ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังเก็บนิยายตามใจฉัน

    ลำดับตอนที่ #34 : ราชันย์แห่งบาป 2

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 57





     

     

    ฉัวะ!
     

    ใบมีดสีเงินคมกริบถอนออกมาจากปากแผลที่ถูกตัดอย่างเรียบสนิท   นักฆ่าผู้แฝงกายอยู่ในเงามืดสะบัดมือไล่คราบเลือดที่เกาะพราวอยู่กับอาวุธสังหารแล้วสอดเก็บเข้าฝักตามเดิม   ดวงตาแข็งกร้าวทอประกายเยือกเย็นใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้อง   ในดวงตาคู่นั้นแฝงเอาไว้ด้วยความพึงพอใจหลังจากที่ได้ลงมือสังหารเหยื่อเรียบร้อยแล้ว  
     

    ร่างกำยำของมือสังหารเตรียมที่จะหันกลับไปและหลบหนีออกทางหน้าต่าง   ทว่าชั่ววินาทีที่เขาขยับตัวนั้นเอง   ร่างกายของเขาก็ถูกตัดหั่นเป็นชิ้นเนื้อยิบย่อยภายในเวลาเพียงไม่ถึงวินาที   แสงสว่างจากดวงจันทร์กลมโตภายนอกส่องให้เห็นหยดเลือดที่เกาะพราวอยู่บนบางสิ่งที่บางเฉียบยิ่งกว่าเส้นด้าย
     

    “จัดการเรียบร้อยเหมือนเคยเลยนะ” เสียงทุ้มห้าวดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มร่างสูงในชุดรัดกุมสีดำสนิทบนขอบหน้าต่าง   ใบหน้าของเขาถูกอำพรางเอาไว้ด้วยฮู้ดของเสื้อคลุม   และยิ่งเมื่อยืนอยู่ใสตำแหน่งย้อนแสงเช่นนี้แล้วก็ทำให้การระบุตัวตนของเขายากยิ่งขึ้นไปอีก
     

    ทว่าไม่ใช่สำหรับเจ้าของเส้นลวดสังหาร...
     

    สายลมพัดวูบ   เพียงเท่านั้นลวดคมกริบยิ่งกว่าคมดาบทั้งหลายก็อันตรธานหายไปจนหมดสิ้น   หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเจ้าของของมันได้เก็บมันกลับไปแล้ว   ผู้แอบซ่อนอยู่ในเงามืดอย่างเงียบงันก้าวออกมาสู่แสงสว่างยามราตรี   พลางก้มลงล้วงมือเข้าไปภายในศพของชายกลางคนร่างท้วมที่นอนแผ่จมกองเลือดแล้วดึงบางสิ่งบางอย่างออกมา
     

    อัญมณีสีแดงก่ำคล้ายหยดเลือดถูกดึงออกมาจากศพของเหยื่อรายแรก   ผิวมันวาวของมันสะท้อนกับแสงสีเงินบนท้องฟ้าเป็นประกายระยับแต่ก็แฝงกลิ่นอายของความน่าสัพรึงกลัวเอาไว้   ทันใดนั้นเองศพที่ถูกดึงอัญมณีเม็ดงามออกมาก็พลันกลายสภาพเป็นตุ๊กตาดินเหนียวขนาดเท่าตัวคน   เลือดที่เห็นๆเจิ่งนองเต็มพื้นก็กลายเป็นน้ำโคลนสีน้ำตาลเหนียว
     

    ใช่แล้ว เป้าหมายของพวกเขาก็คือการตาม เก็บมือสังหารไร้สังกัดคนนี้ต่างหาก
     

    พวกเขาวางแผนโดยใช้เหยื่อของมันที่ถูกสลับแทนที่ด้วยตุ๊กตามายา   รอจนกระทั่งมันเผยตัวเองแล้วค่อยจัดการเก็บกวาดในที่สุด   นับว่าเป็นแผนที่ค่อนข้างประหยัดและไม่เปลืองแรงทีเดียว   แต่เพียงต้องใช้ความอดทนรอคอยมากพอสมควรทีเดียว
     

    เจ้าของเส้นลวดสังหารสอดศิลาวิญญาณเก็บเข้าไปในเสื้อคลุม “ก็มันเป็นงาน” เพียงตอบสั้นๆอย่างไร้อารมณ์เหมือนเคย   ร่างสูงเองก็เข้าใจเป็นอย่างดีก่อนที่จะปาดคราบโคลนที่เลอะเต็มพื้นแล้วใช้มันเขียนอักษรประหลาดลงไปบนพื้น
     

    วาบ!
     

    ตัวอักษรที่ถูกเขียนด้วยโคลนพลันเปล่งแสงสว่างวาบและคลายตัวเองออกเป็นวงแหวนเวทมนตร์ขนาดใหญ่พอที่จะครอบคลุมทั้งสองคนเอาไว้ได้   วงแหวนเวทย์ทอประกายสว่างเจิดจ้าอีกครั้ง   และเมื่อแสงสว่างดับลงไป   สิ่งที่เหลืออยู่ในห้องนั้นก็มีเพียงเศษชิ้นเนื้อเละๆของมือสังหารคนนั้นและเลือดที่ไหลเจิ่งนองเต็มพื้นห้องเท่านั้น   ไม่แม้แต่จะพบหลักฐานใดๆที่เกี่ยวของกับคนในเงามืดทั้งสองเลยแม้แต่น้อย
     

    ก็แค่เงาที่เหมือนจะผ่านมาและจางหายไป...
     

    นั่นล่ะคือภารกิจของพวกเขาทั้งสองคน   และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมประเทศทัสซาโรที่มีขนาดเล็กกว่าอวาลอนหลายเท่าและมีกำลังพลน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดถึงได้ลุกฮือขึ้นมาก่อสงครามต่อต้านและพยายามแย่งชิงอาณาบริเวณป่าเนอยาร์คอย่างสุดความสามารถ
     

    ...เพราะป่านั้นคือ ความลับ
     

    ป่าของยมทูต...


     

       ป่าเนอยาร์คเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาสันหลังมังกรซึ่งทอดยาวเป็นเขตแดนธรรมชาติกั้นระหว่างอวาลอนและทัสซาโร   ด้วยความอุดมสมบูรณ์จากแร่ธาตุของภูเขาไฟที่ดับแล้วในบริเวณเทือกเขาสันหลังมังกรทำให้ต้นไม้ในป่านี้มีความสมบูรณ์และเติบใหญ่จนกระทั่งกลายเป็นป่าดงดิบและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้อยใหญ่หลายชนิด   นักสำรวจ ทหารรับจ้าง หรือนักผจญภัยจากทั่วทุกสารทิศต่างพากันมาลองเสี่ยงโชคเข้าไปในป่าแห่งนั้นเผื่อว่าโชคดีอาจจะได้พบสัตว์หายากชนิดใหม่ๆหรือสินแร่ต่างๆในป่าแห่งนั้น
       

    แต่การผจญภัยที่คิดว่าเป็นการเสี่ยงโชคเล่นๆกลับต้องเอาชีวิตมาเดิมพัน...
     

    หลายชีวิตหายเข้าไปในป่าแห่งนั้นและไม่เคยกลับมาอีกเลย   บางคนกลับออกมาได้แต่ก็ต้องพิการหรือไม่ก็กลายเป็นบ้าไป   ทำให้บริเวณอาณาเขตป่าแห่งนี้ถูกประกาศเป็นพื้นที่ต้องห้ามที่ไม่ว่าใครก็เข้าไปไม่ได้   ทั้งทัสซาโรและอวาลอนที่มีอาณาเขตติดกับป่าแห่งนี้ล้วนอยากครอบครองพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์นี้จนใจจะขาด
     

    ไม่ใช่เพียงแค่ทรัพยากรเท่านั้น...
     

    ...แต่ยังมีกลุ่มนักฆ่าอันมีฝีมือเลื่องลือเป็นตำนานอาศัยอยู่บริเวณใจกลางป่าแห่งนี้ด้วย
     

    นั่นก็คือ ปราการทมิฬองค์กรที่รวบรวมเอานักฆ่าที่มีฝีมือระดับสูงหลายสิบคนไว้ด้วยกัน   พวกเขาคือคนกลุ่มเดียวที่รู้เส้นทางต่างๆภายในป่าเนอยาร์คเป็นอย่างดี   แต่ทว่าไม่มีใครเห็นพวกเขามาปรากฏตัวหลายสิบปีแล้วตั้งแต่ตอนที่คนกลุ่มนั้นออกเคลื่อนไหวในสงครามระหว่างเผ่าปีศาจและมนุษย์เมื่อสิบหกปีก่อน   เหล่าคนจากปราการทมิฬได้ลักลอบเข้าไปในปราสาทของราชาปีศาจ   แล้วไม่กี่อาทิตย์หลังจากนั้นพวกปีศาจก็แตกพ่ายอย่างไม่มีสาเหตุและมนุษย์ก็ได้รับชัยชนะ
     

    แต่กลุ่มผู้มาสมทบจากปราการทมิฬกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย...
     

    ภายในห้องโถงกว้างซึ่งรองรับหลังคาทรงโดมซึ่งเพดานวาดเป็นอักขระเวทมนตร์นับพันตัวเรียงกันเป็นวงแหวนเวทย์อย่างซับซ้อน   วงแหวนเวทมนตร์อีกแบบหนึ่งสว่างวาบขึ้นบนพื้นหินอ่อนสีขาวก่อนที่ร่างของนักฆ่าทั้งสองจะปรากฏตัวขึ้นตามหลังแสงสว่างได้จางลงไป   ร่างสูงยืดแขนบิด ขี้เกียจก่อนที่จะดึงฮู้ดลง

    เขาเป็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบต้นๆหากดูจากหน้าตา   เส้นผมสีบลอนด์ทองหยักเป็นลอนน้อยๆยาวระต้นคอรับกับใบหน้าเรียวคมและดวงตาสีเงินยวงคู่เรียวที่ทอประกายเจ้าเล่ห์อย่างเห็นได้ชัดเจน   เขาสวมเครื่องแบบเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวทับด้วยเสื้อคลุมยาวคลุมสะโพกสีดำสนิทปักขอบสีเงินและกางเกงขายาวสีเดียวกัน   รองเท้าบูตรัดกุมสวมขึ้นมาถึงครึ่งหน้าแข้งและทับชายกางเกงเอาไว้   ทว่าสิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คือหูทรงจั่วสีเดียวกับเส้นผมที่ตั้งโด่อยู่บนศีรษะ
     

    เขาคือคนที่มีสายเลือดของเผ่าอนิม่าประเภทจิ้งจอก   พวกอนิม่าก็จัดว่าเป็นเผ่าย่อยของพวกปีศาจอย่างหนึ่งแต่จะไม่ทรงอำนาจเท่าและมีความเป็นมิตรกับมนุษย์มากกว่า   ลักษณะของพวกเขาก็ดูได้อย่างชัดเจนก็คืออวัยวะของสัตว์ที่งอกเพิ่มมา   แต่ถ้าเป็นพวกที่มีพลังแข็งแกร่งก็สามารถซ่อนหู หางหรือเขาได้และแทบจะแยกไม่ออกเลยหากไปอยู่กลางกลุ่มของมนุษย์
     

    “งานครั้งนี้มันน่าเบื่อซะจริง” ชายหนุ่มเผ่าจิ้งจอกบ่น “ว่าไง...สนใจสู้กันซักรอบมั้ยลาเซล”

    ----------------------------------------------------------------------------------------------      

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×