คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : [K] เซนโจ โฮโนเอะ
ถ้าหากคุณได้ใกล้ชิดกับโฮโนเอะ คุณจะรู้ว่าเธอเป็นเด็กที่แทบจะไม่มีความสุขเลย แม่ของเธอจากไปตอนที่คลอดโฮโนเอะให้ออกมาลืมตาดูโลก พ่อก็เป็นคนวัยทำงานที่หักโหมทำงานเสียจนแทบไม่เคยกลับมาที่บ้านเลย เดือนหนึ่งหรือสองเดือนเท่านั้นที่เขาจะกลับมาให้เห็นหน้าสักครั้ง โฮโนเอะดีใจมากเพราะว่าพ่อจะกลับมาพร้อมกับมีของฝากติดมือมาด้วย และที่เธอชอบมากที่สุดก็คือรูปถ่ายของเมืองในวิวต่างๆที่พ่อถ่ายเก็บเอาไว้ใน PDA
โฮโนเอะไม่เคยได้เข้าไปในเมือง เธออาศัยอยู่ที่บ้านหลังเล็กในหมู่บ้านเล็กๆกลางภูเขาที่ค่อนข้างห่างไกลความเจริญกับหญิงชราคนหนึ่งที่รู้จักกัน จนกระทั่งเมื่ออายุได้หกขวบ หญิงชราที่เธอเรียกจนติดปากว่า ‘คุณยาย’ ก็เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยโรคชรา ทำให้เธอต้องอยู่ตามลำพังคนเดียวในบ้านที่มีแต่รูปถ่ายของครอบครัวและตุ๊กตาเป็นเพื่อน
แต่ทว่าโฮโนเอะไม่เคยเก็บเอาความเหงาและว้าเหว่นั้นมาใส่ใจซักนิด เธอพยายามหางานอดิเรกหลากหลายทำในยามว่างหลังจากเลิกโรงเรียนโดยการไปยืมหนังสือจากห้องสมุดของโรงเรียนประถมมาอ่าน และเธอมีเวลาที่จะทำสิ่งเหล่านั้นมากขึ้นเมื่อถึงปิดเทอมภาคฤดูร้อน
โฮโนเอะมีงานอดิเรกมากมาย เธอจดจำรอยเท้าของสัตว์ต่างๆที่อาศัยอยู่ในป่าได้อย่างแม่นยำ สามารถบอกชี้สมุนไพรหรือพืชที่กินได้หรือกินไม่ได้โดยคุ้นเคย เล่นฮาร์โมนิก เป่าขลุ่ยใบไม้ หรือแม้แต่วิธีเล็งหินยังไงให้พุ่งไปโดนรังผึ้งโดยสามารถวิ่งหนีได้ทัน เธอก็สามารถทำได้อย่างสบายๆราวกับเกิดมาเพื่อสิ่งเหล่านี้
ในป่าคือสนามเด็กเล่นสำหรับโฮโนเอะ เธอคิดอย่างนั้น และทำไปเรื่อยๆโดยที่คนอื่นในหมู่บ้านไม่เคยรู้ซักคน
จุดพลิกผันของชีวิตดำเนินมาถึงเมื่อโฮโนเอะอายุได้เจ็ดขวบ เธอสามารถสร้างเขตแดนได้ระยะหนึ่งและทำให้น้ำหรือสิ่งของใดๆก็ตามที่อยู่ในเขตแดนนั้นเป็นอะไรก็ได้ตามที่เธอต้องการ โฮโนเอะลองคิดเล่นๆว่าอยากทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง หยดน้ำที่อยู่ในเขตแดนรูปวงกลมนั้นก็จับตัวแข็งขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่แค่น้ำเท่านั้น เธอจะทำให้ก้อนหินลุกติดไฟหรือป่นเป็นผุยผงแล้วกลับมารวมกันใหม่ก็ทำได้ แต่เธอจะควบคุมได้ก็ต่อเมื่อมันอยู่ใน [เขตแดน] เท่านั้น
แน่นอนว่าเธอไม่เคยบอกใครเลยแม้แต่คนเดียว...
พ่อกลับมาบ้านอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่เวลาผ่านไปถึงเจ็ดเดือน เป็นช่วงเวลาอันยาวนานที่สุดที่พ่อไปโดยไม่ทิ้งอะไรเอาไว้เลย แต่โฮโนเอะก็ยิ้มรับอย่างร่าเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เธอกล่าวเสียงสดใสว่า “กลับมาแล้วเหรอคะพ่อ”
ในความคิดของเด็กน้อยโฮโนเอะคิดเพียงว่าพ่อหายไปตามสายลมเท่านั้นและซักวันหนึ่งจะต้องกลับมาหาเธอ เพราะอย่างนั้นเธอถึงใช้ชีวิตตัวคนเดียวได้โดยไม่ต้องมีคนคอยดูแล
โฮโนเอะแทบจะพูดได้เต็มปากว่าตัวเองชินชากับความโดดเดี่ยวเสียแล้ว
“ดูสิคะพ่อ...โฮโนเอะทำแบบนี้ได้ด้วยล่ะ!”
เธอพูดพร้อมกับสร้างเขตแดนขึ้นมา เพ่งสมาธิไปยังหยดน้ำที่ขังตัวอยู่บนฝ่ามือ บังคับให้มันจับตัวแข็งเป็นน้ำแข็งแล้วแกะสลักตัวเองเป็นรูปนางฟ้ามีปีกตัวน้อยๆ
เธอตั้งใจจะเก็บความลับเรื่องพลังที่แสนสะดวกสบายนี้เอาไว้เซอร์ไพรด์ทันทีที่พ่อกลับมาถึงบ้าน แต่ความคิดทุกอย่างก็ต้องกลับตาลปัตรเมื่อพ่อทิ้งแก้วน้ำในมือให้แตกดังเพล้งแล้วถลาแล้วมาจับไหล่ทั้งสองเธอเอาไว้แน่น
“โฮโนเอะ! ทำไมลูกไม่บอกพ่อเรื่องพลังนี่! ทำไมลูกไม่บอกพ่อ!” เขาตะโกนเสียงดังลั่นจนตาแดงก่ำ โฮโนเอะได้แต่ยืนตัวแข็งผวาอยู่อย่างนั้นโดยทำอะไรไม่ได้ ดวงตาสีเทาเหลือบเงินฉายแววตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน น้ำตาไหลอาบสองแก้มของเด็กหญิงอย่างเงียบๆ
ทำไมล่ะ? แค่มีพลังนี้ทำไมพ่อต้องมองหนูด้วยสายตาแบบนั้น
พ่อจะเกลียดหนูแล้วเหรอ?
“หนูขอโทษ...” โฮโนเอะพูดได้เพียงเท่านั้นด้วยเสียงที่เหลือค้างอยู่ในลำคอ
อย่าเกลียดชังหนูได้มั้ย?
วันรุ่งขึ้น พ่อพาเธอเข้าไปในเมืองซึ่งดูก้าวหน้าและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมายกว่าบ้านหลังภูเขาที่เธออาศัยอยู่หลายเท่า ที่ที่พ่อพามานั้นเป็นอาคารยาวในแนวหน้ากระดาน รอบบริเวณล้อมเอาไว้ด้วยรั้วเหล็กสีดำและมีผู้คนที่สวมเครื่องแบบสีน้ำเงินเดินขวักไขว่อยู่เต็มไปหมด
พ่อไม่พูดอะไรกับโฮโนเอะสักคำตั้งแต่ออกมาเดินทางจนมาถึงที่นี่ เขาเดินเข้าไปคุยกับผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์แล้วเหลือบมองมายังเธอเป็นระยะๆ แต่เด็กหญิงก็ไม่รู้ตัวเพราะกำลังมองไปรอบๆสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยอย่างตื่นตาตื่นใจ จนกระทั่งพ่อหยุดคุยแล้วเดินเข้ามาจูงมือเธอเข้าไปยังส่วนในของอาคารที่มีลักษณะคล้ายคฤหาสน์ขนาดย่อมๆแห่งนี้
โฮโนเอะได้พบกับชายคนหนึ่งผู้มีดวงตาทรงอำนาจราวกับราชา...
พ่อแนะนำว่าเขาเป็นเจ้านายของพ่อ เป็นราชาสีน้ำเงินลำดับที่สี่แห่งเจ็ดกษัตริย์ ฮาบาริ จิน...
เขาให้คำตอบว่าทำไมเธอถึงได้มีพลัง ทั้งที่คนอื่นนั้นไม่มี โฮโนเอะเป็นสเตรน ผู้ได้รับพลังจากเศษเสี้ยวของศิลาเป็นของตัวเองโดยไม่ต้องผ่านทางราชาเหมือนแคลนแมนส์ทั่วไปรวมทั้งพ่อของเธอด้วย
“เธอเป็นคนพิเศษนะ...โฮโนเอะคุง” ราชาสีน้ำเงินผู้มีดวงตาแฝงความอ่อนโยนกล่าวพลางลูบหัวเธออย่างนุ่มนวล เขาพูดกับเธอแบบนั้นแล้วพาเธอเข้าไปอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆที่ข้างในนั้นมีเพียงเตียงอยู่หลังเดียวเท่านั้น พ่อของโฮโนเอะไม่พูดอะไรซักคำตอนที่เธอถูกพาตัวเข้ามาข้างในนี้ ไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอ...
โฮโนเอะคิดว่าข้างในตัวเองกำลังมีบางอย่างที่พังทลายลงไปอย่างช้าๆ
ราชาแวะเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนคุยกับเธอในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆสักพักหนึ่งในตอนบ่ายและนำฮาร์โมนิก้าอันหนึ่งมาให้เธอเล่นแก้เหงา
“มีคนฝากมาให้เธอน่ะ...ฉันไปก่อนนะโฮโนเอะคุง” เขาพูดแล้วก็หันหลังเดินกลับไป โฮโนเอะได้แต่ยืนมองดูประตูที่ประสานตัวเองกลายเป็นกำแพงทึบที่มีหน้าต่างลูกกรงบานเล็กๆอยู่ด้านบนหลังจากชายคนนั้นจากไปแล้วด้วยสายตานิ่งเรียบ
อย่างที่บอกไป...โฮโนเอะชินเสียแล้วกับการอยู่คนเดียว
ดังนั้นเด็กน้อยจึงนั่งลงบนเตียงแล้วเป่าเครื่องดนตรีในมือเป็นเพลงกล่อมเด็กเบาๆเพื่อคลายความเดียวดายให้กับตัวเอง คิดในแง่บวกว่าซักวันเธอจะต้องได้กลับไปอยู่กับครอบครัวของเธออย่างแน่นอน
โฮโนเอะนั่งเล่นอยู่ในห้องแคบๆนั้นหลายวันจนกระทั่งมีผู้ชายในเครื่องแบบสีน้ำเงินที่คล้ายกับเครื่องแบบของพ่อเดินเข้ามาพาตัวเธอออกไปข้างนอก หนูน้อยโฮโนเอะที่อายุเพียงแปดขวบคิดว่าคนที่ใส่ชุดสีน้ำเงินคงจะเป็นคนดีเหมือนกับพ่อ ดังนั้นเธอจึงเดินตามไปอย่างว่าง่าย
สถานที่ที่ชายคนนั้นพามาเป็นลานกว้างคล้ายกับสนามกีฬา เวลานั้นเป็นตอนกลางคืนแต่แสงจ้าจากสปอตไลต์รอบทิศทางทำให้สว่างไสวไม่ต่างกับตอนกลางวัน เขาพาโฮโนเอะมายืนตรงกลางลานพร้อมกับกระซิบเบาๆว่า ‘อยู่ตรงนี้นะ’ ก่อนจะหันหลังเดินไปยังขอบสนาม
ชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาหาเธอ คนเดียวกันกับที่บอกว่าเธอพิเศษกว่าใครแล้วทิ้งเธอเอาไว้คนเดียวในห้องแคบๆนั้น
“แสดงพลังของเธอให้เราดูหน่อยสิโฮโนเอะคุง” เขาพูดพร้อมกับระบายรอยยิ้มจาง
โฮโนเอะหันมองซ้ายมองขวา ไม่เห็นแม้แต่เงาของชายคนที่เธอรักที่สุดอยู่ตรงไหนเลย จึงเงยหน้าขึ้นถามคนตัวสูงว่า
“คุณพ่อล่ะคะ? คุณพ่อไม่อยู่เหรอ” เด็กน้อยเอ่ยถามอย่างมีความหวัง แต่นัยน์ตาสีเงินสว่างกลับฉายแววขมขื่นอย่างเห็นได้ชัด
ฮาบาริได้แต่ลูบหัวเด็กน้อยตรงหน้า เขาไม่เข้าหรอกว่าการที่ถูกใครคนหนึ่งซึ่งรักมากทอดทิ้งไปนั้นเป็นอย่างไร แต่เด็กคนนี้เองก็พบกับการสูญเสียมากเสียจนน้ำตาได้เหือดแห้งไปหมดแล้ว เพราะอย่างนั้นเธอถึงไม่ร้องไห้แม้แต่ครั้งเดียวแม้แต่ถูกนำตัวไปขังในคุกแคบๆแบบนั้นนานเกือบหนึ่งอาทิตย์
“เขาติดงานที่สำคัญมากอยู่น่ะ” ฮาบาริโกหกออกไป “เดี๋ยวเขาก็กลับมาหาเธอแล้วนะ ดังนั้นทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุดเถอะ”
“อื้อ!” เด็กหญิงพยักหน้ารับคำพร้อมกับระบายรอยยิ้มสดใสออกมา โฮโนเอะก้าวถอยหลังห่างออกไปจากราชาสีน้ำเงิน หลับตาลงรวบรวมสมาธิ ทันใดนั้นเองเส้นเขตแดนวงกลมสีน้ำเงินจางก็แผ่ขยายออกมาจากใต้เท้าของเธอ ครอบคลุมพื้นดินเป็นอาณาเขตกว้างเกือบครึ่งหนึ่งของสนามกีฬา
เกิดเสียงฮือฮาขึ้นยังรอบขอบสนามที่มีชายในเครื่องแบบหลายคนยืนสังเกตการณ์กันอยู่ พวกเขาเตรียมจะชักดาบแล้วพุ่งเข้ามา แต่กลับถูกชายกลางคนคนหนึ่งขวางเอาไว้เสียก่อน
ร่างเล็กของเด็กหญิงค่อยๆลอยขึ้นสูงเหนือพื้นดินจนกระทั่งมีระดับเดียวกับราชาสีน้ำเงิน โฮโนเอะวาดแขนซ้ายออกเป็นวงกว้าง พลันหยดน้ำขนาดเล็กระดับโมเลกุลก็ค่อยๆรวมตัวกันจนกลายเป็นหยดน้ำที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เธอยื่นมือทั้งสองออกไปกอบกุมหยดน้ำที่ลอยตัวอยู่ เปลี่ยนมันให้กลายเป็นน้ำแข็งรูปผีเสื้อ เจ้าผีเสื้อน้ำแข็งนั้นกระพือปีกบินไปจับที่มือของชายหนุ่มผมยาว จากนั้นจึงสลายตัวไป
“งดงามมาก” ราชาสีน้ำเงินระบายรอยยิ้มอ่อนโยน โฮโนเอะฉีกยิ้มกว้างรับคำชมก่อนที่จะปิดเปลือกตาลง ร่างเล็กค่อยๆลดระดับลงมายืนกับพื้นตามเดิมแล้วทรุดลงไปในอ้อมแขนของใครบางคนซึ่งขยับเข้ามาในเวลาชั่วพริบตา
เซนโจ โกคิ อุ้มร่างเล็กของลูกสาวเอาไว้ นัยน์ตาจ้องมองไปยังราชาของตนด้วยสายตาตั้งคำถาม
ความคิดเห็น