คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : Mistery Cafe
กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟและขนมปังอบใหม่ลอยโชยออกมาจากร้านเล็กๆซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากโคลอสเซียมมากนักเรียกให้ผู้คนที่สัญจรไปมาได้หยุดชะงักและสูดดมกลิ่นหอมหวานที่ผสานเข้ากันอย่างลงตัวเข้าไป แล้วเมื่อกวาดสายตามองหาก็พบกับร้านกาแฟร้านเล็กๆร้านหนึ่งตั้งอยู่
รถหรูคันหนึ่งวิ่งมาจอดด้านหน้าร้านอย่างนุ่มนวล ผู้ที่ก้าวลงจากรถคนแรกนั้นรีบวิ่งอ้อมไปเปิดประตูรถให้ชายอีกได้ก้าวลงมา ดูจากบุคลิกท่าทางและชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำแล้ว บ่งบอกได้ชัดเจนว่าชายคนนี้จะต้องเป็นคนรวยและค่อนข้างมีอิทธิพลพอสมควร
เขาเป็นชายกลางคนรูปร่างสูงกำยำ ผิวสีคล้ำบอกว่าเขาจะต้องเป็นพวกที่ออกทำงานภาคสนามบ่อยอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับรอยแผลบากตรงคิ้วขวาที่ตัดกับสีผิวอย่างเด่นชัด เขากวาดสายตามองรอบๆก่อนที่จะเดินเข้าไปในร้านและปล่อยให้บอดี้การ์ดทั้งหลายยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า
“ยินดีต้อนรับสู่มิสเทอรี่คาเฟ่ค่ะ”
ในวงการมืดยังมีเรื่องเล่าอยู่เรื่องหนึ่ง แม้จะดูน่าหัวเราะไปหน่อยแต่ทุกคนเองก็ได้สัมผัสจริงๆว่าเรื่องแบบนี้ก็มีอยู่ในโลกนี้ด้วย
จุดเริ่มต้นของเรื่องราวอยู่ที่พี่น้องฝาแฝดคู่หนึ่ง ทั้งสองอาศัยอยู่กับแม่ในหมู่บ้านเล็กๆบนภูเขาอันสงบเงียบด้วยความเรียบง่าย แต่แล้ววันหนึ่งก็มีกลุ่มมาเฟียนอกรีตที่หลบหนีจากการตามล่าจากผู้คุมกฎสุดสยองมาที่หมู่บ้าน พวกมันไล่กราดยิงชาวบ้านอย่างโหดเหี้ยมไม่ว่าใครก็ไม่เว้น ผู้หญิงคนไหนที่พวกมันถูกใจก็จะถูกจับไปข่มขืนและฆ่าทิ้งเมื่อเบื่อ ส่วนเด็กก็จับมาทำการทดลองคิดค้นอาวุธมนุษย์
ทั้งสองฝาแฝดเองก็ประสบชะตากรรมไม่ต่างกัน ฝาแฝดผู้พี่ถูกพาตัวไปทดลองและหนีออกมาได้ ส่วนฝาแฝดคนน้องนั้นก็ถูกจับไปทดลองและกลายเป็นเครื่องมือของพวกมาเฟีย หลายปีหลังจากที่ฝาแฝดคนพี่หายตัวไปจากฐานก็เกิดเหตุการณ์ฆ่าล้างแก๊งขึ้น
โดยที่คนนำกองกำลังถล่มนั้นก็คือแฝดพี่ชายที่หายตัวไปนั่นเอง
สองพี่น้องได้พบกันอีกครั้งและถูกมาเฟียอีกกลุ่มรับไปอุปการะเลี้ยงดู แล้วทั้งคู่ก็แยกตัวออกมาเปิดร้านกาแฟเล็กๆหารายได้เป็นของตัวเองระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย
นั่นคือที่มาของร้านกาแฟในตำนานของเหล่าผู้อยู่ในวงการเบื้องหลัง
Mystery Café ยินดีต้อนรับ
ภายในร้านกาแฟนั้นตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลสไตล์วินเทจหน่อยๆ พนักงานเสิร์ฟทุกคนสวมเครื่องแบบสีขาวดำเป็นหลัก เว้นแต่บาริสต้าที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์เท่านั้นที่สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้ากับผ้ากันเปื้อนสีดำ
เสียงกระดิ่งประตูเรียกให้พนักงานสาวที่อยู่ใกล้ที่สุดหันไปต้อนรับด้วยรอยยิ้มกว้าง “มิสเทอรี่คาเฟ่ยินดีต้อนรับค่ะ”
“ฉันมาพบแซนนิเอล่า ฮันเทรส” ชายกลางคนพูดพลางคีบไปป์ออกจากปากแล้วพ่นควันออกมา สายตากวาดมองหญิงสาวร่างบางหุ่นเซ็กซี่ตรงหน้าด้วยสายตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์
“อ้าวๆ อย่ามองพนักงานของเราด้วยสายตาแบบนั้นสิครับมิสเตอร์พาซซิโอ” ชายหนุ่มร่างสูงในชุดแปลกกว่าคนอื่นเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขามีเส้นผมสีดำสนิทซอยสั้นระต้นคอ ดวงตาฟ้าครามของเขาทอประกายเยือกเย็นตรงกันข้ามรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าอย่างสิ้นเชิง
พาซซิโอแค่นเสียง ‘เหอะ’ เบาๆ “เป็นคำเตือนเรอะไอ้หนุ่ม”
“คงจะเรียกว่าคำสั่งมากกว่าค่ะ...มิสเตอร์พาซซิโอ”
เสียงหวานทรงอำนาจของใครคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของหญิงสาวผู้มาใหม่ นัยน์ตาสีแดงสดและดวงตาสีฟ้าครามอีกข้างคที่ล้ายผู้เป็นพี่ชายทอประกายเยือกเย็นขณะกวาดมองลูกค้าตรงหน้า
น่ารังเกียจจริงที่ต้องรับรองลูกค้าเกรดต่ำแบบนี้...
นั่นเป็นเพียงความคิดที่หญิงสาวได้แต่เก็บเอาไว้ในใจเท่านั้น เธอเดินออกมาจากด้านหลังร้านแล้วมานั่งยังโต๊ะที่อยู่กลางร้าน มือบางผายออกเป็นเชิงเรียกอีกฝ่ายแล้วเดินตามหลังไป
“ไปเอาชากับขนมมาเสิร์ฟสิลูเซีย” บาริสต้าหนุ่มกระซิบเบาๆกับสาวเสิร์ฟทรงโต เธอพยักหน้ารับอย่างแข็งขันแล้วเดินกลับเข้าไปในครัวหลังร้านก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับถาดน้ำชาและขนมหวานชุดหนึ่งมาเสิร์ฟให้กับหนึ่งในสองผู้จัดการร้านที่กำลังรับแขกอยู่
รอสเซล พาซซิโอ คือบอสของมาเฟียแก๊งหนึ่งที่มีเขตการปกครองอยู่ทางตอนเหนือของอิตาลี เขามาติดต่อซื้ออาวุธสงครามจากเธอไปจำนวนหนึ่งเมื่อหลายวันก่อนเพื่อไปจัดการกับคนที่ขัดผลประโยชน์กับเส้นทางขนส่งอาวุธของแก๊ง อันที่จริงแซนนิเอล่าก็ไม่อยากจะขายให้ซักเท่าไหร่หรอก เพียงแต่...เจ้าหมอนี่มีผลประโยชน์กับการค้าขายในระยะยาวของเธอก็เท่านั้นเองถึงได้ยอมลดตัวมาคุยด้วย
ชายกลางคนกินขนมเข้าไปคำหนึ่งแล้วระบายรอยยิ้มบางอย่างพึงพอใจ “อร่อยดีนะ...มิสฮันเทรส ใครเป็นคนทำรึ?”
“เซลิโอน่ะค่ะ” หญิงสาวระบายรอยยิ้มนักธุรกิจตอบขณะเบือนสายตามองไปยังพี่ชายฝาแฝดที่กำลังชงกาแฟเสิร์ฟลูกค้าโต๊ะอื่นๆอยู่ “ไม่ได้จะอวดหรอกนะคะ แต่ฉันไม่เคยกินขนมที่ไหนอร่อยเท่าที่เขาทำอีกแล้วค่ะ”
พาซซิโอหัวเราะเบาๆ “ก็นั่นมันพี่ชายของเธอนี่สาวน้อย คงจะนอกเรื่องกันมามากพอแล้ว มาเข้าเรื่องธุรกิจของเราต่อกัน”
บอดี้การ์ดคนหนึ่งขยับมายืนข้างโต๊ะพร้อมกับเปิดกระเป๋าเอกสารใบใหญ่ออก เผยให้เห็นถุงพลาสติกบรรจุผงสีขาวนับร้อยถุงภายในนั้น นัยน์ตาทั้งสองสีตวัดมองคู่ค้าด้วยสายตาคมกริบทันที ทว่าเขาก็ยังยิ้มเหมือนไม่รู้ถึงอันตรายที่กำลังก่อตัวขึ้น
“โคเคนบริสุทธิ์ห้ากิโลกรัม” เขาพูด “ถ้าหากรู้แหล่งปล่อยขายดีๆจะได้กำไรมากกว่าที่คุณขายอาวุธให้เราอีกนะ...มิสฮันเทรส”
เซลิโอที่เฝ้ามองการเจรจาของทั้งสองมาตลอดแอบยิ้มสะใจเบาๆ ดูท่าว่าเจ้านั่นจะพลาดเสียแล้ว สังเกตจากดวงตาสองสีที่กำลังทอประกายของน้องสาวเขาแล้ว อีกไม่นานจะต้องมีเรื่องสนุกๆเกิดขึ้นแน่ๆ
“มิสเตอร์พาซซิโอ” เธอกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันบอกไว้ตั้งแต่ต้นแล้วไม่ใช่หรือคะเรื่องของแลกเปลี่ยน”
“ครับ...ผมจำได้”
“แต่ฉันจำไม่ได้นะคะว่า ‘ดอลลาร์’ กลายเป็น ‘ผง’ ตั้งแต่เมื่อไหร่”
หญิงสาวปล่อยจิตสังหารออกมาจนทุกคนในร้านถึงกับสะดุ้งเฮือกไปตามๆกัน ชายกลางคนหน้าซีดเผือดเมื่อเผชิญกับจิตสังหารรุนแรงอย่างที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน เขากัดฟันกรอดแล้วเรียกบอดี้การ์ดของตัวเองมายืนล้อมเพื่อคุ้มกันอย่างรวดเร็ว
“ลูเซีย” แซนนิเอล่าเอ่ยเรียกพนักงานสาวที่ยืนถือถาดอยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์กับเซลิโอด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“ค่ะหัวหน้า!” หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลรับคำสั่ง ทันใดนั้นเองดวงตาสีเขียวน้ำทะเลของเธอก็เปล่งประกายวาบ ก่อกำเนิดคลื่นอากาศแผ่กระจายออกจากตัวเธอออกไปรอบๆร้าน
แกร๊ก! ปืนพกสีดำสนิทของชายหนุ่มเพียงคนเดียวในร้านปลดเซฟตี้และยกขึ้นเล็งไปยังเหล่าบอดี้การ์ด ก่อนที่จะลั่นกระสุนออกมาอย่างต่อเนื่อง สังหารชายฉกรรจ์เหล่านั้นทิ้งในเวลาเพียงชั่วพริบตาโดยที่น้องสาวของเขาซึ่งยืนอยู่ในระยะยิงด้วยแทบไม่เป็นอะไรเลย
แซนนิเอล่าทำหน้ามุ่ยขณะปาดคราบเลือดจากศีรษะของชายที่ยืนอยู่ใกล้เธอที่สุดออก “เล็งให้มันดีๆหน่อยสิเซล มันสกปรกนะ”
“คร้าบๆคุณน้องสาวที่รัก” เขาทำเสียงล้อเลียน “เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกันเนอะ”
“พ...พวกแก!!! คิดจะเล่นตุกติกเรอะยัยเด็กเวร!!!” พาซซิโอที่ยืนอยู่เพียงลำพังท่ามกลางศพของลูกน้องแผดเสียงลั่น ใบหน้าของเขาซีดเผือดด้วยความหวาดกลัวขณะจ้องมองไปยังหญิงสาวซึ่งมีอายุคราวลูกตรงหน้า
สามารถสังหารยอดฝีมืออันดับต้นๆของวงการได้ภายในเวลาเพียงไม่ถึงนาที อีกทั้งลูกค้าคนอื่นๆยังไม่ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นในร้านสดๆต่อหน้าต่อตา คงจะเป็นเพราะภาพลวงตาที่สาวเสิร์ฟผมสีน้ำตาลคนนั้นสร้างขึ้นแน่ๆ แต่ทำได้ถึงขนาดที่ปิดกั้นโลกของเขากับโลกส่วนอื่นๆได้นี่มัน...
...ปีศาจชัดๆ
หญิงสาวหัวเราะคิกคักขณะเลียคราบเลือดที่ติดอยู่ปลายนิ้ว “ฉันน่าจะเป็นคนพูดคำนั้นมากกว่านะคะมิสเตอร์พาซซิโอ เอาล่ะ...ทีนี้ก็จบกันได้ละ”
“ด...เดี๋ยวสิ!!! วะ...ไว้ชีวิตฉันด้วย!!! ฉันมี..มีเงินกับอาวุธอยู่เยอะเลย ฉันยกให้เธอหมดนั่นก็ได้...อย่าฆ่าฉันเลย...ดะ...ได้โปรด” ชายกลางคนละล่ำลักพูดอย่างกลัวตาย
“ฉันไม่ต้องการขยะพรรค์นั้นหรอกค่ะ ของพรรค์นั้น...ฉันมีเยอะมากกว่าที่คุณมีก็แล้วกัน”
เปรี้ยง!
สิ้นเสียงปืน ร่างของชายกลางคนก็ค่อยๆล้มลงไปกองกับพื้นด้วยชะตากรรมเดียวกับที่ลูกน้องของเขาประสบ เธอใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบเลือดที่ติดอยู่บนปืนของเธอออกแล้วหันไปสั่งการ
“ช่วยเก็บกวาดเจ้าพวกนี้ทีเซลิโอ...ลูเซีย”
“สั่งยันเลยนะ” เขาบ่นอุบอิบเล็กน้อยขณะดีดนิ้วขึ้นครั้งหนึ่ง ทันใดนั้นเองไฟสีน้ำเงินเข้มก็จุดขึ้นที่ปลายนิ้วของเขา เซลิโอจัดการใช้ไฟของเขาเผาศพที่กองอยู่กับพื้นทิ้งอย่างไม่ลังเล และเมื่อไฟหายไปก็ไม่ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้แม้แต่คราบเขม่าเล็กๆ ส่วนลูเซียก็นำไม้ถูพื้นมาเช็ดคราบเลือดที่เปื้อนเต็มพื้นออก เป็นการลบหลักฐานการฆาตกรรมหมู่อย่างเบ็ดเสร็จ
ร่างโปร่งทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง “ไม่ไหวเลยน้า ทำเหมือนกับว่าเราเป็นพวกค้ายาไปได้...แย่จริงๆ”
“ช่วยไม่ได้นี่คะหัวหน้า” ลูเซียพูดขึ้น “ทั้งอาวุธปืน อาวุธกล่อง แล้วก็สารพัดของน่ากลัวทั้งหลายเราก็ค้าขายกันมานาน ไม่แปลกหรอกที่จะโดนเหมาว่าค้ายาด้วย”
“นั่นมันก็เกินไป...” แซนนิเอล่าถอนหายใจยาว
หลังจากแยกตัวออกมาจากแฟมิลี่ที่อุปการะพวกเธอสองคนได้พักหนึ่ง แซนนิเอล่าก็เริ่มที่จะหาช่องทางหารายได้ให้กับตัวเองโดยการนำเงินบางส่วนที่คนคนนั้นทิ้งเอาไว้ให้มาลงทุนในตลาดหุ้น ด้วยไอคิวเกินร้อยแปดสิบของเซลิโอทำให้พวกเธอสามารถเทคโอเวอร์บริษัทค้าอาวุธเล็กๆบริษัทหนึ่งมาเป็นของตัวเองได้ จากนั้นก็เริ่มที่จะบริหารและขยายกิจการออกไปในชื่อ ‘ฮันเทรสกรุ๊ป’ จนตอนนี้เติบโตกลายเป็นผู้ผลิตและค้าอาวุธรายใหญ่ของโลก
ส่วนลูเซียนั้นเป็นนักฆ่าที่แฟมิลี่หนึ่งส่งมาลอบสังหารแซนนิเอล่า แต่เมื่อปฏิบัติการไม่สำเร็จจึงถูกแฟมิลี่ของตัวเองหักหลังและพยายามกำจัดทิ้ง ตอนแรกเธอคิดจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ถูกคนพวกนั้นฆ่าแล้ว แต่เซลิโอคิดว่าเธอน่าจะมีประโยชน์อยู่ซักหน่อยและช่วยเอาไว้และให้ทำงานเป็นพนักงานในร้าน
จะว่าเธอเป็นคนเลือดเย็นก็ไม่ผิดนัก เพราะสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่นั้นหากใจอ่อนเพียงนิดเดียวนั่นหมายถึงความตาย ชีวิตที่มีแต่นักฆ่ามาคอยจ้องเป่าหัวอยู่ตลอดเวลาทำให้เธอรู้จักที่จะเปลี่ยนให้ตัวเองกลายเป็นคนไร้หัวใจ เลือดเย็นและไร้ความปรานี
เพราะแต่เดิมที...เธอก็ไม่เคยมีหัวใจอยู่แล้ว
ราชินีผู้เย็นชากับราชานักปราชญ์...
สองผู้อยู่บนจุดสูงสุดของฮันเทรสกรุ๊ป...
พวกเราคิดที่จะมีชีวิตอยู่บนความหลอกลวงอย่างนั้นหรือ?
...อา นั่นสินะ
คงจะต้องเป็นอย่างนั้นล่ะมัง?
เพราะพวกเราถอยหลังกลับไม่ได้อีกต่อไปแล้ว...
ความคิดเห็น