ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังเก็บนิยายตามใจฉัน

    ลำดับตอนที่ #6 : เรื่องวุ่นๆของลูกสาวมาเฟีย (ฟิคนะคะ)

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ย. 54





    ภายในห้องโถงอันโออ่าหรูหราของโรงแรมชั้นหนึ่งแห่งหนึ่งใจกลางย่านความเจริญของเมืองหลวงกำลังมีงานเลี้ยง    ผู้คนจากชนชั้นสูงและเศรษฐีมีเงินล้นฟ้าทั้งหลาย   รวมทั้งผู้ทีอิทธิพลชื่อดังต่างๆกำลังเพลิดเพลินกับการสนทนาหรือไม่ก็ลองลิ้มชิมอาหารเลิศรสตามโต๊ะบุฟเฟต์ที่มีอาหารหลากหลายประเภทจัดวางเอาไว้ภายในงานเลี้ยง   ซึ่งเป็นงานฉลองครบรอบวันเกิดของมหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทการคมนาคมใหญ่ยักษ์คนหนึ่ง    บริเวณมุมหนึ่งของงานจึงมีผู้คนที่ได้รับเชิญแวะเวียนนำของขวัญมามอบให้อย่างไม่ขาดสาย

    ภาพของงานเลี้ยงนั้นปรากฏยังกล้องเล็งของปืนสไนเปอร์ M21 ยาวเมตรกว่าๆในมือของมือสังหารชุดดำเจ้าของร่างเพรียวบางคนหนึ่งที่กำลังกำหนดจุดของเป้าหมายโดยซุ่มอยู่บนห้องพักห้องหนึ่งบนอพาตเม้นท์ที่สามารถมองเห็นภาพของงานเลี้ยงได้อย่างชัดเจน

    ปัง!

    เสียงปืนนัดหนึ่งดังขึ้นเบาๆเมื่อนิ้วเรียวลั่นไกยิงกระสุนออกไป   นัดเดียวเจาะกลางหน้าผากของเป้าหมายซึ่งเป็นชายวัยกลางคนร่างท้วมที่กำลังหัวเราะร่าอย่างแม่นยำ   ร่างนั้นเบิกตากว้างขณะค่ายๆล้มตึงลงไปนอนกองกับพื้นท่ามกลางความตกใจและเสียงหวีดร้องของคนรอบข้าง    แต่นักฆ่าที่เพิ่งลั่นกระสุนปลิดชีพกลับไม่สนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเลยแม้แต่น้อย   ร่างสูงโปร่งในชุดหนังสีดำมิดชิดตั้งแต่หัวจรดเท้าก้าวย่างข้ามร่างที่นอนจมกองเลือดข้นเหนียวออกไปจากห้องอย่างไม่แยแสหลังจากที่ถอดชิ้นส่วนปืนเก็บกลับเข้าไปในกระเป๋าเอกสารสีเงินที่คล้ายกับกระเป๋าของนักธุรกิจเรียบร้อย    ร่างนั้นชะงักไปเล็กน้อยราวกับจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้    มือบางที่ห่อหุ้มด้วยถุงมือรัดกุมสีดำล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางกงก่อนที่จะดึงเอาบางสิ่งบางอย่างออกมา

    ดอกฮิกันบานะ*สีแดงสดดอกหนึ่งถูกบรรจงวางเอาไว้ในอุ้งมอืของผู้ที่ถูกพรากเอาวิญญาณไปราวกับจะเป็นคำขอโทษและการไว้อาลัยครั้งครั้งสุดท้ายจากมัจจุราช    คนชุดดำโค้งให้กับผู้ที่ถูกตนสังหารเล็กน้อยก่อนที่จะปิดประตูห้องลง

    นักฆ่าเดินผ่านโถงทางเดินที่เงียบสงัดไร้ผู้คนยามดึกดื่น    แล้วขึ้นบันไดทางหนีไฟไปยังดาดฟ้าของตึกแห่งนี้ซึ่งเป็นลานกว้าง    และตอนนี้มันก็มีเฮลิคอปเตอร์สีดำขนาดเล็กลำหนึ่งกำลังจอดรออยู่

    “เป็นไงเรียบร้อยดีมั้ย?”

    ชายหนุ่มร่างสูงหุ่นนายแบบข้าวของเรือนผมสีน้ำตาลเฮเซลนัทซอยรากไทรยาวระบ่าในชุดมิดชิดแบบเดียวกันถามขึ้นเมื่อเห็นร่างของผู้ร่วมงานกำลังเดินมายังเฮลิคอปเตอร์แล้วก้าวขึ้นมานั่งยังที่นั่งข้างคนขับที่เขานั่งอยู่    คนถูกถามระบายลมหายใจยาวเล็กน้อยก่อนที่จะเอื้อมมือไปปลดปิ่นปักผมที่เสียบมวยผมอยู่ออก

    “งานเสร็จเรียบร้อยดีเหมือนเดิมนั่นละ    รีบๆเดินเครื่องได้แล้ว   ฉันยังต้องกลับไปเขียนรายงานส่งเบื้องบนอีก”

    เธอตอบพลางใช้มือสางเส้นผมสีดำสนิทของตัวเองแล้วจึงเอื้อมไปหยิบเฮดโฟนมาสวมขณะที่เฮลิคอปเตอร์ค่อยๆลอยตัวขึ้นสูงจากพื้นและบินข้ามเหนือย่านตึกสูงไปยังทิศตะวันตกของเมืองซึ่งเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่าจรดกับป่าหนาทึบที่มีผู้คนอาศัยอยู่เบาบางมากจนถึงมากที่สุดด้วยความเร็วสูง

    เมืองที่เธออยู่นั้นคือเมืองนีโออาเรีย  เป็นเขตพิเศษที่ถูกตั้งขึ้นให้เป็นเมืองแห่งเทคโนโลยีและความเจริญเทียบเท่าได้กับเมืองหลวงได้เลย    ว่ากันว่ายิ่งเข้าใกล้แสงสว่างมากเท่าไร   เงาก็ยิ่งมืดมนมากขึ้นเท่านั้น   เปรียบกับที่ใดมีความเจริญมากแค่ไหน   ก็ย่อมมีความเสื่อมทรามตามมาเป็นอีกเท่าตัวด้วยเช่นกัน     บริเวณรอบนอกของเมืองแห่งนี้จึงเป็นสถานที่รวมสารพัดอบายมุขต่างๆไม่ว่าจะเป็นผับ  ซ่อง  โรงพนัน  โรงสนุก  และอีกสารพัดอย่างสุดจะบรรยาย

    ไม่เว้นแม้กระทั่งเป็นฐานลับขององค์กรใต้ดิน

    เครื่องค่อยๆโรยตัวลงจอดยังสนามกว้างในบริเวณรั้วสังกะสีผุพังซึ่งล้อมรอบอาคารเก่าผุพังและบริเวณโดยรอบเอาไว้อย่างนุ่มนวล     เมื่อชายหนุ่มจัดการดับเครื่องเรียบร้อยแล้ว   ในเวลาไม่ถึงห้านาทีต่อมาก็มีกลุ่มคนสวมสูทดำหลายคนเดินกึ่งวิ่งออกมาจากในอาคารที่ดูจะถล่มแหล่ไม่แหล่มาจัดการเก็บเจ้าฮ.สีดำที่พวกเธอสองคนนั่งมาเข้าไปในโกดังเก่าในละแวกนั้น

    ทำยังไงน่ะเหรอ   จะเฉลยให้ฟังก็ได้

    พวกเขากดปุ่มบางอย่างบนรีโมทสีเงินที่พกติดกระเป๋ามาด้วย   จากนั้นบนพื้นปูนที่เครื่องบินจอดอยู่ก็ปรากฏแสงสีฟ้าเรืองๆขึ้นเป็นกรอบล้อมรอบเครื่องพอดี    จากนั้นพื้นในกรอบแสงนั่นก็เริ่มยกตัวขึ้นด้วยกลไกบางอย่างแล้วค่อยๆขยับเคลื่อนที่เก็บตัวเองเข้าไปในโกดังอย่างช้าๆโดยอัตโนมัติ

    “โย่ว!  มาเร็วกว่าที่คิดไว้ซะอีกนะซีเรส   มิสร่า”

    ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งได้รูปเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองสไลด์ยาวถึงกลางหลังแล้วรวบเอาไว้หลวมๆคลี่รอยยิ้มกว้างพลางเดินเข้ามาหาพวกเธอทั้งสองคนด้วยความเป็นมิตร

    “หัวหน้าอวี้อนุญาตให้นายออกจากห้องคอมพิวเตอร์แล้วเหรอนิชเช่”

    พอได้ยินเธอพูดแบบนั้นเข้าเขาก็ทำหน้าหดเหลือสองนิ้วทันที   อ้อแบบนี้แสดงว่าหนีหัวหน้าอวี้มาจริงๆด้วยสิเนี่ย

    นิชเช่  ฟลอฟองต์   หนุ่มชาวฝรั่งเศสผู้เป็นรองหัวหน้าหน่วยเทคโนโลยีประจำสมาพันธ์โนวา   ว่ากันง่ายๆก็คือชายหนุ่มที่ดูเพิ่งอายุยี่สิบต้นๆคนนี้เป็นแฮกเกอร์นั่นเอง   ถ้าตัดเรื่องความขี้เกียจที่ชอบโดดงานเป็นประจำกับความเจ้าเล่ห์ที่กลายเป็นกมลสันดานไปแล้วออกเขาจะกลายเป็นชายหนุ่มสุดเพอร์เฟ็คที่สาวๆอยากได้มาครอบครองเลยทีเดียว 

    ก็หมอนี่น่ะรูปหล่อ  บ้านรวย  มากด้วยความสามารถ  แบบนี้ใครจะไม่อยากได้มาเป็นคู่ครองเล่า

    แต่ก็ยกเว้นเธอคนหนึ่งกับหัวหน้าอวี้ล่ะนะ   สำหรับหัวหน้าอวี้เจ๊แกอยากจะเตะหมอนี่ออกจากสมาพันธ์ตั้งนานแล้วแต่ไม่มีอำนาจพอเท่านั้นเอง   ส่วนเธอหมอนี่ก็เป็นแค่เพื่อนที่ค่อนข้างจะน่ารำคาญ (มาก) คนหนึ่งเท่านั้นเอง

    ส่วนหนุ่มหล่อใจดีอีกคนหนึ่งนั้นคือ ซีเรส หรือชื่อเต็มๆก็คือ ฮาคุโอะ ซีเรส  ลูกครึ่งสายเลือด อังกฤษ-ญี่ปุ่น ผู้แสนอารมณ์ดีเป็นกิจวัตรประจำวัน    ชนิดว่าถ้าวันไหนไม่เห็นหมอนี่ยิ้มฝนคงตกเป็นปลาวาฬเลยล่ะ    ตอนนี้พ่อพระมาโปรดคนนี้กำลังครองตำแหน่งหนึ่งในเจ็ดเจเนอรัลของสมาพันธ์อยู่   ซีเรสน่ะแทบจะโกรธใครไม่เป็นเลย   แต่ถ้าลองได้โมโหดูสิขนาดภูเขาไฟปอมเปอียังเรียกพี่เลย

    และสุดท้ายสมาพันธ์โนวา    เป็นสมาพันธ์ลับที่ขึ้นตรงกับรัฐบาลโลก    ก่อตั้งขึ้นเพื่อใช้ตัดสินความผิดของพวกผู้มีอิทธิพลและคนที่กฏหมายไม่สามารถเอาผิดได้ด้วยวิธีการตามแบบฉบับของสมาพันธ์    นอกจากนั้นก็ยังจัดการเรื่องต่างๆให้กับตำรวจด้วย   ว่าง่ายๆเลยก็คือเป็นเบ๊ให้เขาใช้งานนั่นละ   สมาชิก 70 % ของสมาพันธ์เป็นพวกที่เคยไปนอนตีพุงในคุกหรือไม่ก็เป็นพวกที่เกือบจะได้ติดตารางด้วยข้อหาหนักๆมาแล้วนับไม่ถ้วนทั้งนั้น   แต่ตำรวจเสียดายความสามารถก็เลยส่งมาทำงานชดใช้ความผิดที่นี่แทน

    ยกตัวอย่างเช่น นิชเช่    เขาเคยเป็นแฮกเกอร์ของรัฐบาลมาก่อน    แต่ลงมือจารกรรมข้อมูลลับสำคัญหลายๆอย่างออกไปปลอยให้กับพวกฝ่ายตรงข้ามและถูกจับได้    ความจริงแล้วศาลพิพากษาจำคุก 10 ปี แต่รัฐบาลเสียดายความสามารถของเขาก็เลยส่งมาทำงานที่สมาพันธ์นี่ชดใช้ความผิดแทน

    “คุณประธานกำลังรอเธออยู่เลยน้ามิสร่า   อิจฉาคนโปรดของประธานจริงๆ”

    นิชเช่เอ่ยกับเด็กสาวร่างบางที่เดินอยู่เคียงข้างเขาอยู่เป็นเชิงหยอกเย้า    แต่ก็ต้องสะดุ้งโหยงโดดไปหลบหลังเพื่อนผู้แสนใจดีเมื่อสาวเจ้าส่งสายตาเขม่นมาทางตนเป็นเชิงเตือนกลายๆ

    “อย่าไปแหย่มิสร่าเค้าจะดีกว่านะนิช   เดี๋ยวนายก็ได้รูบนหัวเพิ่มขึ้นมาอีกรูหรอก” ซีเรสปรามยิ้มๆตามเคย

    ทั้งสามคนเดินเข้ามาภายในอาคารร้างซึ่งเคยเป็นโรงพยาบาลมาก่อนโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมเลยแม้แต่คำเดียว   แม้กระทั่งนิชเช่ที่ปกติจะพูดจนน้ำลายแตกฟองก็ยังปิดปากเงียบ    หลอดไฟเก่ากะพริบติดๆดับๆตลอดทางสร้างบรรยากาศขนหัวลุกขึ้นมาได้เป็นอย่างดี     ชายหนุ่มลูกครึ่งเดินนำไปหยุดยังลิฟต์เก่าตัวหนึ่งซึ่งอยู่บริเวณปลายสุดของทางเดินชั้นหนึ่งนี้

    เขาใช้นิ้วกดปุ่มลูกศร ขึ้นครั้งหนึ่งแล้วรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ    ไม่ถึงห้านาทีต่อมาประตูลิฟต์ก็เลื่อนเปิดออกช้าๆด้วยแรงเสียดทานจากสนิมที่ติดกรังบนโลหะ    พวกเขาไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปในนั้น

    กริ๊ก!

    นิชเช่ที่อยู่ใกล้กับแผงควบคุมมากที่สุดกดปุ่มฉุกเฉินที่เอาไว้ใช้ติดต่อกับพนักงานโอเปอร์เรเตอร์ครั้งหนึ่ง    จากนั้นก็มีเสียงของผู้หญิงดังขึ้นว่า

    ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน

    “วงกลมไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด” เขาเอ่ยตอบเสียงร่าเริงตามประสาผู้ชายขี้หลีตามเคยโดยไม่ต้องคิดให้เปลืองสมอง

    ยืนยันรหัสผ่าน   ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ

    ติ๊ง!

    สิ้นเสียงนั้นประตูลิฟต์ก็เลื่อนเปิดออก    เผยให้เห็นโถงทางเดินกว้างซึ่งบนพื้นทุกตารางนิ้วนั้นปูด้วยหินแกรนิตสีดำชั้นดี   ทางเดินยาวนั้นนำไปสู่ห้องโถงกว้างที่มีทางเชื่อมต่อกับห้องของแผนกต่างๆแยกย่อยไปอีกมากมาย    นักวิจัยและสมาชิกแต่ละคนหอบเอกสารปึกเบ้อเริ่มวิ่งเข้าแผนกนู้นออกแผนกนี้เป็นว่าเล่น   ซักพักหนึ่งก็มีเสียงระเบิดดังแว่วมาจากโซนด้านในของฐานลับซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นการระเบิดจากห้องทดลองของแผนกค้นคว้าอาวุธเช่นเคย

    “หลบเร็วพวกนาย!!!

    วิ้ว~

    เสียงตะโกนดังลั่นมาจากอีกด้านหนึ่งพร้อมกับที่มีเศษซากไหม้เกรียมลอยมาทางที่พวกเธอยืนอยู่    เธอเพียงก้มหัวหลบเล็กน้อยก่อนที่จะมองดูเจ้าเศษซากนั่นระเบิดดังตู้ม

    ชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปลายๆคนหนึ่งในชุดกาวน์สีขาวที่มีรอยขาดวิ่นที่ไหม้เกรียมในบางจุดวิ่งเข้ามาเก็บกวาดเจ้าวัตถุอันตรายนั่นก่อนที่จะหันมายิ้มแหยๆให้ทั้งสามคน

    “แหะๆ  ขอโทษทีนะ   พอดีมันหลุดมือนิดหน่อยน่ะ”

    ไม่นิดแล้วมั้ง  เด็กสาวคิดในใจขณะมองพื้นที่โดนระเบิดหายไปเป็นหย่อมด้วยความรู้สึกหวั่นๆ   ถ้าไม่หลบป่านนี้คงหายไปจากโลกเหมือนพื้นนั่นแหงๆ

    “นายยังเป็นเหมือนเดิมเลยนะฟางหยาง” ซีเรสเอ่ยเสียงเบาอย่างไม่อยากทำลายความรู้สึกของเพื่อน

    “จริงสินิชเช่   เห็นว่าหัวหน้าอวี้กำลังตามตัวนายอยู่น่ะ” ฟางหยางหันไปหาคนมีชนักติดหลัง

    “เย้ย!!!  จริงอ่ะ!!!

    “นายยังไม่รีบไปอีก   อยากให้หัวหน้าอวี้โกรธจัดจนถล่มสมาพันธ์รึไงเล่า”

    เธอดันหลังเพื่อนหนุ่มไปทันที   เพราะไม่อยากเจอฉากที่พี่อวี้เหลียนกลายร่างเป็นพญางูขู่ฟ่อกลางสมาพันธ์นี่หรอก

     

     ----------------------------------------------------------------------------------------------------------
    *ดอกไม้ชนิดหนึ่งที่อยู่ในวงศ์ของดอกลิลลี่   เป็นดอกไม้มีพิษ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×