ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังเก็บนิยายตามใจฉัน

    ลำดับตอนที่ #25 : [K] เซนโจ โฮโนเอะ

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.พ. 56




                 ถ้าหากคุณได้ใกล้ชิดกับโฮโนเอะ   คุณจะรู้ว่าเธอเป็นเด็กที่แทบจะไม่มีความสุขเลย   แม่ของเธอจากไปตอนที่คลอดโฮโนเอะให้ออกมาลืมตาดูโลก   พ่อก็เป็นคนวัยทำงานที่หักโหมทำงานเสียจนแทบไม่เคยกลับมาที่บ้านเลย   เดือนหนึ่งหรือสองเดือนเท่านั้นที่เขาจะกลับมาให้เห็นหน้าสักครั้ง   โฮโนเอะดีใจมากเพราะว่าพ่อจะกลับมาพร้อมกับมีของฝากติดมือมาด้วย   และที่เธอชอบมากที่สุดก็คือรูปถ่ายของเมืองในวิวต่างๆที่พ่อถ่ายเก็บเอาไว้ใน PDA

    โฮโนเอะไม่เคยได้เข้าไปในเมือง   เธออาศัยอยู่ที่บ้านหลังเล็กในหมู่บ้านเล็กๆกลางภูเขาที่ค่อนข้างห่างไกลความเจริญกับหญิงชราคนหนึ่งที่รู้จักกัน   จนกระทั่งเมื่ออายุได้หกขวบ   หญิงชราที่เธอเรียกจนติดปากว่า คุณยายก็เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยโรคชรา   ทำให้เธอต้องอยู่ตามลำพังคนเดียวในบ้านที่มีแต่รูปถ่ายของครอบครัวและตุ๊กตาเป็นเพื่อน  

    แต่ทว่าโฮโนเอะไม่เคยเก็บเอาความเหงาและว้าเหว่นั้นมาใส่ใจซักนิด   เธอพยายามหางานอดิเรกหลากหลายทำในยามว่างหลังจากเลิกโรงเรียนโดยการไปยืมหนังสือจากห้องสมุดของโรงเรียนประถมมาอ่าน   และเธอมีเวลาที่จะทำสิ่งเหล่านั้นมากขึ้นเมื่อถึงปิดเทอมภาคฤดูร้อน

    โฮโนเอะมีงานอดิเรกมากมาย   เธอจดจำรอยเท้าของสัตว์ต่างๆที่อาศัยอยู่ในป่าได้อย่างแม่นยำ   สามารถบอกชี้สมุนไพรหรือพืชที่กินได้หรือกินไม่ได้โดยคุ้นเคย   เล่นฮาร์โมนิก   เป่าขลุ่ยใบไม้   หรือแม้แต่วิธีเล็งหินยังไงให้พุ่งไปโดนรังผึ้งโดยสามารถวิ่งหนีได้ทัน   เธอก็สามารถทำได้อย่างสบายๆราวกับเกิดมาเพื่อสิ่งเหล่านี้

    ในป่าคือสนามเด็กเล่นสำหรับโฮโนเอะ   เธอคิดอย่างนั้น   และทำไปเรื่อยๆโดยที่คนอื่นในหมู่บ้านไม่เคยรู้ซักคน

    จุดพลิกผันของชีวิตดำเนินมาถึงเมื่อโฮโนเอะอายุได้เจ็ดขวบ   เธอสามารถสร้างเขตแดนได้ระยะหนึ่งและทำให้น้ำหรือสิ่งของใดๆก็ตามที่อยู่ในเขตแดนนั้นเป็นอะไรก็ได้ตามที่เธอต้องการ   โฮโนเอะลองคิดเล่นๆว่าอยากทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง   หยดน้ำที่อยู่ในเขตแดนรูปวงกลมนั้นก็จับตัวแข็งขึ้นมาจริงๆ   ไม่ใช่แค่น้ำเท่านั้น   เธอจะทำให้ก้อนหินลุกติดไฟหรือป่นเป็นผุยผงแล้วกลับมารวมกันใหม่ก็ทำได้   แต่เธอจะควบคุมได้ก็ต่อเมื่อมันอยู่ใน [เขตแดน] เท่านั้น

    แน่นอนว่าเธอไม่เคยบอกใครเลยแม้แต่คนเดียว...

    พ่อกลับมาบ้านอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่เวลาผ่านไปถึงเจ็ดเดือน   เป็นช่วงเวลาอันยาวนานที่สุดที่พ่อไปโดยไม่ทิ้งอะไรเอาไว้เลย   แต่โฮโนเอะก็ยิ้มรับอย่างร่าเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    เธอกล่าวเสียงสดใสว่า “กลับมาแล้วเหรอคะพ่อ”

    ในความคิดของเด็กน้อยโฮโนเอะคิดเพียงว่าพ่อหายไปตามสายลมเท่านั้นและซักวันหนึ่งจะต้องกลับมาหาเธอ   เพราะอย่างนั้นเธอถึงใช้ชีวิตตัวคนเดียวได้โดยไม่ต้องมีคนคอยดูแล

    โฮโนเอะแทบจะพูดได้เต็มปากว่าตัวเองชินชากับความโดดเดี่ยวเสียแล้ว

    “ดูสิคะพ่อ...โฮโนเอะทำแบบนี้ได้ด้วยล่ะ!

    เธอพูดพร้อมกับสร้างเขตแดนขึ้นมา   เพ่งสมาธิไปยังหยดน้ำที่ขังตัวอยู่บนฝ่ามือ   บังคับให้มันจับตัวแข็งเป็นน้ำแข็งแล้วแกะสลักตัวเองเป็นรูปนางฟ้ามีปีกตัวน้อยๆ

    เธอตั้งใจจะเก็บความลับเรื่องพลังที่แสนสะดวกสบายนี้เอาไว้เซอร์ไพรด์ทันทีที่พ่อกลับมาถึงบ้าน   แต่ความคิดทุกอย่างก็ต้องกลับตาลปัตรเมื่อพ่อทิ้งแก้วน้ำในมือให้แตกดังเพล้งแล้วถลาแล้วมาจับไหล่ทั้งสองเธอเอาไว้แน่น

    “โฮโนเอะ! ทำไมลูกไม่บอกพ่อเรื่องพลังนี่!   ทำไมลูกไม่บอกพ่อ!” เขาตะโกนเสียงดังลั่นจนตาแดงก่ำ   โฮโนเอะได้แต่ยืนตัวแข็งผวาอยู่อย่างนั้นโดยทำอะไรไม่ได้   ดวงตาสีเทาเหลือบเงินฉายแววตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน   น้ำตาไหลอาบสองแก้มของเด็กหญิงอย่างเงียบๆ

    ทำไมล่ะ? แค่มีพลังนี้ทำไมพ่อต้องมองหนูด้วยสายตาแบบนั้น

    พ่อจะเกลียดหนูแล้วเหรอ?

    “หนูขอโทษ...” โฮโนเอะพูดได้เพียงเท่านั้นด้วยเสียงที่เหลือค้างอยู่ในลำคอ

    อย่าเกลียดชังหนูได้มั้ย?
     

     

    วันรุ่งขึ้น   พ่อพาเธอเข้าไปในเมืองซึ่งดูก้าวหน้าและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมายกว่าบ้านหลังภูเขาที่เธออาศัยอยู่หลายเท่า   ที่ที่พ่อพามานั้นเป็นอาคารยาวในแนวหน้ากระดาน   รอบบริเวณล้อมเอาไว้ด้วยรั้วเหล็กสีดำและมีผู้คนที่สวมเครื่องแบบสีน้ำเงินเดินขวักไขว่อยู่เต็มไปหมด

    พ่อไม่พูดอะไรกับโฮโนเอะสักคำตั้งแต่ออกมาเดินทางจนมาถึงที่นี่   เขาเดินเข้าไปคุยกับผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์แล้วเหลือบมองมายังเธอเป็นระยะๆ   แต่เด็กหญิงก็ไม่รู้ตัวเพราะกำลังมองไปรอบๆสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยอย่างตื่นตาตื่นใจ   จนกระทั่งพ่อหยุดคุยแล้วเดินเข้ามาจูงมือเธอเข้าไปยังส่วนในของอาคารที่มีลักษณะคล้ายคฤหาสน์ขนาดย่อมๆแห่งนี้

    โฮโนเอะได้พบกับชายคนหนึ่งผู้มีดวงตาทรงอำนาจราวกับราชา...

    พ่อแนะนำว่าเขาเป็นเจ้านายของพ่อ   เป็นราชาสีน้ำเงินลำดับที่สี่แห่งเจ็ดกษัตริย์   ฮาบาริ จิน...

    เขาให้คำตอบว่าทำไมเธอถึงได้มีพลัง   ทั้งที่คนอื่นนั้นไม่มี   โฮโนเอะเป็นสเตรน   ผู้ได้รับพลังจากเศษเสี้ยวของศิลาเป็นของตัวเองโดยไม่ต้องผ่านทางราชาเหมือนแคลนแมนส์ทั่วไปรวมทั้งพ่อของเธอด้วย

    “เธอเป็นคนพิเศษนะ...โฮโนเอะคุง” ราชาสีน้ำเงินผู้มีดวงตาแฝงความอ่อนโยนกล่าวพลางลูบหัวเธออย่างนุ่มนวล   เขาพูดกับเธอแบบนั้นแล้วพาเธอเข้าไปอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆที่ข้างในนั้นมีเพียงเตียงอยู่หลังเดียวเท่านั้น   พ่อของโฮโนเอะไม่พูดอะไรซักคำตอนที่เธอถูกพาตัวเข้ามาข้างในนี้   ไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอ...

    โฮโนเอะคิดว่าข้างในตัวเองกำลังมีบางอย่างที่พังทลายลงไปอย่างช้าๆ

    ราชาแวะเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนคุยกับเธอในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆสักพักหนึ่งในตอนบ่ายและนำฮาร์โมนิก้าอันหนึ่งมาให้เธอเล่นแก้เหงา

    “มีคนฝากมาให้เธอน่ะ...ฉันไปก่อนนะโฮโนเอะคุง” เขาพูดแล้วก็หันหลังเดินกลับไป   โฮโนเอะได้แต่ยืนมองดูประตูที่ประสานตัวเองกลายเป็นกำแพงทึบที่มีหน้าต่างลูกกรงบานเล็กๆอยู่ด้านบนหลังจากชายคนนั้นจากไปแล้วด้วยสายตานิ่งเรียบ

    อย่างที่บอกไป...โฮโนเอะชินเสียแล้วกับการอยู่คนเดียว

    ดังนั้นเด็กน้อยจึงนั่งลงบนเตียงแล้วเป่าเครื่องดนตรีในมือเป็นเพลงกล่อมเด็กเบาๆเพื่อคลายความเดียวดายให้กับตัวเอง   คิดในแง่บวกว่าซักวันเธอจะต้องได้กลับไปอยู่กับครอบครัวของเธออย่างแน่นอน
     

    โฮโนเอะนั่งเล่นอยู่ในห้องแคบๆนั้นหลายวันจนกระทั่งมีผู้ชายในเครื่องแบบสีน้ำเงินที่คล้ายกับเครื่องแบบของพ่อเดินเข้ามาพาตัวเธอออกไปข้างนอก   หนูน้อยโฮโนเอะที่อายุเพียงแปดขวบคิดว่าคนที่ใส่ชุดสีน้ำเงินคงจะเป็นคนดีเหมือนกับพ่อ   ดังนั้นเธอจึงเดินตามไปอย่างว่าง่าย

    สถานที่ที่ชายคนนั้นพามาเป็นลานกว้างคล้ายกับสนามกีฬา   เวลานั้นเป็นตอนกลางคืนแต่แสงจ้าจากสปอตไลต์รอบทิศทางทำให้สว่างไสวไม่ต่างกับตอนกลางวัน   เขาพาโฮโนเอะมายืนตรงกลางลานพร้อมกับกระซิบเบาๆว่า อยู่ตรงนี้นะก่อนจะหันหลังเดินไปยังขอบสนาม

    ชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาหาเธอ   คนเดียวกันกับที่บอกว่าเธอพิเศษกว่าใครแล้วทิ้งเธอเอาไว้คนเดียวในห้องแคบๆนั้น

    “แสดงพลังของเธอให้เราดูหน่อยสิโฮโนเอะคุง” เขาพูดพร้อมกับระบายรอยยิ้มจาง

    โฮโนเอะหันมองซ้ายมองขวา   ไม่เห็นแม้แต่เงาของชายคนที่เธอรักที่สุดอยู่ตรงไหนเลย   จึงเงยหน้าขึ้นถามคนตัวสูงว่า

    “คุณพ่อล่ะคะ?   คุณพ่อไม่อยู่เหรอ” เด็กน้อยเอ่ยถามอย่างมีความหวัง   แต่นัยน์ตาสีเงินสว่างกลับฉายแววขมขื่นอย่างเห็นได้ชัด
     

    ฮาบาริได้แต่ลูบหัวเด็กน้อยตรงหน้า   เขาไม่เข้าหรอกว่าการที่ถูกใครคนหนึ่งซึ่งรักมากทอดทิ้งไปนั้นเป็นอย่างไร   แต่เด็กคนนี้เองก็พบกับการสูญเสียมากเสียจนน้ำตาได้เหือดแห้งไปหมดแล้ว   เพราะอย่างนั้นเธอถึงไม่ร้องไห้แม้แต่ครั้งเดียวแม้แต่ถูกนำตัวไปขังในคุกแคบๆแบบนั้นนานเกือบหนึ่งอาทิตย์

    “เขาติดงานที่สำคัญมากอยู่น่ะ” ฮาบาริโกหกออกไป “เดี๋ยวเขาก็กลับมาหาเธอแล้วนะ   ดังนั้นทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุดเถอะ”

    “อื้อ!” เด็กหญิงพยักหน้ารับคำพร้อมกับระบายรอยยิ้มสดใสออกมา   โฮโนเอะก้าวถอยหลังห่างออกไปจากราชาสีน้ำเงิน   หลับตาลงรวบรวมสมาธิ   ทันใดนั้นเองเส้นเขตแดนวงกลมสีน้ำเงินจางก็แผ่ขยายออกมาจากใต้เท้าของเธอ   ครอบคลุมพื้นดินเป็นอาณาเขตกว้างเกือบครึ่งหนึ่งของสนามกีฬา

    เกิดเสียงฮือฮาขึ้นยังรอบขอบสนามที่มีชายในเครื่องแบบหลายคนยืนสังเกตการณ์กันอยู่   พวกเขาเตรียมจะชักดาบแล้วพุ่งเข้ามา   แต่กลับถูกชายกลางคนคนหนึ่งขวางเอาไว้เสียก่อน

    ร่างเล็กของเด็กหญิงค่อยๆลอยขึ้นสูงเหนือพื้นดินจนกระทั่งมีระดับเดียวกับราชาสีน้ำเงิน   โฮโนเอะวาดแขนซ้ายออกเป็นวงกว้าง   พลันหยดน้ำขนาดเล็กระดับโมเลกุลก็ค่อยๆรวมตัวกันจนกลายเป็นหยดน้ำที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า   เธอยื่นมือทั้งสองออกไปกอบกุมหยดน้ำที่ลอยตัวอยู่   เปลี่ยนมันให้กลายเป็นน้ำแข็งรูปผีเสื้อ   เจ้าผีเสื้อน้ำแข็งนั้นกระพือปีกบินไปจับที่มือของชายหนุ่มผมยาว   จากนั้นจึงสลายตัวไป

    “งดงามมาก” ราชาสีน้ำเงินระบายรอยยิ้มอ่อนโยน   โฮโนเอะฉีกยิ้มกว้างรับคำชมก่อนที่จะปิดเปลือกตาลง   ร่างเล็กค่อยๆลดระดับลงมายืนกับพื้นตามเดิมแล้วทรุดลงไปในอ้อมแขนของใครบางคนซึ่งขยับเข้ามาในเวลาชั่วพริบตา

    เซนโจ โกคิ อุ้มร่างเล็กของลูกสาวเอาไว้   นัยน์ตาจ้องมองไปยังราชาของตนด้วยสายตาตั้งคำถาม

                 “คุณกำลังคิดอะไรกันอยู่” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×