คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #39 : [Fic Captain America] Memory of Winter
การใช้ชีวิตแบบ ‘ปกติ’ คืออะไร?
คำถามนั้นเธอได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปมาตั้งแต่จำความได้โดยที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆกลับมาหรือแม้กระทั่งการพยักหน้ารับ...
ชีวิตในวัยเด็กของเธอเริ่มต้นขึ้นที่ค่ายทหาร...ตอนนั้นเอลิเซ่เพิ่งสิบขวบเมื่อเธอถูกจับให้ฝึกยิงปืนเป็นครั้งแรก ตอนสิบสามขวบก็ถูกจับไปโยนไว้กลางป่าทางตอนเหนือของยุโรปที่ทั้งหนาวจัด เต็มไปด้วยกับดักระเบิดและมีสัตว์ป่าดุร้ายอย่างหมี เสือดาวหิมะและเลวร้ายที่สุดก็คือพวกหมาป่าที่หิวโซ
การฝึกแบบสุดโหดค่อยๆหล่อหลอมให้เธอกลายเป็นสุดยอดนักฆ่าและนักอำพรางตัว เธอมีประสาทสัมผัสทั้งห้าที่ไวกว่าคนปกติทั่วไปถึงห้าเท่า เพียงแค่เสียงเข็มที่ตกกระทบพื้นห่างออกไปราวสองสามเมตรเธอยังได้ยินชัดเจนเหมือนมันมาตกอยู่ข้างๆหู
เอลิเซ่แทบไม่เคยได้ใช้ชีวิตปกติสุขเหมือนเด็กผู้หญิงในวัยเดียวกันเลย
เธอสูญเสียพ่อไปในสงครามและสูญเสียแม่ในเวลาไล่เลี่ยกัน หลังจากนั้นคุณลุงซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆของแม่ก็รับเธอไปอุปถัมภ์เลี้ยงดู
มันติดที่ว่าลุงของเธอไม่ค่อย...เอาเป็นว่าเขาไม่เหมือนกันคนทั่วไปก็แล้วกัน
และเป็นเขานี่ล่ะที่จับเธอเข้ารับการฝึกโหดที่สาหัสยิ่งกว่าทหารทั่วไปตั้งแต่ยังเด็กๆ
เขาเป็นนายทหารระดับสูงของกองทัพเยอรมันที่นำโดยฮิตเลอร์ ด้วยงานที่มากเกินกว่าจะเดินทางไปกลับจากเบอร์ลินมายังเดรสเดนได้ทุกๆเดือนหรือสองเดือนครั้งทำให้เอลิเซ่ต้องอยู่ในโรงเรียนประจำชื่อดังของเยอรมนี และเป็นที่แน่นอนว่าเธอเข้าเรียนในฐานะ ‘เอลิเซ่ ชมิดท์’ หลานสาวเพียงคนเดียวของหัวหน้าหน่วยไฮดร้าที่มีอำนาจสูงสุดเป็นรองเพียงฮิตเลอร์
ไม่เป็นอันเรียนเลยตอนที่เข้ามาวันแรก...
คุณลุงอยากให้เธอมีสังคมเหมือนกับเด็กผู้หญิงในวัยเดียวกันบ้าง ประกอบกับเขาไม่อยากให้เธออยู่ที่บ้านคนเดียวโดยไม่มีผู้ปกครองดูแลก็เลยส่งเธอเข้ามาเรียนที่นี่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่รู้ๆกันดีและแม้จะไม่ได้เอ่ยปากออกมาเธอก็เข้าใจได้อย่างถ่องแท้
เธอจำเป็นต้องเรียนรู้การแฝงตัวอยู่ในกลุ่มคน...
นักฆ่าที่ดีต้องทำงานได้ในทุกๆสถานการณ์ซึ่งเธอได้ผ่านการฝึกนรกเพื่อรับมือกับสถานที่แบบสุดขั้วอย่างในป่าหรือกลางสภาวะที่อุณหภูมิติดลบนับสิบองศามาแล้ว แต่ไม่ใช่กับสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนอย่างโรงเรียนหญิงล้วนชวาสไตน์แห่งนี้
ปกตินักเรียนทุกคนจะต้องตื่นในเวลาหกโมงถึงหกโมงครึ่ง แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนลงมาเข้าโบสถ์ในเวลาเจ็ดโมง แต่ตารางชีวิตของเธอเริ่มต้นขึ้นในเวลาตีห้าของทุกวัน เอลิเซ่จะออกมาวิ่งออกกำลังกายรอบโรงเรียนเหมือนครั้งที่เคยถูกฝึกอยู่ที่ค่ายทหาร ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงในการวิ่งรวมๆยี่สิบกิโลเมตร แต่ระดับนี้ถือว่ายังน้อยเมื่อเทียบกับตอนที่เธออยู่ในค่ายฝึกหน่วยรบพิเศษของไฮดร้า
ให้เด็กผู้หญิงอายุสิบขวบวิ่งรอบค่ายวันละรอบ คิดดูแล้วกันว่าโหดมั้ย...
“...อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเอลิเซ่”
เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองคนหนึ่งชะโงกหน้าออกมาด้วยสีหน้างัวเงียเมื่อเธอเดินกลับห้องพักภายในหอนักเรียน
“อรุณสวัสดิ์จ้ะวาเลนติน่า” เอลิเซ่ขยับยิ้มบางให้กับเพื่อนร่วมคลาสเดียวกันอย่างเป็นมิตร
วาเลนติน่า วอร์เดน เป็นเด็กสาววัยสิบเจ็ดที่หน้าตาสะสวยคนหนึ่ง พ่อบุญธรรมของเธอเป็นนายทหารระดับสูงที่ทำงานใกล้ชิดกับฮิตเลอร์เช่นเดียวกับเอลิเซ่ทำให้เด็กทั้งสองสนิทกันโดยปริยายเนื่องจากได้เจอหน้าค่าตากันบ่อยๆในงานเลี้ยงของทหารในกองทัพ
นอกจากนั้นเธอคนนี้ยังเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เธอมีในโรงเรียนด้วย
แต่ใครจะรู้ว่าเด็กคนนี้เองก็เป็นถึงลูกนอกสมรสลับๆของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์...
เธอเองก็เพิ่งรู้ความลับนี้ตอนที่เห็นวาเลนติน่าเปิดล็อกเกตในห้องออก ในนั้นคือรูปถ่ายคู่ของหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งกับชายหนุ่มผู้ซึ่งตอนนี้เป็นผู้นำสูงสุดของเยอรมนี แต่ดูจากใบหน้าของเขาที่ดูอ่อนเยาว์กว่าตอนที่เธอเคยเห็นมากทำให้เธอรู้ว่าเขาน่าจะยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่วงการการเมืองอย่างเต็มตัว และเหมือนว่าแม่ของวาเลนน่าจะเป็นภรรยาคนแรกๆของเขาด้วย
เจ็บปวดเหมือนกันนะที่รู้อยู่เต็มอกว่านั่นคือพ่อบังเกิดเกล้าแต่ไม่สามารถเข้าไปกอดหรือเข้าไปทักทายได้เลย...
“พรุ่งนี้จะเป็นวันจบแล้วสินะ” วาเลนติน่าพึมพำเบาๆขณะที่ทั้งสองกำลังเดินลงไปยังโบสถ์ด้านล่าง เอลิเซ่พยักหน้ารับแล้วกวาดสายตามองกลุ่มนักเรียนหญิงกำลังทยอยเข้ามานั่งในโบสถ์ด้วยความรู้สึกใจหายเล็กๆ
แม้ว่าเธอจะเข้ามาเรียนที่นี่เพื่อทำงาน...แต่ในเวลาสามปีก็ให้เธอผูกพันกับที่นี่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน
นักขับร้องประสานเสียงในชุดคลุมสีดำแดงขยับเข้ามายืนประจำที่และขับขานบทเพลงสรรเสริญพระเจ้า ทุกคนที่อยู่ในโบสถ์เงียบสงัดและมีแต่เสียงเพลงอันไพเราะเท่านั้นที่ยังดังก้องกังวาน ก่อให้เกิดบรรยากาศอันอบอุ่นและรู้สึกได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด เอลิเซ่ช้อนดวงตาขึ้นมองภาพกระจกโมเสกรูปพระแม่มารีที่กำลังอุ้มพระกุมารด้านหลังแท่นประกอบพิธี นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างฉายแววตกตะลึงเมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งในชุดที่ค่อนข้างหรูหราพอควรกำลังลอบหยิบปืนกระบอกหนึ่งออกมาจากใต้เสื้อคลุม
...แล้วเล็งมายังวาเลนติน่าที่กำลังก้มหน้าภาวนาต่อพระเจ้า!
เปรี้ยง!
เสียงปืนดังลั่นเรียกให้นักเรียนและอาจารย์ที่กำลังภาวนาอยู่สะดุ้งพร้อมทั้งส่งเสียงกรี๊ดด้วยความตื่นตระหนก ทุกอย่างอยู่ในความชุลมุนเป็นอย่างมากทำให้เจ้าของปืนที่ยิงมาเมื่อกี้มีโอกาสหลบหนีออกไปข้างนอก ทว่านักฆ่าที่ฝึกฝนมาอย่างดีกลับไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นง่ายๆ
เด็กสาวหยิบปืนกระบอกหนึ่งที่ซ่อนอยู่ใต้กระโปรงออกมาและยิงสกัดไม่ให้คนร้ายหนีออกไป แต่ดูเหมือนฝ่ายนั้นก็ไม่ยอมง่ายๆเช่นกัน เจ้าหล่อนหันมาและยิงสวนกลับอีกหลายนัด บีบให้เอลิเซ่ต้องก้มลงหลบด้านหลังเก้าอี้ไม้อย่างช่วยไม่ได้
เป้าหมายของมันคือฆ่าวาเลน... เอลิเซ่เป็นนักฆ่ามานานและเธอรู้ดี ฝ่ายนั้นจะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะได้ดับลมหายใจเพื่อนสนิทของเธอก่อนจะปลิดชีวิตตัวเองตามไป
“เอลิเซ่! แขนเธอ...” เด็กสาวผมสีบลอนด์เบิกตากว้าง เธอก้มลงและพบว่าแขนซ้ายของเธอถูกยิงเข้า ทำให้เลือดสีเข้มกระจายตัวออกเป็นวงกว้างบนแขนเสื้ออย่างเห็นได้ชัดเจน
เด็กสาวเม้มปากอย่างตัดสินใจ “วาเลน...หลบอยู่ตรงนี้เข้าใจมั้ย”
“แต่ว่า...”
“เป้าหมายของมันคือเธอ...ไม่ใช่ฉัน” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น “หลบอยู่นี่อย่าไปไหนทั้งนั้น”
ร่างบางค่อยๆลุกขึ้นยืนเต็มความสูง คนร้ายเป็นหญิงสาวที่แต่งหน้าจัดจ้านในเครื่องแบบสีกากีคล้ายทหาร เจ้าหล่อนแสยะยิ้มแล้วเล็งปืนมาทางเอลิเซ่อีกหนทว่าเด็กสาวว่องไวพอที่จะวิ่งหลบได้ทัน เธอหันกลับไปยิงอีกหนและคราวนี้โชคดีที่เข้าเป้า กระสุนพุ่งทะลุไหล่ซ้ายเหนือหัวใจไปเพียงสี่นิ้วและส่งให้หญิงสาวคนนั้นล้มลงไปกองกับพื้น เด็กสาวเจ้าของดวงตาสีครามนิ่วหน้าเมื่ออีกฝ่ายกรี๊ดและดิ้นพราดด้วยความเจ็บปวด
เธอจงใจไม่ยิงจุดตาย...เพราะมีบางอย่างที่สำคัญมากกว่าการปลิดชีพศัตรู
ร่างบางย่างสามขุมเข้ามาหาคนที่กำลังนอนจมกองเลือด ปืนที่วางอยู่ไม่ไกลนักถูกเตะออกไปห่างๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะหันไปคว้ามายิงตอบ เด็กสาวจ่อปากกระบอกปืนยังหน้าผากของอีกฝ่ายแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ใครส่งแกมา...”
“แกไม่มีวันได้รู้หรอกนังหนู” เจ้าหล่อนแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม
อืมม์...
ปัง!
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!”
ครั้งนี้เธอลั่นกระสุนตรงไปยังฝ่ามือของอีกฝ่ายอย่างไม่ปรานี ใบหน้าของเด็กสาวแทบไม่สะทกสะท้านเลยแม้ว่ากำลังมองดูผู้หญิงคนหนึ่งกำลังดิ้นพราดๆพลางกุมมือที่ถูกยิงเสียจนเป็นรู ไม่รู้สึกรู้สาใดๆแม้จะเห็นเศษเนื้อและกระดูกขาวๆสาดกระจายอยู่บนพื้นตรงหน้าก็ตาม
วาเลนติน่ายกมือขึ้นปิดปากไม่ให้หลุดส่งเสียงใดๆออกมาเมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า สองแก้มของเธออาบไปด้วยน้ำตาเมื่อนึกถึงใบหน้าและน้ำเสียงอันเย็นชาของเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลประกายทองที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน เธอพอรู้นะว่าเอลิเซ่อยู่ในวงการทหารนาซีมาก่อน
แต่เธอไม่ยักรู้ว่าเพื่อนเธอพกปืนติดตัวมาด้วย!
เธอไม่เคยเห็นเพื่อนรักในสภาพแบบนี้มาก่อน...เอลิเซ่ที่เธอรู้จักเป็นเด็กสาวขี้เซาที่มักจะหลับในเวลาเรียนบ่อยๆแต่เก่งกาจอย่างเหลือเชื่อ
เอลิเซ่ที่เธอ ‘เคย’ รู้จักไม่ใช่คนที่นิ่งเฉยขณะยิงคนเป็นๆได้เหมือนกับเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้!
“อย่านะ!!!” วาเลนติน่าถลาเข้าไปกอดเอวเพื่อนสนิทก่อนที่เอลิเซ่จะลั่นกระสุนปลิดชีพนักฆ่าที่ถูกส่งมา เธอไม่อยากเห็นเพื่อนต้องกลายเป็นเครื่องจักรสังหารเหมือนเมื่อครู่นี้อีกแล้ว มันไม่เหมือนมนุษย์...มันดูราวกับปีศาจร้ายที่เธอไม่อยากให้เพื่อนต้องตกอยู่ในสภาพนั้นอีก
ดวงตาสีครามของเด็กสาวเหลือบมองคนที่กำลังกอดเอวอยู่ด้วยแววตาที่อ่อนลง ทว่าปืนในมือก็ยังไม่ลดลงหรือเก็บเข้าซองแต่อย่างใด
“แต่หล่อนจะฆ่าเธอนะ”
“อย่านะเอลิเซ่...อย่าฆ่า...”
เด็กสาวเหลือบมองร่างที่นอนคุดคู้อยู่กับพื้นกับสายตาเว้าวอนของเพื่อนสนิทแล้วก็ถอนหายใจยาวๆ นี่ล่ะน้าถึงได้ไม่อยากเข้าสังคมกับใครเท่าไหร่ ทำเอาพาลใจอ่อนอยู่เรื่อยเลย รู้ถึงไหนอายถึงนั่น...
เพราะนักฆ่าไม่จำเป็นต้องมีหัวใจ...
งานของเราคือสังหารผู้คน...ไม่ใช่เมตตาผู้คน
ความคิดเห็น