คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Hakuouki เรื่องวุ่นๆเมื่อความลับแตก
“ข้าแขวนป้ายไว้หน้าห้องน้ำเจ้าไม่มีตารึไงฮะ!!!”
เขา
ไม่สิ
เธอคว้ายูกาตะสีขาวที่พาดไว้ริมบ่อน้ำร้อนขึ้นมาสวมแล้วผูกสายรัดที่เอวแบบลวกๆเพื่อปกปิดร่างกายที่เปลือยเปล่าก่อนที่จะก้าวออกไปเผชิญหน้ากับพวกที่บังอาจเข้ามาตอนที่กำลังอาบน้ำด้วยสีหน้าปานจะฆ่าคนให้ได้ ใบหน้าที่ในตอนนี้ดูคล้ายผู้หญิงมากกว่าก่อนขึ้นสีจัดด้วยความรู้สึกอายเป็นที่สุด เฮย์สึเกะกับชินปาจิอ้าปากพเยิบพะยาบเหมือนปลาขาดน้ำเมื่อเจอกับสายตาเย็นเยียบของคนที่พวกเขาคิดมาก่อนหน้านี้ว่าเป็นผู้ชายจ้องเข้าให้
“เหวอ!!! โยซาคุ!!!” ทั้งสองคนร้องเสียงดังลั่นก่อนที่จะมีเสียงฝีเท้าตึงตังวิ่งตรงมายังที่นี่ เธอสบถคำรามในใจอย่างโกรธจัดว่า เจ้าพวกบ้าเอ๊ย อีกไม่นานเดี๋ยวก็ต้องมีคนวิ่งเข้ามาให้เธอเชือดดับอีกเป็นโขยงแน่ๆ
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ!!! หวา!!!”
แม้แต่หัวหน้าคอนโดเองก็ยังอ้าปากค้างเมื่อเห็นร่างบอบบางที่ดูบางยิ่งกว่าเดิมเมื่ออยู่ในชุดยูกาตะสีขาวที่เปียกชื้นแนบลู่จนเผยให้เห็นเรือนร่างอรชรของสตรีนั้น นัยน์ตาสีอำพันถูกเคลือบย้อมด้วยสีแดงสดราวกับเลือดขณะที่รอยยิ้มสยองจะผุดขึ้นมาบนใบหน้างดงาม
“หึหึหึ...เมื่อเห็นเต็มๆแล้ว
ตายซ้า!!!!!!!!!!!!!!”
ขอไว้อาลัยให้แก่หัวหน้าหน่วยของชินเซ็นงุมินับแต่นี้ไป
ข้าที่คืนสถานะเป็นหญิงสาวแล้วจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วยชุดฮากามะสีดำสนิทเหมือนเคยก่อนที่จะใช้เชือกฟั่นรวบผมขึ้นเป็นหางม้า แต่ก็ต้องชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่าผมยังไม่แห้งดีนัก
เอาเถอะ
ในเมื่อทุกคนรู้หมดแล้วคงไม่จำเป็นต้องมัดก็ได้มั้ง
ข้าคิดคำนึงในใจขณะปล่อยให้เส้นผมสีน้ำเงินประหลาดราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืนทิ้งตัวสยายเต็มแผ่นหลังแล้วจึงเดินไปยังห้องทานอาหารของหัวหน้าหน่วย
เป็นไปตามความคาดหมาย ที่ห้องอาหารนั้นมีสมาชิกหัวหน้าหน่วยทุกคนมารวมตัวกันอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาจริงๆ แต่ละคนต่างหันหน้าหลบกันไปคนละทางเมื่อเห็นข้าผู้เป็นเจ้าของเรื่องเดินเข้ามาข้างใน และทุกคนต่างก็มีรอยฟกช้ำบนหัวหรือไม่ก็ร่างกายคนละรอยสองรอยเหมือนกันไม่เว้นแม้กระทั่งหัวหน้าคอนโดหรือฮิจิคาตะ เป็นพิเศษโดยเฉพาะตัวต้นเรื่องอย่างเฮย์สึเกะและชินปาจิที่โดนหนักกว่าใครเพื่อน
“คอนโดซัง”
ทุกคนพร้อมใจกันหันมาทางชายวัยกลางคนเป็นตาเดียวหลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ เขาถึงกับทำหน้าเหลอหลาทันที
“ท่านเป็นหัวหน้า ควรจะต้องเป็นผู้นำ” แม้แต่รองอสูรก็ยังร่วมสมทบด้วยเช่นกัน
หึหึหึ
หมดหนทางเลี่ยงแล้วสินะคะคอนโดซัง ข้าแอบยิ้มสะใจนิดๆในใจ
“พวกเจ้านี่นะ” เขาแอบพึมพำเมื่อหมดทางรอด “อะแฮ่ม ...โยซาคุ ทำไมเจ้าไม่บอกเราตั้งแต่แรกว่าเจ้าเป็นผู้หญิงน่ะ”
“ก็ท่านไม่ได้ถามนี่นา” ข้ายักไหล่อย่างไม่แยแส
“เจ้าไม่เคยบอกข้าเลยว่าเจ้าเป็นผู้หญิง” จิซึรุโอดครวญขึ้นมาบ้าง “ข้าน่ะอยู่กับเจ้ามาหกปีเต็มๆเลยนะ”
“ขอโทษ เซ็นเซสั่งไม่ให้ข้าเปิดเผยตัวเองต่อหน้าคนอื่น ข้าจำเป็นต้องทำแบบนี้” คนมีคดีติดตัวตอบเสียงค่อยอย่างเสียใจ
“แล้วเจ้าปิดบังเรื่องนี้มานานแค่ไหนแล้วล่ะ” ไซโต้ถามขึ้น เรียกให้ทุกคนหันไปมองเขาเป็นตาเดียวทันที
โอ้องค์เทพบิดรซูซาโนโอะ
ท่านเล่นตลกกับผู้ชายแสนสงบปากสงบคำคนนี้หรือเปล่าเจ้าคะ
“ตั้งแต่ข้าจำความได้เลยล่ะ”
ข้ากล่าวพลางยิ้มบางเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่แสนจะวุ่นวายในอดีตอันนานแสนนานมาแล้ว “เซ็นเซฝึกให้ข้าใช้ชีวิตแบบเด็กผู้ชายเพื่อให้ข้าสามารถเอาชีวิตรอดได้ในการต่อสู้ ดังนั้นข้าจึงลองจับดาบมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่ท่านแม่ของข้าบังคับให้ข้าทำตัวเรียบร้อยแบบเด็กผู้หญิง ข้าก็เลยต้องเรียนรู้การทำตัวทั้งสองแบบน่ะ ตอนที่ข้าตัดสินใจออกเดินทางมาที่นี่ท่านแม่กับเซ็นเซทะเลาะกันแทบเป็นแทบตายเลยล่ะ นางเกือบจะหักมือขวาข้าทิ้งเชียวล่ะ”
พูดแล้วข้าก็อดขนลุกเกรียวและเอื้อมไปจับมือขวาของตัวเองไม่ได้ หน้าตาของท่านแม่ตอนนั้นน่ะสุดจะบรรยายเลยล่ะ คิดว่าถึงเป็นมังกรมาเห็นสีหน้าโกรธถึงขั้นทะลุขีดจำกัดในตอนนั้นก็คงจะอดขวัญผวาไม่ได้เหมือนกัน
“เจ้าเด็กครึ่งชายครึ่งหญิง” ฮิจิคาตะระบายลมหายใจพรืด ข้าแสยะยิ้มที่มุมปากแล้วเถียงกลับไปอย่างไม่ลดราวาศอกเช่นกัน
“ดีกว่าพวกที่ไม่รู้ว่าเป็นชายอกสามศอกก็แล้วกันล่ะน่า หน้าตาแบบเจ้าข้านึกว่าเป็นพวกประหลาดบูชิโดซะอีก”
พรืด!
ทุกคนต่างพ่นข้าวที่กำลังเคี้ยวอยู่ออกมาจนหมด คอนโดซังหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตายจนแทบลงไปเกลือกกลิ้งกับพื้น ส่วนคนอื่นนั้นหน้าแดงจัดและพยายามกลั้นหัวเราะสุดฤทธิ์ ยามาซากิเอามือปิดปากขณะที่หน้าแดงเถือกไม่ต่างจากลูกตำลึงและแอบหลบไปหัวเราะที่ซึโนโกะด้านนอกเพียงคนเดียว ส่วนคนที่ถูกด่าจนเสียหายนั้นเพียงถลึงตามองอย่างเคียดแค้น หญิงสาวร้อยเล่ห์หันไปยิ้มหวานตอบสายตานั้นแล้วยั่วโมโหต่อไป
“อยากประลองกับข้าก็ไม่ว่านะ ข้าขอสาเกเหยือกนี้นะฮาราดะซัง”
ยังไงเขาก็ไม่กล้าขัดอยู่แล้วเพราะเข็ดกับการแผลงฤทธิ์เมื่อเวลาไม่นานที่ผ่านมานี้ จึงยอมส่งเหยือกสาเกให้ข้าแต่โดยดี ข้ายิ้มขอบคุณให้เขาขณะที่รับมาแล้วยกขึ้นซดอย่างไม่เกรงใจด้วย ’ท่าทางแบบผู้ชาย’อย่างที่เซ็นเซผู้แสนเคารพรัก (แอบท่านแม่ของข้า) เสี้ยมสอนให้เมื่อนานมาแล้ว จากนั้นจึงหยิบดาบขึ้นเสียบไว้ที่สายคาดเอวแล้วยกมือขึ้นปาดของเหลวที่ไหลเรี่ยมาตามคางออก
“ข้าอยากฆ่าเจ้านัก” เขากัดฟันกรอดหลังจากที่ถูกข้ายั่วโมโหแล้วเดินตึงตังออกไปนอกซึโนโกะ
“ยินดีทุกเวลาเจ้าค่ะฮิจิคาตะซัง”
กลับสู่การบรรยายปกติ
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์โดยตลอดต่างกลืนน้ำลายด้วยความหวาดเสียว ฮิจิคาตะ โทชิโซ น่ะถือว่าเป็นปีศาจหมาป่าแห่งมิบุเชียวนะ คนที่เพิ่งฝึกดาบมาเพียงไม่กี่เดือนและอยู่แต่กับวิชาทวนอย่างโยซาคุน่ะเหรอจะสู้ไหว ยิ่งเวลาที่ผู้ชายคนนั้นโมโหแล้วคงจะไม่ไว้หน้ากันแน่ๆ
“เจ้าเมาแล้ว”
ไซโต้เดินเข้ามายึดบ่าของหญิงสาวผมยาวเอาไว้พลางขมวดคิ้วเมื่อรับรู้ถึงกลิ่นเหล้าจางๆโชยออกมา อีกทั้งแก้มของอีกฝ่ายยังมีสีชมพูระเรื่อที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหลังอาบน้ำหรือว่าฤทธิ์สุรากันแน่อีกด้วย แต่ลางสังหรณ์ของเขาคาดว่าน่าจะเป็นข้อหลังมากกว่า
“เจ้าไม่เชื่อใจข้ารึไงฮาจิเมะจัง” โยซาคุหันไปยิ้มท้าทายให้อีกฝ่าย
“เจ้าไม่ควรเอาชีวิตมาเสี่ยง รองหัวหน้ากำลังโมโหอยู่นะ” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเข้ม ในใจลึกๆแล้วชายหนุ่มก็อดที่จะเป็นห่วงคนตัวเล็กตรงหน้าไม่ได้
“เจ้ายังไม่เห็นฝีมือที่แท้จริงของข้า”
นางเอ่ยกระซิบเบาๆที่ข้างหูเขาด้วยความมั่นใจในฝีมือของตนก่อนที่จะผละออกไปประจันหน้ากับชายหนุ่มผู้เป็นดั่งปีศาจในคราบมนุษย์คนนั้นอย่างไม่เกรงกลัว โอคิตะส่งเสียงผิวปากออกมาอย่างถูกใจ
“ให้ได้อย่างนี้สิน้องข้า”
ส่วนคนอื่นๆก็หน้าแดงพร้อมกับคิดอะไรเตลิดเปิดเปิงกันไปถึงพิภพสวรรค์เรียบร้อยแล้ว จิซึรุมองการกระทำที่ดูอาจหาญเหลือเกินของเพื่อนสนิทวัยเยาว์คนนี้แล้วก็ส่ายหน้าอย่างระอา
เหลือเกินจริงๆเลยนะโยซาคุจัง
มีผู้หญิงที่ไหนกล้าเข้าไปใกล้ชิดกับผู้ชายแบบนั้นเล่า
เห็นแล้วข้าอายแทนจริงๆ
หนึ่งหญิงหนึ่งชายโค้งคำนับให้แก่กันตามประเพณีของการประลองฝีมือ ในตอนนี้เริ่มมีสมาชิกคนอื่นทยอยเข้ามาชมกันบ้างแล้ว เนื่องจากคงเป็นเพราะพวกเขาที่สร้างความอึกทึกครึกโครมมากเกินไปก็เลยเรียกทุกคนมาในเวลาไม่นาน เหล่าหัวหน้าหน่วยทั้งหลายรวมทั้งจิซึรุจึงถือโอกาสใช้สิทธิ์ในฐานะหัวหน้าจับจองพื้นที่ที่ดีที่สุดซึ่งก็คือบริเวณซึโนโกะนั่นเอง และลูกหน่วยก็ไม่กล้าที่จะบังหัวหน้าตัวเองด้วยจึงทำให้สามารถดูการประลองได้ชัดเจนที่สุด
ดาบเรียวสีเงินปลาบสองเล่มถูกชักออกจากฝักอย่างเชื่องช้า จากนั้นจึงเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงในเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาทีต่อมา ทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นไปทั่วกองบัญชาการทันที
“ไม่นึกว่าแขนบางๆของเจ้าหนูขาดสารอาหารจะมีแรงมากกว่าที่ข้าคิดไว้” ชายหนุ่มถือโอกาสเหน็บแนมคืนเสียเลย
“ข้าจะถือว่านั่น
เป็นคำชมแล้วกัน!”
หญิงสาวกัดฟันในประโยคสุดแล้วแล้วออกแรงปัดดาบของคนตรงหน้าออกไปแล้วจึงพลิกข้อมือลงรับดาบที่ฟันมายังสีข้างอย่างคล่องแคล่ว แน่นอนว่าเธอสามารถใช้มือข้างเดียวจับดาบรับการโจมตีนั้นได้อย่างสบาย
ก็นะ
ข้าเป็นพวกที่พิเศษกว่ามนุษย์ทั่วไปนี่นา
ซึ่งการโจมตีแต่ละครั้งนั้นหญิงสาวก็สามารถใช้มือข้างเดียวรับดาบของเขาได้เกือบทุกครั้ง แต่บางครั้งที่โยซาคุยอมหยวนให้โดยใช้มืออีกข้างหนึ่งช่วยจับดาบด้วย ไม่ใช่เพราะกลัวว่าคนตรงหน้าจะเสียศักดิ์ศรี แต่เพราะขี้เกียจเป็นด่านหน้าไปรับการโจมตีของข้าศึกต่างหาก
ต่างฝ่ายต่างใช้กำลังและชิงไหวชิงพริบเข้าประลองกันเป็นเวลานานพอสมควร ทั้งสองคนถอยกลับมาตั้งหลักคนละด้านพร้อมกับคลี่รอยยิ้มที่ทำให้คนรอบนอกถึงกับขนลุกเกรียวด้วยความเย็นยะเยือกที่แฝงอยู่ในนั้นให้แก่กัน
“คอนโดซัง ข้าว่าสองคนนั้นนิสัยเหมือนกันอย่างกับพี่น้องเลยแน่ะ” ชินปาจิเขยิบเข้ามากระซิบกระซาบกับหัวหน้าใหญ่ “สงสัยจะเป็นพี่น้องลับๆแน่เลย”
“อย่าไปพูดให้สองคนได้ยินเชียวนะชินปาจิ ไม่งั้นไม่แน่ว่ารายต่อไปจะเป็นเจ้าแน่ๆ” โอคิตะเอ่ยเตือนพลางยิ้มสดใสตามแบบฉบับของเขาเหมือนเคย
กลับมาที่ผู้ถูกนินทาลับหลังทั้งสองคนกันบ้าง ทั้งคู่ต่างเปลี่ยนมาจับดาบสองมือเหมือนกันก่อนที่จะพุ่งทะยานเข้าสู้กันเป็นครั้งสุดท้าย
เคล้ง! ฉึก!
ดาบของทั้งคู่ต่างกระเด็นหลุดมือและปักลงดินเหมือนกัน ทำเอาชินเซ็นมุงทั้งหลายถึงกับแตกฮือหลบกันจ้าละหวั่นแทบไม่ทันเพราะกลัวดาบหล่นใส่หัว โยซาคุผ่อนลมหายใจยาวขณะเดินไปเก็บดาบคู่กายเสียบเก็บเข้าฝักเหมือนเดิม
“วันนี้ได้พิสูจน์ฝีมือกับรองหัวหน้าผู้เลื่องชื่อ ถือว่าเป็นเกียรติ”
“จะมาไม้ไหนอีกน่ะ” ชายหนุ่มผมยาวทำหน้าแสยงสุดฤทธิ์อย่างไม่ไว้ใจ
“ท่านเห็นข้าเป็นพวกมีอะไรแอบแฝงตั้งแต่เมื่อไรกัน ข้าง่วงแล้ว ราตรีสวัสดิ์นะทุกคน”
ความคิดเห็น