ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังเก็บนิยายตามใจฉัน

    ลำดับตอนที่ #38 : [Fic Harry] The Girl Who Lost

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ย. 57




     

     

    Project: Another Story

     

    By StrayCat


     

     


    ลิเลียน่าไม่เคยลืม...
     

    เธอไม่เคยลืมเลือนช่วงเวลาอันแสนสุขบนบ้านที่เป็นดั่งสรวงสรรค์นั้น...
     

    เธอคือลิเลียน่า โอดินดอททรี บุตรีคนสุดท้ายแห่งพระบิดาโอดิน   ขนิษฐาแห่งธอร์และโลกิ   เมื่อครั้งวัยเยาว์เธอแอบลงมายังมิดการ์ดเพียงลำพัง   เปลี่ยนความทรงจำของครอบครัวชาวมิดการ์เดี้ยนครอบครัวหนึ่งว่าเธอเป็นลูกสาวของพวกเขา...และเป็นน้องสาวของลูกที่แท้จริงอย่างเพ็ตทูเนีย   เปลี่ยนตัวตนของเธอให้กลายเป็น ลิลี่ เอฟเวนท์
     

    ที่นี่เธอจะเป็นเพียงชาวมิดการ์ดที่มีเวทมนตร์และถูกเรียกว่า แม่มด   เธอได้รับจดหมายจากโรงเรียนพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ให้ไปเข้าเรียนที่นั่น   อันที่จริงเธอไม่มีความจำเป็นเลยที่ต้องไปเรียนเวทมนตร์เพราะเธอถือกำเนิดมากับพลังอันมหาศาลในฐานะของบุตรีของบิดาแห่งสรรพสิ่งอยู่แล้ว   แต่เพราะว่าความรู้สึกบางอย่าง...เธอจึงตอบรับจดหมาย
     

    ชีวิตในรั้วโรงเรียนของมิดการ์เดี้ยนผู้มีเวทมนตร์เป็นเรื่องที่แปลกใหม่สำหรับลิเลียน่าผู้เติบโตมาในรั้วราชวงศ์   เธอมีเพื่อนมากมาย...และที่สำคัญ...
     

    เธอได้พบกับคนที่เธอรัก...

     

     

     

    มือบอบบางลูบแก้มยุ้ยของเด็กทารกเพศหญิงวัยขวบปีที่กำลังยืนอยู่ในเปลเด็กอ่อนพร้อมกับระบายรอยยิ้มอ่อนโยนทั้งน้ำตาอาบสองแก้ม...รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรักอย่างหมดหัวใจและเคลือบแฝงเอาไว้ด้วยความอาลัยอาวรณ์
     

    “เรารักลูก...เรารักลูกมาก...แม่รักลูกมากนะเลทีเซีย...” เสียงหวานของหญิงสาวเอ่ยกับลูกสาววัยขวบเดียวทั้งน้ำตา
     

    “เลทิเซีย...ชื่อของลูกคือ เลทิเซีย เจมส์ดอททรี พอตเตอร์   ลูกคือชาวแอสการ์ดและเป็นองค์หญิงของโลกทั้งเก้า   ในวันข้างหน้าลูกจะต้องเข้มแข็ง...”

    .

    .

    .

    “แม่จะอยู่ข้างๆลูกเสมอ...”
     

    อะวาดาเคดาฟรา!!!

     

     

     


     

    “ที่นี่น่ะรึ?”
     

    ชายหนุ่มร่างผอมสูงเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะจับจ้องไปยังบ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า   สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงความเงียบสงัดอย่างผิดธรรมชาติ   หลังคาบ้านที่ถูกทำลายจนเป็นรูเบ้อเริ่มยิ่งทำให้เขารู้สึกใจไม่ดี
     

    “เฮล์มดัลล์บอกว่าสถานที่สุดท้ายที่เขารับรู้ถึงพลังของลิเลียน่าคือที่นี่” ชายร่างสูงกำยำเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองสว่างกล่าวเสียงขรึมไม่แพ้กัน “มาเถอะ”
     

    ทั้งคู่เปิดประตูรั้วเข้าไปอย่างระมัดระวัง   ภายในบ้านนั้นเต็มไปด้วยข้าวของตกกระจัดกระจายเหมือนถูกพายุพัดถล่ม   สิ่งที่ทำให้ชายทั้งสองสูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกันก็คือร่างของชายหนุ่มชาวมิดการ์เดี้ยนคนหนึ่งที่นอนลืมตาโพลงอยู่บนพื้นทางเดิน   เขาตายสนิทอย่างไม่ต้องสงสัย
     

    โลกิเม้มริมฝีปากแล้วก้าวยาวๆขึ้นไปตามบันไดสู่ชั้นที่สองของตัวบ้าน   แล้วภาพที่เขาเห็นในห้องก็ทำให้ร่างสูงถึงกับหมดเรี่ยวแรงจนต้องเอื้อมมือไปยึดขอบประตูเอาไว้ไม่ให้ทรุดลงไปกองกับพื้น
     

    ร่างบอบบางดุจกลีบดอกไม้ของหญิงสาวผู้มีเรือนผมสีแดงประกายทองนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นห้อง   ดวงตาของเธอหลับพริ้มและสองแก้มฉายชัดถึงรอยน้ำตาที่เพิ่งไหลรินมาก่อนหน้าไม่นาน   โลกิขยับสองเท้าที่หนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงด้วยลูกตุ้มเข้าไปและคุกเข้าลงข้างๆร่างของน้องสาว   ก่อนจะใช้สองแขนประคองร่างนั้นขึ้นมาอย่างทะนุถนอมแล้วกอดเอาไว้แนบอก
     

    แม้กระทั่งเทพนักรบอย่างธอร์ก็แสดงความอ่อนแอออกมาอย่างเห็นได้ชัด   เขาคุกเข่าลงข้างน้องชายผมดำแล้วเอื้อมมือที่สั่นเทาไปสัมผัสเส้นผมนุ่มสลวยของนางอย่างแผ่วเบา   นัยน์ตาสีฟ้าครามของเขาสะท้อนชัดเจนถึงความรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัส
     

    “นางจะอยู่ในวัลฮัลลาใช่ไหม? ท่านพี่” เทพมุสากระซิบแผ่วเบาขณะปล่อยให้น้ำตาหยดลงกระทบแก้มนวลของหญิงสาวที่โอบกอดเอาไว้   ธอร์พยักหน้ารับ
     

    “นางกล้าหาญมาก...เจ้าก็รู้ดีน้องชาย”
     

    “กลับบ้านเถอะ...ท่านพ่อกับท่านแม่จะต้องทราบเรื่องนี้”



     

     

     

    สะพานสายรุ้งไบฟรอสนำพาพวกเขาทั้งสองกับร่างอันไร้วิญญาณขององค์หญิงแห่งแอสการ์ดกลับคืนสู่มาตุภูมิ   ภายในห้องโถงทรงครึ่งวงกรม ชายผิวสีผู้สวมเกราะสีทองยืนตระหง่านอยู่บนแท่นพร้อมกับจับดาบที่เป็นกุญแจในการเปิดปิดประตูมิติเอาไว้   ความเศร้าสร้อยพาดผ่านดวงตาอันมือบอดเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
     

    “นางสิ้นแล้วเฮล์มดัลล์” ธอร์กล่าวด้วยลำคอแห้งผาก “เรา...มาช้าเกินไป”
     

    “องค์หญิงของข้าเดินผ่านเข้าสู่วัลฮัลลาอย่างกล้าหาญแล้ว องค์ชายทั้งสอง” ผู้เฝ้าประตูเบือนหน้าไปยังทางออก “...นางจะมีความสุขชั่วนิรันดร์”
     

    “อืมม์” องค์ชายคนโตแห่งแอสการ์ดพยักหน้ารับเบาๆแล้วสะกิดแขนน้องชายผมดำซึ่งกำลังอุ้มร่างของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์แดงในชุดกระโปรงสีขาวซึ่งเขาได้เนรมิตขึ้นมาด้วยเวทมนตร์   ใบหน้างดงามของลิเลียน่าหลับพริ้มอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าปักลูกไม้สีขาวโปร่งราวกับเจ้าสาวที่กำลังเดินเข้าสู่พิธีวิวาห์
     

    ทว่าตัวเธอกลับต้องลาจากโลกนี้ไป...
     

    นาวาสีทองขององครักษ์ประจำพระราชวังนำพาพวกเขาทั้งหมดมุ่งสู่แกลดเฮล์ม ศูนย์กลางแห่งนครแอสการ์ดและที่ประทับของพระบิดาแห่งสรรพสิ่งอย่างรวดเร็ว   ตลอดทางเต็มไปด้วยความเงียบและบรรยากาศเศร้าโศกลอยปกคลุม   องครักษ์ผู้บังคับนาวาเห็นสีหน้าเศร้าหมองของชายชาตินักรบทั้งสองกับเสี้ยวใบหน้าของหญิงสาวผมแดงในอ้อมแขนเทพมุสาแล้วก็เบือนหน้าหนีไปอีกทางเพื่อซ่อนน้ำตาที่หลั่งรินออกมาด้วยความอาลัย
     

    แม้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่บนแอสการ์ดไม่นานนักแต่องค์หญิงลิเลียน่าก็เป็นที่รักของทุกคนในอาณาจักรนี้
     

    ไม่เพียงแอสการ์ด แต่อาณาจักรทั้งเก้าไม่เว้นสวาทัลฟ์เฮล์มหรือโยธันไฮม์ก็เคารพรักและเทิดทูนองค์หญิงผู้นี้มาก   การที่สงครามระหว่างอาณาจักรสงบลงได้ก็ด้วยความช่วยเหลือจากองค์หญิงลิเลียน่าที่เข้าไปประสานรอยร้าว สร้างความสมานฉันท์และความสงบสุขให้เกิดขึ้น
     

    นางดูราวกับเทพธิดาผู้ปรานีต่อทุกสรรพสิ่งก็ไม่ปาน...
     

    ด้วยนิสัยอันอ่อนหวานและความเฉลียวฉลาดเทียบเคียงกับมหาปราชญ์ทั้งหลายทำให้ผู้คนที่ได้รู้จักต่างหลงรักนางโดยไม่รู้ตัว   ความอ่อนโยนของนางเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เผ่าพันธุ์อันโหดเหี้ยมอย่างดาร์กเอลฟ์และยักษ์น้ำแข็งต่างยอมสยบโดยง่ายและแทบไม่ต้องก่อสงคราม  โลกทั้งเก้าก็สงบสุข
     

    นาวาสีทองจอดลงยังท่าด้านหน้าพระราชวัง   องครักษ์ในเกราะสีทองกระโดดลงมาจากพาหนะแล้วทรุดลงคุกเข่าแทบเท้าโลกิ   ดวงตาประเป็นกายวิบวับด้วยหยาดน้ำตาจ้องมองไปยังหญิงสาวในอ้อมแขนของชายหนุ่มผมดำก่อนที่จะก้มศีรษะลงต่ำเป็นการทำความเคารพครั้งสุดท้ายแล้วพานาวาจากไป
     

    เสียงฝีเท้าของชายทั้งคู่ดังก้องกังวานไปทั่วทั้งห้องโถงบัลลังก์   ชายชราผู้ประทับอยู่บนบัลลังก์สีทองพร้อมกุมหอกสีทองอันทรงอำนาจไว้ในมือคือบิดาแห่งสรรพสิ่ง...และเป็นบิดาของพวกเขาทั้งสองคนด้วย
     

    ร่างบอบบางของหญิงวัยกลางคนเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลโทนแดงปราดเข้ามาหาธอร์และโลกิ นางมีสีหน้าสงสัยเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นความเศร้าสร้อยและความเจ็บปวดที่ปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่มทั้งสอง “เกิดอะไรขึ้น?”
     

    โลกิเอื้อมมือไปเปิดผ้าคลุมหน้าออก   เผยให้เห็นหญิงสาวผู้งดงามประหนึ่งตุ๊กตาที่มีชีวิต   ขนตางามงอนหลับพริ้มทาบทับพวงแก้มนวล   ริมฝีปากซีดเม้มปิดและหยักโค้งเป็นรอยยิ้มจางๆ...
     

    ...รอยยิ้มสุดท้ายก่อนที่เธอจะจากโลกนี้ไป
     

    “โอ...ไม่...ไม่...” ร่างของหญิงวัยกลางคนเกือบจะทรุดลงไปกองกับพื้นแล้วหากธอร์ไม่ปราดเข้าไปพยุงเสียก่อน   โอดินก้าวลงมาจากบัลลังก์ด้วยสีหน้าตกตะลึงก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความรวดร้าวเมื่อเห็นร่างไร้ชีวิตของบุตรสาวคนสุดท้อง
     

    เสียงร่ำไห้อย่างเศร้าโศกปานหัวใจจะแหลกสลายของฟริกก้า มารดาแห่งสรรพสิ่งดังกังวานไปทั่วทั้งห้องโถงและทำให้หัวใจของบุตรชายทั้งสองของนางถึงกับเจ็บปลาบราวถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็น
     

    “...ลิเลียน่า” ชายชรากระซิบแผ่วเบาด้วยลำคอแห้งผากก่อนที่จะเอื้อมมืออันสั่นเทาไปสัมผัสแก้มเย็นเฉียบของหญิงสาวตรงหน้า   เขาข่มใจกับความสูญเสียและหันไปกล่าวกับองครักษ์ว่า

    .

    .

    .

     

    “ประกาศออกไปให้ทั่วทั้งเก้าอาณาจักร...ว่าองค์หญิงลิเลียน่า โอดินดอททรีสิ้นแล้ว”








     

     

    [สิบปีต่อมา]

     

    “ดูสิคะพ่อ! หนูจับอะไรได้ด้วยล่ะ”

    เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงวัยสิบขวบปีเรียกให้ชายหนุ่มผมดำที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารมื้อเย็นเงยหน้าขึ้นจากหม้อสตูและมองผ่านหน้าต่างห้องครัวไปยังสวนด้านนอก   ดวงตาสีดำขลับของเขาเบิกกว้างขึ้นก่อนที่ร่างสูงในผ้ากันเปื้อนสีขาวจะทิ้งทัพพีแล้วรีบวิ่งไปหาเด็กผู้หญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว   ก่อนที่เขาจะตะโกนออกมาด้วยเสียงดั่งลั่นว่า
     

    “เลทิเซีย สเนป! นี่ลูกคิดว่าตัวเองกำลังทำบ้าอะไรอยู่น่ะหา!!!
     

    ดวงตาสีเขียวกระจ่างราวกับมรกตของเด็กหญิงจ้องมองเขาตาแป๋วเหมือนกับไม่ได้รู้สึกสำนึกเลยซักนิด “เลี้ยงเจ้านี่ไม่ได้เหรอ...”
     

    เขาอยากจะเข้าโรงพยาบาลบำบัดโรคประสาทเสียตอนนี้เลย...
     

    สิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของเด็กหญิงตัวน้อยก็คืองูแมมบาดำตัวยาวประมาณสองฟุตซึ่งจัดว่าเป็นขนาดของลูกงูที่ยังอายุน้อยอยู่   ดวงตาสีดำกลมโตมันจ้องเขาด้วยแววตาใสแป๋วเหมือนกับเจ้าของที่กำลังอุ้มมันอยู่ไม่มีผิด   หัวทรงสามเหลี่ยมชูขึ้นและส่ายน้อยๆเป็นเชิงบอกกลายๆว่า รับหนูไปเลี้ยงหน่อยสิ

     

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกสาวของเขาเอาสัตว์อะไรแปลกๆมาเลี้ยง

     

    เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เด็กคนนี้ยังอยู่เกรดหนึ่ง   เธอทำให้ทั้งครูและเพื่อนนักเรียนห้องเดียวกันช็อกด้วยการตรงดิ่งเข้าไปคว้าคองูหางกระดิ่งตัวหนึ่งที่บังเอิญหลุดเข้ามาในโรงเรียนแล้วอุ้มไปปล่อยเข้าป่าตามเดิม   และที่ช็อกกว่านั้นก็คืองูแทบไม่ได้ทำอะไรเด็กหญิงเลยแม้แต่น้อย   มันแค่เอาหัวของมันไซ้คางเด็กน้อยเบาๆก่อนที่จะเลื้อยจากไป

     

    จากนั้นในฤดูหนาวของปีเดียวกันเขาก็พบกับสารพัดตระกูลสัตว์เลื้อยคลานนักสิบตัวเข้ามาซุกอยู่ใกล้ๆกับเครื่องทำความร้อนในห้องใต้ดินโดยมียายหนูกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ท่ามกลางดงสัตว์เลื้อยคลานพวกนั้น (ส่วนมากเป็นงู) และเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึงพวกมันก็เลื้อยจากไป

     

    ข้อดีมีอยู่อย่างเดียวสำหรับการที่มีงูอยู่ในบ้าน   นั่นคือคุณจะไม่พบหนูอยู่เลยแม้แต่ตัวเดียว

     

    นอกจากงูแล้วก็ยังมีตัวแบดเจอร์ จิ้งจอกและเหยี่ยวอีกหลายสายพันธุ์ด้วย   ตอนนี้เขาไม่คิดว่าที่นี่เป็นบ้านแล้วล่ะ   เขาว่าน่าจะทำสวนสัตว์ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!

     

    “แล้ว...เลี้ยงได้มั้ยคะ?” เด็กหญิงผมแดงถามเสียงอ่อนพลางกอดงูในอ้อมแขนของเธอแน่นขึ้น

     

    ชายหนุ่มหลับตาลงและถอนหายใจยาว “เอาเถอะ...ลูกต้องรับผิดชอบเองนะเลที”

     

    “ค่ะ!

     

    ให้ตายเถอะ...เขาใจอ่อนทุกทีเลยสิน่า...

     

     

    “นี่ๆเลที” เจ้างูส่งเสียงพูดที่มีเพียงเธอคนเดียวที่ฟังออกขึ้นมาหลังจากที่พ่อของเธอกลับไปง่วนกับสตูที่ใกล้จะไหม้คาหม้อต่อ “เจ้าหัวดำเป็นมันนั่นใครกัน? พ่อเธอเหรอ?”

     

    “จ้ะ” เด็กหญิงตอบพลางยิ้มกว้าง “เห็นอย่างนั้นแต่เขาใจดีมากเลยนะ   เอาล่ะใกล้ค่ำแล้ว เข้าบ้านกันดีกว่า”

     

     

    เลทีเซียมีความสามารถในการพูดกับงูมาตั้งแต่จำความได้   แต่ในโลกของพ่อมดแม่มดเป็นเรื่องที่อันตรายมากเพราะคนเดียวที่สามารถพูดกับงูได้ก็คือซัลลาซาร์ สลิธิริน หนึ่งในสี่ผู้ก่อตั้งฮอกวอตส์   แล้วเขาก็ไม่ใช่พ่อมดที่มีชื่อเสียงด้านดีเสียด้วย   เพราะอย่างนั้นพ่อถึงได้กำชับนักหนาว่าห้ามพูดกับงูต่อหน้าคนอื่นเป็นอันขาด   ถึงจะเป็นพ่อมดแม่มดด้วยกันก็เถอะ   แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ความสามารถที่จะเอาไปอวดใครเขาได้หรอก
     

    พรึ่บ!
     

    ทันใดนั้นเองเด็กหญิงก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างกระพือปีก   และเมื่อหันไปก็พบกับนกฮูกโรงนาสีน้ำตาลอ่อนแซมขาวตัวหนึ่งร่อนลงมาเกาะที่รั้วหน้าบ้าน   ในจะงอยปากของมันคาบจดหมายสีขาวครีมมาด้วยฉบับหนึ่ง
     

    เลทิเซียเดินเข้าไปรับจดหมายจากเจ้านกฮูกซึ่งร้องฮูกเบาๆเป็นเชิงลาก่อนที่จะบินหายไปในความมืดที่เริ่มเข้ามาแทนที่แสงสว่างหลังจากอาทิตย์ลับขอบฟ้า
     

    คุณ ล. สเนป

    ตรอกช่างปั่นฝ้าย
     

    หัวใจของเด็กหญิงเต้นรัวเมื่อได้เห็นชื่อของตัวเองปรากฏอยู่บนซองจดหมายสีนวล   เธอโยนเจ้างูแมมบาเอาไว้บนโซฟาแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาพ่อที่ห้องครัวทันที “พ่อคะ! จดหมายจากฮอกวอตส์มาถึงแล้วค่ะ! ดูสิๆ”
     

    เขาเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้กับลูกสาวตัวน้อย “ในที่สุดก็มาแล้วสินะ   พรุ่งนี้พ่อว่างพอดี งั้นไปซื้อของที่ตรอกไดแอกอนเลยก็แล้วกัน”
     

    “เย้!!!

     

     

     

    ในวันรุ่งขึ้น เด็กหญิงแต่งตัวในชุดกระโปรงเอี๊ยมสีน้ำเงินเข้มกับเสื้อยืดสีขาว   ส่วนพ่อของเธอแต่งตัวในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเขียวกับกางเกงสแล็กสีดำที่รีดจนเรียบสนิท   ถ้าหากเขาไม่ได้พกไม้กายสิทธิ์เอาไว้ที่กระเป๋ากางเกงพวกเขาก็คงจะดูเหมือนพ่อลูกมักเกิ้ลที่มาช้อปปิ้งไปแล้ว

     

    เธอกับพ่อขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินของพวกมักเกิ้ลและนั่งรถประจำทางไปลงยังหน้าร้านหม้อใหญ่รั่วซึ่งเป็นทางเข้าสู่โลกเวทมนตร์   เด็กหญิงหลบอยู่ด้านหลังของชายหนุ่มร่างสูงขณะที่เขาเดินผ่านเข้าไปด้านหลังบาร์ซึ่งเป็นพื้นที่เล็กๆและกั้นเอาไว้ด้วยผนังอิฐบล็อกสีแดงสูง

     

    สเนปหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาและเคาะอิฐแนวตั้งสามแนวนอนสอง   แล้วจากนั้นเด็กหญิงก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นอิฐค่อยๆขยับตัวเองและเปิดทางเป็นช่อง   จากนั้นจึงกลายเป็นซุ้มทางเดินที่กว้างพอให้คนสี่คนเดินเข้าไปพร้อมๆกันได้

     

    “ยินดีต้อนรับสู่ตรอกไดแอกอน” ชายหนุ่มระบายรอยยิ้มบางให้กับสีหน้าชื่นบานของลูกสาวตัวน้อยที่ดูตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ   เขาพาเธอเข้าไปในกริงกอตส์เพื่อถอนเงินส่วนหนึ่งออกมาสำหรับใช้จ่ายซึ่งมันก็ทำให้เขาหน้าซีดทุกครั้งที่ได้ลงไปนั่งบนรถไฟเหาะนรกแตกนั่น   แต่ดูเหมือนว่าเลทิเซียจะชอบมันมากทีเดียว

     

    ร้านแรกที่เขาแวะเข้าไปนั้นก็คือร้านขายหนังสือซึ่งนอกจากหนังสือเรียนที่มีรายชื่อตามที่สั่งแล้วเขายังแอบเห็นเลทิเซียผลุบเข้าไปในชั้นหนังสือประเภทคำสาปแช่งและหยิบอะไรบางอย่างติดมือมาวางเนียนไว้กับกองหนังสือเรียนอีกด้วย

     

    เอาเถอะ...ถ้าเขาอยู่ด้วยเธอคงไม่คิดจะทำอะไรแผลงๆหรอก(มั้ง?)

     


    ----------------------------------------------------------------------------------

    ขอขยายความนิดนะคะ

    Another Story เป็นโปรเจ็คท์คล้ายๆโลกคู่ขนานของ Inlusio น่ะค่ะ

    อาจจะมีโครงเรื่องคล้ายๆกันแต่ตัวละครที่มาโผล่อาจจะเป็นคนละตัวนะคะ

    แปะธีมจ้า
     
    STORM'
    SURGE

    FREE THEME : THEME CASTLE


     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×