คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Hakuouki Shinengumi
“ทุกคน!!! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!!!”
หญิงสาวที่โดนโอนิหนุ่มอุ้มเหาะขึ้นไปบนฟ้าตะโกนเรียกเหล่าชินเซ็นงุมิที่อยู่เบื้องล่างดังลั่นพร้อมกับพยายามดีดดิ้นให้เป็นอิสระจากคนที่ล็อคเอวของตนอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย ฮิจิคาตะกัดฟันกรอดอย่างใช้ความอดทนเมื่อเห็นหญิงสาวคนสำคัญถูกลักพาตัวไปต่อหน้าต่อตา
“บ้าจริง! ทีนี้จะทำยังไงกันดีล่ะ” ฮาราดะสบถด้วยความหัวเสีย
“ข้าจัดการเอง
”
น้ำเสียงนุ่มนวลดังขึ้นอย่างเคร่งเครียดก่อนที่ร่างบางของใครคนหนึ่งจะปรากฏตัวขึ้นยังหน้ากองกำลังรบพร้อมกับองค์หญิงเซ็นและผู้ติดตามสาวที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี เส้นผมสีน้ำทะเลสะบัดไหวเล็กน้อยเมื่อต้องสายลม เวลานี้โยซาคุไม่ได้ใส่ฮากามะของผู้ชายอีกต่อไปแล้ว เธออยู่ในชุดสีดำรัดกุมของนินจาที่เผยให้เห็นส่วนโค้งเว้าของร่างกายได้เป็นอย่างดี สมาชิกกลุ่มทุกคนถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นฐานะที่แท้จริงของมือสังหารสุดเก่งกาจประจำกลุ่ม
“โยซาคุ บาดแผลของเจ้ายังไม่สมานกันดีเลยนะ กลับเข้าไปข้างในซะ” ฮาจิเมะเอ่ยเสียงเข้ม
“ถ้าไม่ใช่ข้าก็ไม่มีใครช่วยจิซึรุได้แล้ว”
คำตอบของร่างบางทำให้เขาถึงกับเงียบไป ไม่ใช่เพราะเชื่อในคำพูดนั้น แต่เพราะนัยน์ตาสีอำพันคู่สวยคู่นั้นกำลังเปล่งประกายแดงวาบ มันเต็มไปด้วยความทรงอำนาจและน่าหวาดหวั่นจนสะกดเขาได้
“คอนโดซัง ฮิจิคาตะซัง กรุณาช่วยจัดการกับเจ้าพวกที่เหลือได้ไหมคะ” หญิงสาวหันไปขอความช่วยเหลือจากสองผู้กุมอำนาจแห่งชินเซ็นงุมิ ชายหนุ่มทั้งสองพยักหน้ารับอย่างงงๆเล็กน้อย
“แล้วเจ้าล่ะโยซาคุ?” เฮย์สึเกะถามขึ้น
“ข้าจะขึ้นไปเอาคืนอะไรนิดหน่อย
จริงสิ ถ้าเห็นแล้วอย่าตกใจไปล่ะ”
ดวงตาสีเคลือบย้อมไปด้วยความทรงอำนาจฉายแววสดใสขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้ทุกคนที่เห็นถึงกับอ้าปากค้างอีกรอบ
ปีกสีน้ำตาลทองเต็มไปด้วยความสง่างามและน่าหวั่นเกรงคู่หนึ่งสยายออกมาจากแผ่นหลังบอบบาง หญิงสาวย่อตัวเล็กน้อยก่อนที่จะพุ่งตัวขึ้นไปในอากาศด้วยแรงส่งจากปีกด้านหลัง เธอง้างทวนในมือแล้วพุ่งเข้าไปสู้กับคาซามะอย่างไม่มีการลังเล
“ปีกของปีศาจเผ่าเหยี่ยวที่หายสาบสูญ
งดงามสมกับเป็นเจ้าเลยนะโยซาคุ” ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีแดงสดเอ่ยชื่นชมจากใจจริงขณะหลบทวนที่แทงมายังจุดตายของตน
“เก็บคำชมนั่นเอาไว้เชยชมข้าให้ท่านเอ็นมะในนรกฟังเถอะ”
ทั้งสองคนเข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือด อันที่จริงคงจะเป็นคาซามะฝ่ายเดียวมากกว่าเพราะเธอต้องระวังไม่ให้อาวุธในมือของตนไม่โดนจิซึรุที่อยู่ในอ้อมกอดของศัตรูตรงหน้าเข้า ทำให้หญิงสาวโดนดาบของอีกฝ่ายสร้างบาดแผลเต็มไปหมดทั้งตัว เมื่อถึงขีดจำกัดโยซาคุก็ถอยร่นออกมาตั้งหลักอีกด้านพลางหายใจหอบด้วยความเหนื่อยอ่อน อีกทั้งบาดแผลที่มีเลือดไหลโชกทั้งตัวก็สร้างภาระให้เธอไม่ใช่น้อย ทำให้กำลังของเธอตกลงอย่างเห็นได้ชัด
โธ่เว้ย
อย่าเพิ่งมาหมดแรงเอาดื้อๆตอนนี้เซ่
“โยซาคุระวัง!!!!”
เสียงตะโกนของเพื่อนสนิทเรียกให้หญิงสาวเผ่าปีศาจเหยี่ยวเบิกตากว้างและหันกลับไปยังด้านหลังทันที คาซามะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งยังด้านหลังของเธอก่อนที่จะแทงดาบเข้ามา เธอที่ไม่สามารถป้องกันได้ทันถูกดาบของชายหนุ่มแทงเข้าที่หัวใจอย่างแม่นยำ
“ไม่นะ!!!!!!” เสียงตะโกนของจิซึรุดังลั่น แต่หูของเธอกลับได้ยินเพียงเสียงกระซิบของคาซามะคนนั้นเท่านั้น
“หลับให้สบายนะ
คานามิเมะ โยซาคุ”
ถึงแม้ว่าใจความของมันจะฟังดูเสียดสี แต่เธอก็อดที่จะรู้สึกไม่ได้ว่าน้ำเสียงในเวลานั้นช่างเจ็บปวดเหลือเกิน อีกทั้งรอยยิ้มสุดท้ายของเขายังเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยจนเธออดสงสัยไม่ได้
เจ้านั่น
ทำไมต้องยิ้มแบบนั้นด้วย
ด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่มี โยซาคุใช้ขนปีกที่แปรสภาพเป็นโลหะแผ่นบางและคมกริบซัดเข้าไปยังจุดตายของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างแม่นยำ แน่นอนว่าเขาสามารถหลบมันได้ แต่ก็ต้องจำใจปล่อยหญิงสาวในอ้อมกอดให้ห่างกายออกไป หญิงสาวใช้จังหวะนั้นแปรสภาพปีกของตนให้กลายเป็นขนนกจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปสร้างเกราะกำบังให้กับจิซึรุที่กำลังร่วงลงสู่พื้นโลกด้วยแรงโน้มถ่วง
“ไม่นะโยซาคุ!!!!!! โยซาคุ!!!!!!”
หญิงสาวเผ่าโอนิร่ำร้องเรียกร่างบางที่กำลังร่วงลงสู่พื้นเมื่อไร้ปีกคอยพยุงกายทั้งน้ำตา ก่อนที่จะภาพนั้นจะถูกทำให้เลือนหายไปเมื่อเกราะขนนกเข้าปกคลุมเธอจนมิด
รอยยิ้มสุดท้ายของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินที่ปล่อยให้ร่างของตนร่วงสู่พื้นในระดับความสูงห้าสิบเมตรจากพื้นปรากฏขึ้นมาอย่างอ่อนแรง โยซาคุได้แต่หัวเราะเยาะตัวเองในใจขณะรอคอยความตายที่คืบคลานเข้ามา
น่าขำจังเลยนะที่ปีศาจอายุเกินห้าร้อยปีอย่างเธอจะต้องมาจบชีวิตอันยาวนานนี้ลงกับคมดาบของปีศาจที่อายุน้อยกว่าไม่รู้กี่เท่า รู้ถึงไหนอายถึงนั่นล่ะทีนี้ เสียดายที่ยังทำกับข้าวแปลกๆให้เจ้าพวกนั้นกินไม่หมดเลย เสียดายที่ยังไม่ได้แอบดูฉากพ่อรองหัวหน้าปีศาจสารภาพรักกับจิซึรุ เสียดายที่ไม่เห็นเจ้าคาโอรุแต่งหญิงเข้าไปแหย่โอคิตะ
แต่เสียดายที่สุดก็ที่ไม่ได้บอกลาเจ้าล่ะนะ
ฮาจิเมะ
ลาก่อน
ฮาจิเมะ
ความฝันของเธอ
มันเต็มไปด้วยสีดำสนิท ดำจนเหมือนกับว่าดวงตากำลังบอดสนิทแล้วก็แทบไม่เห็นแสงสว่างใดๆ นี่เราอยู่ที่ไหนกัน นี่คือโลกหลังความตายงั้นเหรอ
‘ถ้าหากข้าร้องไห้
เจ้าจะเข้ามาเช็ดน้ำตาให้ข้ามั้ย’ เสียงที่แสนไพเราะแต่กลับคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดดังขึ้นท่ามกลางความมืด ก่อนที่ภาพของบางสิ่งบางอย่างจะปรากฏขึ้นมา
เป็นภาพวิวที่ดูไร้ที่สิ้นสุดของทุ่งหญ้ากว้างสีเขียวขจีแห่งหนึ่ง ร่างของคนสองคนกำลังยืนสนทนากันอยู่ภายใต้เงาอันร่มรื่นของต้นชิดาเระซากุระที่โปรยปรายกลีบสีชมพูอ่อนของมันไปทั่วทั้งทุ่งกว้าง
‘ก็ต้องมาอยู่แล้ว ข้าไม่มีวันทำให้เจ้าร้องไห้แน่’
อีกเสียงหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้ชายดังขึ้น มันเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรักจนเธอนึกสงสัยว่าหญิงสาวคนไหนกันนะที่เป็นผู้ได้รับจากผู้ชายคนนี้
‘ข้าจะวางใจท่านได้เท่าใดกันเชียว’ เสียงของหญิงสาวดังขึ้นด้วยความรู้สึกขบขันเล็กน้อย แต่ก็มีรอยความเศร้าสร้อยแฝงอยู่ในนั้นเช่นกัน
‘แล้วเจ้าเห็นข้าเป็นคนโกหกตั้งแต่ยามใดกัน ข้าพูดคำไหนคำนั้น’
จากตรงที่เธออยู่ดูห่างไกลจากหญิงชายคู่นั้นเหลือเกิน ทำให้มองเห็นเพียงเงาที่เลือนรางราวกับเมฆหมอก จากนั้นก็มีเสียงที่อ่อนหวานดังขึ้นอีกว่า
‘สัญญากับข้าได้ไหม
ว่าท่านจะไม่ลืมข้า’
‘ข้าไม่มีวันที่จะลืมเจ้า ถึงแม้ว่าข้าจะเกิดในชาติใหม่ ข้าก็จะกลับมาหาเจ้า
โยซาคุ’
นัยน์ตาสีน้ำทะเลเบิกกว้างขึ้นอย่างตกตะลึงสุดขีดเมื่อได้ยินชายผู้นั้นเรียกขานนามของเธอด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความรักยิ่ง ยังไม่ทันที่จะทำอะไร ร่างของเธอของถูกแรงดึงดูดมหาศาลที่ไม่มีที่มากระชากไปด้านหลังอย่างรุนแรง จากนั้นดวงตาของเธอก็มืดสนิท สติรับรู้ครั้งสุดท้ายจดจำได้แค่เพียงคำพูดของผู้ชายคนนั้น
‘เพราะข้ารักเจ้า
โยซาคุ’
มือบางบรรจงบิดน้ำออกจากผ้าสะอาดก่อนที่จะวางลงไปบนหน้าผากของคนที่กำลังนอนหลับไหลไม่ได้สติ จิซึรุมองเพื่อนสนิทที่ยังไม่ได้สติมาตั้งแต่สองวันก่อนด้วยความรู้สึกใจหาย และยิ่งเสียใจมากขึ้นเมื่อเห็นรอยเลือดที่ไหลซึมออกมาจากบาดแผลบริเวณหน้าอกตรงตำแหน่งของหัวใจพอดี
ที่เจ้าต้องตกอยู่ในสภาพนี้ก็เพราะปกป้องข้าแท้ๆ
ข้าขอโทษนะโยซาคุ หญิงสาวคิดในใจ
เธอจัดการดึงเอาชุดยูกาตะที่ปกปิดร่างกายของคนตรงหน้าไว้ขึ้นมาคลุมไม่ให้เห็นบาดแผลบริเวณหน้าอก ในเวลานั้นเองประตูก็ถูกเลื่อนเปิดออก
“โยซาคุยังไม่ตื่นอีกเหรอจิซึรุ”
ผู้ที่เดินเข้ามานั้นคือชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของใบหน้าเย็นชา รองหัวหน้ากลุ่มชินเซ็นงุมินั่นเอง เขาไม่ได้มาเพียงลำพังแต่ยังมีหัวหน้าคนอื่นๆตามมาด้วย
“ค่ะ” หญิงสาวเพียงตอบรับสั้นๆ
“เฮ้อ พวกปีศาจนี่น่าประหลาดใจจริงๆเลยนะ” คอนโดพูดขึ้น “โดนแทงเข้าที่จุดตายยังสามารถรอดมาได้อีก”
ใช่แล้ว ดาบของคาซามะแทงเข้ามาตรงหัวใจของโยซาคุพอดี แต่โชคดีที่บาดแผลสมานเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ถึงอย่างนั้นโยซาคุก็เสียเลือดไปมากจนถึงขีดอันตรายเลยทีเดียว
“ข้าไม่ใช่
ตัวประหลาด
นะ”
เสียงแผ่วเบาของคนที่ไม่ได้สติมานานดังขึ้นพร้อมกับที่นัยน์ตาสีอำพันลืมขึ้นเหลือบมองไปทางคนพูดด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย
“โยซาคุ!!!” จิซึรุร้องขึ้นด้วยความดีใจขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลมีน้ำตาคลอหน่วย
“
ทำหน้าแบบนั้นเดี๋ยวข้าก็จับไปฝึกอีกหรอก
จิซึรุ” หญิงสาวที่กำลังนอนอยู่แสยะยิ้มเหี้ยมจนจิซึรุถึงกับต้องถอยกรูดออกไปด้วยความเสียวสันหลัง
“ขนาดเจ็บปางตายยังมีแรงมาขู่ชาวบ้านเขาอีก เจ้านี่สุดยอดเลยนะโยซาคุ” ฮาราดะเอ่ยชมแกมเหน็บแนม
“ว่าไงนะ!!! อุ๊บ!!!”
เพราะดันทะลึ่งลุกพรวดขึ้นมากะทันหันทำให้บาดแผลเกิดปริออกอีกครั้ง ความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาทำให้เธองอตัวเอามือกดแผลเอาไวด้วยความเจ็บปวด หญิงสาวผมสีน้ำตาลที่นั่งอยู่รีบปราดเข้ามากดตัวเพื่อนให้ลงไปนอนราบทันที
“อย่าเพิ่งขยับสิโยซาคุ! บาดแผลของเจ้ายังไม่สมานกันดีเลยนะ!”
มันสมานกันแต่ข้างนอกต่างหาก
โยซาคุแก้ไขคำพูดของคนข้างๆในใจ
ที่ข้าเจ็บน่ะเป็นเพราะ’เจ้านั่น’ ที่อยู่ข้างในตัวข้าต่างหาก
“เลือดซึมออกมาอีกแล้ว สงสัยต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่อีกแล้ว” จิซึรุถอนหายใจเมื่อเห็นของเหลวสีสดที่ไหลซึมออกมาจากบาดแผลของคนที่นอนอยู่ ก่อนที่จะหันไปหาพวกผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านหลัง “พวกท่านกรุณาออกไปก่อนนะคะ ข้าจะทำแผลให้โยซาคุค่ะ”
พอได้ยินแบบนั้น พวกที่เคยเจอการแผลงฤทธิ์ของโยซาคุมาแล้วก็รีบชิ่งออกไปข้างนอกทันทีโดยไม่รอให้บอกอีกซ้ำสอง ขืนอยู่มีหวังไอ้คนที่นอนอยู่จะลุกขึ้นมาไล่ตื้บเอาอีกน่ะสิ
ผ้าพันแผลที่พันทับเอาไว้ชั้นแล้วชั้นเล่าถูกแกะออกอย่างเบามือที่สุดเพราะไม่อยากให้กระทบกระเทือนต่อบาดแผลใต้นั้น เผยให้เห็นผิวเนียนสวยสีน้ำนมที่ถูกลวดลายสีดำคล้ายกับรอยของเปลวเพลิงเกี่ยวกระหวัดพันไปทั่วทั้งร่าง นัยน์ตาสีน้ำตาลทองของคนที่กำลังแกะผ้าออกถึงกับเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“โยซาคุ
รอยนี่มัน”
รอยนั้นไม่เพียงเกี่ยวกระหวัดทั่วแผ่นหลังซีกซ้ายของโยซาคุ มันยังเลื้อยไปยังแขนซ้ายและเริ่มลามมาทางร่างกายซีกขวาด้วย จิซึรุเคยเห็นรอยนี้เพียงเล็กน้อยตอนที่ทำแผลให้ใหม่ๆ ไม่นึกว่าเพียงสองวันมันจะลามไปเร็วขนาดนี้
คนที่ถูกถามเพียงส่ายหน้าช้าๆไม่ให้ถามอะไรต่อ จิซึรุจึงต้องกลืนคำถามนั้นลงไปและจัดการทำแผลให้ใหม่อย่างรีบร้อนโดยเก็บกลั้นความสงสัยนั้นไว้ข้างในอก เมื่อพันผ้าสะอาดผืนใหม่ทับลงไปเสร็จเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ไม่รอที่จะยิงคำถามนั้นทันที
“รอยที่หลังเจ้ามันอะไรกันน่ะโยซาคุ ทำไมมันถึงมีอยู่เต็มไปหมดอย่างนั้นล่ะ”
“มันคือ
”
ครืด!!!
“เหวอ!!!”
ประตูถูกกระชากเปิดออกอย่างแรง พร้อมกับที่พวกที่แอบพิงประตูฟังอยู่ถึงกับล้มครืนลงมาทับกันเป็นกองพะเนินทันที
“เจ้าลุกออกไปจากตัวข้าเดี๋ยวนี้นะฮาราดะ!!!” เฮย์สึเกะที่อยู่ข้างล่างสุดโวยวาย
“ข้าลุกได้ซะที่ไหนกัน!!! บอกชินปาจิก่อนสิโว้ย!!!” ฮาราดะที่อยู่ชั้นต่อมาแหวกลับ ก่อนที่จะไปแว้ดใส่ชินปาจิที่อยู่ข้างบนต่อ
“ข้าไม่ได้ทับคนเดียวซักหน่อยซาโนะ!!!!! เจ้าโซจิก็เหมือนกัน” จากนั้นชินปาจิก็หันไปโทษโซจิที่ทับตนอยู่ต่อกันเป็นทอดๆ
“
พวกเจ้า
อยากอายุสั้นกันนักใช่ไหม”
เสียงหวานที่ในเวลานี้เย็นยะเยือกสุดๆชนิดที่ฮิจิคาตะเวลาโกรธยังเทียบไม่ติดดังขึ้นพร้อมกับที่ร่างบางซึ่งนอนอยู่ค่อยๆลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับทั้งสี่คนที่หน้าซีดเผือดกันเป็นแถวไปแล้ว แม้แต่จิซึรุก็ยังไม่กล้าเข้ามาห้ามทัพ
“จะ
ใจเย็นๆก่อนนะครับโยซาคุซัง” ยามาซากิที่มองดูเหตุการณ์โดยตลอดปรามเสียงสั่น
“นะ
นั่นสิ” โซจิพยักหน้าพลางเหงื่อตกซิก
“ไม่เย็นมันแล้ว!!!!!!! ตาย!!!!!!”
“จ๊าก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ทั้งหมดถึงกับกระจัดกระเจิงเมื่อสาวเจ้าเล่นเรียกสายฟ้าออกมาไล่ผ่าพวกเขาจริงๆ ขนาดฮิจิคาตะกับคอนโดที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ห่างๆถึงกับต้องถอยหลบอย่างหวั่นๆทันที ถึงจะเป็นผู้ชายอกสามศอกผ่านศึกมาโชกโชนยังไงก็ไม่น่ากลัวเท่าผู้หญิงคนหนึ่งที่มีวิชาสายฟ้าเวลาโกรธหรอก แม้ว่าจะเป็นแค่ไฟช็อตน้อยๆ ยุให้ขึ้นไม่วายกลายเป็นสายฟ้าได้ง่ายๆเอา
‘ห้ามอยู่ใกล้โยซาคุเวลาโกรธ’
นั่นเป็นข้อเท็จจริงอีกข้อที่เหล่าชินเซ็นกุมิเพิ่งค้นพบและพึงจดจำเอาไว้ให้ดี
หลังจากที่ทั้งสี่คนโดนสำเร็จโทษจนไหม้เกรียมไปทั้งตัวแล้ว คอนโดก็นัดหัวหน้าหน่วยทุกคนมารับประทานอาหารเย็นรวมกันที่ห้องใหญ่ รวมทั้งจิซึรุและโยซาคุที่แผลเพิ่งหายดีด้วย ทุกคนต่างก้มหน้ากินข้าวของตัวเองไปอย่างเงียบๆ จนกระทั่งตะเกียบของคนสุดท้ายที่ทานเสร็จวางลง หัวหน้าจึงกระแอมไอขึ้นครั้งหนึ่งเป็นเชิงเรียกความสนใจ
“ทีนี้เจ้าคงถึงเวลาเล่าเรื่องของเจ้าแล้วสินะโยซาคุ” ชายวัยกลางคนหันไปหาหญิงสาวที่นั่งข้างจิซึรุ
“ข้าขอถามอะไรอย่างหนึ่งก่อนค่ะ” จิซึรุขัดจังหวะขึ้นแล้วหันไปหาโจทย์ที่ถูกสอบสวน “เรื่องรอยประหลาดบนร่างของเจ้ามันคืออะไรกัน ตอนนั้นเจ้ายังไม่ได้ตอบข้าเลยนะ”
“เจ้าพูดถึงเรื่องอะไรกันน่ะจิซึรุ” ฮิจิคาตะเอ่ย
โยซาคุทำหน้าประมาณว่า ‘กะแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้’ ก่อนที่จะถกแขนเสื้อข้างซ้ายขึ้น เผยให้เห็นรอยสักสีดำที่เริ่มลามมาถึงข้อพับ นัยน์ตาสีอำพันฉายแววเศร้าเล็กน้อยยามทอดมองรอยมลทินบนร่างของตน
ความคิดเห็น