ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังเก็บนิยายตามใจฉัน

    ลำดับตอนที่ #33 : ราชันย์แห่งบาป 1

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 57


     

    แสงสีละลานตา

    แสงสว่างอันแสนพิสุทธิ์

    ขาวและไร้สิ่งอื่นแต่งแต้ม

    ไม่ใช่ตัวตนของฉันดำมืดยิ่งกว่านั้น

    ตัวตนอันแปดเปื้อน

    สีดำอันเป็นที่รักของฉัน

     
     

    กลางคืนห้ามออกนอกบ้านโดยพลการ   มิฉะนั้นปีศาจจะมาเอาวิญญาณไป
     

    นั่นเป็นคำสอนที่แม่คอยพร่ำบอกเธอเสมอทุกๆคืนในตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่   เธอไม่เคยเชื่อในคำพูดนั้นเลยและพยายามที่จะปีนออกไปข้างนอกบ้านเป็นประจำยามหลังอาทิตย์ตกดิน
     

    เธอรักในสีดำอันมืดมิดนี้รักเพราะว่ามันคือตัวตนและชีวิตของเธอ
     

    ลาเซลเติบโตขึ้นมาโดยมีความมืดเป็นเพื่อน   แม่เล่าให้ฟังว่าคืนที่เธอลืมตาดูโลกนั้นเป็นคืนพระจันทร์สีเลือด   ท้องฟ้านั้นแดงฉานน่ากลัวราวกับปีศาจเอาโลหิตสดๆมาชโลมย้อมเป็นสีเดียวกับดวงตาทั้งสองของเธอ
     

    บ้านของสองแม่ลูกนั้นอยู่ท่ามกลางแมกไม้หนาทึบในป่าอันห่างไกลจากหมู่บ้าน   คนในหมู่บ้านนั้นรังเกียจที่แม่ให้กำเนิดเธอเด็กที่เกิดจากแม่ผู้ถูกชายโฉดข่มขืน  
     

    เส้นผมสีเงินยวงดั่งแสงจันทร์และนัยน์ตาสีโลหิตคือสิ่งที่ชายคนนั้นถ่ายทอดมาให้เธอ   รวมทั้งพรสวรรค์ทางด้านการรับรู้สัมผัสอีกด้วย
     

    เด็กสาวรักที่จะออกผจญภัยและใช้พรสวรรค์นั้นให้เป็นประโยชน์   แต่แม่มักจะให้เธอเก็บตัวอยู่ในบ้านเสียส่วนใหญ่   มีบางครั้งที่เธอจะแอบปีนออกไปทางหน้าต่างแล้วมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเบื้องล่างของภูเขาเพื่อเปิดหูเปิดตารับสิ่งใหม่ๆภายนอกซึ่งไม่เคยได้รับรู้มาก่อน
     

    เพราะว่าหมู่บ้านของเธอเป็นทางผ่านไปสู่ท่าเรือใหญ่ที่สำคัญของอาณาจักร   ทำให้มีรถม้าและพาหนะของผู้คนจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ามาพักอย่างไม่ขาดสาย   บ้างก็เห็นสินค้าหน้าตาประหลาดถูกเก็บรักษาอย่างดีอยู่ตรงด้านหลังเกวียน   เห็นผู้คนในชุดแต่งกายที่แตกต่างกันออกไปเดินกันขวักไขว่   ถ้าหากมีคนเยอะหน่อยสามารถพอจะพรางตัวเองให้กลมกลืนได้โดยไม่เป็นที่สังเกต   ลาเซลก็ฉลาดพอที่จะใช้ผ้าโพกหัวเก็บผมสีประหลาดของเธอเอาไว้  แล้วแต่งกายเป็นชายลงไปปะปนกับคนในตลาดโดยที่ไม่มีใครรู้
     

    เด็กผู้หญิงในวัยเดียวกับเธอส่วนใหญ่ก็จะใช้เวลาไปกับการเย็บปักถักร้อยและร่ำเรียนวิชาคหกรรม   แต่เธอจะลงไปขลุกกับพวกเด็กผู้ชาย   ก็เลยได้วิชาป้องกันตัวกลับมาบ้างนิดหน่อย   ไม่นับเอารอยฟกช้ำที่นับวันจะเยอะขึ้นเรื่อยๆด้วยนะ
     

    แต่แล้ววิถีชีวิตอันเต็มไปด้วยสีสันและความสดใสก็ถูกพรากจากไป   เฉกเช่นเดียวกับแสงสว่างดวงน้อยที่ไม่อาจดำรงอยู่ได้ท่ามกลางความมืดมิด
     

    สีแดงฉานที่เธอเกลียดกลับมาฝากรอยแผลเอาไว้อีกครั้ง
     

    เปลวเพลิงสีชาดลุกกระพือโหมอย่างบ้าคลั่งยังบ้านเรือนเบื้องล่าง   ชาวบ้านต่างหนีตายกันชุลมุนโดยมีพวกโจรป่าวิ่งไล่ตามสังหารอย่างไร้ความปรานี   ลาเซลได้ยินเสียงของพวกเขาหัวเราะลั่นด้วยความเบิกบานใจขณะได้ยินเสียงกรีดร้องสุดท้ายของเหยื่อที่ถูกตนสังหาร   ศพนับร้อยนอนกองเกลื่อนเต็มเนิน   ในขณะที่อณูอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นไหม้และควันจากกองเพลิงใหญ่นั้น
     

    เธอยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยแววตาตื่นตระหนก   แต่ร่างกายกลับหนักอึ้งจนไม่สามารถขยับตัวได้   ใบหน้านิ่งขึงราวกับมีใครบางคนจงใจจับให้เธอมองสิ่งที่เกิดขึ้น
     

    ยินดีเสียสิจงยินดีกับความตายของเจ้าพวกนั้น
     

    เสียงกระซิบแหบพร่าของปีศาจดังขึ้นในหัว   เป็นเสียงเดียวกับที่เธอเคยได้ยินในความฝันก่อนวันเกิดครบสิบสามปีหลายต่อหลายคืน
     

    ซึ่งวันเกิดของเธอก็คือวันนี้
     

    จงมีชีวิตอยู่บนความตาย

    จงดื่มกินเพียงความตาย

    จงยืนหยัดเพื่อความตายของผู้อื่น
     

    ประโยคนั้นช่างคล้ายกับคำที่แม่เคยพร่ำกระซิบขับกล่อมก่อนนอนทุกคืนเหลือเกิน แต่ยังมีส่วนที่แตกต่างกันออกไป
     

    จงมีชีวิตอยู่เพียงเพื่อแม่

    จงดื่มกินเพียงแม่

    แล้วสุดท้ายลูกจะยังคงดำรงตัวตนของลูกอยู่ได้โดยไม่สูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปอย่างที่ผู้ชายคนนั้นเป็น
     

    ภาพนั้นยังคงตรึงตาอยู่ไม่จางหาย   เงาดำทะมึนสูงใหญ่ปานหมีของโจรป่าก้าวมายืนตรงหน้าของเธอพร้อมกับเงื้อดาบในมือขึ้นสูง  
     

    แล้วดาบก็ฟาดฟันลงมา   ทว่าผู้ที่ถูกสังเวยให้กับการลงดาบครั้งนี้คือแม่ของเธอ
     

    เลือดสีแดงเข้มกระเซ็นเปื้อนมือทั้งสองที่ถูกผ้าพันแผลพันเอาไว้จนถึงข้อมือ   แม่ใช้มันเป็นเครื่องพยุงกายก่อนจะล้มลงไปสิ้นใจ   แรงดึงทำให้ผ้าเลื่อนหลุดออก   เผยให้เห็นรอยสักสีแดงเข้มดั่งเลือดลากเป็นสัญลักษณ์ของกรงเล็บสัตว์ร้าย
     

    ของเหลวอุ่นๆไหลเจิ่งนองเต็มพื้น   แม่นอนสิ้นใจอยู่แทบเท้า   ลาเซลไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากรอยสักหลังมือที่กำลังทวีความร้อนขึ้นมากเรื่อยๆ  
     

    และรู้สึกว่าน้ำตากำลังไหลรินผ่านแก้มอย่างช้าๆ
     

    ดาบโค้งที่ใช้ปลิดชีพผู้คนเงื้อขึ้นเหนือหัว   เธอแทบไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่   ราวกับว่ามีใครอีกคนข้างในตัวเธอกำลังควบคุมร่างกายอยู่   เด็กสาวปล่อยให้ร่างกายเคลื่อนไหวไปตามสัญชาตญาณโดยไม่คิดจะหักห้าม
     

    ความมืดในตัวเธอกำลังกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
     

    พอมารู้สึกตัวอีกครั้ง   รอบกายก็เต็มไปด้วยร่างไร้ชีวิตของโจรป่าเหล่านั้นนอนกองอยู่แทบเท้า   แต่ละศพล้วนอยู่ในสภาพสยดสยอง   บางร่างก็ตัวกับหัวแยกกันไปคนละทาง   บางร่างก็มีอวัยวะภายในไหลออกมากองข้างนอก   แต่ที่ทุกร่างเหมือนกันก็คือดวงตาที่เบิกโพลงด้วยความสะพรึงกลัวต่อบางสิ่งบางอย่างก่อนตาย
     

    เด็กสาวก้มลงมองบางสิ่งที่อยู่ในมือ   ก็เห็นดาบโค้งแบบเดียวกับที่พวกโจรใช้กำลังสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกาย
     

    หมายความว่าเธอคือคนที่สังหารทุกคนที่นี่งั้นเหรอ
     

    มือบางถูกยกขึ้นสูง   ตราประทับนั้นแดงฉานอยู่บนผิวซีดเผือดเนื่องจากไม่ได้สัมผัสแสงอาทิตย์มาเป็นเวลานาน   มันกำลังเต้นตุบๆอย่างยินดีเมื่อได้สัมผัสกับเลือดและความตายของคนในที่แห่งนี้   ณ เวลานั้นเองที่เธอได้เข้าใจอะไรบางอย่าง
     

    ว่าทำไมคนในหมู่บ้านถึงได้จงเกลียดจงชังเธอกับแม่นัก

    ว่าทำไมเธอต้องเติบโตอยู่ในบ้านอันโดดเดี่ยวกลางภูเขามาตลอด

    ว่าทำไมแม่ถึงกำชับไม่ให้เธอออกนอกบ้าน

    เพราะว่าสายเลือดนี้เองสายเลือดปีศาจอันกระหายเลือดนี้

    มันดื่มกินชีวิตของผู้คนรอบข้าง   และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพลังให้เธอได้มีลมหายใจอยู่ต่อไป
     

    พลังอันน่ารังเกียจ!
     

    ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ในกองเพลิงที่กำลังส่องสว่างท่ามกลางราตรี   แล้วมุ่งหน้าไปยังความมืดมิดเพียงลำพัง





     

    เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่สงครามใหญ่ปะทุขึ้นระหว่างสมาพันธรัฐเซอร์เพนทัสและประเทศมหาอำนาจอย่างอวาลอน   สาเหตุเกิดมาจากการแย่งชิงพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ของป่าเนอยาร์คซึ่งมีเขตแดนเชื่อมระหว่างประเทศทัสซาโรและอวาลอนเอาไว้   ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ในการครอบครองพื้นที่และทำสงครามกันเรื่อยมาเป็นเวลาหลายปี   จนกระทั่งทั้งสองฝ่ายได้สูญเสียสิ่งสำคัญของตัวเองไปจึงได้ตระหนักถึงความไร้สาระของสงครามที่ก่อขึ้น   พวกเขาจึงได้ร่างสัญญาขึ้นเพื่อสงบศึก   ทว่าแม้จะมีสัญญาคอยขีดเส้นกั้นเอาไว้แต่ความบาดหมางระหว่างทั้งสองขั้วอำนาจก็ยังคงมีอยู่จางๆ
     

    อวาลอนนั้นคือจักรวรรดิที่ได้ชื่อว่ามีอาณาเขตกว้างขวางที่สุดและมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์มหาศาล   แต่เพราะมีอาณาเขตกว้างทำให้มีประชากรมากเป็นอันดับต้นๆของโลก   ทรัพยากรที่มีอยู่เองก็กำลังจะเริ่มร่อยหรอเต็มทีทำให้พวกเขาเลือกที่จะทำสงครามเพื่อแย่งชิงความอุดมสมบูรณ์ที่มีอยู่ในป่าเนอยาร์คบริเวณชายแดนด้านทิศตะวันตกที่อยู่ติดกับประเทศทัสซาโร
     

    ทว่าไม่มีใครรู้ถึงความดำมืดที่ซ่อนอยู่ในป่าแห่งนั้นเลยแม้แต่คนเดียว...
     

    นอกจาก พวกเขา’...

     


    -------------------------------------------------------------------------------------------

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×