คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Trade 1 welcome and go away
Trade 1 welcome and go away
Everything is good for something. ทุกสิ่งล้วนมีคุณค่า แม้มิใช่ต่อทุกสิ่ง แต่ย่อมมีค่าต่อบางสิ่ง
เวลาสายของฤดูใบไม้ผลิในป่าคุ้มคลั่งในเขตฟรอนเทียร์ เป็นเวลาที่เงียบสงบที่สุดต่างจากเวลากลางคืนลิบลับ ลึกเข้าไปในป่าใหญ่มีโกดังร้านค้าที่มีสภาพเก่าๆโทรมๆอยู่หนึ่งหลัง ไม่ใหญ่ไม่เล็กแต่มีบรรยากาศค่อนข้างมืดมนและพร้อมจะพังครืนลงมาทุกเมื่อ ด้านในมีสิ่งของจำพวกอาวุธของสายอาชีพต่างๆ รวมถึงสมบัติหายากมากมาย แต่กลับขายไม่ค่อยจะออก ทำไมนะเหรอ ก็ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเลือดร้อน อยากจะได้ของฟรีของถูก เวลาจะต่อลองเลยต้องมีการพังร้านกันอยู่เป็นประจำ จนทำให้พ่อค้าไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ลูกค้ามาแต่ล่ะที เลยต้องมีการลงไม้ลงมือกันอยู่ทุกครั้งไป
“น่าเบื่อจริงๆ ต้นเดือนนี้มีแต่เรื่อง”
เสียงเนือยๆที่ออกมาจากปากเด็กหนุ่มที่นั่งกึ่งนอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้นวมสีน้ำตาลเปลือกไม้ตัวใหญ่ ดวงตาสีน้ำเงินรัตติกาลลึกลับ ผมสีแดงเพลิงยาวระต้นคอยุ่งเหยิงทั้งหัวซึ่งพลิ้วไหวตามแรงหันของเจ้าของ ใบหน้าคมคายดูเอาเรื่องหันมองเด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งเหม่อดวงตาสีแดงเลือดเปิดเพียงครึ่งเดียวดูไม่ออกว่ากำลังหลับหรือตื่นกันแน่
“นี่ธีโอ ฉันจะไปในเมือง แกจะเอาอะไรไหม”
“ธีโอ ตื่นอยู่รึเปล่า”
หนุ่มน้อยคนเดิมตะโกนถามคนที่นั่งข้างๆหน้าต่างอีกครั้งเนื่องจากไม่สามารถเดาอาการว่าคนที่นั่งหลับตานั้นได้ฟังที่ตัวเองพูดอยู่หรือเปล่า
“…ตื่นอยู่” ชายหนุ่มผิวสีขาวซีด มีเรือนผมยุ่งชี้ไปทางด้านหลังและยาวเลยไปถึงบ่าเด็กหนุ่มผู้มีดวงหน้าหล่อเหลาแต่ไร้อารมณ์ที่ดูง่วงนอนตลอดเวลา ดวงตาสีเลือดเลื่อนลอยออกไปนอกหน้าต่างร้านค้า ปากสีพีชที่ตัดกับสีผิวอ้าหาววอดบ่งบอกอารมณ์ที่เฉื่อยชา
“ฉันจะออกไปดูงานที่ร้านในเมืองเสียหน่อย ฝากเฝ้าร้านด้วย”
“กัลโล…อย่าลืมซื้อขนม” ธีโอเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงที่ดังขึ้นมาหน่อย หนุ่มน้อยกัลโลพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงตกลง
“ระหว่างเฝ้าร้านก็ช่วยทำความสะอาดด้วยนะเว้ย ถ้าขืนยังเฉื่อยอยู่แบบนี้ ถ้ายัยปีศาจกลับมา นายโดนเล่นงานแน่” กัลโลพูดพลางใช้นิ้วชี้ปาดคอตัวเองซ้ำๆไปมา สีหน้าบ่งบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงคำขู่ซึ่งได้รับคำตอบกลับมาเป็นการพยักหน้างึกงักเข้าใจ
“เดี๋ยว!กัลโล อย่าเพิ่งไป”
“อะไรอีก”
“พุดดิ้งถั่วแดง”
“เออๆ รู้แล้วน่า จะซื้อมาให้ กินอะไรไม่ฮาร์ทบอยเลยนะแก แล้วก็เฝ้าร้านซักกะบ๊วยนี่ดีๆล่ะ”
ธีโอหันมามองด้วยดวงตาที่ปิดลงครึ่งหนึ่ง และปิดทั้งดวงเมื่อร่างของกัลโลลับหายไปจากร้าน
เจ้าของเรือนผมสีหมอกเหมือนเมฆครึ้มหลับตาลงประมาณสิบนาที แล้วก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มือก็ปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าของตัวเอง ไม่รู้ว่าเขานั่งไม่ขยับมากี่ชั่วโมงแล้ว ฝุ่นถึงได้ลงมาจับตัวเขาหนาถึงขนาดนี้ เจ้าหนุ่มหยิบไม้กวาดขึ้นมาจ้องนานสองนาน ก่อนจะลงมือกวาดพื้นเงียบๆ ปากก็หาวเป็นครั้งคราว มือไม้ก็ขยับจัดของขายที่อยู่บนชั้นอย่างเชื่องช้า สายตาที่เปิดเพียงครึ่งเดียวจ้องไปที่รูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเป็นภาพของครอบครัวๆหนึ่งที่ดูอบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิ
“ไม่ได้ซังกะบ๊วยเสียหน่อย…”
ตาสีแดงหม่นจับจ้องรูปถ่ายไม่วางตา ก่อนจะหลุดออกจากภวังค์ เมื่อได้รับรู้ถึงไอที่ไม่คุ้นเคยกำลังย่างกายเข้ามาในร้าน ดวงตาสีเลือดดูสงบนิ่ง ก่อนจะวางไม้กวาดลงบนพื้นอย่างใจเย็นดวงตาสีเลือดเปิดขึ้นมาอีกเล็กน้อย แต่แววตาดูเปลี่ยนไป จากเฉยชากลายเป็นวาววับ ผู้ที่มาเยือนร้านค้าที่อยู่ในป่าคุ้มคลั่งมีอยู่ไม่กี่ประเภทแบ่งเป็นหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ คือ พวกมาซื้อของสิบเปอร์เซ็นต์ พวกมาถามทางสามสิบห้าเปอร์เซ็นต์ และอื่นๆอีกห้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์
“สวัสดีเจ้าหนู… ฉันจะมาซื้อของเสียหน่อยน่ะ” เสียงที่ดังออกมาเย็นระเยือก แต่กลับไม่เห็นตัวผู้เปล่งวาจา รู้แต่ว่า น่าจะเป็นผู้ชายวัยกลางคน
พวกห้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์งั้นเหรอ มาอีกแล้วสิ เด็กหนุ่มถอนหายใจสั้นๆ ดวงตาสีเลือดลุกวาว สมองก็นับจำนวนผู้มาเยือนอย่างใจเย็นมากันกี่คนนะ สี่คน…ไม่สิ ห้าคน…ล่ะมั๊ง
“จะเอาอะไร” ธีโอเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ แต่ไม่ทันจะเอ่ยจบดี ก็มีเงาพาดผ่านเขามาที่ด้านหลังอย่างรวดเร็วแล้วล็อคแขนของเขาเอาไว้แน่น ธีโอแยกเขี้ยวออกมาอย่างเบื่อหน่าย
พวกนักเวทย์เหรอ…ใช้เวทย์เพิ่มความเร็ว ดูตุกติกน่าดู อ่ะ แล้วก็มีอัศวินด้วย
“เจ้าหนู…แผนที่หุบเขาโหยหวนอยู่ที่ไหน…บอกพวกลุงมาเถอะ แล้วจะไว้ชีวิตก็ได้”
“…” ไม่มีเสียงเอ่ยออกมาจากปาก มีเพียงตาปรือๆที่จะหลับมิหลับเหล่อยู่แล้ว
“รีบบอกมาไม่งั้น แขนแกหลุดแน่!!” พวกห้าสิบห้าเปอร์เซ็น เปล่งเสียงรอดไรฟัน ชายหนุ่มมองสำรวจพวกมันอย่างถี่ถ้วนอย่างช้าๆ ปรากฏตัวแค่สี่คน อีกคนน่าจะดูลาดเลาอยู่ด้านนอกยิ่งธีโอช้าพวกโจรนักเวทย์ความเร็วยิ่งโมโห
“งั้นสงสัยต้องหักแขนซักข้างแล้วล่ะ ถึงจะยอมพูด!!”
“ลิเวียร์ธาน…”
เสียงที่หลุดรอดออกมาจากริมฝีปากเด็กหนุ่มเบาๆปานสายลม พอสิ้นสุดคำเพียงเท่านั้น ก็มีเสียงร้องโอดโอยเจ็บปวดจากสองในสี่คนของผู้บุกรุก ทั้งสองคนอยู่ในอาการตกตะลึงกับสภาพของเพื่อนร่วมงานฝีมือดี ชายทั้งสองถูกฟันด้วยของมีคมบริเวณสีข้างอย่างแน่นอนแต่ที่แปลกก็คือ เลือด! ไม่มีเลือดไหลลงมากองกับพื้นทั้งๆที่โดนฟันลึกเสียขนาดนั้น แต่มันกลับจับตัวเป็นก้อนแข็งอุดบาดแผลเอาไว้
และความรู้สึกของประสาททั้งห้าที่รู้สึกคือความเย็น…อยู่ๆภายในร้านค้าเก่าๆก็มีไอเย็นปกคลุม และไอเย็นที่ว่าเหมือนจะพวยพุ่งออกมาจากเด็กหนุ่มคนที่พวกเขาเพิ่งข่มขู่เมื่อครู่ แต่ไม่ทันจะได้อ้าปากแสดงความตกใจ เด็กหนุ่มก็หายไปในควันหมอกสีขาวเสียแล้ว ฉับพลันก็ได้ยินเพียงเสียงลมที่ถูกตวัดพัดเข้ามากระทบตัว พร้อมทั้งเสียงโอดครวญของเพื่อนอีกคนและ…ต้นคอของตัวเองที่ถูกปลายดาบจ่อ
ดาบที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้หัวใจแทบจะหยุดเต้น ดาบขนาดใหญ่กระหายเลือด ความยาวของใบดาบก็ยาวมากกว่าสามสิบหกนิ้ว โกร่งดาบขนาดใหญ่ที่รวมกับตัวด้านดาบเป็นเนื้อเดียวกันเหมือนฟันที่กำลังกลืนกินใบดาบอยู่มีอัญมณีสีรุ่งอรุณบิดเบี้ยวฝังบนโกร่งดาบ ลายบนด้ามจับที่มีบางส่วนถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าสีขาวคล้ายเกล็ดมังกร ตัวดาบและโกร่งเป็นสีขาวงาช้าง…แต่เมื่อมีแสงสาดกระทบกลับเป็นสีเขียวมรกต
“ร้านนี้จะไปมีของสะดวกใช้แบบนั้นได้ยังไงเล่าลุง หวังสูงไปมั๊ง”
เด็กใบหน้าเย็นชาคนที่เอาดาบจ่อคอเขาไม่ได้เป็นคนพูด แต่เป็นผู้มาเยือนใหม่ เป็นเด็กหนุ่มผมแดง แววตาแวบวับในมือของเจ้าหนูหิ้วเพื่อนร่วมทีมของเขาอีกคนที่คอยดูต้นทางมาให้ เด็กชายโยนผู้บุกรุกไปทางด้านหน้า พร้อมทั้งทำท่าหนาวสั่น
“บรื๋อ…หนาว ธีโอเก็บดาบ”
“พวกอื่นๆมาน่ะ จะเอายังไง”ธีโอเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ ไอเย็นที่ออกมาจากดาบเริ่มลดระดับลง
“เดือนนี้มากันกี่รายแล้วนะ ไอ้ที่จะขอซื้อแผนที่หุบเขาโหยหวน เป็นพวกนักเวทย์ทั้งนั้นเลย อยากรู้จริงๆอยากจะไปทำไมกันไอ้หุบเขาพิลึกพิลั่นนั่น”
กัลโลเอ่ยขึ้นพลางทำเสียงจิจ๊ะในลำคอ
“นี่ลุง หุบเขานั่นมันมีอะไรเหรอ”
กัลโลเดินเข้าไปผลักเด็กหนุ่มหน้าตายออกพร้อมทั้งถามผู้บุกรุกด้วยสีหน้าสงสัย
“รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ พ่อค้าก็อยู่ส่วนพ่อค้าไปสิ”
“บอกมาเหอะน่า…ถ้ามันดีจริงจะได้หามาให้” เจ้าหนูยังคงพยายามถามอย่างไม่ลดละ ส่วนทางด้านธีโอก็ได้แต่จับผู้บุกรุกทั้งสี่โยนออกไปนอกร้าน พร้อมทั้งเก็บกวาดร้านด้วยความเร่งติดลบ
ผู้บุกรุกหลบตาลงต่ำก่อนจะกลืนน้ำลายเอือกใหญ่พลางมองเพื่อนๆอย่างขอความเห็น ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าให้บอกๆมันไปเถอะ เรื่องจะได้จบๆ
“อารัคเน่…ที่นั่นเป็นรังของปีศาจนั่น ป่าที่เหมือนเขาวงกต หุบเขาที่เป็นเหมือนขุมนรก ถ้าผ่านไปได้ จะได้เจอกับอารัคเน่และถ้าฆ่านางสำเร็จจะได้รับรางวัลคือไม้เท้าวิเศษที่สามารถใช้เวทย์กาลเวลาได้”
“เควสที่อยู่ในเมืองเหรอ” กัลโลลากเสียงยาวอย่างเอือมระอา “ว่าแล้วเชียว แห่มาไม่หยุดไม่หย่อน”
“นายก็รู้ดีนี่ แต่นายเป็นพ่อค้า ทำเควสไม่ได้หรอก ปล่อยฉันไปได้รึยัง”ผู้บุกรุกเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว
“ก็ไม่ได้จับไว้นี่”กัลโลเอ่ยขึ้น “นี่ลุง ถ้าตัดใจจากไม้เท้าวิเศษนั่นสนใจรับเศษท่อนไม้ผุๆที่มีวิญญาณสิงสู่ไหม ร้านเรามีขายนะ”
“กระพ๊มไม่ใช่เศษไม้ผุๆนะขอรับ!!กระพ๊มคือ…”
“ปังๆ!!”
เสียงที่ดังออกมาจากไม้เท้าที่วางอยู่ที่มุมห้อง สร้างความตกใจให้กับผู้บุกรุก แต่ไม่ทันจะฟังเจ้าเศษไม้พูดจบ เจ้าหนูหัวแดงก็หยิบปืนคู่ที่เก็บเอาไว้ในเสื้อนอกยิงออกไปที่ไม้เท้าปากมากนั่น ปืนสั้นคู่สีดำเหลือบม่วง ปืนเซมิ-ออโต้ ความยาวลำกล้อง8.7 นิ้ว กว้าง 1.28 นิ้ว สูง 7.7นิ้วน้ำหนัก 34 ออนซ์เสียงหวีดกับไฟที่ลุกโชนบริเวณปลายกระบอก ความสวยงามและเปลวเพลิงสีม่วงดำทำให้โจรปล้นร้านค้าอกสั่นขวัญแขวน
“เป็นแค่สินค้า…อย่ามาสะเออะพูด”
“กัลโลใจร้าย!!”
“ไอ้เด็กเลวกัลโล!!!”
“ไอ้ปีศาจ!!!”
“ไอ้ตุ๊ดกระปู๊เล็ก”
และอีกหลายเสียงที่ดังระงมแซงแซ่ในร้านค้า เหล่าพวกสินค้าที่มีวิญญาณสิงสู่แข่งกันตะโกนด่าเจ้าของร้านกันวุ่นวาย ผู้บุกรุกได้แต่มองเลิกลัก ก่อนจะพึมพำเบาๆ
“ของต้องสาป…”
“รับซักชิ้นไหม” กัลโลพูดพร้อมเก๊กท่าที่ตัวเองคิดว่ามาดแมนสมกับเป็นฮาร์บอยสุดๆ
"ไอ้เด็กทุเรศ คิดว่าเก๊กแล้วจะทำให้หน้าแกหล่อขึ้นรึไง" เสียงออกมาจากเหล่าคทาอีกครั้ง
ปังๆๆๆๆๆ!!!!!!
เสียงปืนที่ถูกยิงออกมาระรัวรอบๆร้านโดยชี้เป้าไปที่ไอเท็มปากมากดังออกมาเป็นระยะๆ และแล้ว ร้านก็เริ่มติดไฟ เนื่องจากลูกกระสุนที่ยิงออกมาไม่ใช่ลูกกระสุนธรรมดา มันคือลูกไฟขนาดเล็กที่อัดแน่นไปด้วยเวทย์ไฟโบราณที่ถูกยิงออกมาจากปืนปีศาจ
“…”ธีโอหาววอดอีกครั้งก่อนจะกวัดแกว่งดาบยักษ์ลิเวียร์ธานส่งไอเย็นไปแช่แข็งไฟที่กัลโลปล่อยออกมา ก่อนที่ร้านค้าซอมซ่อที่ขายแต่ของแย่ๆจะกลายเป็นตอตะโก
“เดี๋ยวร้านพัง…”ธีโอกล่าวฉุนเล็กๆ
“ดูพวกมันสิ!! สินค้าปากมาก!! ขายก็ไม่ออก ทิ้งก็ไม่ได้!!!” กัลโลเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว ดวงตาสีน้ำเงินครามลึกลับดูอารมณ์บูด
“ถ้าไม่เอาอะไรก็กลับไปซะ พวกนักเวทย์สมองกลวง” กัลโลเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ นักเวทย์ผู้บุกรุกคนที่โดนกัลโลประทุสะร้ายก็ค่อยๆลุกขึ้นแบกเพื่อนออกไปนอกร้าน พร้อมๆกับนักเวทย์ที่ให้ข้อมูลเควสกับกัลโล
คนผมแดงยัดสินค้าต้องสาปลงในกล่องผนึกด้วยอารมณ์สุดแค้น เดือนนี้ก็วุ่นวายอีกแล้ว ไม่รู้จักหยุดจักหย่อน
“กัลโล นายต้องช่วยเก็บกวาด” เสียงนิ่งๆของธีโอเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับยื่นไม้กวาดไปทางกัลโลที่กำลังหัวเสีย
“มันมีแต่เศษน้ำแข็งของนาย” เจ้าคนขี้เกียจจีบปากจีบคอพูด
“ฉันแช่ไฟนายด้วยน้ำแข็ง”อีกคนก็ตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นระเยือก
“คิดจะหาเรื่องฉันเรอะธีโอ” กัลโลพุ่งเข้าไปประจันหน้ากับเด็กผมสีหมอกที่ตัวสูงกว่าเขาประมาณหนึ่งอย่างเอาเรื่อง
“…” เจ้าคนตัวสูงกว่าก็ดูจะไม่ค่อยลดราวาศอกกัน หันมาประจันหน้าและขู่เหมือนพวกยากุซ่า
และแล้ว คู่เดือดแห่งร้าน God Trader ไม่สิ หนึ่งเดือดหนึ่งเฉื่อยต่างหากก็แลกหมัดกันทันที กัลโลและธีโอแลกหมัดกันอย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีใครต่อยกันโดนซักหมัด เพราะทั้งสองนั้นทั้งรุกและรับกันเป็นอย่างดี มือประสานกับขาได้สมดุล ก่อนที่กัลโลจะจับที่คอเสื้อโค๊ดขนสัตว์ของอีกฝ่ายแล้วใช้เท้ายันไปที่ท้องของธีโอ ทำให้จับเด็กหนุ่มผมสีหมอกทุ่มลงได้ ตอนนี้กัลโลทับอยู่บนร่างของธีโอโดยใช้แขนกดคอของอีกฝ่ายไว้ รอยยิ้มที่เผยออกมาของกัลโลเหมือนยิ้มเยาะว่าฉันชนะแล้ว
“นายดึงเสื้อ…ขี้โกง” ธีโอที่อยู่ด้านล่างเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นมา
“ใครจะไปเล่นแฟร์ๆกับไอ้บ้าต่อยหนักแบบนาย น่าๆ เป็นน้องก็หัดยอมให้พี่เสียบ้าง” กัลโลเอ่ยขึ้นมาอย่างขบขัน
“เอ่อ…ขอโทษที่มาขัดจังหวะนะคะ ขอโทษค่ะ”
“!!!!”
พลันเสียงที่เอ่ยจบด้วยความตกใจ หนุ่มน้อยสองคนที่อยู่ในท่าที่ไม่พึงประสงค์ก็หันขวับไปตามเสียงทันที แต่กลับสายไปเสียแล้ว พวกเขาได้เห็นเพียงด้านหลังของเด็กสาวที่วิ่งลับออกไปนอกร้าน เห็นเพียงว่า เธอมีผมยาวสลวยสีทอง และใส่ชุดกระโปรงสีขาวขลิบทองที่ปลายแขนเสื้อและชายกระโปรง ที่สำคัญ น่าจะเป็นลูกค้า…
“เดี๋ยวก่อน!!!”
*******************************************
จบไปตอนนะจ๊ะ ติชมได้จ้า เม้นซักนิดจิตแจ่มใสนะฮับ
ความคิดเห็น