็ว เลือดที่ควรจะทะลักออกมากลับเกาะตัวแข็งเป็นน้ำแข็งเย็นเฉียบ ทรมานเสียจนอยากตาย เบื้องหน้าเป็นชายหนุ่มตัวสูงแต่ที่ทำให้โจรมองตาค้างคือความแปลกของสีผมที่มันขาวตัดกับดวงตาสีแดงที่เปิดตามองพวกเขาด้วยสายตาว่างเปล่า

    “ก...แก ฆ่าฉันสิ จะทรมานฉันทำไม” เจ้าโจรพูดอย่างทรมาน

    “แกไม่ตายหรอก ฉันฟันถากๆ แล้วก็อุดแผลให้แล้ว”  ธีโอเอ่ยเรียบๆ แล้วก็ต้องหันไปมองตามเสียงกรีดร้องของสาวน้อยที่พวกเขาเพิ่งช่วยให้พ้นจากความตายอาเรียน่าส่งเสียงหวีดร้องเมื่อเห็นสภาพของธีโอ เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาที่ในมือมีดาบขนาดยักษ์ที่แผ่ไอแห่งความชั่วร้ายออกมาตลอดเวลา ใบมีดดาบยักษ์ที่ปกติเป็นสีขาวเมื่อกระทบกับแสงกลับกลายเป็นสีเขียว โกร่งดาบมีอัญมณีสีแดงส้มบิดเบี้ยวฝังอยู่ ตัวด้ามดาบถูกผ้าสีขาวพันบางส่วน เลือดของเหล่าโจรที่กระเซ็นมาเปื้อนตัวดาบและเสื้อผ้าบางส่วนของชายหนุ่มมันดูน่าสยดสยองไม่เข้ากับใบหน้าหล่อ

    “เฮ้ๆ เสียมารยาทจริง เจ้าธีโอมันอุตส่าห์ช่วย ขอบคุณมันบ้างซี่” เสียงฉุนๆของชายผมแดงที่แบกเธอทำเอาเลดี้สาวตั้งสติได้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงหลบตาสีแดงของธีโอเท่านั้น

    “รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวมาอีกจะยุ่ง” ธีโอตวัดดาบสะบัดเลือดให้ออกแล้วเก็บดาบไว้ที่ด้านหลังของตัวเองเช่นเดิม กัลโลพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนทั้งสามร่างจะเร้นกายแฝงเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว

    กัลโลที่วิ่งไปพร้อมตีหน้าสุดเซ็งแบกร่างเล็กของสาวน้อยไปด้วยวิ่งตามน้องชายที่นำหน้าไป เหนื่อยก็เหนื่อยยังต้องมาแบกเลดี้สาวจอมก่อปัญหาไปด้วย แต่ด้วยความเป็นฮาร์ทบอยมันก็ช่วยไม่ได้นี่นะ และดูเหมือนสาวเจ้าจะรู้ตัวดีเธอจึงพูดกระแอมเสียงเบาๆ

    “นี่กัลโล ปล่อยเราลง เราเดินเองได้”

    “ไม่ได้ เธอวิ่งตามพวกฉันไม่ทันหรอก เรายังไม่พ้นเขตอันตราย พวกมันอาจเรียกพวกมา ต้องออกห่างจากที่นี่ก่อน”

    อาเรียสงบปากสงบคำทันทีและปล่อยให้ชายหนุ่มผมแดงอุ้มตัวเองวิ่งตามคนนำหน้าไปอย่างรวดเร็วเหมือนเดิม พวกเขาวิ่งมาได้ครู่หนึ่งซึ่งรวดเร็วพอสมควรยากที่จะตามทัน ซึ่งหญิงสาวยังรู้สึกแปลกใจที่พวกเขาวิ่งกันเหมือนชำนาญทาง ธีโอที่นำหน้าก็หยุดวิ่งที่บริเวณลำธารขนาดย่อม น้ำที่ไหลในลำธารใสสะอาดจนเห็นปลาน้อยใหญ่ที่แหวกว่าย กัลโลที่วิ่งตามมาก็หยุดลงข้างๆธีโอพร้อมวางเลดี้สาวลงส่วนตัวเองใช้มือนวดบริเวณแขนพร้อมด้วยสายตาค้อนๆส่งให้สาวน้อยเป็นระยะๆ

    “แถวนี้ปลอดภัยแล้วล่ะ” ธีโอพูดเสียงเฉื่อยๆพร้อมทั้งทิ้งตัวนั่งข้างๆลำธาร ดวงตาสีแดงเริ่มจะหลับลงอีกครั้ง อาเรียมองหน้าธีโอซึ่งหลับตาลงครู่หนึ่งแล้วเปิดตามองกลับเหมือนรู้ว่าถูกจ้อง

    “ขอบคุณนะที่มาช่วยเราไว้ ธีโอ กัลโล” อาเรียน่ากล่าวคำขอบคุณพร้อมเรียกชื่อของชายหนุ่มทั้งสองโดยตั้งใจว่าจากนี้ไปจะเรียกแบบนั้น

    “นี่คุณหนู คิดยังไงถึงออกมาคนเดียวนี่ ชีวิตมันมีค่านะ อย่าทำแบบนี้อีก” กัลโลเอ่ยด้วยความไม่พอใจ ถ้าพวกเขามาช้ากว่านี้อีกก้าวนึง เธอได้เป็นผีเฝ้ายมบาลไปแล้ว

    “เราชื่ออาเรียน่า เรียกอาเรียเฉยๆก็ได้ เราไม่ถือ” อาเรียน่ายิ้มหวานไม่สนสถานการณ์

    “พวกเราจะพาเธอกลับไปฟรอนเทียร์ก่อน แล้วพวกเราจะออกเดินทางเข้าไปในหุบเขาโหยหวน” กัลโลพูดอย่างไม่สนใจใบหน้ายิ้มหวานที่กำลังหุบยิ้มแล้วเปลี่ยนเป็นงอนแก้มป่องแทน

    “เรียกอาเรียสิ”

    “เฮ้อ พวกเราจะไปส่งอาเรียให้ไปอยู่กับโจชัว แล้วพวกเราจะเข้าไปหุบเขาโหยหวนต่อ” ชายผมแดงยอมทำตามอย่างเสียไม่ได้พลางหวักน้ำล้างหน้าล้างตาที่มีเหงื่อของตัวเองออก ยังต้องเดินกลับไปฟรอนเทียร์อีก เหนื่อยหน่ายจริงๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×