คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : ราชันย์แห่งบาป 2
ฉัวะ!
ใบมีดสีเงินคมกริบถอนออกมาจากปากแผลที่ถูกตัดอย่างเรียบสนิท นักฆ่าผู้แฝงกายอยู่ในเงามืดสะบัดมือไล่คราบเลือดที่เกาะพราวอยู่กับอาวุธสังหารแล้วสอดเก็บเข้าฝักตามเดิม ดวงตาแข็งกร้าวทอประกายเยือกเย็นใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้อง ในดวงตาคู่นั้นแฝงเอาไว้ด้วยความพึงพอใจหลังจากที่ได้ลงมือสังหารเหยื่อเรียบร้อยแล้ว
ร่างกำยำของมือสังหารเตรียมที่จะหันกลับไปและหลบหนีออกทางหน้าต่าง ทว่าชั่ววินาทีที่เขาขยับตัวนั้นเอง ร่างกายของเขาก็ถูกตัดหั่นเป็นชิ้นเนื้อยิบย่อยภายในเวลาเพียงไม่ถึงวินาที แสงสว่างจากดวงจันทร์กลมโตภายนอกส่องให้เห็นหยดเลือดที่เกาะพราวอยู่บนบางสิ่งที่บางเฉียบยิ่งกว่าเส้นด้าย
“จัดการเรียบร้อยเหมือนเคยเลยนะ” เสียงทุ้มห้าวดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มร่างสูงในชุดรัดกุมสีดำสนิทบนขอบหน้าต่าง ใบหน้าของเขาถูกอำพรางเอาไว้ด้วยฮู้ดของเสื้อคลุม และยิ่งเมื่อยืนอยู่ใสตำแหน่งย้อนแสงเช่นนี้แล้วก็ทำให้การระบุตัวตนของเขายากยิ่งขึ้นไปอีก
ทว่าไม่ใช่สำหรับเจ้าของเส้นลวดสังหาร...
สายลมพัดวูบ เพียงเท่านั้นลวดคมกริบยิ่งกว่าคมดาบทั้งหลายก็อันตรธานหายไปจนหมดสิ้น หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเจ้าของของมันได้เก็บมันกลับไปแล้ว ผู้แอบซ่อนอยู่ในเงามืดอย่างเงียบงันก้าวออกมาสู่แสงสว่างยามราตรี พลางก้มลงล้วงมือเข้าไปภายในศพของชายกลางคนร่างท้วมที่นอนแผ่จมกองเลือดแล้วดึงบางสิ่งบางอย่างออกมา
อัญมณีสีแดงก่ำคล้ายหยดเลือดถูกดึงออกมาจากศพของเหยื่อรายแรก ผิวมันวาวของมันสะท้อนกับแสงสีเงินบนท้องฟ้าเป็นประกายระยับแต่ก็แฝงกลิ่นอายของความน่าสัพรึงกลัวเอาไว้ ทันใดนั้นเองศพที่ถูกดึงอัญมณีเม็ดงามออกมาก็พลันกลายสภาพเป็นตุ๊กตาดินเหนียวขนาดเท่าตัวคน เลือดที่เห็นๆเจิ่งนองเต็มพื้นก็กลายเป็นน้ำโคลนสีน้ำตาลเหนียว
ใช่แล้ว เป้าหมายของพวกเขาก็คือการตาม ‘เก็บ’ มือสังหารไร้สังกัดคนนี้ต่างหาก
พวกเขาวางแผนโดยใช้เหยื่อของมันที่ถูกสลับแทนที่ด้วยตุ๊กตามายา รอจนกระทั่งมันเผยตัวเองแล้วค่อยจัดการเก็บกวาดในที่สุด นับว่าเป็นแผนที่ค่อนข้างประหยัดและไม่เปลืองแรงทีเดียว แต่เพียงต้องใช้ความอดทนรอคอยมากพอสมควรทีเดียว
เจ้าของเส้นลวดสังหารสอดศิลาวิญญาณเก็บเข้าไปในเสื้อคลุม “ก็มันเป็นงาน” เพียงตอบสั้นๆอย่างไร้อารมณ์เหมือนเคย ร่างสูงเองก็เข้าใจเป็นอย่างดีก่อนที่จะปาดคราบโคลนที่เลอะเต็มพื้นแล้วใช้มันเขียนอักษรประหลาดลงไปบนพื้น
วาบ!
ตัวอักษรที่ถูกเขียนด้วยโคลนพลันเปล่งแสงสว่างวาบและคลายตัวเองออกเป็นวงแหวนเวทมนตร์ขนาดใหญ่พอที่จะครอบคลุมทั้งสองคนเอาไว้ได้ วงแหวนเวทย์ทอประกายสว่างเจิดจ้าอีกครั้ง และเมื่อแสงสว่างดับลงไป สิ่งที่เหลืออยู่ในห้องนั้นก็มีเพียงเศษชิ้นเนื้อเละๆของมือสังหารคนนั้นและเลือดที่ไหลเจิ่งนองเต็มพื้นห้องเท่านั้น ไม่แม้แต่จะพบหลักฐานใดๆที่เกี่ยวของกับคนในเงามืดทั้งสองเลยแม้แต่น้อย
ก็แค่เงาที่เหมือนจะผ่านมาและจางหายไป...
นั่นล่ะคือภารกิจของพวกเขาทั้งสองคน และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมประเทศทัสซาโรที่มีขนาดเล็กกว่าอวาลอนหลายเท่าและมีกำลังพลน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดถึงได้ลุกฮือขึ้นมาก่อสงครามต่อต้านและพยายามแย่งชิงอาณาบริเวณป่าเนอยาร์คอย่างสุดความสามารถ
...เพราะป่านั้นคือ ‘ความลับ’
ป่าของยมทูต...
ป่าเนอยาร์คเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาสันหลังมังกรซึ่งทอดยาวเป็นเขตแดนธรรมชาติกั้นระหว่างอวาลอนและทัสซาโร ด้วยความอุดมสมบูรณ์จากแร่ธาตุของภูเขาไฟที่ดับแล้วในบริเวณเทือกเขาสันหลังมังกรทำให้ต้นไม้ในป่านี้มีความสมบูรณ์และเติบใหญ่จนกระทั่งกลายเป็นป่าดงดิบและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้อยใหญ่หลายชนิด นักสำรวจ ทหารรับจ้าง หรือนักผจญภัยจากทั่วทุกสารทิศต่างพากันมาลองเสี่ยงโชคเข้าไปในป่าแห่งนั้นเผื่อว่าโชคดีอาจจะได้พบสัตว์หายากชนิดใหม่ๆหรือสินแร่ต่างๆในป่าแห่งนั้น
แต่การผจญภัยที่คิดว่าเป็นการเสี่ยงโชคเล่นๆกลับต้องเอาชีวิตมาเดิมพัน...
หลายชีวิตหายเข้าไปในป่าแห่งนั้นและไม่เคยกลับมาอีกเลย บางคนกลับออกมาได้แต่ก็ต้องพิการหรือไม่ก็กลายเป็นบ้าไป ทำให้บริเวณอาณาเขตป่าแห่งนี้ถูกประกาศเป็นพื้นที่ต้องห้ามที่ไม่ว่าใครก็เข้าไปไม่ได้ ทั้งทัสซาโรและอวาลอนที่มีอาณาเขตติดกับป่าแห่งนี้ล้วนอยากครอบครองพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์นี้จนใจจะขาด
ไม่ใช่เพียงแค่ทรัพยากรเท่านั้น...
...แต่ยังมีกลุ่มนักฆ่าอันมีฝีมือเลื่องลือเป็นตำนานอาศัยอยู่บริเวณใจกลางป่าแห่งนี้ด้วย
นั่นก็คือ ‘ปราการทมิฬ’ องค์กรที่รวบรวมเอานักฆ่าที่มีฝีมือระดับสูงหลายสิบคนไว้ด้วยกัน พวกเขาคือคนกลุ่มเดียวที่รู้เส้นทางต่างๆภายในป่าเนอยาร์คเป็นอย่างดี แต่ทว่าไม่มีใครเห็นพวกเขามาปรากฏตัวหลายสิบปีแล้วตั้งแต่ตอนที่คนกลุ่มนั้นออกเคลื่อนไหวในสงครามระหว่างเผ่าปีศาจและมนุษย์เมื่อสิบหกปีก่อน เหล่าคนจากปราการทมิฬได้ลักลอบเข้าไปในปราสาทของราชาปีศาจ แล้วไม่กี่อาทิตย์หลังจากนั้นพวกปีศาจก็แตกพ่ายอย่างไม่มีสาเหตุและมนุษย์ก็ได้รับชัยชนะ
แต่กลุ่มผู้มาสมทบจากปราการทมิฬกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย...
ภายในห้องโถงกว้างซึ่งรองรับหลังคาทรงโดมซึ่งเพดานวาดเป็นอักขระเวทมนตร์นับพันตัวเรียงกันเป็นวงแหวนเวทย์อย่างซับซ้อน วงแหวนเวทมนตร์อีกแบบหนึ่งสว่างวาบขึ้นบนพื้นหินอ่อนสีขาวก่อนที่ร่างของนักฆ่าทั้งสองจะปรากฏตัวขึ้นตามหลังแสงสว่างได้จางลงไป ร่างสูงยืดแขนบิด ขี้เกียจก่อนที่จะดึงฮู้ดลง
เขาเป็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบต้นๆหากดูจากหน้าตา เส้นผมสีบลอนด์ทองหยักเป็นลอนน้อยๆยาวระต้นคอรับกับใบหน้าเรียวคมและดวงตาสีเงินยวงคู่เรียวที่ทอประกายเจ้าเล่ห์อย่างเห็นได้ชัดเจน เขาสวมเครื่องแบบเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวทับด้วยเสื้อคลุมยาวคลุมสะโพกสีดำสนิทปักขอบสีเงินและกางเกงขายาวสีเดียวกัน รองเท้าบูตรัดกุมสวมขึ้นมาถึงครึ่งหน้าแข้งและทับชายกางเกงเอาไว้ ทว่าสิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คือหูทรงจั่วสีเดียวกับเส้นผมที่ตั้งโด่อยู่บนศีรษะ
เขาคือคนที่มีสายเลือดของเผ่าอนิม่าประเภทจิ้งจอก พวกอนิม่าก็จัดว่าเป็นเผ่าย่อยของพวกปีศาจอย่างหนึ่งแต่จะไม่ทรงอำนาจเท่าและมีความเป็นมิตรกับมนุษย์มากกว่า ลักษณะของพวกเขาก็ดูได้อย่างชัดเจนก็คืออวัยวะของสัตว์ที่งอกเพิ่มมา แต่ถ้าเป็นพวกที่มีพลังแข็งแกร่งก็สามารถซ่อนหู หางหรือเขาได้และแทบจะแยกไม่ออกเลยหากไปอยู่กลางกลุ่มของมนุษย์
“งานครั้งนี้มันน่าเบื่อซะจริง” ชายหนุ่มเผ่าจิ้งจอกบ่น “ว่าไง...สนใจสู้กันซักรอบมั้ยลาเซล”
----------------------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็น