คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #38 : [Fic Harry] The Girl Who Lost
Project: Another Story
By StrayCat
ลิเลียน่าไม่เคยลืม...
เธอไม่เคยลืมเลือนช่วงเวลาอันแสนสุขบนบ้านที่เป็นดั่งสรวงสรรค์นั้น...
เธอคือลิเลียน่า โอดินดอททรี บุตรีคนสุดท้ายแห่งพระบิดาโอดิน ขนิษฐาแห่งธอร์และโลกิ เมื่อครั้งวัยเยาว์เธอแอบลงมายังมิดการ์ดเพียงลำพัง เปลี่ยนความทรงจำของครอบครัวชาวมิดการ์เดี้ยนครอบครัวหนึ่งว่าเธอเป็นลูกสาวของพวกเขา...และเป็นน้องสาวของลูกที่แท้จริงอย่างเพ็ตทูเนีย เปลี่ยนตัวตนของเธอให้กลายเป็น ‘ลิลี่ เอฟเวนท์’
ที่นี่เธอจะเป็นเพียงชาวมิดการ์ดที่มีเวทมนตร์และถูกเรียกว่า แม่มด เธอได้รับจดหมายจากโรงเรียนพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ให้ไปเข้าเรียนที่นั่น อันที่จริงเธอไม่มีความจำเป็นเลยที่ต้องไปเรียนเวทมนตร์เพราะเธอถือกำเนิดมากับพลังอันมหาศาลในฐานะของบุตรีของบิดาแห่งสรรพสิ่งอยู่แล้ว แต่เพราะว่าความรู้สึกบางอย่าง...เธอจึงตอบรับจดหมาย
ชีวิตในรั้วโรงเรียนของมิดการ์เดี้ยนผู้มีเวทมนตร์เป็นเรื่องที่แปลกใหม่สำหรับลิเลียน่าผู้เติบโตมาในรั้วราชวงศ์ เธอมีเพื่อนมากมาย...และที่สำคัญ...
เธอได้พบกับคนที่เธอรัก...
มือบอบบางลูบแก้มยุ้ยของเด็กทารกเพศหญิงวัยขวบปีที่กำลังยืนอยู่ในเปลเด็กอ่อนพร้อมกับระบายรอยยิ้มอ่อนโยนทั้งน้ำตาอาบสองแก้ม...รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรักอย่างหมดหัวใจและเคลือบแฝงเอาไว้ด้วยความอาลัยอาวรณ์
“เรารักลูก...เรารักลูกมาก...แม่รักลูกมากนะเลทีเซีย...” เสียงหวานของหญิงสาวเอ่ยกับลูกสาววัยขวบเดียวทั้งน้ำตา
“เลทิเซีย...ชื่อของลูกคือ เลทิเซีย เจมส์ดอททรี พอตเตอร์ ลูกคือชาวแอสการ์ดและเป็นองค์หญิงของโลกทั้งเก้า ในวันข้างหน้าลูกจะต้องเข้มแข็ง...”
.
.
.
“แม่จะอยู่ข้างๆลูกเสมอ...”
อะวาดาเคดาฟรา!!!
“ที่นี่น่ะรึ?”
ชายหนุ่มร่างผอมสูงเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะจับจ้องไปยังบ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงความเงียบสงัดอย่างผิดธรรมชาติ หลังคาบ้านที่ถูกทำลายจนเป็นรูเบ้อเริ่มยิ่งทำให้เขารู้สึกใจไม่ดี
“เฮล์มดัลล์บอกว่าสถานที่สุดท้ายที่เขารับรู้ถึงพลังของลิเลียน่าคือที่นี่” ชายร่างสูงกำยำเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองสว่างกล่าวเสียงขรึมไม่แพ้กัน “มาเถอะ”
ทั้งคู่เปิดประตูรั้วเข้าไปอย่างระมัดระวัง ภายในบ้านนั้นเต็มไปด้วยข้าวของตกกระจัดกระจายเหมือนถูกพายุพัดถล่ม สิ่งที่ทำให้ชายทั้งสองสูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกันก็คือร่างของชายหนุ่มชาวมิดการ์เดี้ยนคนหนึ่งที่นอนลืมตาโพลงอยู่บนพื้นทางเดิน เขาตายสนิทอย่างไม่ต้องสงสัย
โลกิเม้มริมฝีปากแล้วก้าวยาวๆขึ้นไปตามบันไดสู่ชั้นที่สองของตัวบ้าน แล้วภาพที่เขาเห็นในห้องก็ทำให้ร่างสูงถึงกับหมดเรี่ยวแรงจนต้องเอื้อมมือไปยึดขอบประตูเอาไว้ไม่ให้ทรุดลงไปกองกับพื้น
ร่างบอบบางดุจกลีบดอกไม้ของหญิงสาวผู้มีเรือนผมสีแดงประกายทองนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นห้อง ดวงตาของเธอหลับพริ้มและสองแก้มฉายชัดถึงรอยน้ำตาที่เพิ่งไหลรินมาก่อนหน้าไม่นาน โลกิขยับสองเท้าที่หนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงด้วยลูกตุ้มเข้าไปและคุกเข้าลงข้างๆร่างของน้องสาว ก่อนจะใช้สองแขนประคองร่างนั้นขึ้นมาอย่างทะนุถนอมแล้วกอดเอาไว้แนบอก
แม้กระทั่งเทพนักรบอย่างธอร์ก็แสดงความอ่อนแอออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขาคุกเข่าลงข้างน้องชายผมดำแล้วเอื้อมมือที่สั่นเทาไปสัมผัสเส้นผมนุ่มสลวยของนางอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาสีฟ้าครามของเขาสะท้อนชัดเจนถึงความรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัส
“นางจะอยู่ในวัลฮัลลาใช่ไหม? ท่านพี่” เทพมุสากระซิบแผ่วเบาขณะปล่อยให้น้ำตาหยดลงกระทบแก้มนวลของหญิงสาวที่โอบกอดเอาไว้ ธอร์พยักหน้ารับ
“นางกล้าหาญมาก...เจ้าก็รู้ดีน้องชาย”
“กลับบ้านเถอะ...ท่านพ่อกับท่านแม่จะต้องทราบเรื่องนี้”
สะพานสายรุ้งไบฟรอสนำพาพวกเขาทั้งสองกับร่างอันไร้วิญญาณขององค์หญิงแห่งแอสการ์ดกลับคืนสู่มาตุภูมิ ภายในห้องโถงทรงครึ่งวงกรม ชายผิวสีผู้สวมเกราะสีทองยืนตระหง่านอยู่บนแท่นพร้อมกับจับดาบที่เป็นกุญแจในการเปิดปิดประตูมิติเอาไว้ ความเศร้าสร้อยพาดผ่านดวงตาอันมือบอดเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
“นางสิ้นแล้วเฮล์มดัลล์” ธอร์กล่าวด้วยลำคอแห้งผาก “เรา...มาช้าเกินไป”
“องค์หญิงของข้าเดินผ่านเข้าสู่วัลฮัลลาอย่างกล้าหาญแล้ว องค์ชายทั้งสอง” ผู้เฝ้าประตูเบือนหน้าไปยังทางออก “...นางจะมีความสุขชั่วนิรันดร์”
“อืมม์” องค์ชายคนโตแห่งแอสการ์ดพยักหน้ารับเบาๆแล้วสะกิดแขนน้องชายผมดำซึ่งกำลังอุ้มร่างของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์แดงในชุดกระโปรงสีขาวซึ่งเขาได้เนรมิตขึ้นมาด้วยเวทมนตร์ ใบหน้างดงามของลิเลียน่าหลับพริ้มอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าปักลูกไม้สีขาวโปร่งราวกับเจ้าสาวที่กำลังเดินเข้าสู่พิธีวิวาห์
ทว่าตัวเธอกลับต้องลาจากโลกนี้ไป...
นาวาสีทองขององครักษ์ประจำพระราชวังนำพาพวกเขาทั้งหมดมุ่งสู่แกลดเฮล์ม ศูนย์กลางแห่งนครแอสการ์ดและที่ประทับของพระบิดาแห่งสรรพสิ่งอย่างรวดเร็ว ตลอดทางเต็มไปด้วยความเงียบและบรรยากาศเศร้าโศกลอยปกคลุม องครักษ์ผู้บังคับนาวาเห็นสีหน้าเศร้าหมองของชายชาตินักรบทั้งสองกับเสี้ยวใบหน้าของหญิงสาวผมแดงในอ้อมแขนเทพมุสาแล้วก็เบือนหน้าหนีไปอีกทางเพื่อซ่อนน้ำตาที่หลั่งรินออกมาด้วยความอาลัย
แม้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่บนแอสการ์ดไม่นานนักแต่องค์หญิงลิเลียน่าก็เป็นที่รักของทุกคนในอาณาจักรนี้
ไม่เพียงแอสการ์ด แต่อาณาจักรทั้งเก้าไม่เว้นสวาทัลฟ์เฮล์มหรือโยธันไฮม์ก็เคารพรักและเทิดทูนองค์หญิงผู้นี้มาก การที่สงครามระหว่างอาณาจักรสงบลงได้ก็ด้วยความช่วยเหลือจากองค์หญิงลิเลียน่าที่เข้าไปประสานรอยร้าว สร้างความสมานฉันท์และความสงบสุขให้เกิดขึ้น
นางดูราวกับเทพธิดาผู้ปรานีต่อทุกสรรพสิ่งก็ไม่ปาน...
ด้วยนิสัยอันอ่อนหวานและความเฉลียวฉลาดเทียบเคียงกับมหาปราชญ์ทั้งหลายทำให้ผู้คนที่ได้รู้จักต่างหลงรักนางโดยไม่รู้ตัว ความอ่อนโยนของนางเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เผ่าพันธุ์อันโหดเหี้ยมอย่างดาร์กเอลฟ์และยักษ์น้ำแข็งต่างยอมสยบโดยง่ายและแทบไม่ต้องก่อสงคราม โลกทั้งเก้าก็สงบสุข
นาวาสีทองจอดลงยังท่าด้านหน้าพระราชวัง องครักษ์ในเกราะสีทองกระโดดลงมาจากพาหนะแล้วทรุดลงคุกเข่าแทบเท้าโลกิ ดวงตาประเป็นกายวิบวับด้วยหยาดน้ำตาจ้องมองไปยังหญิงสาวในอ้อมแขนของชายหนุ่มผมดำก่อนที่จะก้มศีรษะลงต่ำเป็นการทำความเคารพครั้งสุดท้ายแล้วพานาวาจากไป
เสียงฝีเท้าของชายทั้งคู่ดังก้องกังวานไปทั่วทั้งห้องโถงบัลลังก์ ชายชราผู้ประทับอยู่บนบัลลังก์สีทองพร้อมกุมหอกสีทองอันทรงอำนาจไว้ในมือคือบิดาแห่งสรรพสิ่ง...และเป็นบิดาของพวกเขาทั้งสองคนด้วย
ร่างบอบบางของหญิงวัยกลางคนเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลโทนแดงปราดเข้ามาหาธอร์และโลกิ นางมีสีหน้าสงสัยเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นความเศร้าสร้อยและความเจ็บปวดที่ปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่มทั้งสอง “เกิดอะไรขึ้น?”
โลกิเอื้อมมือไปเปิดผ้าคลุมหน้าออก เผยให้เห็นหญิงสาวผู้งดงามประหนึ่งตุ๊กตาที่มีชีวิต ขนตางามงอนหลับพริ้มทาบทับพวงแก้มนวล ริมฝีปากซีดเม้มปิดและหยักโค้งเป็นรอยยิ้มจางๆ...
...รอยยิ้มสุดท้ายก่อนที่เธอจะจากโลกนี้ไป
“โอ...ไม่...ไม่...” ร่างของหญิงวัยกลางคนเกือบจะทรุดลงไปกองกับพื้นแล้วหากธอร์ไม่ปราดเข้าไปพยุงเสียก่อน โอดินก้าวลงมาจากบัลลังก์ด้วยสีหน้าตกตะลึงก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความรวดร้าวเมื่อเห็นร่างไร้ชีวิตของบุตรสาวคนสุดท้อง
เสียงร่ำไห้อย่างเศร้าโศกปานหัวใจจะแหลกสลายของฟริกก้า มารดาแห่งสรรพสิ่งดังกังวานไปทั่วทั้งห้องโถงและทำให้หัวใจของบุตรชายทั้งสองของนางถึงกับเจ็บปลาบราวถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็น
“...ลิเลียน่า” ชายชรากระซิบแผ่วเบาด้วยลำคอแห้งผากก่อนที่จะเอื้อมมืออันสั่นเทาไปสัมผัสแก้มเย็นเฉียบของหญิงสาวตรงหน้า เขาข่มใจกับความสูญเสียและหันไปกล่าวกับองครักษ์ว่า
.
.
.
“ประกาศออกไปให้ทั่วทั้งเก้าอาณาจักร...ว่าองค์หญิงลิเลียน่า โอดินดอททรีสิ้นแล้ว”
[สิบปีต่อมา]
“ดูสิคะพ่อ! หนูจับอะไรได้ด้วยล่ะ”
เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงวัยสิบขวบปีเรียกให้ชายหนุ่มผมดำที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารมื้อเย็นเงยหน้าขึ้นจากหม้อสตูและมองผ่านหน้าต่างห้องครัวไปยังสวนด้านนอก ดวงตาสีดำขลับของเขาเบิกกว้างขึ้นก่อนที่ร่างสูงในผ้ากันเปื้อนสีขาวจะทิ้งทัพพีแล้วรีบวิ่งไปหาเด็กผู้หญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะตะโกนออกมาด้วยเสียงดั่งลั่นว่า
“เลทิเซีย สเนป! นี่ลูกคิดว่าตัวเองกำลังทำบ้าอะไรอยู่น่ะหา!!!”
ดวงตาสีเขียวกระจ่างราวกับมรกตของเด็กหญิงจ้องมองเขาตาแป๋วเหมือนกับไม่ได้รู้สึกสำนึกเลยซักนิด “เลี้ยงเจ้านี่ไม่ได้เหรอ...”
เขาอยากจะเข้าโรงพยาบาลบำบัดโรคประสาทเสียตอนนี้เลย...
สิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของเด็กหญิงตัวน้อยก็คืองูแมมบาดำตัวยาวประมาณสองฟุตซึ่งจัดว่าเป็นขนาดของลูกงูที่ยังอายุน้อยอยู่ ดวงตาสีดำกลมโตมันจ้องเขาด้วยแววตาใสแป๋วเหมือนกับเจ้าของที่กำลังอุ้มมันอยู่ไม่มีผิด หัวทรงสามเหลี่ยมชูขึ้นและส่ายน้อยๆเป็นเชิงบอกกลายๆว่า ‘รับหนูไปเลี้ยงหน่อยสิ’
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกสาวของเขาเอาสัตว์อะไรแปลกๆมาเลี้ยง
เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เด็กคนนี้ยังอยู่เกรดหนึ่ง เธอทำให้ทั้งครูและเพื่อนนักเรียนห้องเดียวกันช็อกด้วยการตรงดิ่งเข้าไปคว้าคองูหางกระดิ่งตัวหนึ่งที่บังเอิญหลุดเข้ามาในโรงเรียนแล้วอุ้มไปปล่อยเข้าป่าตามเดิม และที่ช็อกกว่านั้นก็คืองูแทบไม่ได้ทำอะไรเด็กหญิงเลยแม้แต่น้อย มันแค่เอาหัวของมันไซ้คางเด็กน้อยเบาๆก่อนที่จะเลื้อยจากไป
จากนั้นในฤดูหนาวของปีเดียวกันเขาก็พบกับสารพัดตระกูลสัตว์เลื้อยคลานนักสิบตัวเข้ามาซุกอยู่ใกล้ๆกับเครื่องทำความร้อนในห้องใต้ดินโดยมียายหนูกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ท่ามกลางดงสัตว์เลื้อยคลานพวกนั้น (ส่วนมากเป็นงู) และเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึงพวกมันก็เลื้อยจากไป
ข้อดีมีอยู่อย่างเดียวสำหรับการที่มีงูอยู่ในบ้าน นั่นคือคุณจะไม่พบหนูอยู่เลยแม้แต่ตัวเดียว
นอกจากงูแล้วก็ยังมีตัวแบดเจอร์ จิ้งจอกและเหยี่ยวอีกหลายสายพันธุ์ด้วย ตอนนี้เขาไม่คิดว่าที่นี่เป็นบ้านแล้วล่ะ เขาว่าน่าจะทำสวนสัตว์ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!
“แล้ว...เลี้ยงได้มั้ยคะ?” เด็กหญิงผมแดงถามเสียงอ่อนพลางกอดงูในอ้อมแขนของเธอแน่นขึ้น
ชายหนุ่มหลับตาลงและถอนหายใจยาว “เอาเถอะ...ลูกต้องรับผิดชอบเองนะเลที”
“ค่ะ!”
ให้ตายเถอะ...เขาใจอ่อนทุกทีเลยสิน่า...
“นี่ๆเลที” เจ้างูส่งเสียงพูดที่มีเพียงเธอคนเดียวที่ฟังออกขึ้นมาหลังจากที่พ่อของเธอกลับไปง่วนกับสตูที่ใกล้จะไหม้คาหม้อต่อ “เจ้าหัวดำเป็นมันนั่นใครกัน? พ่อเธอเหรอ?”
“จ้ะ” เด็กหญิงตอบพลางยิ้มกว้าง “เห็นอย่างนั้นแต่เขาใจดีมากเลยนะ เอาล่ะใกล้ค่ำแล้ว เข้าบ้านกันดีกว่า”
เลทีเซียมีความสามารถในการพูดกับงูมาตั้งแต่จำความได้ แต่ในโลกของพ่อมดแม่มดเป็นเรื่องที่อันตรายมากเพราะคนเดียวที่สามารถพูดกับงูได้ก็คือซัลลาซาร์ สลิธิริน หนึ่งในสี่ผู้ก่อตั้งฮอกวอตส์ แล้วเขาก็ไม่ใช่พ่อมดที่มีชื่อเสียงด้านดีเสียด้วย เพราะอย่างนั้นพ่อถึงได้กำชับนักหนาว่าห้ามพูดกับงูต่อหน้าคนอื่นเป็นอันขาด ถึงจะเป็นพ่อมดแม่มดด้วยกันก็เถอะ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ความสามารถที่จะเอาไปอวดใครเขาได้หรอก
พรึ่บ!
ทันใดนั้นเองเด็กหญิงก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างกระพือปีก และเมื่อหันไปก็พบกับนกฮูกโรงนาสีน้ำตาลอ่อนแซมขาวตัวหนึ่งร่อนลงมาเกาะที่รั้วหน้าบ้าน ในจะงอยปากของมันคาบจดหมายสีขาวครีมมาด้วยฉบับหนึ่ง
เลทิเซียเดินเข้าไปรับจดหมายจากเจ้านกฮูกซึ่งร้องฮูกเบาๆเป็นเชิงลาก่อนที่จะบินหายไปในความมืดที่เริ่มเข้ามาแทนที่แสงสว่างหลังจากอาทิตย์ลับขอบฟ้า
คุณ ล. สเนป
ตรอกช่างปั่นฝ้าย
หัวใจของเด็กหญิงเต้นรัวเมื่อได้เห็นชื่อของตัวเองปรากฏอยู่บนซองจดหมายสีนวล เธอโยนเจ้างูแมมบาเอาไว้บนโซฟาแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาพ่อที่ห้องครัวทันที “พ่อคะ! จดหมายจากฮอกวอตส์มาถึงแล้วค่ะ! ดูสิๆ”
เขาเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้กับลูกสาวตัวน้อย “ในที่สุดก็มาแล้วสินะ พรุ่งนี้พ่อว่างพอดี งั้นไปซื้อของที่ตรอกไดแอกอนเลยก็แล้วกัน”
“เย้!!!”
ในวันรุ่งขึ้น เด็กหญิงแต่งตัวในชุดกระโปรงเอี๊ยมสีน้ำเงินเข้มกับเสื้อยืดสีขาว ส่วนพ่อของเธอแต่งตัวในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเขียวกับกางเกงสแล็กสีดำที่รีดจนเรียบสนิท ถ้าหากเขาไม่ได้พกไม้กายสิทธิ์เอาไว้ที่กระเป๋ากางเกงพวกเขาก็คงจะดูเหมือนพ่อลูกมักเกิ้ลที่มาช้อปปิ้งไปแล้ว
เธอกับพ่อขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินของพวกมักเกิ้ลและนั่งรถประจำทางไปลงยังหน้าร้านหม้อใหญ่รั่วซึ่งเป็นทางเข้าสู่โลกเวทมนตร์ เด็กหญิงหลบอยู่ด้านหลังของชายหนุ่มร่างสูงขณะที่เขาเดินผ่านเข้าไปด้านหลังบาร์ซึ่งเป็นพื้นที่เล็กๆและกั้นเอาไว้ด้วยผนังอิฐบล็อกสีแดงสูง
สเนปหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาและเคาะอิฐแนวตั้งสามแนวนอนสอง แล้วจากนั้นเด็กหญิงก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นอิฐค่อยๆขยับตัวเองและเปิดทางเป็นช่อง จากนั้นจึงกลายเป็นซุ้มทางเดินที่กว้างพอให้คนสี่คนเดินเข้าไปพร้อมๆกันได้
“ยินดีต้อนรับสู่ตรอกไดแอกอน” ชายหนุ่มระบายรอยยิ้มบางให้กับสีหน้าชื่นบานของลูกสาวตัวน้อยที่ดูตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ เขาพาเธอเข้าไปในกริงกอตส์เพื่อถอนเงินส่วนหนึ่งออกมาสำหรับใช้จ่ายซึ่งมันก็ทำให้เขาหน้าซีดทุกครั้งที่ได้ลงไปนั่งบนรถไฟเหาะนรกแตกนั่น แต่ดูเหมือนว่าเลทิเซียจะชอบมันมากทีเดียว
ร้านแรกที่เขาแวะเข้าไปนั้นก็คือร้านขายหนังสือซึ่งนอกจากหนังสือเรียนที่มีรายชื่อตามที่สั่งแล้วเขายังแอบเห็นเลทิเซียผลุบเข้าไปในชั้นหนังสือประเภทคำสาปแช่งและหยิบอะไรบางอย่างติดมือมาวางเนียนไว้กับกองหนังสือเรียนอีกด้วย
เอาเถอะ...ถ้าเขาอยู่ด้วยเธอคงไม่คิดจะทำอะไรแผลงๆหรอก(มั้ง?)
----------------------------------------------------------------------------------
ขอขยายความนิดนะคะ
Another Story เป็นโปรเจ็คท์คล้ายๆโลกคู่ขนานของ Inlusio น่ะค่ะ
อาจจะมีโครงเรื่องคล้ายๆกันแต่ตัวละครที่มาโผล่อาจจะเป็นคนละตัวนะคะ
แปะธีมจ้า
STORM'
SURGE
ความคิดเห็น