ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังเก็บนิยายตามใจฉัน

    ลำดับตอนที่ #26 : Munakata Reiko 1

    • อัปเดตล่าสุด 7 เม.ย. 56



     


    เธอคือตัวตนที่ไม่สามารถเอื้อมถึงได้ในสายตาคนอื่น...

    ทั้งแข็งแกร่ง...ทรงอำนาจ...และสูงส่ง...

    หากแต่สำหรับฉัน...เธอคือคนที่อ่อนแอที่สุด...

    ได้โปรด...

    วางทุกสิ่งทุกอย่างลง...

    แล้วเอนกายพักพิงฉัน...

    ปล่อยให้ความผิดบาปทั้งหมดตกลงมายังฉันผู้เป็นเงาของเธอ...

    ไม่ต้องย้อนกลับมามองฉันที่อยู่ข้างหลัง   แต่จงก้าวต่อไปข้างหน้า...

    ฉันจะแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างของนายเอาไว้เอง...

     

    เรย์โกะวางมือจากการพิมพ์ข้อมูลลงบนแล็บท็อบหลังจากลงมือทำติดต่อกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมง   ร่างบางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วเอื้อมมือไปถอดแว่นตาสำหรับป้องกันแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ออกแล้วคลึงนวดขมับเบาๆ
     

    ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไร...ทำไมถึงได้มีคนขยันแฮ็กเข้ามาในระบบรักษาความปลอดภัยของเกาะจังเลย   แถมไม่ใช่แฮ็กธรรมดา...แต่ยังเ_อกทิ้งไวรัสเอาไว้ให้อีกต่างหาก!
     

    มันไม่ได้ยากอะไรสำหรับเธอหรอกที่จะจัดการเจ้าพวกนี้   แต่วิธีจัดการมันหลายขั้นตอนเสียจนปวดหัวน่ะสิ
     

    พรึ่บ!
     

    ยังไม่ทันขาดคำก็เอาแล้วไง   หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธอที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายของเกาะก็ดับพรึ่บลงเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท   จากนั้นก็มีไอคอนรูปเครื่องเล่นปรากฏขึ้นมา   เรย์โกะเลิกคิ้วสูงด้วยความสงสัยก่อนที่จะคลิกเข้าไปในไอคอนนั้น
     

    //ไม่ได้เจอกันนานนะเรย์โกะ//
     

    สิ่งที่ปรากฏขึ้นมานั้นเป็นภาพของชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเข้มสวมแว่นกรอบบาง   เขาระบายรอยยิ้มบางเมื่อได้เห็นหน้าของหญิงสาวที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
     

    นี่คือการติดต่อสื่อสารแบบใช้เว็บแคมนั่นเอง...
     

    “ว่างมากหรือไงคะที่มาเล่นแบบนี้” หญิงสาวสวนกลับไปด้วยความหัวเสียขณะหยิบแก้วมอคค่าที่วางอยู่ข้างๆมาดื่มเพื่อขับไล่ความง่วง   ทำงานติดต่อกันนานนี่โคตรเมื่อยเลยจริงๆ
     

    //ก็เธอไม่ยอมกลับบ้านซักทีนี่// ชายหนุ่มยังคงมีรอยยิ้มประดับใบหน้าอยู่   ดูเหมือนว่าเขาจะสนุกด้วยซ้ำที่ได้แกล้งเธอคนนี้
     

    “ก็แล้วมันเพราะใครกันล่ะที่เข้ามากวนน่ะ!” เรย์โกะเริ่มมีน้ำโห “ก็รู้นี่ว่าฉันน่ะต้องรับมือกับพวกว่างงานที่บ้าแฮ็กระบบถี่แค่ไหนแล้วพี่ก็ยังจะมากวนอีก   ฉันเองก็ประสาทเสียเป็นเหมือนกันนะคะ”
     

    ไม่ได้เรียกผิดหรอก...ผู้ชายคนนี้เป็นพี่ชายของเธอเองล่ะ
     

    เรย์โกะทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ที่คอยดูแลระบบรักษาความปลอดภัยอยู่ในเขตการศึกษาบนเกาะอาชินากะ   เดิมทีเธอเองก็เป็นศิษย์เก่าของที่นี่อยู่แล้ว   ถึงแม้จะมีอายุเพียงยี่สิบปีแต่เธอก็สามารถเข้าบรรจุเป็นพนักงานประจำของโรงเรียนได้เหมือนคนที่จบปริญญาทั่วไป
     

    //อ่า...ท่าทางจะประสาทเสียจริงๆด้วยสินะ// เขาหัวเราะเบาๆ //เอาเถอะ...อาทิตย์นี้เธอน่าจะกลับบ้านได้แล้วนะเรย์โกะ   เธอไม่ได้กลับมาตั้งหลายเดือนแล้วนะ//
     

    หญิงสาวหันไปพิมพ์อะไรบางอย่างในคอมพิวเตอร์อีกเครื่องที่ตั้งอยู่ข้างๆกันพร้อมกับพูดโดยไม่หันมองพี่ชาย “พี่ก็รู้นี่ว่าฉันงานยุ่งแค่ไหน   อย่ามาพูดแบบคนว่างงานสิ”
     

    //งั้นพี่จะให้คนของพี่ไปทำงานแทนเรย์โกะไหมล่ะ// รอยยิ้มของชายหนุ่มเริ่มเจ้าเล่ห์มากขึ้นเรื่อยๆ   นัยน์ตาสีม่วงเข้มถลึงใส่คนพูดอย่างไม่พอใจ
     

    “อย่าส่งใครมาเชียวนะ” เรย์โกะเค้นเสียงลอดไรฟัน “ไม่งั้นแม่จะจับแช่แข็งเป็นรูปปั้นแน่”
     

    //ฮะๆ// ผู้เป็นพี่ชายหัวเราะอย่างมีความสุข (สนุก) //ไม่เอาน่าเรย์โกะ...สมาชิกพวกนั้นยิ่งกลัวๆเธออยู่   ถ้าเธอยังไปแช่แข็งพวกนั้นอีกเดี๋ยวก็ไม่มีใครพาหนีเที่ยวหรอก//
     

    “ก็ได้!” หญิงสาวโพล่งออกมาอย่างเหลืออด “ฉันจะกลับบ้านก็ได้! ทีนี้พอใจรึยังล่ะฮะ!
     

    //งั้น...จะให้พี่ไปรับมั้ย//
     

    “ไม่ต้องหรอก...ฉันกลับเองได้”
     

    เรย์โกะพูดด้วยความหัวเสียขณะที่เก็บเอกสารอื่นๆซึ่งกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ   ให้ตายเถอะ...เจ้าพี่บ้านั่นน่าโมโหชะมัด   นึกจะให้กลับก็กลับ...ไม่คิดบ้างหรือไงว่าคนทางนี้เองก็กำลังหัวปั่นกับงานเหมือนกัน
     

    ร่างโปร่งลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วใช้นิ้วสางเส้นผมสีเข้มของตัวเองให้เรียบก่อนที่จะใช้เชือกสีขาวมัดรวบขึ้นเป็นหางม้าสูง   จากนั้นจึงใส่รหัสผ่านตรงประตูแล้วเดินออกไปจากห้องทำงานซึ่งมีเพียงเธอคนเดียวที่นั่งอยู่ในที่นั้น
     

    ระบบรักษาความปลอดภัยและการตรวจสอบคนเข้า-ออกจากเกาะนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ภายใต้การควบคุมของเธอทั้งสิ้น   เธอมีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของบุคคลได้โดยไม่ต้องขออนุญาตไปยังผู้อำนวยการโรงเรียน
     

    ส่วนหนึ่งก็เพราะอำนาจของพี่ชายที่มากเกินไปจนทำให้คนรอบข้างหวั่นกลัว...
     

    อำนาจของ ราชาที่ผู้นำประเทศยังต้องยำเกรง...
     

    หญิงสาวคิดในใจขณะที่เดินปะปนกับนักเรียนและนิสิตที่กำลังจะเดินทางออกจากเกาะโดยรถไฟฟ้าซึ่งเป็นบริการสาธารณะของเขตการศึกษา   ระหว่างที่ยืนรอรถไฟฟ้าอยู่ด้านหลังเส้นสีเหลืองก็สังเกตได้ถึงสายตาของนักเรียนและนิสิตหลายคนที่จ้องมองมา
     

    เรย์โกะไม่ใช่คนที่หน้าตาดีอะไรมากมาย   แต่จุดเด่นของเธอนั้นอยู่ความสูง 173 cm. ซึ่งได้มาจากการเล่นบาสเกตบอลช่วงมัธยม   เส้นผมสีน้ำเงินแปลกตารับกับใบหน้าเรียวสวยทำให้เธอดูเป็นสาวคม   อีกทั้งผิวที่ขาวจนติดซีดเนื่องจากไม่ได้ออกแดดมานานก็ทำให้เธอเป็นที่ดึงดูดสายตาได้ค่อนข้างมากพอสมควร
     

    อีกทั้งชุดที่เธอใส่นั้นก็ไม่ใช่ทั้งชุดนักเรียนหรือชุดนักศึกษาด้วย   เพราะเธอเลือกที่จะใส่เสื้อเชิ้ตขาวแขนยาวทับด้วยเสื้อโค้ทสีดำแบบประหลาดๆเหมือนชุดคอสเพลย์   ทั้งยังมีกางเกงขาสั้นสีดำรัดรูปกับรองเท้าบูทยาวอีกด้วย   อย่างว่าละ...แค่สีผมก็กินขาดแล้ว
     

    เมื่อขบวนรถมาถึง   ทุกคนก็ค่อยๆทยอยกันเข้าไปในรถไฟฟ้าอย่างเป็นระเบียบ   เพราะว่าภายในเกาะแห่งนี้มีเพียงนักเรียนและนักศึกษาเท่านั้น   จึงไม่ค่อยมีการเบียดเสียดของคนในรถไฟฟ้าเหมือนรถไฟฟ้าใต้ดินกลางเมืองเท่าไรนัก   เรย์โกะเดินไปจับจองนั่งยังที่นั่งว่างซึ่งอยู่ติดประตูมากที่สุดแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเสียบหูฟังฟังเพลงอย่างเงียบๆคนเดียว
     

    บ้าน...งั้นเหรอ?
     

    เราไม่ได้มีบ้านให้กลับมานานแล้วนี่นา...


     

     

    ทันทีที่สองเท้าเหยียบลงยังพื้นสถานีรถไฟปลายทาง   เสียงเตือนของโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันทีพร้อมกับมีโฮโลแกรมรูปของชายหนุ่มผมสีน้ำเงินที่คุ้นเคยเด้งขึ้นมาเหนือหน้าจอ   เรย์โกะยกโทรศัพท์แนบหู
     

    //ถึงแล้วสินะเรย์โกะ// เสียงทุ้มนุ่มของชายหนุ่มดังขึ้นยังปลายสาย
     

    “อืมม์” หญิงสาวตอบเรียบๆ “ฉันจะแวะไปหาอะไรจิบซักหน่อยนะ   มีที่ไหนแนะนำมั้ย?”
     

    //บาร์โฮมระ// เสียงของเขาตอบกลับมา //ที่นั่นมีคนรู้จักของฉันอยู่   แล้วก็อย่าบอกชื่อจริงของเธอไปล่ะ   เดี๋ยวเขาจะเขม่นเอา//
     

    “นี่พี่จะส่งฉันไปหาแคลนสีแดงงั้นเหรอ” เสียงของเรย์โกะเริ่มประชดแล้ว   ก็รู้ๆกันอยู่ไม่ใช่เหรอว่าสีแดงกับสีน้ำเงินน่ะไม่ค่อยถูกโฉลกกันซักเท่าไหร่   แล้วยังจะให้น้องสาวตัวเองไปที่นั่นอีกเรอะ!
     

    //ถ้าเขาไม่รู้ก็ไม่เป็นไรหรอกน่า   อีกอย่างราคาค็อกเทลที่นั่นค่อนข้างเบากระเป๋าด้วย//
     

    “เพราะพี่ไปกินฟรีน่ะสิ” เธอตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้า “ถ้าอยากให้ฉันไปที่นั่นนัก...ก็ได้   แล้วเจอกันตอนเย็นนะ...ไอ้คุณพี่ชายเฮงซวย”
     

    หลังจากเสร็จงานนี้แล้ว...เดี๋ยวแม่กลับจะไปอาละวาดในฐานสีน้ำเงินให้เละเลยคอยดู!

     

     


     

    ตอนบ่ายแก่ๆกลับมีเมฆตั้งเค้าครึ้มมาแต่ไกลราวกับพระเจ้าจงใจกลั่นแกล้ง   เรย์โกะรีบสาวเท้าผ่านจัตุรัสของเมืองชิซุเมะไปอย่างรวดเร็ว   เธอยังไม่อยากให้ตัวเปียกตอนนี้หรอกนะ

    พระเจ้าคงจะว่างงานจัดจริงๆ...เพราะอีกไม่กี่นาทีต่อมาหลังจากที่เธอเดินผ่านเลยจัตุรัสนั้นมา   ฝนที่ไม่มีเค้าว่าจะตกลงมาเลยก็ทิ้งตัวลงมาเสียห่าใหญ่   หญิงสาวสบถสองสามคำออกมาด้วยความหัวเสียแล้วออกวิ่งตัดสายฝนไปยังใต้ร่มของอาคารที่อยู่ใกล้ที่สุด

    “บ้าฉิบ...ทำไมฝนต้องมาตกตอนนี้ด้วยนะ” เรย์โกะพึมพำเบาๆกับตัวเอง

    กริ๊ง!

    เสียงกระดิ่งประตูที่ดังขึ้นท่ามกลางเสียงฝนทำให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ   และเมื่อหันไปก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งโผล่หน้าออกมาจากประตูของบาร์ที่แขวนป้ายหน้าประตูเอาไว้ว่า Close

    “คุณผู้หญิง...ถ้าไม่รังเกียจจะเข้ามาข้างในก่อนไหมครับ   ท่าทางฝนน่าจะตกอีกนานเลย” เขาเอ่ยพร้อมกับระบายรอยยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร   เธอพยักหน้ารับแล้วเดินผ่านชายหนุ่มคนนั้นเข้าไปข้างใน

    ภายในบาร์ตกแต่งด้วยสไตล์วินเทจที่เน้นใช้ไม้เป็นหลัก   พื้นถูกปูด้วยแผ่นไม้ปาเกต์   บาร์เคาท์เตอร์ทำด้วยไม้ที่มองผ่านๆก็มองออกได้ทันทีว่าเป็นไม้คุณภาพดี   บนชั้นวางของด้านหลังเต็มไปด้วยขวดไวน์และเหล้าหลายชนิดเรียงกันเป็นตับ   ตรงโซฟาหนังสีดำกลางห้องนั้นมีเด็กวัยรุ่นหลายคนนั่งคุยกันอย่างออกรสอยู่

    ถ้ามองไม่ผิด...เธอคิดว่าเห็นเด็กที่น่าจะอายุยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยคนหนึ่งนะ...

    “ลูกค้ามาแล้วคร้าบ~” ชายหนุ่มที่พาเธอเข้ามาข้างในกล่าวกับชายหนุ่มผมบลอนด์สวมแว่นสีทึบอีกคนที่อยู่ด้านหลังบาร์เคาท์เตอร์อย่างร่าเริง

    “ไปพาใครมาจากที่ไหนอีกล่ะโทซึกะ” บาร์เทนเดอร์คนนั้นกล่าวเอ็ดกับชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าแล้วหันมายิ้มต้อนรับเธอ

    “ยินดีต้อนรับสู่บาร์โฮมระนะครับคุณผู้หญิง   จะรับอะไรดีครับ”

    โฮมระ... นัยน์ตาสีอเมธิสเปล่งประกายวาบ   ในที่สุดก็มาถึงซะทีนะ...

    “บลูคูราซโซ่” เรย์โกะตอบเสียงเรียบ   บาร์เทนเดอร์หนุ่มโค้งเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปหยิบขวดไวน์สีฟ้าออกมาแล้วจัดการผสมให้กลายเป็นค็อกเทลเย็นๆในแก้วทรงสูงอย่างพิถีพิถัน

    “เชิญครับ” เขาเลื่อนแก้วมาตรงหน้าของเธอ   หญิงสาวยกแก้วขึ้นจิบอย่างเงียบๆพลางลอบส่งสายตาสังเกตคนที่อยู่ในบาร์ไปด้วย

    เด็กหนุ่มที่น่าจะอายุไม่ถึงยี่สิบคนนั้นชื่อ ยาตะ   ส่วนคนอ้วนๆที่ดูน่าจะเป็นลิ่วล้อของยาตะนั้นชื่อ คามาโมโตะ...

    บาร์เทนเดอร์สวมแว่นสีทึบคนนี้ชื่อคุซานางิ...และผู้ชายท่าทางใจดีและเฟรนด์ลี่ที่พาเธอเข้ามาในบาร์นั้นชื่อโทซึกะ...

    ชายที่ว่ากันว่าอ่อนแอที่สุดในโฮมระ...

    เรย์โกะไม่ได้รู้เรื่องราวของแคลนต่างๆมากนัก   รู้เพียงแต่ว่าใครเป็นราชาของแคลนไหนและจุดสังเกตของแต่ละแคลนเป็นอย่างไรก็เท่านั้นเอง   นอกเหนือจากนั้นพี่ชายของเธอไม่ยอมให้เธอรู้ไปมากกว่านี้
     

    ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขากำลังปิดกั้นเธอให้ห่างจากกลุ่มอำนาจเหล่านี้...

    แต่ยิ่งกั้นให้เธอห่างออกไปเท่าไหร่...เธอก็ยิ่งถลำลึกลงไปโดยไม่รู้ตัว...
     

    แก้วว่างเปล่าถูกวางลงบาร์เคาท์เตอร์อย่างเงียบกริบ   เรย์โกะหยิบธนบัตรพันเยนออกมาวางเอาไว้บนเคาท์เตอร์สามใบก่อนที่จะถือกระเป๋าเดินออกไปจากบาร์
     

    “คุณผู้หญิง...” บาร์เทนเดอร์คุซานางิเรียกตามหลัง “ถ้ามีเรื่องอะไรเชิญที่โฮมระได้เสมอนะครับ”
     

    รอยยิ้มจางผุดขึ้นมาบนใบหน้าคม “ขอบคุณค่ะ...แต่อีกไม่นานเราก็จะได้เจอกันอีกครั้งแล้วค่ะ”
     

    อย่างน้อยก็ในฐานะที่ต่างออกไปจากนี้ล่ะนะ...
     

     

     

    กริ๊ง...
     

    เสียงกระดิ่งแผ่วเบาดังขึ้นเมื่อประตูปิดลงตามหลังของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินประหลาดคนนั้น   โทซึกะหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของคุซานางิ
     

    “ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจนะครับคุซานางิซัง” เขาเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
     

    “ลึกลับล่ะสิไม่ว่า” คุซานางิหยิบแก้วที่ว่างเปล่าไปวางยังตะกร้าสำหรับแก้วที่ใช้แล้วด้านหลัง “นายชอบสไตล์นั้นหรือไงโทซึกะ”

    “แต่เขาก็น่ารักดีนะครับผมว่า” โทซึกะพูด   ก่อนที่จะหันไปยิ้มกว้างให้กับชายอีกคนซึ่งกำลังเดินลงมาจากบันไดด้วยสีหน้าง่วงงุนเหมือนคนเพิ่งตื่น “ตื่นแล้วเหรอ...คิง”
     

    “เออ” คนที่ถูกเรียกว่า คิง ตอบรับสั้นๆแล้วเดินไปนั่งยังเก้าอี้หน้าเคาท์เตอร์   ซึ่งเป็นตัวเดียวกันกับที่หญิงสาวลึกลับคนนั้นเพิ่งลุกจากไป   ดวงตาสีทองของชายหนุ่มที่มาใหม่นั้นฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย
     

    “มีใครมาเหรอคุซานางิ” เขาหันไปถามบาร์เทนเดอร์หนุ่ม

    “รู้ด้วยสินะ” คุซานางิยิ้มกว้าง   อันที่จริงเขาก็พอจะเดาได้ว่าชายตรงหน้าเขาน่าจะรู้ตั้งแต่ตอนที่หญิงสาวผมสีน้ำเงินคนนั้นเดินเข้ามาในอาณาเขตของโฮมระแล้วล่ะ “สาวสเปคของโทซึกะน่ะ”

    “อย่ากล่าวหากันอย่างนั้นสิครับคุซานางิซัง” โทซึกะโวยวาย

    “โทซึกะซังบอกเองไม่ใช่เหรอครับว่าผู้หญิงคนนั้นน่ารักน่ะ” เด็กหนุ่มผมสีส้มอิฐที่นั่งอยู่ตรงโซฟาแซวขึ้น

    “พวกนาย!
     

    “มีอะไรกันเหรอ...”
     

    เสียงหวานแผ่วเบาเสียงหนึ่งดังขึ้น   ในเวลาเดียวกันกับที่เด็กหญิงเจ้าของเรือนผมสีขาวในชุดโลลิต้าสีแดงคนหนึ่งเดินลงมาจากชั้นสองพลางขยี้ตาน้อยๆ   เด็กคนนั้นเดินไปนั่งข้างๆชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีแดงอย่างเงียบเชียบ
     

    “หลับสบายมั้ยแอนนาจัง” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนที่สวมต่างหูเพียงข้างเดียวถามเด็กหญิงคนนั้น
     

    แอนนาพยักหน้ารับ “อืมม์...แล้วพี่สาวคนนั้นล่ะ?”
     

    “เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เอง” คุซานางิตอบแทนโทซึกะ “ทำไมเหรอแอนนา”
     

    “เปล่า...แต่พี่สาวมีสีคุ้นๆน่ะ” เด็กหญิงตอบด้วยสีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์
     

    โทซึกะเลิกคิ้วสูง “มองเห็นสีได้แล้วเหรอแอนนา?”
     

    แอนนาส่ายหน้า “เห็นในความฝันน่ะ”
     

    แสดงว่าพลังของเธอคนนั้นส่งผลถึงอาณาเขตที่ราชาได้กางเอาไว้รอบบาร์แห่งนี้   ไม่ใช่แค่อาณาเขตเท่านั้น...แต่ยังมีผลกับพลังของแอนนาด้วยงั้นเหรอ บาร์เทนเดอร์คิดในใจ
     

    น่าสนใจซะแล้วสิ...

     


     

     

    “ไง”
     

    ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินในชุดลำลองธรรมดาเอ่ยทักทายเมื่อเห็นหญิงสาวที่มีเส้นผมสีเดียวกับเขาเดินเข้ามาในระยะการมองเห็น   ใบหน้าของเธอบูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่ได้เห็นพี่ชายร่วมสายเลือดยืนยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
     

    “พี่เกือบทำให้เจ้าพวกนั้นจับฉันได้” เรย์โกะกล่าวเสียงเย็นพร้อมกับดึงสร้อยหินสีน้ำเงินเข้มคาดริ้วขาวขุ่นออกมา   เธอไม่ได้โง่ขนาดไม่รู้ว่าพลังที่ส่งผ่านมาทางสร้อยเครื่องรางเป็นของพี่ชายของเธอหรอกนะ!
     

    “แต่เธอก็ไม่โดนจับได้นี่” ชายหนุ่มยังคงแหย่น้องสาวต่อไป
     

    เธอกลอกตามองท้องฟ้าอย่างเหลืออด   ดีนะที่ตอนนั้นเธอรู้ตัวทัน...ถึงได้ใช้พลังของเธอเองกลบกลิ่นอายจากพลังของพี่เอาไว้   ไม่อยากจะนึกจริงๆว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเธอกลบกลิ่นอายนั้นไม่ทัน
     

    ใช่แล้ว...เรย์โกะเป็นสเตรน
     

    สเตรนก็คือกลุ่มคนที่มีพลังเป็นของตัวเองโดยไม่ได้รับพลังมาจากราชาเหมือนกับพวกแคลนส์แมน   ซึ่งพลังของสเตรนแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป   ว่ากันว่าพลังของสเตรนได้มาจากเศษเสี้ยวพลังที่ตกค้างตามสิ่งแวดล้อมของราชา   บางคนก็เกิดจากพันธุกรรมที่พ่อหรือแม่เป็นสเตรนและได้รับสืบทอดพลังแบบเดียวกันนั้นมาทางสายเลือด
     

    แต่สำหรับเรย์โกะ...เธอเป็นสเตรนประเภทแรกที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับพลังที่เป็นของตัวเธอเอง
     

    “พี่มันน่าหมั่นไส้ที่สุดเลย” หญิงสาวกล่าวเบาๆขณะที่เดินไปยังรถสปอร์ตสีควันบุหรี่คันหรูที่จอดอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ชายหนุ่มออกมายืนรอนัก   เขาเดินนำหน้าไปก่อนพร้อมกับเปิดประตูให้น้องสาวขึ้นไปนั่ง   ก่อนที่จะเดินอ้อมไปนั่งยังที่นั่งของคนขับ
     

    รถสีหมอกคันหรูค่อยๆขยับเคลื่อนตัวไปตามถนนอย่างเงียบกริบ   เชื่อไหมว่าชายหนุ่มคนนี้โคตรจะรักษากฎจราจรสุดๆ   ขนาดรถสปอร์ตที่เหยียบได้ถึงสองร้อยห้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงเขายังขับแค่เก้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้นเอง   ถ้าเป็นเธอขับเองล่ะก็...ป่านนี้คงทะลุสามร้อยแล้วล่ะ
     

    “ฉันเป็นตำรวจจะแหกกฎได้ยังไงกันเรย์โกะ” ชายหนุ่มเปรยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบราวกับรู้ความคิดของคนข้างๆเป็นอย่างดี
     

    เรย์โกะแค่นหัวเราะ “หึ...กล้าตอแหลนะ   พี่ใช่ตำรวจซะเมื่อไหร่กันเล่า...ตัวเองเป็นราชาแท้ๆยังมาพูดแบบนี้อีก   เสียความน่าเชื่อถือหมด”
     

    ชายหนุ่มขยับแว่นตาเล็กน้อยพลางหัวเราะต่ำๆ “ปากร้ายจังเลยนะเรย์โกะ   ติดมาจากใครกันน้า”
     

    “แล้วฉันติดมาจากใครกันล่ะ   คนปากร้ายแถวนี้ก็มีพี่อยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวเอ่ยจิกกัด
     

    รถหรูวิ่งเข้าไปในเขตของอาคารหลังใหญ่ซึ่งตั้งอยู่หลังแนวต้นไม้ใหญ่   เขาขับวนไปจอดเอาไว้ยังด้านหน้าประตูทางเข้าของอาคารสีครีมที่มีคนในเครื่องแบบสีน้ำเงินนับสิบคนยืนตั้งแถวอย่างเป็นระเบียบรอต้อนรับอยู่
     

    “ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะผบ.” หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองในเครื่องแบบสีน้ำเงินยิ้มต้อนรับพร้อมกับยกมือแตะหางคิ้วทำความเคารพแบบทหาร “แล้วก็ยินดีต้อนรับกลับมานะ...เรย์โกะ”
     

    “ขอบคุณค่ะเซริซัง” หญิงสาวผมสีเข้มยิ้มกว้างให้กับรุ่นพี่สาว
     

    “มีสเตรนกลุ่มหนึ่งกำลังก่อความวุ่นวายอยู่ในเมือง...คุณจะลงมือเองหรือเปล่าคะผบ.”
     

    สาวผมบลอนด์ซึ่งมีอำนาจรองจากผบ.สวมแว่นเอ่ยถามระหว่างที่ทั้งสามเดินเข้าไปในอาคาร
     

    “พี่ไม่จำเป็นต้องลงมือหรอก” เรย์โกะยิ้มกว้างยิ่งกว่าเก่า “เรื่องแค่นี้ไม่จำเป็นต้องถึงมือราชาอย่างพี่หรอก...เนอะ เซริซัง”

    “เธอจะจัดการเองหรือไงล่ะเรย์โกะ” ราชาหันมามองน้องสาว
     

    “จะอนุญาตมั้ยล่ะ”
     

    “พี่เคยขัดเธอได้ซะเมื่อไหร่กันล่ะ” เขามองเธอด้วยสีหน้าที่อ่อนลง   นั่นสินะ...เขาเคยขัดใจน้องสาวคนนี้ได้ซะเมื่อไหร่กัน
     

    “เย้!” ร่างโปร่งกระโดดกอดพี่ชายด้วยความดีใจ “รักพี่ที่สุดเล้ย!
     

    อาวาชิมะ เซริ มองภาพของสองพี่น้องที่กำลังหยอกล้อกันไปมาอย่างน่ารักด้วยรอยยิ้มกว้าง   นานแค่ไหนแล้วนะที่เธอไม่ได้เห็นราชาของเธอยิ้มออกมาจากใจเหมือนครั้งนี้
     

    ตั้งแต่ตอนที่เด็กคนนั้นตัดสินใจออกไปทำงานข้างนอกและไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลยเกือบหนึ่งปีเต็มๆ...
     

    ดอกไม้ดอกน้อยๆที่นำพามาซึ่งรอยยิ้มของ Scepter 4…
     

    ดอกไม้แสนสำคัญที่ราชาสีน้ำเงิน มุนาคาตะ เรย์ชิ หวงแหน...
     

    ดอกไม้ที่มีชื่อว่า มุนาคาตะ เรย์โกะ...

     






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×