ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังเก็บนิยายตามใจฉัน

    ลำดับตอนที่ #43 : Fic Sanctity Knight : Last time of Another

    • อัปเดตล่าสุด 30 ธ.ค. 57







       Fan Fiction Sanctity Knight

       ลีฮีเตอร์ ฮัมมิ่ง/รีเฟมแอสเซน X OC



     

    “อ๊ะ”

    เสียงหวานใสที่ร้องขึ้นด้วยความประหลาดใจเรียกให้ดิวดร็อฟ ไซรีทัส ลีฮีเตอร์และคนจากปราการอัศวินทั้งหมดหันกลับมามอง   และแล้วดวงตาทุกคู่ที่หันกลับมานั้นก็เบิกกว้างพร้อมๆกันเมื่อร่างบอบบางของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีเงินกำลังเปล่งประกายแสงสีเงินระยับ

    “ฟีอาลีน...เกิดอะไรขึ้น?” ดิวดร็อฟกระซิบเรียกพี่สาวของเขาด้วยน้ำเสียงงุนงง

    อดีตเงาแห่งกษัตริย์เออริแกรนเมื่อห้าพันปีก่อนเพียงระบายรอยยิ้มหวานและอ่อนโยน แต่ก็ทำให้คนมองรู้สึกโหวงในอกอย่างบอกไม่ได้

    หญิงสาวยกมือที่กำลังแตกสลายเป็นประกายระยับขึ้นในระดับสายตาพลางยิ้มเศร้า “ดูเหมือนว่า...เวลาของข้าจะมาถึงแล้วล่ะ”

    “ไม่นะ! ท่านพี่!!!” ในตอนนั้นดิวดร็อฟไม่สนใจสายตาของใครอีกแล้ว   เขาวิ่งออกมาจากเขตวงแหวนเวทย์เคลื่อนย้ายของไซรีทัสมายังร่างสีเงินอีกร่าง   ทว่ากลับถูกขัดขวางเอาไว้ด้วยไอพลังสีสวยจากร่างนั้นเอง   ฟีอาลีนส่ายหน้าช้าๆและมองดูน้องชายของเธอด้วยแววตาเศร้าระคนอาวรณ์อย่างปิดไม่มิด

    “ข้าทำสัญญาเอาไว้กับองค์จีอา” เสียงหวานเอ่ยเรื่อยๆโดยไม่สนใจสายตาของเหล่าคนทั้งสามภพ “เมื่อใดก็ตามที่ข้าหมดอายุขัยข้าจะแตกสลาย และกลับคืนเป็นหนึ่งเดียวกับพสุธา   ไม่จะเป็นต้องจัดพิธีให้เปลืองเงินตรา ไร้ซึ่งร่างให้อาลัย...เพราะข้าเต็มใจอุทิศมันให้กลายเป็นพรของแผ่นดิน”

    ร่างสูงสีเงินทรุดลงกับพื้น   หยาดน้ำตาไหลรินจากดวงตาสีอเมทิสต์และร่วงลงสู่ผืนดินที่พี่สาวของเขากำลังจะหวนคืน   ทำไมกันล่ะ...ทำไมต้องเป็นเวลานี้

    ทั้งๆที่สัญญาเอาไว้แล้วว่าสงครามจบเราจะกลับไปอยู่ด้วยกัน...

    “ดิวดร็อฟ...” เธอทรุดนั่งลงยังขอบเขตที่ขวางกั้นเธอกับน้องชายเอาไว้ เพียงปลายนิ้วสัมผัสมันก็แตกสลายไปอย่างง่ายดาย  

    แล้วฟีอาลีนก็โอบกอดร่างของแซงค์ทิตี้ไนท์เอาไว้อย่างอ่อนโยน...เป็นครั้งสุดท้าย

    “ข้าขอโทษนะ...ที่ชาตินี้ต้องไปก่อนเจ้า”

    “...งั้นก็อย่าไปสิ” เสียงสั่นเครือที่กล่าวขึ้นอย่างเอาแต่ใจทำให้หญิงสาวหลับตาลงข่มความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงอยู่ในใจ

    “ขอบคุณนะ...ชาตินี้กลับมาเป็นน้องชายของข้าอีกครั้ง ดิวดร็อฟ เออริแกรน โฮลี่อัลเทีย...”

    นัยน์ตาสีม่วงสองคู่ที่เหมือนกันสบมองซึ่งกันและกัน

    “...ไว้เจอกันอีกนะ ฟีอาลีน เอไลน์ โฮลี่อัลเทีย”

    สิ้นคำกล่าวบอกลา ร่างสีเงินที่อัศวินแห่งสามภพโอบกอดเอาไว้ก็พลันแตกสลายกลายเป็นประกายเพชรสีเงินนับล้าน   ลอยพัดหายไปกับสายลมหอบใหญ่ที่พัดมาสู่สนามรบ   เขตรอยต่อของสามภพอันแห้งแล้งพลันกลับคืนชีวิตชีวาอีกครั้งเมื่อประกายแห่งวิญญาณเหล่านั้นตกกระทบ   พื้นดินแตกระแหงกลายเป็นดินดำอุดมสมบูรณ์ สีเขียวของต้นไม้ใบหญ้างอกเงยขึ้นมาอีกครั้งหลังจากปล่อยให้พสุธาตรงนี้กลายเป็นแอ่งรองรับเลือดของคนทั้งสามภพ

    จักรพรรดิปีศาจทอดสายตามองออกไปไกลด้วยแววตาว่างเปล่า...รอยยิ้มสุดท้ายที่คนคนนั้นมอบให้กับเขาปลุกความทรงจำที่ลึกที่สุดในหัวใจของวิญญาณดวงนี้ขึ้นมา

    ครั้งแรกที่เขาได้พบกับหญิงสาวผู้งดงามที่สุดในแผ่นดินก็คือตอนที่เขาลักลอบเข้ามาในแผ่นดินโบราณเพียงลำพังเพื่อยืนยันข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับกษัตริย์องค์ใหม่ของพวกมนุษย์ที่ว่าเก่งนักเก่งหนา

    เขาไม่ได้เพียงเจอกษัตริย์องค์นั้น...แต่ยังได้เจอหญิงสาวสีเงินที่มีใบหน้าและดวงตาคล้ายคลึงกับกษัตริย์มนุษย์เออริแกรนด้วย

    นางอ่อนโยนและบอบบางเกินกว่าจะลงไปอยู่กลางสนามรบที่พร้อมจะแลกชีวิตได้ทุกเมื่อ...

    แต่เขาก็คิดผิดอย่างมหันต์...

    ครั้งสองที่เขาได้พบกับ ฟีอาลีน เอไลน์ โฮลี่อัลเทีย คือสงครามสามภพเมื่อห้าพันปีก่อน

    เขาไม่เคยลืมดวงตาสีม่วงประกายงดงามที่ปรากฏกายเบื้องหน้ากองทัพมนุษย์เมื่อสงครามสามภพครั้งก่อน   แม้ว่าจะอยู่เบื้องหน้าของศัตรูที่พร้อมจะทำลายแผ่นดินบ้านเกิด แต่ดวงตาคู่นั้นก็ไม่เคยทอประกายเคียดแค้นเลยแม้แต่น้อย

    หากแต่เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนอย่างไม่แบ่งแยกเผ่าพันธุ์...

    ข้าชื่อ เอไลน์ โฮลี่อัลเทีย   จำชื่อนี้เอาไว้ให้จักรพรรดิปีศาจ...เพราะข้านี่ล่ะที่จะมีชัยเหนือท่าน!

    ต่อหน้าศัตรู...นางยังมีรอยยิ้มประดับใบหน้าอยู่เสมอ   แม้กระทั่งเขานางยังกล้าท้าทายเช่นนั้น ไม่ได้ต่างไปจากสองพ่อลูกมังกรกับมนุษย์นั่นเลย! วอนบาทาเหมือนกัน!!!

    ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต...เธอก็ยังยิ้มด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนเช่นนั้น

    ท่านไม่ได้ผิดหรอก...รีเฟมแอสเซน

    น้ำเสียงของนาง...อ่อนโยนเหลือเกิน...

    หากข้าเป็นท่านข้าก็จะยอมถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ก่อสงคราม   ท่านทำสิ่งนี้เพื่อประชาชนของท่านนี่คะ   นี่ล่ะค่ะเป็นกษัตริย์ที่ดีที่สุดแล้ว...เช่นเดียวกับน้องชายของข้านัยน์ตาสีม่วงเหลือบมองไปยังร่างสีเงินที่กำลังรบรากับพวกสวรรค์   มีเพียงนางที่หาญกล้านำกำลังอันน้อยนิดเข้ามาประจันหน้ากับทัพปีศาจนับล้านอย่างไม่หวั่นเกรง

    แล้วสุดท้ายก็ทอดกายลง...ในอ้อมแขนของเขา...

    ถ้าหากชาติหน้ามีจริง...

    เขาไม่ได้ยินเสียงของนางอีกแล้ว...เพราะรอบกายเขากำลังสว่างจ้าไปด้วยเวทมนตร์ของจ้าวสวรรค์ที่ฝ่าคมดาบของเจ้าสีเงินเข้ามาถึงทัพปีศาจได้   แล้วเขาก็ก้มลงมองร่างบางในอ้อมแขนซึ่งกำลังยิ้มพรายอย่างอ่อนโยน

    พวกเขาจะผนึกท่าน...รีเฟมแอสเซน แล้วบอกข้าทำไม...ทำไมเจ้าไม่ใช้พลังชีวิตที่เหลือเพียงน้อยนิดนั่นหนีไปเล่า ขอโทษด้วยที่ข้าไม่มีเวลาพอจะรั้งพวกเขาไว้ได้

    ทำไมเจ้าไม่ใช้พลังที่เหลือหนีไป...ถ้าทำแบบนี้...

    วิญญาณของเจ้าอาจจะไม่ได้กลับมาเกิดอีกครั้งนะ...

    ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ข้าหวั่นไหวกับรอยยิ้มอันเปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตากับแววตาที่อ่อนโยนนั่น

    ข้าเสี่ยงให้นางถูกผนึกวิญญาณไปพร้อมกับข้าไม่ได้...

    เพราะอย่างน้อยหากนางได้เกิดใหม่...เราจะได้พบกันอีกครั้ง...

    ต่อให้นานแค่ไหนข้าก็จะรอ...เอไลน์

    แล้วพลังเฮือกสุดท้ายของจักรพรรดิปีศาจก่อนจะถูกผนึกก็ส่งร่างที่ไร้ลมหายใจของเงาคู่บัลลังก์แห่งกษัตริย์มนุษย์คืนสู่มาตุภูมิของนาง   และแล้วเขาก็เข้าสู่การหลับใหลไปอีกหลายพันปีก่อนจะกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง

    เขากลับมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์ที่ใช้เวทมนตร์ดำ ลีฮีเตอร์ ฮัมมิ่ง   ไร้ซึ่งความทรงจำในร่างก่อน เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาๆที่ฝันถึงรอยยิ้มของใครคนหนึ่งอยู่ทุกค่ำคืนตั้งแต่จำความได้จนกระทั่งเติบโต

    ใครกัน? ทำไมเขาถึงจำอะไรไม่ได้เลย?

    และแล้วเขาก็ได้พบกับสีเงินอีกคน...

    ทำไมช่างเป็นมนุษย์ที่มีความคิดบรรเจิดโลกได้ขนาดนี้! ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเจอใครที่มีความคิดชวนทำลายประสาทได้ขนาดนี้มาก่อนเลย!

    การแก้ปริศนามังกรดาร์คอิงเรมนำพาให้พวกเขาสามคนมาเจอกันได้แก่มนุษย์สีเงินปากเสีย ชาวสวรรค์สีทองรัศมีเจิดจ้าแสบตา...และข้า จอมเวทย์ดำ

    ดาร์คอิงเรมนำมาซึ่งความหวาดกลัวของผู้คนทั้งหลายเมื่อมังกรดำตนนั้นได้บินฝ่าเขตแดนเข้ามาในเบอร์เรี่ยน...และเธอคนนั้น

    สีเงินอันบอบบางไม่ต่างจากตุ๊กตาแก้วที่ติดตามแผ่นหลังของดาร์คอิงเรมไม่ห่าง

    ชื่อของเธอคือ เฟอาลีน โฮลี่อัลเทีย...

    ไม่ว่าท่านจะเป็นใครก็ตาม จะเป็นจักรพรรดิปีศาจรีเฟมแอสเซน หรือจอมเวทย์ดำลีฮีเตอร์   ท่านก็คือผู้ชายคนเดียวที่ข้ารัก   ตั้งแต่อดีต...จนถึงวินาทีนี้

    เพียงคำพูดสั้นๆที่นางกล่าวพร้อมกับประทับจุมพิตเบาบางที่ริมฝีปาก เขาก็รู้สึกว่าโลกทั้งใบกำลังหยุดนิ่ง

    ต่อให้ต้องรออีกกี่ร้อยกี่พันปีก็ช่าง...แค่ได้พบเจ้า...แค่ได้มองเห็นรอยยิ้มของเจ้าที่มอบให้ข้าผู้เดียว

    ...ข้าก็ยินดีรอ...



    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------


           เป็นตอนพิเศษที่คิดขึ้นได้หลังอ่าน Sanctity Knight ของคุณ Finch DD จบค่ะ^^

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×