ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังเก็บนิยายตามใจฉัน

    ลำดับตอนที่ #39 : [Fic Captain America] Memory of Winter

    • อัปเดตล่าสุด 1 ต.ค. 57


     






     

     

    การใช้ชีวิตแบบ ปกติคืออะไร?

     

    คำถามนั้นเธอได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปมาตั้งแต่จำความได้โดยที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆกลับมาหรือแม้กระทั่งการพยักหน้ารับ...

     

    ชีวิตในวัยเด็กของเธอเริ่มต้นขึ้นที่ค่ายทหาร...ตอนนั้นเอลิเซ่เพิ่งสิบขวบเมื่อเธอถูกจับให้ฝึกยิงปืนเป็นครั้งแรก   ตอนสิบสามขวบก็ถูกจับไปโยนไว้กลางป่าทางตอนเหนือของยุโรปที่ทั้งหนาวจัด เต็มไปด้วยกับดักระเบิดและมีสัตว์ป่าดุร้ายอย่างหมี เสือดาวหิมะและเลวร้ายที่สุดก็คือพวกหมาป่าที่หิวโซ

     

    การฝึกแบบสุดโหดค่อยๆหล่อหลอมให้เธอกลายเป็นสุดยอดนักฆ่าและนักอำพรางตัว   เธอมีประสาทสัมผัสทั้งห้าที่ไวกว่าคนปกติทั่วไปถึงห้าเท่า   เพียงแค่เสียงเข็มที่ตกกระทบพื้นห่างออกไปราวสองสามเมตรเธอยังได้ยินชัดเจนเหมือนมันมาตกอยู่ข้างๆหู

     

    เอลิเซ่แทบไม่เคยได้ใช้ชีวิตปกติสุขเหมือนเด็กผู้หญิงในวัยเดียวกันเลย

     

    เธอสูญเสียพ่อไปในสงครามและสูญเสียแม่ในเวลาไล่เลี่ยกัน   หลังจากนั้นคุณลุงซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆของแม่ก็รับเธอไปอุปถัมภ์เลี้ยงดู

     

    มันติดที่ว่าลุงของเธอไม่ค่อย...เอาเป็นว่าเขาไม่เหมือนกันคนทั่วไปก็แล้วกัน

     

    และเป็นเขานี่ล่ะที่จับเธอเข้ารับการฝึกโหดที่สาหัสยิ่งกว่าทหารทั่วไปตั้งแต่ยังเด็กๆ

     

    เขาเป็นนายทหารระดับสูงของกองทัพเยอรมันที่นำโดยฮิตเลอร์   ด้วยงานที่มากเกินกว่าจะเดินทางไปกลับจากเบอร์ลินมายังเดรสเดนได้ทุกๆเดือนหรือสองเดือนครั้งทำให้เอลิเซ่ต้องอยู่ในโรงเรียนประจำชื่อดังของเยอรมนี   และเป็นที่แน่นอนว่าเธอเข้าเรียนในฐานะ เอลิเซ่ ชมิดท์หลานสาวเพียงคนเดียวของหัวหน้าหน่วยไฮดร้าที่มีอำนาจสูงสุดเป็นรองเพียงฮิตเลอร์

     

    ไม่เป็นอันเรียนเลยตอนที่เข้ามาวันแรก...

     

    คุณลุงอยากให้เธอมีสังคมเหมือนกับเด็กผู้หญิงในวัยเดียวกันบ้าง ประกอบกับเขาไม่อยากให้เธออยู่ที่บ้านคนเดียวโดยไม่มีผู้ปกครองดูแลก็เลยส่งเธอเข้ามาเรียนที่นี่   แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่รู้ๆกันดีและแม้จะไม่ได้เอ่ยปากออกมาเธอก็เข้าใจได้อย่างถ่องแท้

     

    เธอจำเป็นต้องเรียนรู้การแฝงตัวอยู่ในกลุ่มคน...

     

     

    นักฆ่าที่ดีต้องทำงานได้ในทุกๆสถานการณ์ซึ่งเธอได้ผ่านการฝึกนรกเพื่อรับมือกับสถานที่แบบสุดขั้วอย่างในป่าหรือกลางสภาวะที่อุณหภูมิติดลบนับสิบองศามาแล้ว   แต่ไม่ใช่กับสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนอย่างโรงเรียนหญิงล้วนชวาสไตน์แห่งนี้

     

    ปกตินักเรียนทุกคนจะต้องตื่นในเวลาหกโมงถึงหกโมงครึ่ง แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนลงมาเข้าโบสถ์ในเวลาเจ็ดโมง   แต่ตารางชีวิตของเธอเริ่มต้นขึ้นในเวลาตีห้าของทุกวัน   เอลิเซ่จะออกมาวิ่งออกกำลังกายรอบโรงเรียนเหมือนครั้งที่เคยถูกฝึกอยู่ที่ค่ายทหาร   ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงในการวิ่งรวมๆยี่สิบกิโลเมตร   แต่ระดับนี้ถือว่ายังน้อยเมื่อเทียบกับตอนที่เธออยู่ในค่ายฝึกหน่วยรบพิเศษของไฮดร้า  

     

    ให้เด็กผู้หญิงอายุสิบขวบวิ่งรอบค่ายวันละรอบ   คิดดูแล้วกันว่าโหดมั้ย...

     

    “...อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเอลิเซ่”

     

    เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองคนหนึ่งชะโงกหน้าออกมาด้วยสีหน้างัวเงียเมื่อเธอเดินกลับห้องพักภายในหอนักเรียน

     

    “อรุณสวัสดิ์จ้ะวาเลนติน่า” เอลิเซ่ขยับยิ้มบางให้กับเพื่อนร่วมคลาสเดียวกันอย่างเป็นมิตร

     

    วาเลนติน่า วอร์เดน เป็นเด็กสาววัยสิบเจ็ดที่หน้าตาสะสวยคนหนึ่ง   พ่อบุญธรรมของเธอเป็นนายทหารระดับสูงที่ทำงานใกล้ชิดกับฮิตเลอร์เช่นเดียวกับเอลิเซ่ทำให้เด็กทั้งสองสนิทกันโดยปริยายเนื่องจากได้เจอหน้าค่าตากันบ่อยๆในงานเลี้ยงของทหารในกองทัพ

     

    นอกจากนั้นเธอคนนี้ยังเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เธอมีในโรงเรียนด้วย

     

    แต่ใครจะรู้ว่าเด็กคนนี้เองก็เป็นถึงลูกนอกสมรสลับๆของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์...

     

    เธอเองก็เพิ่งรู้ความลับนี้ตอนที่เห็นวาเลนติน่าเปิดล็อกเกตในห้องออก   ในนั้นคือรูปถ่ายคู่ของหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งกับชายหนุ่มผู้ซึ่งตอนนี้เป็นผู้นำสูงสุดของเยอรมนี   แต่ดูจากใบหน้าของเขาที่ดูอ่อนเยาว์กว่าตอนที่เธอเคยเห็นมากทำให้เธอรู้ว่าเขาน่าจะยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่วงการการเมืองอย่างเต็มตัว   และเหมือนว่าแม่ของวาเลนน่าจะเป็นภรรยาคนแรกๆของเขาด้วย

     

    เจ็บปวดเหมือนกันนะที่รู้อยู่เต็มอกว่านั่นคือพ่อบังเกิดเกล้าแต่ไม่สามารถเข้าไปกอดหรือเข้าไปทักทายได้เลย...

     

    “พรุ่งนี้จะเป็นวันจบแล้วสินะ” วาเลนติน่าพึมพำเบาๆขณะที่ทั้งสองกำลังเดินลงไปยังโบสถ์ด้านล่าง   เอลิเซ่พยักหน้ารับแล้วกวาดสายตามองกลุ่มนักเรียนหญิงกำลังทยอยเข้ามานั่งในโบสถ์ด้วยความรู้สึกใจหายเล็กๆ

     

    แม้ว่าเธอจะเข้ามาเรียนที่นี่เพื่อทำงาน...แต่ในเวลาสามปีก็ให้เธอผูกพันกับที่นี่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน

     

    นักขับร้องประสานเสียงในชุดคลุมสีดำแดงขยับเข้ามายืนประจำที่และขับขานบทเพลงสรรเสริญพระเจ้า   ทุกคนที่อยู่ในโบสถ์เงียบสงัดและมีแต่เสียงเพลงอันไพเราะเท่านั้นที่ยังดังก้องกังวาน   ก่อให้เกิดบรรยากาศอันอบอุ่นและรู้สึกได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด   เอลิเซ่ช้อนดวงตาขึ้นมองภาพกระจกโมเสกรูปพระแม่มารีที่กำลังอุ้มพระกุมารด้านหลังแท่นประกอบพิธี   นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างฉายแววตกตะลึงเมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งในชุดที่ค่อนข้างหรูหราพอควรกำลังลอบหยิบปืนกระบอกหนึ่งออกมาจากใต้เสื้อคลุม

     

    ...แล้วเล็งมายังวาเลนติน่าที่กำลังก้มหน้าภาวนาต่อพระเจ้า!

     

    เปรี้ยง!

     

    เสียงปืนดังลั่นเรียกให้นักเรียนและอาจารย์ที่กำลังภาวนาอยู่สะดุ้งพร้อมทั้งส่งเสียงกรี๊ดด้วยความตื่นตระหนก   ทุกอย่างอยู่ในความชุลมุนเป็นอย่างมากทำให้เจ้าของปืนที่ยิงมาเมื่อกี้มีโอกาสหลบหนีออกไปข้างนอก   ทว่านักฆ่าที่ฝึกฝนมาอย่างดีกลับไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นง่ายๆ

     

    เด็กสาวหยิบปืนกระบอกหนึ่งที่ซ่อนอยู่ใต้กระโปรงออกมาและยิงสกัดไม่ให้คนร้ายหนีออกไป   แต่ดูเหมือนฝ่ายนั้นก็ไม่ยอมง่ายๆเช่นกัน   เจ้าหล่อนหันมาและยิงสวนกลับอีกหลายนัด   บีบให้เอลิเซ่ต้องก้มลงหลบด้านหลังเก้าอี้ไม้อย่างช่วยไม่ได้

     

    เป้าหมายของมันคือฆ่าวาเลน...   เอลิเซ่เป็นนักฆ่ามานานและเธอรู้ดี   ฝ่ายนั้นจะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะได้ดับลมหายใจเพื่อนสนิทของเธอก่อนจะปลิดชีวิตตัวเองตามไป

     

    “เอลิเซ่! แขนเธอ...” เด็กสาวผมสีบลอนด์เบิกตากว้าง   เธอก้มลงและพบว่าแขนซ้ายของเธอถูกยิงเข้า   ทำให้เลือดสีเข้มกระจายตัวออกเป็นวงกว้างบนแขนเสื้ออย่างเห็นได้ชัดเจน  

     

    เด็กสาวเม้มปากอย่างตัดสินใจ “วาเลน...หลบอยู่ตรงนี้เข้าใจมั้ย”

     

    “แต่ว่า...”

     

    “เป้าหมายของมันคือเธอ...ไม่ใช่ฉัน” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น “หลบอยู่นี่อย่าไปไหนทั้งนั้น”

     

    ร่างบางค่อยๆลุกขึ้นยืนเต็มความสูง   คนร้ายเป็นหญิงสาวที่แต่งหน้าจัดจ้านในเครื่องแบบสีกากีคล้ายทหาร   เจ้าหล่อนแสยะยิ้มแล้วเล็งปืนมาทางเอลิเซ่อีกหนทว่าเด็กสาวว่องไวพอที่จะวิ่งหลบได้ทัน   เธอหันกลับไปยิงอีกหนและคราวนี้โชคดีที่เข้าเป้า   กระสุนพุ่งทะลุไหล่ซ้ายเหนือหัวใจไปเพียงสี่นิ้วและส่งให้หญิงสาวคนนั้นล้มลงไปกองกับพื้น   เด็กสาวเจ้าของดวงตาสีครามนิ่วหน้าเมื่ออีกฝ่ายกรี๊ดและดิ้นพราดด้วยความเจ็บปวด

     

    เธอจงใจไม่ยิงจุดตาย...เพราะมีบางอย่างที่สำคัญมากกว่าการปลิดชีพศัตรู

     

    ร่างบางย่างสามขุมเข้ามาหาคนที่กำลังนอนจมกองเลือด   ปืนที่วางอยู่ไม่ไกลนักถูกเตะออกไปห่างๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะหันไปคว้ามายิงตอบ   เด็กสาวจ่อปากกระบอกปืนยังหน้าผากของอีกฝ่ายแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ใครส่งแกมา...”

     

    “แกไม่มีวันได้รู้หรอกนังหนู” เจ้าหล่อนแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม

     

    อืมม์...

     

    ปัง!

     

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!

     

    ครั้งนี้เธอลั่นกระสุนตรงไปยังฝ่ามือของอีกฝ่ายอย่างไม่ปรานี   ใบหน้าของเด็กสาวแทบไม่สะทกสะท้านเลยแม้ว่ากำลังมองดูผู้หญิงคนหนึ่งกำลังดิ้นพราดๆพลางกุมมือที่ถูกยิงเสียจนเป็นรู   ไม่รู้สึกรู้สาใดๆแม้จะเห็นเศษเนื้อและกระดูกขาวๆสาดกระจายอยู่บนพื้นตรงหน้าก็ตาม

     

    วาเลนติน่ายกมือขึ้นปิดปากไม่ให้หลุดส่งเสียงใดๆออกมาเมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า   สองแก้มของเธออาบไปด้วยน้ำตาเมื่อนึกถึงใบหน้าและน้ำเสียงอันเย็นชาของเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลประกายทองที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน   เธอพอรู้นะว่าเอลิเซ่อยู่ในวงการทหารนาซีมาก่อน

     

    แต่เธอไม่ยักรู้ว่าเพื่อนเธอพกปืนติดตัวมาด้วย!

     

    เธอไม่เคยเห็นเพื่อนรักในสภาพแบบนี้มาก่อน...เอลิเซ่ที่เธอรู้จักเป็นเด็กสาวขี้เซาที่มักจะหลับในเวลาเรียนบ่อยๆแต่เก่งกาจอย่างเหลือเชื่อ  

     

    เอลิเซ่ที่เธอ เคยรู้จักไม่ใช่คนที่นิ่งเฉยขณะยิงคนเป็นๆได้เหมือนกับเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้!

     

    “อย่านะ!!!” วาเลนติน่าถลาเข้าไปกอดเอวเพื่อนสนิทก่อนที่เอลิเซ่จะลั่นกระสุนปลิดชีพนักฆ่าที่ถูกส่งมา   เธอไม่อยากเห็นเพื่อนต้องกลายเป็นเครื่องจักรสังหารเหมือนเมื่อครู่นี้อีกแล้ว   มันไม่เหมือนมนุษย์...มันดูราวกับปีศาจร้ายที่เธอไม่อยากให้เพื่อนต้องตกอยู่ในสภาพนั้นอีก

     

    ดวงตาสีครามของเด็กสาวเหลือบมองคนที่กำลังกอดเอวอยู่ด้วยแววตาที่อ่อนลง   ทว่าปืนในมือก็ยังไม่ลดลงหรือเก็บเข้าซองแต่อย่างใด

     

    “แต่หล่อนจะฆ่าเธอนะ”

     

    “อย่านะเอลิเซ่...อย่าฆ่า...”

     

    เด็กสาวเหลือบมองร่างที่นอนคุดคู้อยู่กับพื้นกับสายตาเว้าวอนของเพื่อนสนิทแล้วก็ถอนหายใจยาวๆ   นี่ล่ะน้าถึงได้ไม่อยากเข้าสังคมกับใครเท่าไหร่   ทำเอาพาลใจอ่อนอยู่เรื่อยเลย   รู้ถึงไหนอายถึงนั่น...

     

    เพราะนักฆ่าไม่จำเป็นต้องมีหัวใจ...

     

    งานของเราคือสังหารผู้คน...ไม่ใช่เมตตาผู้คน

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×