คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : แบล็กบัทเลอร์
เจ้าเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของข้า
ลูก
ที่รักของข้า
แต่เจ้าหาใช่สิ่งล้ำค่าของโลกใบนี้ไม่
ท่ามกลางหิมะที่ตกโปรยปรายลงมา ชายในชุดยาวสีดำคนหนึ่งเดินทอดน่องฝ่าม่านหิมะเหล่านั้นมาตามทางดินลูกรังของชานเมืองโดยไร้อาการหนาวสั่นกับอากาศที่เย็นจัดจนเกือบติดลบ อากาศแบบนี้คงไม่มีใครออกมาเดินท่อมๆทรมานตัวเองเล่นๆหรอก ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจที่จะรีบเดินกลับเข้าบ้านไปหาความอบอุ่นจากเตาผิง แต่กลับยังเดินเล่นอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งผ่านมายังต้นไม้ต้นใหญ่ต้นหนึ่ง
เสียงร้องของเด็กทารกที่ดังแผ่วท่ามกลางอากาศเย็นจัดทำให้เขาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย ด้วยความอยากรู้นั้นเขาจึงตัดสินใจเดินตามเสียงนั้นไป และสิ่งที่ได้พบนั้นก็ทำให้ดวงตาสีเขียวเข้มที่ซ่อนอยู่ใต้เงาของหมวกนั้นเบิกกว้างขึ้น
ทารกเพศหญิงคนหนึ่งกำลังนอนหายใจแผ่วอยู่ภายในตะกร้าสาน เห็นได้ชัดว่าถึงแม้จะมีผ้าขนสัตว์ห่มคลุมทับอยู่ก็ยังไม่สามารถสกัดกั้นความหนาวเย็นได้ ริมฝีปากของทารกน้อยจึงม่วงคล้ำด้วยอากาศอันเลวร้ายนั้น
ชายคนนั้นช้อนร่างของทารกน้อยตรงหน้าขึ้นมาอุ้มไว้แนบอก สัมผัสบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวเด็กคนนี้ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ถ้าหากเป็นเด็กคนอื่นเขาคงจะไม่เหลียวแลไปแล้ว แต่เด็กคนนี้พิเศษออกไปอย่างสิ้นเชิง
เมื่อได้รับความอบอุ่นจากผู้โอบอุ้ม ทารกน้อยก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา ดวงตาของเธอนั้นเป็นเงินเหมือนกับแสงจันทร์ ให้ความรู้สึกทั้งอ่อนโยนและลึกล้ำในเวลาเดียวกัน ในขณะที่โครงหน้าของเธอช่างคุ้นเคยเหลือเกิน
ราวกับใบหน้าของเขายามเยาว์วัยไม่มีผิด
“อะไรกันนี่” เขาพึมพำกับตัวเองด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ สายตาพลันเหลือบไปเห็นซองจดหมายสีขาวซองหนึ่งแนบเอาไว้กับผ้าคลุมของเด็กน้อย เขาเปิดอ่านแล้วก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีดอีกครั้ง
“เป็นไปไม่ได้น่า
” เขามองทารกในอ้อมกอดสลับกับเนื้อความในจดหมายไปมาอยู่หลายรอบ ก่อนที่จะยิ้มบางออกมาอย่างปลงตก
“ช่วยไม่ได้สินะ งั้นฉันจะเลี้ยงเธอเองแล้วกัน
”
ใบหน้าที่ไร้ริ้วร้อยนอกจากรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่พาดผ่านสันจมูกแนบใบหน้าใสเกลี้ยงของทารกน้อยในอ้อมกอดด้วยความรักใคร่ มือป้อมๆของเด็กน้อยที่ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลด้วยความอบอุ่นนั้นเอื้อมมาสัมผัสแผลเป็นของชายหนุ่มราวกับกำลังตอบรับความรู้สึกของเขา
“ยูซาน่า”
“เซบาสเตียน!! ชิเอล!!”
ยูซาน่าที่ยืนอยู่บนเรือลำหนึ่งตะโกนเรียกสองนายน้อยกับพ่อบ้านที่กำลังลอยคออยู่ในทะเลพร้อมกับโยนบ่วงเชือกลงมาให้พวกเขาทั้งสองได้เกาะขึ้นไป ซาตานหนุ่มลากนายน้อยของเขาขึ้นมาอย่างทุลักทุเลก่อนที่จะเหลือบมองหญิงสาวผู้ช่วยเหลือด้วยความแปลกใจ
“จำได้ว่าคุณไม่ได้ขึ้นเรือมาด้วยไม่ใช่หรือครับ เคาท์เตสคราวน์ฟอร์ด”
นัยน์ตาสีเงินคมกล้าของเคาท์หญิงแห่งองค์ราชินีเปล่งประกายวาบหลังจากได้ยินคำพูดของพ่อบ้านปีศาจตรงหน้า เธอสบถ’ชิ’อย่างไม่ชอบใจแล้วใช้ไม้พายพาเรือออกห่างจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว
“ใส่เสื้อฉันซะชิเอล” ยูซาน่าถอดเสื้อโค้ทยาวสีดำที่ใส่มาด้วยให้เด็กหนุ่มผมดำที่นั่งตัวสั่นจากการแช่น้ำเย็นจัดเป็นเวลานาน “เราต้องรีบออกจากที่นี่ ไม่งั้นพวกนั้นได้พาเราจบเห่แน่”
หญิงสาวกล่าวพร้อมกับปรายตามองไปยังกลุ่มคนที่กำลังพากันว่ายน้ำหนีตายมาทางเรือของพวกเธอด้วยสายตาไร้ความรู้สึก ในเวลานี้ก็ต้องมีเห็นแก่ตัวบ้างล่ะ ถ้าช่วยพวกนั้นเอาไว้หมดมีหวังพวกเธอก็คงจะตายเหมือนกัน ใครๆก็อยากมีชีวิตรอดทั้งนั้นล่ะ เป็นธรรมดาของมนุษย์
”ผมก็เห็นด้วยเหมือนกันครับ” เซบาสเตียนยิ้มแห้งๆ เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่เป็นอย่างดีเช่นกัน
ในขณะที่เขากำลังจะโยนตัวเองขึ้นมาบนเรือนั้นเอง ได้มีมือปริศนาข้างหนึ่งเอื้อมมายุดขาของเขาเอาไว้ก่อนที่จะกัดอย่างแรงจนจมเขี้ยว เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดราวกับท่อน้ำที่ถูกเจาะจนมีรูรั่ว
พลั่ก!
ไม้พายที่อยู่ในมือของยูซาน่าดีๆพาดผัวะเข้าที่หัวของเจ้าศพเดินได้นั่นจมหายลงไปในน้ำทันทีหลังจากที่มันกัดขาของเซบาสเตียนจนเลือดพุ่ง ชายหนุ่มมองดูซากชิ้นส่วนเล็กน้อยที่ลอยอยู่บนผิวน้ำแล้วก็ยิ้มแห้งๆอีกครั้งหนึ่ง
“คุณนี่โหดร้ายจังเลยนะครับ ถึงจะเป็นศพแต่พวกเขาก็เคยเป็นมนุษย์ไม่ใช่เหรอครับ”
“นายนี่พูดมากจัง ลืมแล้วเรอะว่าฉันน่ะลูกใคร”
ฉันเป็นลูกสัปเหร่อเชียวนะ! เรื่องคนตายนี่ฝังหัวฉันตั้งแต่เด็กแล้วเฟ้ย!!!
ในเวลานั้นเอง หญิงสาวก็สะบัดมือขึ้นเหนือหัว เปลวไฟสีส้มสว่างผุดขึ้นจากฝ่ามือบางแล้วลอยขึ้นสูงในอากาศ ก่อนที่จะระเบิดออกมาเป็นพลุสัญญาณที่ให้แสงสว่างมากพอที่จะระบุตำแหน่งของพวกเขาให้กับกลุ่มผู้อพยพบนเรือชูชีพลำอื่นๆในบริเวณนั้นได้
“นั่น! ชิเอล!!! คุณพ่อบ้าน!!!” เอ็ดเวิร์ดที่สายตาดีที่สุดในกลุ่มตะโกนด้วยความดีใจเมื่อเห็นน้องเขยของเขายังมีชีวิตรอดอยู่หลังจากที่เรือสำราญขาดออกเป็นสองท่อน แล้วยังมีหญิงสาวผมสีน้ำตาลในชุดสีดำประหลาดโดยสารมาด้วยอีกคนอีกต่างหาก
ยูซาน่ารับหน้าที่เป็นคนพายเรือพาพ่อบ้านกับนายน้อยที่หมดสภาพจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้มาส่งที่กลุ่มเรือของผู้รอดชีวิต ก่อนที่ตัวเองจะยืนอยู่บนเรือลำนั้นเพียงลำพัง
“จะทำอะไรของเธอน่ะยูซาน่า!” ชิเอลร้องเสียงดัง
“ทำสิ่งที่ควรทำไงล่ะพ่อหนุ่ม” หญิงสาวยิ้มเศร้าๆก่อนที่จะใช้เท้าถีบเรือของตัวเองออกไปยังห้วงน้ำที่ไร้แสงสว่าง และมีปีศาจกระหายเลือดหลายสิบตัวลอยคออยู่เต็มไปหมด
ฉันควรจะชดใช้ในสิ่งที่พ่อทำลงไป
เธอคิดในใจพลางถกแขนเสื้อข้างขวาขึ้นสูงถึงข้อศอก เผยให้เห็นผิวขาวเนียนที่ถูกประทับเอาไว้ด้วยตราสัญลักษณ์คล้ายเปลวเพลิงสีดำสนิท นิ้วเรียวลากผ่านตั้งแต่ข้อมือจรดข้อพับแขน จากเปลวเพลิงที่เป็นเพียงแค่รอยสักอัปลักษณ์กลับค่อยๆม้วนตัวออกมาจากแขนเรียวบางประดุจควันปีศาจ ก่อกำเนิดเป็นเคียวเล่มยาวที่มีสีดำปลอดทั้งเล่มอยู่ในมือของเธอ
เดธไซท์ต้องสาปของเหล่ายมทูต
อีฟริท คู่พันธสัญญาของเธอ
ร่างบางถีบตัวสูงขึ้นไปในอากาศที่มีแต่ความมืดปกคลุม เคียวเล่มใหญ่ที่น่าจะมีน้ำหนักมหาศาลถูกกวัดแกว่งอย่างง่ายดาย คมของมันฟาดฟันผิวน้ำพร้อมกับสังหารเหล่าอสูรกายพิสดารไปด้วย เลือดสดๆพุ่งราวกับน้ำพุ แต่งแต้มให้ผืนน้ำในบริเวณนั้นเป็นสีแดงฉานราวกับทะเลเพลิง
ซากศพที่ถูกฟันลอยเกลื่อนเต็มผิวน้ำ แต่ถึงกระนั้นยูซาน่าก็ยังไม่หยุดมือที่จะลงมือต่อสู้ ทุกครั้งที่เธอวาดอาวุธเข้าหาศัตรู ไม่มีครั้งใดเลยที่จะพลาดจากเป้าหมาย ไม่มีครั้งใดเลยที่จะไม่มีการหลั่งเลือด
ทันทีที่เท้าของเธอแตะกราบเรือทั้งสอง มือของเจ้ามนุษย์กลายพันธุ์ตัวหนึ่งก็คว้าหมับพร้อมกับลากเธอลงไปในน้ำโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
ในจังหวะที่ร่างบางกำลังจะถูกแรงมหาศาลลากตกลงไปนั้นเอง มือหนาก็เอื้อมเข้าคว้าเอวเธอไว้พร้อมกับรั้งเข้าหาตัวเอง กลิ่นหอมจางๆที่ไม่เหมือนใครนั้นทำให้เธอได้รู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอ้อมกอดของใคร
“เซบาสเตียน
” หญิงสาวกระซิบชื่อของชายหนุ่มที่แนบชิดอยู่
“นายน้อยสั่งให้ผมกำจัดเจ้าพวกนี้ด้วยน่ะครับ” ชายหนุ่มยิ้มหวานขณะซัดมีดเงินออกไปยังเป้าหมายโดยรอบอย่างแม่นยำ
“ทำหน้าที่เป็นหมาเฝ้าบ้านได้ดีจริงๆเลยนะพ่อคุณ” ยูซาน่ากล่าวเหน็บแนมพร้อมกับใช้กำปั้นทุบอกคนตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้ส่วนตัว มืออีกข้างที่ว่างก็เหวี่ยงเคียวคมกริบในมือกวาดล้างมนุษย์ทดลองซึ่งเป็นผลงานรุ่นลิมิเต็ดของพ่อเธอไปด้วย
“พักเรื่องนั้นเอาไว้ก่อนได้ไหมครับ งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้วนะครับ”
ยิ่งฆ่าไปมากเท่าไร รอยยิ้มบนใบหน้าของปีศาจทั้งสองก็ยิ่งเบิกบานมากขึ้นราวกับดอกบัวที่ค่อยๆคลี่บานยามต้องแสงอาทิตย์
“บทบรรเลงสีเลือดกำลังจะเริ่มแล้วล่ะเซบาสจัง” หญิงสาวกระโดดถอยกลับมาตั้งหลักบนเรือพร้อมๆกับพ่อบ้านประจำตระกูลแฟนท่อมไฮฟ์ เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ประเภทกวาดล้างครั้งนี้ยังหนักหนาสาหัสสำหรับทั้งคู่พอสมควร สังเกตได้จากบาดแผลบนร่างกายที่มีมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่ออกไปต่อสู้
ยูซาน่าหอบหายใจเล็กน้อย มือข้างที่ไม่ได้จับอาวุธกุมบาดแผลฉกรรจ์ที่ต้นขาเพื่อกดไม่ให้เลือดไหลออกมามากเกินไป มีรอยซับเลือดจางๆจากบาดแผลแห่งอื่นที่ไม่สาหัสมากนักอยู่บนเสื้อผ้าที่เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใน
เซบาสเตียนยิ้มแหยเมื่อได้ยินชื่อใหม่ของเขา “อย่าเรียกผมแบบนั้นเลยครับ มันทำให้ผมขนลุก”
ยูซาน่าหลุดหัวเราะออกมา “ทำให้นายนึกถึงรุ่นพี่เกรลล่ะสิ ช่วยไม่ได้น้า
พี่เขาเป็นแบบนั้นตั้งนานแล้วนี่”
แล้วก็กลายเป็นแบบนั้นเพราะคนที่นายคาดไม่ถึงเสียด้วย
เธอแอบคิดต่อในใจ
“ช่างยมทูตคนนั้นเถอะครับ” ชายหนุ่มหันกายกลับมาหาหญิงสาวที่อิงแผ่นหลังเขาอยู่พร้อมกับยื่นมือขวาไปหาเธอด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนที่สุด
“บทเพลงบรรเลงแล้ว เต้นรำกับผมนะครับ
เลดี้”
งานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้น เลือดแดงฉานที่ชโลมผิวน้ำให้กลายเป็นสีคล้ำคือฟลอร์เต้นรำ เสียงคมอาวุธดังแหวกอาวุธคือเสียงดนตรีที่ทำให้หนุ่มสาวทั้งสองเต้นเคียงกันท่ามกลางฟลอร์สีเลือดแห่งความตาย ยิ่งขยับมากเท่าไรบาดแผลก็ยิ่งเพิ่มขึ้นบนร่างกายของทั้งสองคนมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งแสงแรกของวันแตะยังขอบฟ้า แสงสว่างส่องให้เห็นซากศพนับไม่ถ้วนลอยอืดอยู่บนผิวน้ำในสภาพร่างกายถูกทำลายจนย่อยยับ เกรงว่าถ้าคนที่เพิ่งกินข้าวมาใหม่ๆได้เห็นคงไม่แคล้วได้เอาของในท้องออกมาแน่
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
Still don't finish
ความคิดเห็น