คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #40 : Mermaid and Wizard
นี่ข้า...อยู่ที่ใดกัน?
น้ำนี่! ดวงตาสีม่วงประกายสวยเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อรับรู้ถึงสัมผัสอันอ่อนโยนของสายน้ำอยู่รอบกาย คาร์เนียลองว่ายช้าๆวนไปรอบๆสระใหม่ที่ตัวเองเพิ่งถูกพาตัวลงมาพบว่ามันกว้างเสียจนเธอสามารถพลิกตัวทั้งซ้ายขวาหน้าหลังได้อย่างสบายๆ อีกทั้งยังมีความลึกไม่ต่ำกว่าสองเมตรครึ่งซึ่งเป็นอะไรที่กว้างขวางพอดูสำหรับเงือกฉลามที่มีความยาวหางมากกว่าเงือกทั่วไป น้ำในนี้เป็นน้ำทะเล คาร์เนียนึกสงสัยนักว่าเจ้าของปราสาทไปวิ่งวุ่นหาน้ำทะเลมาจากที่ใด แต่เมื่อนึกถึงเสียงคลื่นแว่วมาแต่ที่ไกลๆก็พอนึกออกว่าคฤหาสน์ของเจ้าราชาแวมไพร์ตั้งอยู่ติดกับชายทะเล
หญิงสาวว่ายวนไปเรื่อยๆจนกระทั่งร่างกายเริ่มที่จะชินกับสภาพน้ำแล้วจึงโผล่หัวขึ้นมาเหนือผิวน้ำ มองเห็นร่างในชุดสีดำสนิทตัวยาวของพ่อมดหน้าตายกำลังฟุบหลับในท่าที่เธอคิดว่าหมดรูปราชาพ่อมดที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
เส้นผมสีดำขลับส่วนหนึ่งของเขาทิ้งตัวลงระกับน้ำในสระ ใบหน้าที่ผ่อนคลายและปราศจากรังสีคุกคามเหมือนเมื่อตอนอยู่ในคุกใต้ดินทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าหากพวกพี่ๆทั้งหลายของเธอมาเห็นคนหลงหัวปักหัวปำแน่นอน
คาร์เนียว่ายเข้าไปใกล้ๆคนที่กำลังหลับสนิทก่อนจะขยับปากร้องเพลงกล่อมเบาๆ มนตราที่แผ่ออกมาจากเสียงเพลงอันหวานซึ้งนั้นก่อให้เกิดกระแสน้ำไหลวนรอบๆของเงือกสาว สายลมเย็นพัดเอื่อยร่วมกับเสียงเสียดสีเบาๆของใบไม้ราวกับท่วงทำนองแห่งธรรมชาติ
ว่ากันว่าเวทมนตร์ที่ร้ายกาจที่สุดของชาวเงือกคือสายน้ำ...
แต่เวทมนตร์ที่ร้ายกาจยิ่งกว่านั้นก็คือเสียงเพลง
เงือกแต่ละตนจะมีมนตราเสียงเพลงแตกต่างกัน บางตนสามารถควบคุมเหล่าปลาต่างๆได้ผ่านบทเพลง บางตนก็สร้างเกราะคุ้มกันได้ ยกเว้นแต่เพียงคาร์เนียเท่านั้นที่แตกต่างออกไป
เพราะพ่อของเธอคือพ่อมดทะเล...ชายผู้แลกเปลี่ยนวิญญาณกับแม่มดพรายสมุทรเพื่อให้ได้มาซึ่งร่างกายอันเป็นอมตะและมีท่อนหางเป็นมัจฉาเฉกเช่นเดียวกับชาวเงือก เขาแลกมันกับอิสรภาพในการเหยียบย่างบนผืนดินเพื่อปกป้องอันดิเนเวีย ดินแดนของหญิงที่เขารัก
พลังของเขาเป็นหนึ่งในสิ่งที่สืบทอดมายังเธอผู้เป็นสายเลือดหนึ่งเดียวของเขา นั่นทำให้เธอมีพลังแข็งแกร่งเทียบเท่ากับแม่มดพรายทะเล มีพลังในการควบคุมสายน้ำที่ชาวเงือกทั่วไปทำได้เพียงเปลี่ยนมันเป็นอาวุธในมือและสร้างกระแสน้ำเล็กๆเท่านั้น นอกจากนั้นเสียงเพลงของเธอยังมีอำนาจหลากหลาย ขึ้นอยู่กับจิตใจและความประสงค์ของเธอว่าต้องการให้ผลเป็นเช่นไร
เพียงกระซิบแค่ถ้อยคำแผ่วเบา หากว่าเธอต้องการจะให้คนคนนั้น ‘ตาย’ มันก็จะตายดังปรารถนา
เมื่อบทเพลงอันหวานซึ้งจบลง นัยน์ตาสีแดงเพลิงของคนที่คิดว่ากำลังหลับอยู่ก็ค่อยๆลืมขึ้น อารามด้วยความตกใจคาร์เนียจึงผลุบลงไปในน้ำอย่างรวดเร็วเสียจนหยุดน้ำเม็ดใหญ่กระเซ็นต้องใบหน้าคมคายของประมุขของผู้ใช้เวทมนตร์ทั้งปวง ความเค็มจากน้ำทะเลที่เข้าตาโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้ชายหนุ่มร้องครางๆเบากับความแสบของเกลือเข้มข้น แล้วไม่กี่อึดใจต่อมาเขาก็รับรู้ถึงสายน้ำบริสุทธิ์สายเล็กๆกำลังชะล้างเอาน้ำเกลือเหล่านั้นออกไป เมื่อลืมตาขึ้นหลังจากกระแสน้ำนั้นจางหายไปแล้วเขาก็พบกับดวงตาสีม่วงกลมโตคู่สวยยิ่งกว่าอัญมณีเม็ดใดๆกำลังจ้องมองด้วยแววตาแฝงความตื่นกลัว
“หายแสบตาหรือยัง?” เสียงหวานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เจือความรู้สึกผิดคล้ายกับเด็กที่ทำอะไรผิดซักอย่าง
พ่อมดเสกลมร้อนขึ้นที่ฝ่ามือและเป่าให้เส้นผมสีเปียกลู่แนบหน้าแห้งสนิท “ไนซาเรสหลับไปแล้ว หมอนั่นก็เลยให้ฉันมาเฝ้าแทน”
“เจ้าราชาขี้เซานั่นน่ะเหรอจะยอมพลาดเวลานอนของเขา” เงือกสาวโบกหางที่อยู่ในน้ำช้าๆ ราชาพ่อมดแย้มยิ้มบางกับความนัยที่แฝงอยู่ในประโยคต่อว่านั้น ได้ยินว่าพวกเงือกสามารถรับรู้ความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตรอบข้างได้ดีและตัวเขาเองก็ประจักษ์กับตนเองมาแล้วก่อนหน้านี้ เธอรับรู้ว่าไนซาเรสต้องลำบากแค่ไหนกับการจัดการเรื่องของการมาเยือนจากต่างเผ่าพันธุ์ซึ่งกำลังมีปัญหาอยู่ในตอนนี้ จึงยอมให้อีกฝ่ายนอนหลับอย่างสงบสุขในโลงส่วนตัวของเขาโดยไม่วายแอบจิกด่าอีกเล็กน้อย
“ฉันจะเข้าไปในเมือง สนใจมั้ย?” พ่อมดเอ่ยพร้อมกับหยิบเสื้อผ้าซึ่งไนซาเรสได้เตรียมเอาไว้ให้แล้วขึ้นมา คาร์เนียยิ้มกว้าง ไม่รอช้าที่จะใช้แรงแขนเหวี่ยงร่างตัวเองขึ้นมานั่งบนขอบสระได้อย่างง่ายดาย เมื่อหางเรียวสีเงินต้องแสงแดดจ้ายามสายก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นขาเรียวผ่อง เท่านั้นล่ะคุณพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ก็รีบโยนเสื้อคลุมให้สาวเจ้าใส่แทบไม่ทัน
พระเจ้า...เขาอยากจะจับพระราชาแห่งอันดิเนเวียมาเทศน์ซักรอบ ที่วังใต้สมุทรเดี๋ยวนี้ไม่สอนกุลสตรีบ้างรึไงหา!
หญิงสาวพันหน้าอกด้วยผ้ายืดสีขาวแล้วสวมทับด้วยเสื้อยืดสีขาว จากนั้นก็สวมเสื้อโค้ทสีน้ำเงินตัวยาวทับอีกชั้นหนึ่ง ส่วนล่างนั้นทีแรกสาวเจ้าบอกว่าจะไม่ใส่ ทำเอาเหล่าแวมไพร์ใต้อาณัติของไนซาเรสที่เดินผ่านมาถึงกับพุ่งถลาเข้ามาแทบเท้าสาวเจ้าทั้งน้ำตา
คนหนึ่งแอบกระซิบกับเขาว่าถ้าดูแลคุณเธอไม่ดีท่านซาเรสของพวกเขาจะเชือดเอาน่ะสิครับ
อืมม์ เขาก็พอเข้าใจนิสัยของหมอนี่อยู่หรอก แต่แบบนี้มันหวงไปมั้ย?
“ป่ะ” หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีขาวยังคงยิ้มแฉ่งโดยไม่รู้ตัวซักนิดว่าเกือบจะทำให้มื้อเย็นวันนี้มีเนื้อแวมไพร์กระทะร้อนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเมนูแล้ว
คาร์เนียค่อนข้างเคยชินกับชีวิตบนบกในฐานะมนุษย์ เพราะว่าเธอเป็นหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนซึ่งบางครั้งจะต้องขึ้นมาลาดตระเวนบนเกาะหรือชายฝั่งที่อยู่ภายใต้อาณาเขตของอันดิเนเวีย นั่นทำให้เธอและคนในหน่วยต้องฝึกฝนการเคลื่อนไหวโดยใช้เท้า ทั้งการเดิน การวิ่งหรืออื่นๆให้คล่องแคล่ว เป็นเงือกส่วนน้อยที่เมื่อขึ้นมาบนบกแล้วสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว
แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่เคยได้เข้ามายังใจกลางเมืองของพวกมนุษย์ซักครั้ง
ดวงตาสีอเมธิสต์จ้องมองตึกสูงและผู้คนที่เดินสัญจรไปมาผ่านกระจกติดฟิล์มของรถยนต์ด้วยแววตาสนอกสนใจ ท่าทางเหมือนเด็กน้อยที่ได้ออกมาดูโลกกว้างของเจ้าหญิงเงือกผู้ประพฤติตนไม่เหมือนชนชั้นสูงอย่างยิ่ง (โดยเฉพาะในสายตาของเรเวน) ทำให้พ่อมดอดระบายรอยยิ้มจางออกมาไม่ได้
แต่เมื่อนึกถึงสายตาเหี้ยมเกรียมตอนที่เจอกันครั้งแรกกับจิตสังหารสุดยอดของเจ้าตัวแล้วเขาขอบายดีกว่า
“แล้วนี่เจ้าจะไปไหนกัน?” คาร์เนียละสายตาจากทิวทัศน์แปลกตารอบข้างแล้วหันมาถามคนขับ
“อาหารปลา...อั่ก!!!”
พูดจบยังไม่ทันได้หายใจพ่อมดหนุ่มก็ต้องร้องอั่กเมื่อถูกกำปั้นหนักๆของสาวเจ้าซัดเข้าที่ไหล่จนรู้สึกชาดิก โอ ให้ตาย...ไหล่จะหลุดมั้ยเนี่ย
“ข้าไม่ใช่ปลาทองโง่ๆในโหลแก้วนะยะ!!!”
พอเท๊อะ!!!
นี่เป็นนิยายสั้นๆที่แวบขึ้นมาในหัวตอนกำลังหารูปไปแต่งนิยายน่ะค่ะ เป็นเรื่องของเจ้าหญิงเงือก (ผู้ไม่เป็นกุลสตรี) พ่อมด (ที่ดูคล้ายเบ๊ก้นครัวชอบกล) และแวมไพร์ (ผู้นอกจากการกินกับนอนแล้วได้แต่ต่อยตี ตะลุมบอนกับนักเลงไปวันๆ)
อ่านเล่นไปพลางๆแล้วกันเนอะ
ความคิดเห็น