ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังเก็บนิยายตามใจฉัน

    ลำดับตอนที่ #2 : Hakuouki Shinengumi

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ย. 54





    “ทุกคน!!!   ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!!!

    หญิงสาวที่โดนโอนิหนุ่มอุ้มเหาะขึ้นไปบนฟ้าตะโกนเรียกเหล่าชินเซ็นงุมิที่อยู่เบื้องล่างดังลั่นพร้อมกับพยายามดีดดิ้นให้เป็นอิสระจากคนที่ล็อคเอวของตนอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย    ฮิจิคาตะกัดฟันกรอดอย่างใช้ความอดทนเมื่อเห็นหญิงสาวคนสำคัญถูกลักพาตัวไปต่อหน้าต่อตา

    “บ้าจริง!  ทีนี้จะทำยังไงกันดีล่ะ” ฮาราดะสบถด้วยความหัวเสีย

    “ข้าจัดการเอง

    น้ำเสียงนุ่มนวลดังขึ้นอย่างเคร่งเครียดก่อนที่ร่างบางของใครคนหนึ่งจะปรากฏตัวขึ้นยังหน้ากองกำลังรบพร้อมกับองค์หญิงเซ็นและผู้ติดตามสาวที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี   เส้นผมสีน้ำทะเลสะบัดไหวเล็กน้อยเมื่อต้องสายลม     เวลานี้โยซาคุไม่ได้ใส่ฮากามะของผู้ชายอีกต่อไปแล้ว   เธออยู่ในชุดสีดำรัดกุมของนินจาที่เผยให้เห็นส่วนโค้งเว้าของร่างกายได้เป็นอย่างดี    สมาชิกกลุ่มทุกคนถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นฐานะที่แท้จริงของมือสังหารสุดเก่งกาจประจำกลุ่ม

    “โยซาคุ   บาดแผลของเจ้ายังไม่สมานกันดีเลยนะ   กลับเข้าไปข้างในซะ” ฮาจิเมะเอ่ยเสียงเข้ม

    “ถ้าไม่ใช่ข้าก็ไม่มีใครช่วยจิซึรุได้แล้ว”

    คำตอบของร่างบางทำให้เขาถึงกับเงียบไป    ไม่ใช่เพราะเชื่อในคำพูดนั้น   แต่เพราะนัยน์ตาสีอำพันคู่สวยคู่นั้นกำลังเปล่งประกายแดงวาบ    มันเต็มไปด้วยความทรงอำนาจและน่าหวาดหวั่นจนสะกดเขาได้

    “คอนโดซัง  ฮิจิคาตะซัง   กรุณาช่วยจัดการกับเจ้าพวกที่เหลือได้ไหมคะ” หญิงสาวหันไปขอความช่วยเหลือจากสองผู้กุมอำนาจแห่งชินเซ็นงุมิ   ชายหนุ่มทั้งสองพยักหน้ารับอย่างงงๆเล็กน้อย

    “แล้วเจ้าล่ะโยซาคุ?” เฮย์สึเกะถามขึ้น

    “ข้าจะขึ้นไปเอาคืนอะไรนิดหน่อยจริงสิ   ถ้าเห็นแล้วอย่าตกใจไปล่ะ”

    ดวงตาสีเคลือบย้อมไปด้วยความทรงอำนาจฉายแววสดใสขึ้นมาเล็กน้อย   หลังจากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้ทุกคนที่เห็นถึงกับอ้าปากค้างอีกรอบ

    ปีกสีน้ำตาลทองเต็มไปด้วยความสง่างามและน่าหวั่นเกรงคู่หนึ่งสยายออกมาจากแผ่นหลังบอบบาง    หญิงสาวย่อตัวเล็กน้อยก่อนที่จะพุ่งตัวขึ้นไปในอากาศด้วยแรงส่งจากปีกด้านหลัง   เธอง้างทวนในมือแล้วพุ่งเข้าไปสู้กับคาซามะอย่างไม่มีการลังเล

    “ปีกของปีศาจเผ่าเหยี่ยวที่หายสาบสูญงดงามสมกับเป็นเจ้าเลยนะโยซาคุ” ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีแดงสดเอ่ยชื่นชมจากใจจริงขณะหลบทวนที่แทงมายังจุดตายของตน

    “เก็บคำชมนั่นเอาไว้เชยชมข้าให้ท่านเอ็นมะในนรกฟังเถอะ”

    ทั้งสองคนเข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือด    อันที่จริงคงจะเป็นคาซามะฝ่ายเดียวมากกว่าเพราะเธอต้องระวังไม่ให้อาวุธในมือของตนไม่โดนจิซึรุที่อยู่ในอ้อมกอดของศัตรูตรงหน้าเข้า    ทำให้หญิงสาวโดนดาบของอีกฝ่ายสร้างบาดแผลเต็มไปหมดทั้งตัว     เมื่อถึงขีดจำกัดโยซาคุก็ถอยร่นออกมาตั้งหลักอีกด้านพลางหายใจหอบด้วยความเหนื่อยอ่อน    อีกทั้งบาดแผลที่มีเลือดไหลโชกทั้งตัวก็สร้างภาระให้เธอไม่ใช่น้อย    ทำให้กำลังของเธอตกลงอย่างเห็นได้ชัด

    โธ่เว้ยอย่าเพิ่งมาหมดแรงเอาดื้อๆตอนนี้เซ่

    “โยซาคุระวัง!!!!

    เสียงตะโกนของเพื่อนสนิทเรียกให้หญิงสาวเผ่าปีศาจเหยี่ยวเบิกตากว้างและหันกลับไปยังด้านหลังทันที    คาซามะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งยังด้านหลังของเธอก่อนที่จะแทงดาบเข้ามา   เธอที่ไม่สามารถป้องกันได้ทันถูกดาบของชายหนุ่มแทงเข้าที่หัวใจอย่างแม่นยำ

    “ไม่นะ!!!!!!” เสียงตะโกนของจิซึรุดังลั่น   แต่หูของเธอกลับได้ยินเพียงเสียงกระซิบของคาซามะคนนั้นเท่านั้น

    “หลับให้สบายนะ…คานามิเมะ โยซาคุ”

    ถึงแม้ว่าใจความของมันจะฟังดูเสียดสี    แต่เธอก็อดที่จะรู้สึกไม่ได้ว่าน้ำเสียงในเวลานั้นช่างเจ็บปวดเหลือเกิน   อีกทั้งรอยยิ้มสุดท้ายของเขายังเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยจนเธออดสงสัยไม่ได้

    เจ้านั่นทำไมต้องยิ้มแบบนั้นด้วย

    ด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่มี    โยซาคุใช้ขนปีกที่แปรสภาพเป็นโลหะแผ่นบางและคมกริบซัดเข้าไปยังจุดตายของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างแม่นยำ     แน่นอนว่าเขาสามารถหลบมันได้    แต่ก็ต้องจำใจปล่อยหญิงสาวในอ้อมกอดให้ห่างกายออกไป    หญิงสาวใช้จังหวะนั้นแปรสภาพปีกของตนให้กลายเป็นขนนกจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปสร้างเกราะกำบังให้กับจิซึรุที่กำลังร่วงลงสู่พื้นโลกด้วยแรงโน้มถ่วง  

    “ไม่นะโยซาคุ!!!!!! โยซาคุ!!!!!!

    หญิงสาวเผ่าโอนิร่ำร้องเรียกร่างบางที่กำลังร่วงลงสู่พื้นเมื่อไร้ปีกคอยพยุงกายทั้งน้ำตา   ก่อนที่จะภาพนั้นจะถูกทำให้เลือนหายไปเมื่อเกราะขนนกเข้าปกคลุมเธอจนมิด

    รอยยิ้มสุดท้ายของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินที่ปล่อยให้ร่างของตนร่วงสู่พื้นในระดับความสูงห้าสิบเมตรจากพื้นปรากฏขึ้นมาอย่างอ่อนแรง   โยซาคุได้แต่หัวเราะเยาะตัวเองในใจขณะรอคอยความตายที่คืบคลานเข้ามา

    น่าขำจังเลยนะที่ปีศาจอายุเกินห้าร้อยปีอย่างเธอจะต้องมาจบชีวิตอันยาวนานนี้ลงกับคมดาบของปีศาจที่อายุน้อยกว่าไม่รู้กี่เท่า    รู้ถึงไหนอายถึงนั่นล่ะทีนี้     เสียดายที่ยังทำกับข้าวแปลกๆให้เจ้าพวกนั้นกินไม่หมดเลย   เสียดายที่ยังไม่ได้แอบดูฉากพ่อรองหัวหน้าปีศาจสารภาพรักกับจิซึรุ     เสียดายที่ไม่เห็นเจ้าคาโอรุแต่งหญิงเข้าไปแหย่โอคิตะ

    แต่เสียดายที่สุดก็ที่ไม่ได้บอกลาเจ้าล่ะนะฮาจิเมะ

    ลาก่อนฮาจิเมะ

     

     

     

     

    ความฝันของเธอมันเต็มไปด้วยสีดำสนิท   ดำจนเหมือนกับว่าดวงตากำลังบอดสนิทแล้วก็แทบไม่เห็นแสงสว่างใดๆ   นี่เราอยู่ที่ไหนกัน   นี่คือโลกหลังความตายงั้นเหรอ

    ถ้าหากข้าร้องไห้เจ้าจะเข้ามาเช็ดน้ำตาให้ข้ามั้ย เสียงที่แสนไพเราะแต่กลับคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดดังขึ้นท่ามกลางความมืด   ก่อนที่ภาพของบางสิ่งบางอย่างจะปรากฏขึ้นมา

    เป็นภาพวิวที่ดูไร้ที่สิ้นสุดของทุ่งหญ้ากว้างสีเขียวขจีแห่งหนึ่ง   ร่างของคนสองคนกำลังยืนสนทนากันอยู่ภายใต้เงาอันร่มรื่นของต้นชิดาเระซากุระที่โปรยปรายกลีบสีชมพูอ่อนของมันไปทั่วทั้งทุ่งกว้าง

    ก็ต้องมาอยู่แล้ว   ข้าไม่มีวันทำให้เจ้าร้องไห้แน่

    อีกเสียงหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้ชายดังขึ้น   มันเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรักจนเธอนึกสงสัยว่าหญิงสาวคนไหนกันนะที่เป็นผู้ได้รับจากผู้ชายคนนี้

    ข้าจะวางใจท่านได้เท่าใดกันเชียว เสียงของหญิงสาวดังขึ้นด้วยความรู้สึกขบขันเล็กน้อย   แต่ก็มีรอยความเศร้าสร้อยแฝงอยู่ในนั้นเช่นกัน

    แล้วเจ้าเห็นข้าเป็นคนโกหกตั้งแต่ยามใดกัน   ข้าพูดคำไหนคำนั้น

    จากตรงที่เธออยู่ดูห่างไกลจากหญิงชายคู่นั้นเหลือเกิน   ทำให้มองเห็นเพียงเงาที่เลือนรางราวกับเมฆหมอก   จากนั้นก็มีเสียงที่อ่อนหวานดังขึ้นอีกว่า

    สัญญากับข้าได้ไหมว่าท่านจะไม่ลืมข้า

    ข้าไม่มีวันที่จะลืมเจ้า   ถึงแม้ว่าข้าจะเกิดในชาติใหม่   ข้าก็จะกลับมาหาเจ้าโยซาคุ

    นัยน์ตาสีน้ำทะเลเบิกกว้างขึ้นอย่างตกตะลึงสุดขีดเมื่อได้ยินชายผู้นั้นเรียกขานนามของเธอด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความรักยิ่ง    ยังไม่ทันที่จะทำอะไร    ร่างของเธอของถูกแรงดึงดูดมหาศาลที่ไม่มีที่มากระชากไปด้านหลังอย่างรุนแรง   จากนั้นดวงตาของเธอก็มืดสนิท    สติรับรู้ครั้งสุดท้ายจดจำได้แค่เพียงคำพูดของผู้ชายคนนั้น

    เพราะข้ารักเจ้าโยซาคุ

     

     

     

    มือบางบรรจงบิดน้ำออกจากผ้าสะอาดก่อนที่จะวางลงไปบนหน้าผากของคนที่กำลังนอนหลับไหลไม่ได้สติ    จิซึรุมองเพื่อนสนิทที่ยังไม่ได้สติมาตั้งแต่สองวันก่อนด้วยความรู้สึกใจหาย   และยิ่งเสียใจมากขึ้นเมื่อเห็นรอยเลือดที่ไหลซึมออกมาจากบาดแผลบริเวณหน้าอกตรงตำแหน่งของหัวใจพอดี

    ที่เจ้าต้องตกอยู่ในสภาพนี้ก็เพราะปกป้องข้าแท้ๆข้าขอโทษนะโยซาคุ   หญิงสาวคิดในใจ

    เธอจัดการดึงเอาชุดยูกาตะที่ปกปิดร่างกายของคนตรงหน้าไว้ขึ้นมาคลุมไม่ให้เห็นบาดแผลบริเวณหน้าอก    ในเวลานั้นเองประตูก็ถูกเลื่อนเปิดออก

    “โยซาคุยังไม่ตื่นอีกเหรอจิซึรุ”

    ผู้ที่เดินเข้ามานั้นคือชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของใบหน้าเย็นชา  รองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นงุมินั่นเอง   เขาไม่ได้มาเพียงลำพังแต่ยังมีหัวหน้าคนอื่นๆตามมาด้วย

    “ค่ะ” หญิงสาวเพียงตอบรับสั้นๆ

    “เฮ้อ  พวกปีศาจนี่น่าประหลาดใจจริงๆเลยนะ” คอนโดพูดขึ้น “โดนแทงเข้าที่จุดตายยังสามารถรอดมาได้อีก”

    ใช่แล้ว   ดาบของคาซามะแทงเข้ามาตรงหัวใจของโยซาคุพอดี    แต่โชคดีที่บาดแผลสมานเข้าหากันอย่างรวดเร็ว   ถึงอย่างนั้นโยซาคุก็เสียเลือดไปมากจนถึงขีดอันตรายเลยทีเดียว

    “ข้าไม่ใช่ตัวประหลาดนะ”

    เสียงแผ่วเบาของคนที่ไม่ได้สติมานานดังขึ้นพร้อมกับที่นัยน์ตาสีอำพันลืมขึ้นเหลือบมองไปทางคนพูดด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย

    “โยซาคุ!!!” จิซึรุร้องขึ้นด้วยความดีใจขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลมีน้ำตาคลอหน่วย

    ทำหน้าแบบนั้นเดี๋ยวข้าก็จับไปฝึกอีกหรอกจิซึรุ” หญิงสาวที่กำลังนอนอยู่แสยะยิ้มเหี้ยมจนจิซึรุถึงกับต้องถอยกรูดออกไปด้วยความเสียวสันหลัง

    “ขนาดเจ็บปางตายยังมีแรงมาขู่ชาวบ้านเขาอีก   เจ้านี่สุดยอดเลยนะโยซาคุ” ฮาราดะเอ่ยชมแกมเหน็บแนม

    “ว่าไงนะ!!!  อุ๊บ!!!

    เพราะดันทะลึ่งลุกพรวดขึ้นมากะทันหันทำให้บาดแผลเกิดปริออกอีกครั้ง   ความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาทำให้เธองอตัวเอามือกดแผลเอาไวด้วยความเจ็บปวด   หญิงสาวผมสีน้ำตาลที่นั่งอยู่รีบปราดเข้ามากดตัวเพื่อนให้ลงไปนอนราบทันที

    “อย่าเพิ่งขยับสิโยซาคุ!   บาดแผลของเจ้ายังไม่สมานกันดีเลยนะ!

    มันสมานกันแต่ข้างนอกต่างหากโยซาคุแก้ไขคำพูดของคนข้างๆในใจที่ข้าเจ็บน่ะเป็นเพราะเจ้านั่นที่อยู่ข้างในตัวข้าต่างหาก

    “เลือดซึมออกมาอีกแล้ว   สงสัยต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่อีกแล้ว” จิซึรุถอนหายใจเมื่อเห็นของเหลวสีสดที่ไหลซึมออกมาจากบาดแผลของคนที่นอนอยู่   ก่อนที่จะหันไปหาพวกผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านหลัง “พวกท่านกรุณาออกไปก่อนนะคะ   ข้าจะทำแผลให้โยซาคุค่ะ”

    พอได้ยินแบบนั้น   พวกที่เคยเจอการแผลงฤทธิ์ของโยซาคุมาแล้วก็รีบชิ่งออกไปข้างนอกทันทีโดยไม่รอให้บอกอีกซ้ำสอง   ขืนอยู่มีหวังไอ้คนที่นอนอยู่จะลุกขึ้นมาไล่ตื้บเอาอีกน่ะสิ

    ผ้าพันแผลที่พันทับเอาไว้ชั้นแล้วชั้นเล่าถูกแกะออกอย่างเบามือที่สุดเพราะไม่อยากให้กระทบกระเทือนต่อบาดแผลใต้นั้น   เผยให้เห็นผิวเนียนสวยสีน้ำนมที่ถูกลวดลายสีดำคล้ายกับรอยของเปลวเพลิงเกี่ยวกระหวัดพันไปทั่วทั้งร่าง   นัยน์ตาสีน้ำตาลทองของคนที่กำลังแกะผ้าออกถึงกับเบิกกว้างด้วยความตกใจ

    “โยซาคุรอยนี่มัน”

    รอยนั้นไม่เพียงเกี่ยวกระหวัดทั่วแผ่นหลังซีกซ้ายของโยซาคุ   มันยังเลื้อยไปยังแขนซ้ายและเริ่มลามมาทางร่างกายซีกขวาด้วย   จิซึรุเคยเห็นรอยนี้เพียงเล็กน้อยตอนที่ทำแผลให้ใหม่ๆ   ไม่นึกว่าเพียงสองวันมันจะลามไปเร็วขนาดนี้

    คนที่ถูกถามเพียงส่ายหน้าช้าๆไม่ให้ถามอะไรต่อ    จิซึรุจึงต้องกลืนคำถามนั้นลงไปและจัดการทำแผลให้ใหม่อย่างรีบร้อนโดยเก็บกลั้นความสงสัยนั้นไว้ข้างในอก   เมื่อพันผ้าสะอาดผืนใหม่ทับลงไปเสร็จเรียบร้อยแล้ว   หญิงสาวก็ไม่รอที่จะยิงคำถามนั้นทันที

    “รอยที่หลังเจ้ามันอะไรกันน่ะโยซาคุ   ทำไมมันถึงมีอยู่เต็มไปหมดอย่างนั้นล่ะ”

    “มันคือ

    ครืด!!!

    “เหวอ!!!

    ประตูถูกกระชากเปิดออกอย่างแรง   พร้อมกับที่พวกที่แอบพิงประตูฟังอยู่ถึงกับล้มครืนลงมาทับกันเป็นกองพะเนินทันที

    “เจ้าลุกออกไปจากตัวข้าเดี๋ยวนี้นะฮาราดะ!!!” เฮย์สึเกะที่อยู่ข้างล่างสุดโวยวาย

    “ข้าลุกได้ซะที่ไหนกัน!!!   บอกชินปาจิก่อนสิโว้ย!!!” ฮาราดะที่อยู่ชั้นต่อมาแหวกลับ   ก่อนที่จะไปแว้ดใส่ชินปาจิที่อยู่ข้างบนต่อ

    “ข้าไม่ได้ทับคนเดียวซักหน่อยซาโนะ!!!!!  เจ้าโซจิก็เหมือนกัน” จากนั้นชินปาจิก็หันไปโทษโซจิที่ทับตนอยู่ต่อกันเป็นทอดๆ

    พวกเจ้าอยากอายุสั้นกันนักใช่ไหม”

    เสียงหวานที่ในเวลานี้เย็นยะเยือกสุดๆชนิดที่ฮิจิคาตะเวลาโกรธยังเทียบไม่ติดดังขึ้นพร้อมกับที่ร่างบางซึ่งนอนอยู่ค่อยๆลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับทั้งสี่คนที่หน้าซีดเผือดกันเป็นแถวไปแล้ว     แม้แต่จิซึรุก็ยังไม่กล้าเข้ามาห้ามทัพ

    “จะใจเย็นๆก่อนนะครับโยซาคุซัง” ยามาซากิที่มองดูเหตุการณ์โดยตลอดปรามเสียงสั่น

    “นะนั่นสิ” โซจิพยักหน้าพลางเหงื่อตกซิก

    “ไม่เย็นมันแล้ว!!!!!!!  ตาย!!!!!!

    “จ๊าก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    ทั้งหมดถึงกับกระจัดกระเจิงเมื่อสาวเจ้าเล่นเรียกสายฟ้าออกมาไล่ผ่าพวกเขาจริงๆ     ขนาดฮิจิคาตะกับคอนโดที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ห่างๆถึงกับต้องถอยหลบอย่างหวั่นๆทันที     ถึงจะเป็นผู้ชายอกสามศอกผ่านศึกมาโชกโชนยังไงก็ไม่น่ากลัวเท่าผู้หญิงคนหนึ่งที่มีวิชาสายฟ้าเวลาโกรธหรอก   แม้ว่าจะเป็นแค่ไฟช็อตน้อยๆ   ยุให้ขึ้นไม่วายกลายเป็นสายฟ้าได้ง่ายๆเอา

    ห้ามอยู่ใกล้โยซาคุเวลาโกรธ

    นั่นเป็นข้อเท็จจริงอีกข้อที่เหล่าชินเซ็นกุมิเพิ่งค้นพบและพึงจดจำเอาไว้ให้ดี

     

     

     

    หลังจากที่ทั้งสี่คนโดนสำเร็จโทษจนไหม้เกรียมไปทั้งตัวแล้ว    คอนโดก็นัดหัวหน้าหน่วยทุกคนมารับประทานอาหารเย็นรวมกันที่ห้องใหญ่    รวมทั้งจิซึรุและโยซาคุที่แผลเพิ่งหายดีด้วย    ทุกคนต่างก้มหน้ากินข้าวของตัวเองไปอย่างเงียบๆ   จนกระทั่งตะเกียบของคนสุดท้ายที่ทานเสร็จวางลง   หัวหน้าจึงกระแอมไอขึ้นครั้งหนึ่งเป็นเชิงเรียกความสนใจ

    “ทีนี้เจ้าคงถึงเวลาเล่าเรื่องของเจ้าแล้วสินะโยซาคุ” ชายวัยกลางคนหันไปหาหญิงสาวที่นั่งข้างจิซึรุ

    “ข้าขอถามอะไรอย่างหนึ่งก่อนค่ะ” จิซึรุขัดจังหวะขึ้นแล้วหันไปหาโจทย์ที่ถูกสอบสวน “เรื่องรอยประหลาดบนร่างของเจ้ามันคืออะไรกัน   ตอนนั้นเจ้ายังไม่ได้ตอบข้าเลยนะ”

    “เจ้าพูดถึงเรื่องอะไรกันน่ะจิซึรุ” ฮิจิคาตะเอ่ย

    โยซาคุทำหน้าประมาณว่า กะแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ก่อนที่จะถกแขนเสื้อข้างซ้ายขึ้น   เผยให้เห็นรอยสักสีดำที่เริ่มลามมาถึงข้อพับ   นัยน์ตาสีอำพันฉายแววเศร้าเล็กน้อยยามทอดมองรอยมลทินบนร่างของตน

                 “มันเป็นคำสาปที่ติดตัวข้ามาตั้งแต่เกิดน่ะ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×