ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังเก็บนิยายตามใจฉัน

    ลำดับตอนที่ #21 : เลโอล่า ซีเธริน

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 55







    รถไฟเคลื่อนตัวออกจากสถานีอย่างช้าๆ   แฮร์รี่นั่งอยู่คนเดียวในห้องพลางจ้องออกไปนอกหน้าต่างที่แต่งแต้มด้วยสีเขียวของทุ่งหญ้าและภูเขา   ในขณะนั้นเองใบหน้าของเด็กหญิงคนหนึ่งก็โผล่มาตรงประตู

    “นายนั่งคนเดียวใช่มั้ย” เธอถามพลางเอียงคอน้อยๆ

    “จะนั่งด้วยเหรอ? ตามสบายเลย”

    ใบหน้าของเธอดูสดใสขึ้นมา   เด็กหญิงยิ้มแป้นแล้วเดินเข้ามานั่งยังที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเขา   แฮร์รี่สังเกตว่าดวงตาของเธอนั้นเป็นสีน้ำเงินครามราวกับมหาสมุทรซึ่งไม่มีมักเกิ้ลคนไหนในโลกที่มีดวงตาแบบนี้แน่   นอกจากดวงตาสีฟ้าใสที่ไม่ได้เข้มขนาดนี้

    “สวัสดี ฉันชื่อ เลโอล่าเลโอล่า ซีเธริน   แล้วนายล่ะ”

    “แฮร์รี่ พอตเตอร์” แฮร์รี่ตอบโดยลอบสังเกตว่าเธอจะมีปฏิกิริยาเหมือนกับครอบครัวพ่อมดแม่มดที่เขาเจอตรงชานชลาเมื่อกี้หรือเปล่า

    แต่น่าประหลาดที่เธอไม่ได้มีท่าทีตกใจหรือประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย   เธอดูจะสนใจกับขนมในกระเป๋าสะพายของเธอมากกว่าเขาเสียอีก

    “อ่ะนี่” เลโอล่ายื่นขนมที่คล้ายกับแป้งปั้นเป็นก้อนกลมสีชมพูหวานให้เขา   เด็กชายรับไปแล้วมองหน้าคนให้อย่างงงๆ

    “นายคงไม่เคยเห็นขนมของประเทศญี่ปุ่นเลยสินะ   นี่เรียกว่า ซากุระไดฟุกุ  ฉันทำเองสุดฝีมือเลยน้า”

     

     

    “เลโอล่า ซีเธริน”

    ทุกคนต่างหันไปจับจ้องเด็กหญิงที่กำลังก้าวขึ้นไปบนยกพื้น   เหล่าคณาจารย์ต่างให้ความสนใจกับเธอคนนี้เสียยิ่งกว่าแฮร์รี่เสียอีก   เส้นผมสีดำสนิทยาวจรดเอวและรูปหน้าคมเข้มนั้นทำให้แฮร์รี่นึกถึงใครบางคน   เมื่อเขาเหลือบไปมองยังโต๊ะของเหล่าอาจารย์ก็พบว่าอาจารย์วิชาปรุงยาที่จ้องเขาด้วยสายตาน่ากลัวในตอนแรกนั้นเบนความสนใจไปยังเด็กหญิงคนนั้นแล้ว

    กลับมายังที่ของเรา   เลโอล่ากำลังรู้สึกเกร็งไปหมดทั้งตัวเมื่อก้าวขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้โดยมีสายตานับร้อยคู่จ้องมาเป็นตาเดียว   หมวกคัดสรรถูกสวมลงบนหัวของเธอ   เด็กหญิงรู้สึกได้ทันทีว่ามันกำลังขยับอยู่

    ฮืมม์~ ฉลาดแกมโกง   แพรวพราวไปด้วยไหวพริบ   ฉันควรจะส่งเธอไปที่ไหนดีนะสาวน้อย

    ไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่สลิธีริน! เลโอล่าตอบทันควัน

    แต่มันเหมาะสมกับตัวเธอนะแม่สาวน้อย

    ฉันอยากนอกคอก!

    ไปแล้วเจ้าจะมีแววรุ่งนา

    ไม่เอาๆๆๆๆๆๆๆ!   ยังไงก็ไม่ไปเด็ดขาด!

    เอาก็เอาวะ!   งั้นก็ไสหัวไปอยู่กริฟฟินดอร์เลยยัยเด็กอยากนอกคอก

    หมวกคัดสรรประกาศออกมาด้วยเสียงอันดังให้คนทั้งห้องโถงได้ยิน   แวบหนึ่งที่เธอเห็นอาจารย์ใหญ่แอบยิ้มกว้างให้เธอ   เช่นเดียวกับอาจารย์คนอื่นๆ   แต่เธอเห็นเพียงชั่วครู่หนึ่งเพราะรีบร้อนวิ่งลงไปทันทีแทบไม่ทันหลังจากที่อาจารย์หญิงได้ถอดหมวกออกไปแล้ว

    โต๊ะกริฟฟินดอร์ก็ยังคงเป็นโต๊ะที่ส่งเสียงเอะอะโหวกเหวกดังกว่าชาวบ้านชาวช่องเขาเหมือนเคยอย่างที่เลโอล่าคิดเอาไว้ไม่มีผิด   แต่เธอก็ชอบบรรยากาศที่ไม่เงียบเหงาเช่นนี้   เพราะมันทำให้เธอรู้สึกว่าที่นี่ไม่ได้มีเธออยู่เพียงคนเดียว

    “ยินดีต้อนรับ!” รุ่นพี่ปีสองผมแดงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเสียงดัง

    “เราไม่ได้มีสาวสวยอยู่บ้านกริฟฟินดอร์มานานแล้ว!” เด็กหนุ่มอีกคนที่มีใบหน้าคล้ายกันขานตอบเป็นลูกคู่

    เหตุที่พวกเขาพูดเช่นนี้ก็เพราะว่าบ้านนี้ไม่ค่อยมีนักเรียนหญิงซักเท่าไหร่นัก   ก็หอผู้กล้าหัวใจสิงห์นี่เนาะ   ส่วนใหญ่ที่นี่ก็จะมีแต่พวกบ้าบิ่น ชอบแหกกฎเป็นชีวิตประจำวันทั้งนั้น   แล้วจะมีผู้หญิงที่ไหนกล้าหาญเยี่ยงนั้นเล่า   ส่วนใหญ่ก็ไปตกอยู่ที่เรเวนคลอหรือไม่ก็ฮัฟเฟิลพัพกันหมด

    ดัมเบิลดอร์ลุกขึ้นกล่าวอารัมภบทอะไรบางอย่างเล็กน้อยก่อนที่จะเชิญให้ทุกคนได้กินข้าวเย็นกันจริงๆ   รอน เด็กชายผมแดงหน้าตกกระเป็นคนแรกที่พุ่งเข้าใส่กองน่องไก่อบ   ส่วนเธอก็ตักไส้กรอกกินอย่างเงียบๆขณะนั่งฟังเฟร็ดกับจอร์จ สองพี่น้องฝาแฝดที่เป็นพี่ชายของรอนเล่าเรื่องต่างๆเกี่ยวกับโลกเวทมนตร์ให้แฮร์รี่ฟัง

    “ว่าแต่แฮร์รี่นั่นแผลเป็นของนายเหรอ” เลโอล่าถามทั้งๆที่ในปากยังเต็มไปด้วยพายครัมเบิล

    “สวรรค์โปรดเลโอล่า” เฮอร์ไมโอนี่กลอกตาขึ้นมองเพดานมนตรา “ช่วยกลืนให้หมดปากก่อนพูดได้มั้ย”

    “อือ” เมื่อกลืนพายคำโตลงไปแล้วเด็กหญิงก็หันมาคุยกับแฮร์รี่ต่อ

    “นายมีตรงหน้าผาก   ฉันเองก็มีเหมือนกัน

    แขนเสื้อถูกดึงขึ้นไปจนถึงข้อศอก   เผยให้เห็นรอยปานแดงรูปงูตัวหนึ่งกำลังพันรอบท่อนแขนของเธอ   โดยที่หัวของมันวางอยู่ตรงหลังข้อมือพอดี

    “รอยอะไรน่ะเลโอล่า   น่ากลัวเป็นบ้าเลย” เชมัส ฟินนิกันที่นั่งอยู่ไม่ห่างไปนักทำหน้าแหยงๆ

    “ปานน่ะปาน   แม่ฉันบอกว่ามันเป็นเครื่องราง   เห็นว่าตอนเด็กๆยังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่   นานเข้าก็เป็นอย่างที่เห็นล่ะ” เด็กหญิงพูดพลางดึงแขนเสื้อลงมาปิดทับรอยปานประหลาดของตัวเอง   เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ค่อยชอบรอยนี้เท่าไรนัก

    “เธออยู่กับแม่เหรอ” เฟร็ด หนึ่งในคู่แฝดจอมกวนถาม

    “ไม่หรอก” เธอส่ายหน้า “พ่อก็อยู่ด้วย   แต่เขาไม่ค่อยได้กลับมาบ้านซักเท่าไร   ขนาดงานศพแม่ฉันเขาก็ยังไม่โผล่หน้ามาเลย”

    ปลายเสียงดูสั่นเครือเล็กน้อย   แต่ใบหน้าของเด็กหญิงก็ยังประดับไปด้วยรอยยิ้ม   ถึงแม้ว่ามันจะดูขมขื่นและเศร้าสร้อยเต็มทีแล้วก็ตาม

    “สายัณสวัสดิ์   กริฟฟินดอร์น้อยทุกๆคน”

    ร่างโปร่งใสของผีตนหนึ่งที่ใส่ชุดมีระบายตรงคอเหมือนอยู่ในยุคกลางก็ปรากฏตัวขึ้นที่โต๊ะ   เลโอล่าถึงกับสะดุ้งเฮือกเมื่อแขนของเขาสัมผัสโดนแขนของเธอ   เย็นเหมือนกับโดนน้ำผสมน้ำแข็งราดเลยล่ะ

    “ขอโทษทีสาวน้อย” ผีหันมากล่าวกับเธออย่างใจดี “ฉันคือ เซอร์นิกโคลัส เดอ มิมซี พอร์พิงตัน   เป็นผีประจำหอคอยกริฟฟินดอร์”

    “ได้ยินว่าคุณคือนิกหัวเกือบขาด   หัวเกือบขาดยังไงฮะ” รอนถามขึ้นด้วยความสนใจ

    “อย่างนี้ไง”

    นิกดึงหัวของตัวเองขึ้น   มันจะขาดก็ไม่ขาด   ยังมีส่วนเนื้อที่เชื่อมกันอยู่ทำให้หัวของเขายังติดอยู่กับตัว   พวกผู้หญิงถึงกับร้องกรี๊ด   ส่วนเลโอล่าทำหน้าเจื่อนๆ

    “สงสารข้าวในกระเพาะหนูหน่อยเถอะค่ะเซอร์นิก”

    หลังจากที่นักเรียนทุกคนรับประทานอาหารเสร็จ   จานบนโต๊ะก็หายวับไป   ดัมเบิลดอร์ลุกขึ้นกระแอมไอเล็กน้อยให้เสียงในห้องโถงเงียบ   แล้วจึงประกาศอะไรบางอย่างซึ่งมันไม่เข้าหัวของเลโอล่าเลยแม้แต่น้อย   จิตใจของเธอกำลังล่องลอยไปยังที่ที่ห่างไกลไกลออกไปจากฮอกวอตส์

    ภาพของสถานที่ที่เธอคุ้นเคยกำลังปรากฏขึ้นมาในหัว   หิมะกำลังตกโปรยปรายแต่งแต้มให้พื้นดินกลายเป็นสีขาว   ดอกไม้เวทมนตร์ที่ขึ้นในฤดูหนาวกำลังผลิบาน   ร่างสูงโปร่งของหญิงสาวที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดีปรากฏขึ้นยังชานบ้านในชุดคลุมยาวของญี่ปุ่นที่เรียกว่า กิโมโน   หญิงสาวคนนั้นหันมายิ้มอ่อนโยนให้กับเธอ   ริมฝีปากขยับเหมือนกับจะพูดอะไรบางอย่าง   แต่เธอก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย   แล้วความทรงจำทั้งหมดก็ดับวูบลงไป

    ดวงตาสีฟ้าครามที่ถูกสีแดงเข้ากลืนกินเบิกโพลง   เพดานมนตราระเบิดขึ้นอีกครั้งตรงหน้า   เลโอล่าเห็นใบหน้าของรอน แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ชะโงกอยู่เหนือตัวเธอ   เมื่อยันตัวลุกขึ้นก็พบว่าทั้งห้องโถงเงียบกริบและจ้องมองมายังเธอเป็นตาเดียว

    “เลโอล่าตาเธอ” แฮร์รี่พูดอย่างอึ้งๆ   เด็กหญิงยกมือขึ้นลูบตาอย่างลืมตัว   มือของเธอกลายเป็นสีขาวซีด   เล็บถูกย้อมด้วยสีแดงเข้มและมีเล็บแหลมงอกออกมา

    เอาอีกแล้วเหรอ

    เธอเพ่งสมาธิเล็กน้อย   พลันร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปก็ค่อยๆกลับคืนสู่สภาพเดิม   เลโอล่าหันไปโค้งขอโทษอาจารย์ใหญ่ที่ยืนอยู่บนยกพื้นเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นมานั่งตามเดิม

    เพอร์ซี่ที่เป็นพรีเฟ็คประจำบ้านนำเด็กปีหนึ่งทุกคนขึ้นไปยังหอคอย   มีรูปวาดของหญิงร่างท้วมคนหนึ่งอยู่ตรงหน้าพวกเขา

    “รหัสผ่าน” รูปวาดถาม

    “คาร์ปุต ดราโคนิส” เพอร์ซี่ตอบ   แล้วรูปภาพก็เหวี่ยงตัวออก   เผยให้เห็นช่องที่นำไปสู่ห้องนั่งเล่นของหอคอย

    เลโอล่าไม่สนใจใครทั้งสิ้น   เธอรีบปีนขึ้นไปยังห้องนอนบนหอพักหญิงที่อยู่ทางซ้ายให้เร็วที่สุด   เด็กหญิงได้อยู่ห้องเดียวกับลาเวนเดอร์และเฮอร์ไมโอนี่   ทันทีที่ประตูห้องปิดลงสองสาวก็เริ่มทำการสอบสวนอย่างไม่รอช้า

    “เลโอล่า   เมื่อตอนที่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์พูดอย่างเธอเป็นอะไรไปน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่คือผู้สอบปากคำหมายเลขหนึ่ง

    “ฉันน่ะเหรอ?” เด็กหญิงชี้ตัวเองอย่างงงๆ   ทั้งสองคนพยักหน้า

    “อยู่ดีๆเธอก็ล้มลงไปเลย   สีผมของเธอค่อยๆกลายเป็นสีขาวแล้วเล็บก็ยาวขึ้นด้วย   ไม่ใช่ว่าเธอไปโดนคำสาปมาหรอกนะ” เด็กหญิงผมฟูกล่าว

    เลโอล่ายิ้มแห้งๆ “จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิงหรอกฉันเคยถูกคำสาปแวมไพร์ตอนเด็กๆน่ะ”

    “อ๋องั้นเองเหรอ   ห๊ะ!!! ว่าไงนะ!!!

    “ยะอย่าเสียงดังไปนักซี่พวกเธอ” เลโอล่าปราม

    “งั้นหมายความว่าเธอเป็นแวมไพร์งั้นเหรอ” ลาเวนเดอร์พูดเสียงเบาไม่ต่างกับกระซิบ

    “แค่ลูกครึ่งเท่านั้นล่ะ” เลโอล่ายิ้มเศร้า   มือยกขึ้นลูบสร้อยคอไพลินรูปจันทร์เสี้ยวบนคออย่างใจลอย

               โดยที่ไม่ได้ขยายความต่อว่าคนที่ทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้คือแม่ของเธอเอง

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×