ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    DaNGerOuS ZoNe[R]เพื่อนรักพันธุ์อันตราย

    ลำดับตอนที่ #30 : -- แหวนZoNeR Baron -- -- งานเต้นรำ –

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 52


    -- แหวนZoNeR Baron -- -- งานเต้นรำ

     

    ภายในห้องทำงานสีเทาหม่น ร่างสูงเจ้าของตำแหน่งหัวหน้าองค์กรโซเนอร์กำลังนั่งพักผ่อนสายตาอยู่แม้ว่านี่จะเป็นเวลาสายแล้วก็ตาม เพราะวันนี้เป้นวันเสาร์เขาจึงไม่จำเป็นต้องไปร.ร. ไว้รอไปตอนค่ำๆที่จะจัดงานเต้นรำเลยทีเดียว และเนื่องจากตลอด2-3วันที่ผ่านมาพวกเขาฝึกซ้อมกันอย่างหนัก วันนี้พวกเขาจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อเตรียมตัวรับศึกหนักคืนนี้

    ก็อกๆ เสียงเคาะประตูปลุกชายหนุ่มให้ตื่นจากภวังค์

    เข้ามาสิเสียงทุ้มบอก บานประตูเปิดออกปรากฏให้เห็นบุคคลมาใหม่ชัดๆ ชายหนุ่มเพื่อนรักแสนอารมณ์ดีค่อยๆเดินเข้ามาในห้องอย่างสบายอารมณ์

    ไง ถึงกันหมดสภาพเลยหรอเนี่ย ฝีมือพวกแฟนต้ามันห่วยขนาดนั้นเชียวเต๋าทักอย่างอารมณ์ดี

    เปล่าหรอกเรื่องฝีมือพวกมันฉันไม่ห่วง เพียงแต่คุมพวกนั้นซ้อมหลายๆรอบเท่านั้นเองคิมตอบ เต๋าที่กำลังเดินดูรอบๆห้องอยู่ถึงกับสะดุดเมื่อพบเห็นสิ่งของที่เขาไม่ได้เห็นมันมานานมากแล้ว

    กรอบรูปที่ใส่รูปถ่ายใบหนึ่งเอาไว้รูปถ่ายที่กลายเป็นสีเหลืองไปตามกาลเวลา รูปถ่ายใบนั้นคือเด็กผู้ชายสามคนกำลังกอดคอกันอยู่ คนนึงคือตัวเขาเองตอน14ขวบ และเด็กผู้ชายด้านซ้ายมือก็คือคิม ส่วนคนตรงกลาง...   ....โค้ช....

    โค้ช เพื่อรักอีกคนของพวกเขาและ แฟนของเนริ เพื่อนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเมื่อ3ปีก่อน ไม่มีวันไหนที่จะเจอเขาแล้วไม่เจอโค้ชเพราะพวกเขาจะชอบอยู่ตัวติดกันยิ่งกว่าแฝดสยาม อันที่จริงอัยการจะต้องมีทั้งหมด14คนด้วยซ้ำ หากแต่ว่าเหตุการณ์เมื่อ3ปีก่อนได้ทำให้เขาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ พรากโค้ชไปจากพวกเขา ถ้าตอนนั้นระเบิดลูกนั้นระเบิดช้ากว่านั้นซัก1นาที ในตอนนี้อัยการโซเนอร์ก็จะมี14คน

    คิม แกยังเก็บรูปใบนี้ไว้อยู่หรอเต๋าถามในขณะที่กำลังลูบไล้รูปถ่ายใบนั้นอย่างผูกพัน

    อืม จริงๆฉันก็ว่าจะทิ้งแล้วเพียงแต่ว่าฉันยังทำใจยอมรับมันไม่ได้ บางทีถ้าตอนนี้โค้ชยังอยู่ฉันอาจจะไม่ต้องมานั่งเครียดแบบนี้คิมตอบตามตรง เต๋าพยักหน้ารับ ไม่ใช่แค่คิมที่ยังทำใจยอมรับเรื่องนั้นไม่ได้แม้แต่เขาเอง เนริ หรืออัยการทุกคนก็ยังไม่อยากเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เลวร้ายเกินกว่าที่จะทำใจยอมรับได้จริงๆ

    อืม งั้นก็อย่าเครียดให้มากนักก็แล้วกัน ฉันเชื่อว่านายต้องทำได้แน่นอน ถึงจะไม่มีโค้ชแต่นายก็พาพวกเรามายืนที่จุดนี้ได้นี่นา แค่นี้ก็เก่งแล้ว อย่าไปเครียด เดี๋ยวแก่เร็วรินเซ่ไม่รักไม่รู้ด้วยนะเต๋าพูดปลอบในขณะที่มือเอื้มไปลูบหัวเพื่อนที่เคารพเบาๆ

    เออ ไม่เครียดแต่ถ้าแกยังไม่เอามือออกจากหัวฉันระวังจะวูบ เอาแบบว่าวูบทีเดียวแล้วไปโผล่ที่โรงพยาบาลเลยดีมั้ยคิมถาม เต๋ายิ้มเจื่อนๆก่อนจะรีบย้ายที่วางมือของตัวเองอย่างรวดเร็ว

    ไม่ดีกว่ามั้ง ฉันยังอยากมีชีวิตอยู่หาแฟนให้ตัวเองอีกนานๆ งั้นฉันไปดีกว่า บาย ไว้เจอกันตอนจะไปงานเต๋าบอกลาเพื่อนรักก่อนจะรีบย้ายตัวเองออกจากห้องโดยเร็ว

    คิมถอนหายใจน้อยๆก่อนจะเอนตัวพิงไปกับพนักเก้าอี้อีกครั้ง ถึงเต๋าจะพูดแบบนั้นแต่เขาก็ยังคิดว่าบางที ถ้าโค้ชอยู่ตรงนี้ก็คงจะช่วยให้เขาตัดสินใจอะไรๆได้ง่ายขึ้นเยอะ

    มือหนาเอื้อมมือไปหยิบสิ่งของบางอย่างในลิ้นชัก นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขาไม่ได้เห็นมันมานานแล้วเหมือนกัน เพราะของสิ่งนี้ถูกเก็บไว้เพื่อรอเจ้าของๆมันมานานแสนนาน นานจนบางครั้งเขาก็ลืมไปแล้วว่ามีมันอยู่ แหวนเงินเกลี้ยงเกลาแกะสลักคำว่า ZoNeR แหวนที่ทุกคนต้องมี แต่สำหรับของคนที่เป็นอัยการจะพิเศษหน่อยตรงที่ด้านในของแหวนจะมีชื่อตำแหน่งแกะสลักอยู่ และแหวนวงนี้ก็เช่นกัน ...BaRon…เมื่อมีตำแหน่งพระราชา ราชินี เจ้าหญิง เจ้าชายและแม่ทัพแล้วที่ขาดไม่ได้ก็คือขุนนาง การที่อาณาจักรหนึ่งจะขับเคลื่อนไปได้ย่อมต้องใช้องค์ประกอบเหล่านี้ทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าอาณาจักรนี้เป็นอาณาจักรที่ไม่สมประกอบ เพราะขุนนางที่เป็นพลังงานขับเคลื่อนหายไป

    แต่ถึงอย่างไรมันก็คงจะต้องขับเคลื่อนต่อไปตราบใดที่เขายังมีลมหายใจเพื่อตัวพวกเขาเองและเพื่อความฝันของเพื่อนที่ตัวเขาเองไม่มีวันได้สานฝันให้สำเร็จ แต่เขานี่แหละที่จะทำให้มันเป็นจริงเอง

     

    อีกฝั่งนึงของชั้น7 ห้องของเนริ

     

    หญิงสาวเจ้าของเรือนผมยาวสลวยกำลังจ้องมองรูปภาพ รูปภาพนี้เป็นรูปเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายถ่ายด้วยกันเด็กผู้ชายเจ้าของรอยยิ้มที่อ่อนโยนนั่น โค้ช  ผู้ชายคนแรกที่ได้ชื่อว่าแฟน ผู้ชายคนแรกที่เธอมอบหัวใจให้ ถึงแม้ว่าในสายตาของผู้ใหญ่มันจะเป็นแค่ความรักแบบเด็กๆแต่สำหรับเธอมันมีอะไรมากกว่านั้น มันเป็นความผูกพันที่ยากจะลืม  รูปภาพใบน้อยที่เธอมักจะเก็บไว้ในส่วนลึกกระเป๋าเสมอ รูปภาพใบแรกและใบเดียวที่เธอและเขาถ่ายด้วยกัน

    แอ๊ด เสียงเปิดประตูของผู้มาใหม่ดังขึ้น แต่มันก้ไม่ได้ฉุดให้หญิงสาวหลุดจากภวังค์ซักนิดจนกระทั่งเธอรู้สึกตัวจากแรงกอดที่มาจากด้านหลัง

    ยูกิหญิงสาวเรียกชื่อผู้มาใหม่ ความรู้สึกนี้เธอจำได้แม่น

    ยังคิดถึงพี่โค้ชอยู่หรอฮะเสียงหงอยๆดังมาจากข้างหู

    ขอโทษนะหญิงสาวตอบอย่างแผ่วเบาเมื่อรู้ตัวว่าได้ทำร้ายจิตใจของคนข้างหลังไป ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมา3ปีแล้วแต่เธอก็ยังลืมไม่ได้จริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าเธอจะไม่รู้สึกอะไรกับยูกิเลย

    ไม่เป็นไรฮะ ผมจะรอวันที่พี่ลืมพี่โค้ชได้ละกัน แต่ถึงตอนนั้นอย่าหนีผมไปไหนซะก่อนละกันเด็กหนุ่มพูดติดตลก

    งั้น ยูกิคิดยังไงกับศึกที่เราจะต้องเจอวันนี้หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องพลางผละออกจากอ้อมกอดของเด็กหนุ่มและเปลี่ยนอากัปกริยามาเป็นนั่งจ้องหน้าหนุ่มน้อย

    ผมน่ะเต็ม100%อยู่แล้ว ส่วนผลก็คงต้องดูกันไปยูกิว่า

    อืม แต่ตอนนี้เนริคิดถึงพวกเด็กๆจังเนริบอกตามตรงถึงแม้จะเป็นเวลาไม่นานที่ได้เจอกันแต่ความผูกพันที่มีต่อกันมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับกาลเวลา

    ผมก็คิดถึงพวกเด็กๆไม่แพ้กัน แต่เชื่อเถอะฮะวันนี้ผมจะเอาพวกเด็กๆกลับมาให้ได้เด็กหนุ่มให้สัญญา

    ขอบใจนะหญิงสาวกล่าวขอบคุณก่อนจะสวมกอดเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างแผ่วเบาเพื่อตักตวงความสุขที่ถ้าผ่านคืนนี้ไปก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอกับมันอีกมั้ย

     

    ทางด้านของพีรินภายในห้องสีขาวบริสุทธิ์แต่จิตใจของหญิงสาวกลับตรงข้ามกับมัน ความหม่นหมองและความกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจ รอยสักของคำสาปเริ่มออกฤทธิ์ นัยต์ตาที่เคยสดใสตอนนี้ค่อยๆหม่นลงแววตาสดใสค่อยๆหายไป

    ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนโดนเข็มนับพันเล่มทิ่งแทงลงกลางหัวใจ ลมหายใจติอดขัดมือเนียนเอื้มมือไปจับหัวเตียงไว้ ส่วนมืออีกข้างก็หยิบผ้าห่มขึ้นมากัดไว้เพื่อระบายความเจ็บปวด

    อื้ม อ๊ะ อื้อเสียงครางในลำคอบ่งบอกถึงความเจ็บปวด ทั้งๆที่ถ้าส่งเสียงออกมามันจะช่วยอะไรได้บ้างแท้ๆแต่ว่าหญิงสาวกลับเลือกที่จะกลั้นมันไว้ เพื่อซ่อนความอ่อนแอไว้ไม่ให้ใครเห็น ความรู้สึกค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความร้อน ร้อนเหมือนโดนเปลวไฟแผดเผาทั้งเป็น หยาดเหงื่อผุดขึ้นมาไม่ขาดสาย ความรู้สึกเปลี่ยนสลับกันไประหว่างความเจ็บปวดและความร้อน บริเวณรอยสักค่อยๆเพิ่งความร้อนขึ้นเรื่อยๆความปวดแสบปวดร้อนเหมือนกับโดนมีดกรีด

    มันร้อนขึ้นเรื่อยๆและความปวดแสบปวดร้อนเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงขีดสุดที่หญิงสาวจะทนได้

    กรีดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

    ปัง

    พีริน!!!!”เสียงชายหนุ่มดังขึ้น แต่ไม่ทันแล้วหญิงสาวบนเตียงได้หมดสติไปแล้ว

    ……………………………….

    พีรินเป็นยังไงบ้างครับเสียงคาริวถามอย่างร้อนรนเมื่อเจ้เฟชรเดินออกมาจากห้อง

    อาการไม่ดีเลย แล้วเราก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ด้วยหญิงสาวตอบ คาริวรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของหญิงสาวผู้เป็นที่รักทันที

    เอ่อ เกิดอะไรขึ้นหรอฮะเสียงชายหนุ่มผุ้มาใหม่อีกคนถาม

    คือ.. อาการของพีรินไม่ค่อยจะสู้ดีนักน่ะค่ะเฟชรตอบ วินหรือยศเต็มๆคือนายตำรวจเอก ภัทรขจร อินทรบดีนายตำรวจที่ฝีมือดีที่สุดในกรมตำรวจ แต่ว่าตอนนี้ได้ย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในองค์กรตามคำขอของพีรินรวมทั้งแฟนสาวของเขาด้วย และแน่นอนว่านั่นก็ทำให้หน่วยพยาบาลมีผู้ป่วยเพิ่มมาอีก1คนซึ่งเป็นเคสผู้ป่วยที่ยากจะรักษาทำได้เพียงพยุงอาการเอาไว้เท่านั้น

    เป็นอะไรไปฮะ เมื่อวานผมยังเห็นเขาดีดีอยู่เลยวินถามสาวรุ่นน้อง

    มันเป็นเรื่องของคำสาป ถึงแม้ว่าพวกเราจะเป็นเผ่าพันธ์ที่แข็งแกร่งและมีภูมิต้านทานคำสาปเยอะกว่ามนุษย์ทั่วไปแต่เราเลือกเวลาการออกฤทธิ์ของคำสาปไม่ได้หรอกค่ะหญิงสาวอธิบายก่อนจะเดินจากไป

    ...ชายหนุ่มได้แต่มองตามเข้าไปในห้องอย่างเป็นห่วงแต่เมื่อสายตาหันไปมองเห็นชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ข้างในก็รู้สึกหายห่วง บางทีปล่อยให้เขาดูแลเธออาจจะดีกว่า ชายหนุ่มคิดแบบนั้นก่อนจะเดินจากไป เพื่อเดินไปหาหญิงสาวผู้เป็นที่รักของเขาที่นอนสลบไสลอยู่อีกห้องหนึ่ง

    ด้านในของห้อง ชายหนุ่มร่างสูงกำลังจ้องมองใบหน้ายามหลับของหญิงสาวบนเตียง รอยสักสีดำสนิทโผล่พ้นคอเสื้อมาให้เห็น รอบสักปีกค้างคาวสัญลักษณ์ของซาตาน

    มือหาเอื้อมมือไปปัดผมที่ปรกหน้าของหญิงสาวเบาๆ เดี๋ยวค่ำนี้ก็จะต้องทำภารกิจกันอยู่แล้วเขาอดเป็นห่วงร่างบางไม่ได้เลยแม้แต่น้อย กลัวจะเสียร่างบางไป กลัวเขาเองจะปกป้องร่างบางไว้ไม่ได้

     

    NeRi : SAYS

    เวลา 18.30น.

    เร็วกว่านี้ เร็วเสียงคิมสั่งการพวกโอโซนดังแว่วมา ฉันเดินขึ้นบันไดมาที่ชั้นดาดฟ้าเมื่อเปิดบานประตูออกไปจะพบกับลานกว้างสำหรับฝึกซ้อมของพวกเด็กๆในองค์กร คิมกำลังยืนสั่งการพวกแฟนต้าอยู่ ฉันก้าวเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ

    คิมฉันเรียกพลางเอื้อมมือไปสะกิดไหล่ของคนตัวสูงเบาๆ

    มีอะไรคิมหันมาถาม สรุปฉันผิดใช่มั้ยเนี่ยที่มาเตือนให้มันไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะไปงาน

    นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว แกยังไม่อาบน้ำเลย อย่าลืมว่าเรายังต้องไปดูสถานที่จัดงานเอาไว้ด้วยนะฉันว่าพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้ คิมรับมันไปเช็ดหน้าก่อนจะหันไปสั่งพวกแฟนต้าที่วิ่งหลบเมฆสายฟ้าที่ส่งฟ้าผ่าจำลองลงมาโจมตีอย่างคล่องแคล่ว

    เลิกซ้อมได้!!”สิ้นเสียงก้อนเมฆสีดำก็สลายตัวหายไป พวกโฟนทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ฉันหยิบผ้าส่งไปให้ทุกคน

    จำไว้ ถ้าพวกมันเอาจริงก้อนเมฆเมื่อกี๊เทียบไม่ได้เลยซักนิด ถ้ากิ้นเมฆแค่นั้นยังหลบไม่ได้อย่าหวังที่จะชนะพวกมันได้เลยคิมว่าก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง

    เป็นไง เหนื่อยเลยสิแต่ละคน หมดสภาพซะฉันทักพลางส่งผ้าผืนสุดท้ายให้กับคริต

    พี่ไม่ลองมาฝึกเองล่ะฮะ เหนื่อยจะตายชักคริตตัวแสบออกอาการบ่น

    ใครว่าเนริไม่เคยฝึก ตอนเนริฝึกเราฝึกหนักกันกว่านี้อีก อย่างเช่น เสกลูกไฟโจมตีพวกเดียวกันเองฉันตอบพลางย่อตัวลงไปกระซิบประโยคสุดท้ายที่ข้างหูไอ้ตัวแสบขี้บ่น

    คริตทำตาโต ฉันหัวเราะคิก

    อืม.. พี่ต้องไปแต่งตัวบ้างแล้วล่ะ ส่วนพวกเราก็ไปเตรียมตัวกันได้แล้วล่ะนะ อย่าลืมเช็คอาวุธล่ะ เนริไปนะ บายฉันบอกลาก่อนจะเดินออกมาจากวงสนทนา ถึงแม้ใบหน้าจะยิ้มแย้มแต่นั่นก็เพื่อกลบเกลื่อนความกังวลในใจ

    สองเท้าก้าวเข้ามาในห้องก่อนจะค่อยๆปิดประตูอย่างบรรจง ชุดแซคสีขาวบริสุทธิ์วางพาดอยู่บนเตียง กับชุดเครื่องประดับที่เข้าชุดกัน ชุดกระโปรงยาวเกาะอกประดังลูกไม้ ฮิจจังคงเป็นคนเอาเข้ามาให้สินะ เพราะรายนั้นเขาเป็นดีไซเนอร์อยู่แล้วเรื่องชุดคงไม่ต้องห่วง

    ฉันหยิบชุดขึ้นมาทาบกับตัวเองที่หน้ากระจก อยากให้โค้ชได้เห็นชุดนี้จัง

    เฮ้อฉันถอนหายใจ ถึงจะอยากให้ตายยังไงมันก็คงไม่ไม่มีวันเป็นจริง ฉันวางชุดลงก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ

    20 นาทีต่อมา

    ฉันเดินลงมาข้างล่างในชุดแซคสีขาวที่ฮิจจังนำมาให้ ทุกคนมาพร้อมกันหมดแล้ว ยูกิเดินมารับฉันที่ชานบันไดพลางยื่นแขนมาให้ควง ฉันไม่ลังเลที่จะเกาะเกี่ยวแขนนั่นไว้

    สวยมากเลยล่ะเสียงอาคิพูด ฉันหันไปยิ้มให้ก่อนจะควงแขนอาคิอีกคน อาคิกับยูกิเป็นสูทเข้ารูปเสื้อกั๊กสีดำและเสื้อเชิ้ตสีขาวข้างใน

    จะไปกันรึยัง อย่าลืมว่าฉันจะต้องติดเครื่องดักฟังในวิทยุของพวกสต๊าฟอีกนะเวย์บ่น คราวนี้สาวห้าวของเรามาในชุดวันพีชคล้องคอสีดำมีฮู้ด และพีรินที่ที่มาในชุดแบบเดียวกันต่างกันแค่สีของพีรินเป็นสีขาวและมีผ้าคลุมไหล่เพื่อปกปิดรอยสักที่โผล่ออกมานอกริมผ้า เจ้เฟชรในชุดเปิดไหล่สีแดงสดปลายกระโปรงตัดเฉียงกำไลข้อมือหนังสีอดำมีโซ่เล็กๆเชื่อมกันไว้กับแหวนทั้ง5ที่สวมอยู่ทั้งมือทั้ง2ข้างกับคู่ควงกิติมาศักดิ์อย่างคิมที่มาในชุดสูทสีดำสนิท ฟาริในชุดวันพีชแขนกุดกระโปรงบอลลูนฟูฟ่องสีฟ้าอ่อนกับเข็มขัดหนังสีขาวสะอาดตาควงคู่มากับฮิคารุหนุ่มหน้าหวานในชุดสูทดีไซน์เก๋สีขาว ไฮยาโตะคู่ควงของเวย์ในคืนนี้มาในชุดสูทสีดำดีไซน์แปลกตา กับเสื้อสเวตเตอร์ข้างในสีน้ำตาลอ่อนฝาแฝดคาริวกับคีรุนเป็นเสื้อโค้ชยาวสีน้ำตาลข้างในเป็นเสื้อสเวตเตอร์ปิดคอสีขาวครีมกับสีขาวสะอาดตา แต่ฉันก็มาสะดุดตรงที่สมาชิก1เดียววันนี้ที่แต่งชุดเสื้อคลุมเต็มยศขององค์กรแทนที่จะเป็นเสื้อสูทหรืออะไรเทือกนั้น ...เต๋า..

    เอ้าๆ อย่าทำหน้าเป็นหมางงสิ วันนี้ฉันไปในฐานะคนคุมเกมส์ที่ต้องอยู่ในห้องใต้หลังคารึไม่ก็บนหลังคาไม่ได้เข้างานเพราะฉะนั้นจะแต่งหล่อไปให้ใครดูล่ะจริงมั้ยเต๋าอธิบายพลางเดินเข้ามาลูบหัวฉันเบาๆ

    ชิฉันมุ่ยหน้า  เจ้าตัวหัวเราะเบาๆ

    จะไปกันได้รึยัง ถ้ายังไม่ไปฉันจะได้ถอดไอ้ส้นสูงบ้านี่ออกก่อนเวย์บ่น พลางจะเอื้อมมือไปถอดรองเท้าออกจริงๆ

    ใจเย็นหน่อย เวย์ ส้นสูงนะไม่ใช่รองเท้าแตะจะได้ใส่สบายน่ะฉันแซว เจ้าตัวทำท่าแยกเขี้ยวก่อนจะบ่น

    ของแกยังดีสูงแค่2นิ้วครึ่ง ของฉันมันตั้ง4นิ้วครึ่งนะเว้ย เกือบ2เท่าของแกเลย ถ้าแกลองได้มาใส่จะพบว่านรกส้นสูงมีจริงเวย์ยังคงบ่นไม่เลิก

    55+ฉันหัวเราะ ก็ดูเจ้าตัวทำเข้าสิ ถอดรองเท้าส้นสูงมาถือไว้ ดูไม่จืดเลย

    ทนหน่อยไม่ได้รึไงเล่า ซนจริงๆเลยไฮยาโตะบ่นพลางดึงส้นสูงมาถือไว้ในมือซะเอง

    ในเมื่อมากันครบแล้วก็ไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันจะแยกไปขึ้นรถของพวกแฟนต้าส่วนพวกนายก็ขับรถไปกันเองก็แล้วกันนะ โชคดีเต๋าบอกลาก่อนจะเข้ามาสวมกอดพวกเราทีละคน

    บายฉันบอกลาพลางก้าวขึ้นรถเบนซ์สีบรอนด์ทองของยูกิ ซึ่งวันนี้มีพี่เรย์มาเป็นสารถีขับรถให้พวกเราเนื่องจากว่าคงจะไม่เป็นการดีแน่ถ้าหากเจอตำรวจเข้าระหว่างเดินทางโดยมียูกิหรืออาคิเป็นคนขับ 

    เพียงเวลาไม่ถึง10นาทีพวกเราก็มาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย รถจอดเทียบที่หน้าทางเข้าหอประชุมที่จัดงาน

    บริเวณงานตกแต่งด้วยลูกโป่งสีแดงและผ้าม่านสีชมพู เวลานี้ผู้คนก็ทยอยกันมา ฝูงชนดูบางตานั่นอาจจะเป็นเพราะเรามากันก่อนเวลางานนิดหน่อย เมื่อฉันก้าวเข้ามาในงานพร้อมกับยูกิและอาคิ สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เรา  และบางส่วนที่มัวแต่สนใจกับพวกคิมที่เดินเข้างานมาก่อน

    ไงพวกเคนเดินตรงเข้ามาหาพวกฉันทัก

    ดี ทำไมมากันเร็วจัง งานยังไม่เริ่มเลยนัททัก

    พอดีขี้เกียจอยู่บ้านน่ะเลยมาเร็วเวย์ตอบ นัทตาโตเมื่อเห็นเวย์ชัดๆ ไม่ใช่แค่นัทเท่านั้นแต่เคนกับเต้ก็เป็น

    ฉันมีอะไรแปลกไปหรอเวย์ถาม

    ปละ เปล่า แต่ไม่เคยเห็นเวย์แต่งแบบนี้นะเนี่ย น่ารักจังนัทตอบ

    อ้อ หรอ ขอบใจแต่นัทเองก็น่ารักนะเวย์ว่าพลางเอื้อมมือไปจับแก้มของนัทเบาๆทำเอาหนุ่มน้อยหน้าแดงไปเลย

    อืมเสียงตอบอ้อมแอ้มจากนัท

    ในเมื่อพวกเนริก็เจอเพื่อนแล้วงั้นผมก็ขอตัว ว่าจะไปเดินดูรอบๆหน่อยเสียงนุ่มจากด้านหลัง คาริวพูด

    อืมฉันพยักหน้าอนุญาติ  สองหนุ่มจึงเดินแยกออกไปจากวงสนทนา

    อืม คือแบบว่าส้นสูงมันทำพิษอ่ะ ขอตัวไปหาที่นั่งพักก่อนนะเวย์ว่าก่อนจะฉุดพีรินไปก่อนที่พวกนัทจะได้พูดอะไร

    วันนี้คนที่ฉันเป็นห่วงมากๆอีกคนก็พีรินนี่แหละ ตั้งแต่ได้รับคำสาปนั่นมาพีรินก็แทบจะไปปริปากพูดกับใครเลย ตอนนี้พวกเราแยกย้ายกันไปอยู่ทั่วงาน เต๋าตอนนี้ก็คงง่วนอยู่กับการศึกษาทางหนีทีไล่ของร.ร.และตรวจสอบประวัติผู้ต้องสงสัยอยู่ ส่วนพวกแฟนต้าคงจะยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวทำภารกิจอยู่แถวๆในร.ร.นี่สินะ 

    อาคิกับยูกิก็แยกตัวออกไปแล้ว พีรินกับเวย์ก็ไปแล้ว คาริวกับคีรุนก็ไปแล้ว ตอนนี้พวกเราคงกระจายกันอยู่ทั่วงานแล้ว

    ตอนนี้ก็ได้แต่รอ.... รอพวกนั้นปรากฏตัว

    เวลาผ่านไปไม่นานก็ถึงเวลาเปิดงานเสียที

    เอาล่ะครับ และแล้วก็ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอยกันนะครับ เปิดงานกันได้ซักที ดังนั้นขอเชิญเหล่าคณะกรรมการนักเรียนและคู่ออกมาเปิดฟลอร์เลยครับเสียงพิธีกรประจำงานกล่าว พวกคณะกรรมการนักเรียนค่อยๆก้าวออกมาทีละคู่ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีพวกเคนด้วย

    เสียงเพลงจากวงออเคสต้าเริ่มบรรเลง นักเต้นที่อยู่กลางฟลอร์ค่อยๆขยับเป็นจังหวะและเต้นไปรอบๆฟลอร์ คู่เต้นแต่ละคู่ดูสวยงามมาก จังหวะการก้าวขา จังหวะดนตรี ทุกๆอย่างลงตัว จนกระทั่งตัวโน้ตตัวสุดท้ายของเพลงจบลงทั้งหมดก็หันมาโค้งให้กับผู้ชมที่อยู่นอกฟลอร์  เหล่าชายหนุ่มก็หันไปโค้งคู่ตัวเองออกมาเต้นรำบ้าง  แต่ฉันเลือกที่จะเดินไปหาเครื่องดื่มที่โต๊ะ

    ไม่ไปเต้นหรอ รึว่าไม่มีใครชวนฉันชะงักเมื่อได้ยินเสียงคิมทัก มาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะเนี่ย

    ไม่ล่ะ ขอหาของกินดีกว่าฉันตอบ

    อ้าว เนริไม่ไปเต้นหรอเสียงเคนทัก เอาแล้วไงคำถามเดียวกันเลย ใจคอเวลาเจอหน้าฉันพวกนายนึกออกอยู่คำถามเดียวรึไง คิมหัวเราะคิกเมื่อได้ยินฉันคิด

    ไม่ล่ะ อยากหาของกินมากกว่าฉันตอบพลางจิบพั้นช์

    ไม่มีคนชวนล่ะสิไม่ว่าคิมพึมพำ ฉันหันไปถลึงตาใส่  เคนที่ได้ยินเสียงของคิมหัวเราะเบาๆ

    ไปเต้นด้วยกันมั้ยเคนชวน

    ขอบใจนะ แต่ไม่ดีกว่าฉันกำลังติดพันอยู่กับของกินและเครื่องดื่มฉันตอบพลางชูแก้วพั้นช์ที่อยู่ในมือให้ดู

    อืมเคนพูดก่อนจะหันหน้าไปดูที่ฟลอร์เต้นรำที่มีผู้คนมากมาย

    / ทุกคนเข้าที่แล้วใช่มั้ย / ฉันใช้โทรจิตถามคิม

    / อืม เท่าที่ได้รับรายงานมาทุกอย่างปกติดี แต่ฉันยังไม่ฟันธงว่าพวกมันจะไม่มาในงาน / คิมตอบในขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่กลางฟลอร์เต้นรำ

    / ถ้ามันไม่มาเราก็จะไม่ได้พวกเด็กๆคืน / ฉันคิด

    /ใช่ แต่ถ้ามันมาก็ไม่แน่ว่าเราจะช่วยทุกคนได้หมด / คิมตอบ นั่นสินะ ได้อย่างเสียอย่าง ถ้าพวกมันมาเราก็อาจจะได้พวกเด็กๆคืน แต่เราก็อาจจะสูญเสียใครบางคนในที่นี้ไป แต่ถ้าพวกมันไม่มา ทุกคนในที่นี้จะปลอดภัยแต่พวกเด็กๆจะตกอยู่ในอันตราย

     

    KIM : SAYS

    ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ามีสิ่งหนึ่งที่หลับใหลอยู่ในนี้ แหวนแกะสลักจากเงินเกลี้ยงเกลา แหวนZoNeR BaRoNแหวนของเพื่อนที่ผมอยากจะให้มาอยู่ด้วยตอนนี้มากที่สุดถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้แล้วก็ตาม แหวนที่ผมไม่มีโอกาสได้ให้เจ้าตัว แหวนที่เจ้าตัวไม่มีโอกาสได้สวมใส่มัน  ผมรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอมากเหลือเกินที่ช่วยอะไรใครไม่ได้เลยสักอย่าง ไม่แม้กระทั่งคนที่ตัวเองรัก เพื่อนคนนี้คือคนที่ไม่เคยกล่าวโทษหรือซ้ำเติมเวลาผมล้มลงมีแต่จุฉุดให้ลุกขึ้น ผมเข้าใจว่าสำหรับผู้ชายคำปลอบขวัญที่ผู้อื่นมอบให้มันรู้สึกน่าสมเพชและน่าอาย แต่ผมไม่อายที่จะฟังมัน อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้ว่าผมยังมีเพื่อนอยู่ เพื่อนที่คอยรับเวลาผมล้มและคอยฉุดผมให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

    ผมหยิบแหวนวงนั้นออกมาเทียบกับแหวนวงที่ผมใส่อยู่ZoNeR King ผมตัดสินใจกอดแหวนที่ใส่อยู่ออก แล้วสวมแหวนวงนั้นเข้าไปแทนที่ อย่างน้อยนี่ก็เป็นตัวแทนของนายก็แล้วกันนะโค้ช แหววนเงินส่องประกายวาววับราวกับยินดียิ่งที่ในที่สุดก็มีคนหยิบมันขึ้นมาใช้สักที

    จริงๆแล้วแหวนวงนี้ผมตั้งใจจะโยนมันทิ้งตั้งแต่ตัดสินใจว่าจะพาพวกเนริหนีออกจากบ้าน ตอนนั้นเนริสุขภาพจิตแย่มากเมื่อรู้ว่าโค้ชจากไปบวกกับพฤติกรรมของพวกแม่เลี้ยงที่จ้องจะทำร้ายอยู่ตลอดเวลาทำให้ผมเลือกที่จะพาเนริออกจากมา ถ้าไม่เป็นเพราะว่าเนริขอเอาไว้ผมคงจะเอาเรื่องคนพวกนั้นให้ถึงที่สุด พวกเราตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ มีเพียงพวกเราที่เป็นพี่น้อง เพื่อน เป็นครอบครัวเท่านั้น เราตัดสินใจลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้น ลืมชีวิตที่เคยมี ลืมสังคมที่เคยอยู่ ลืมคนรู้จักทุกคน ลืมแม้กระทั่งโค้ช... เพื่อนที่แสนดี

    ข้าวของของโค้ชส่วนใหญ่ถูกนำกลับเอาไปคืนที่บ้านของเขา จะมีก็แต่รูปถ่ายบางรูปที่พวกเราเลือกที่จะเก็บมันไว้ เหมือนกรอบรูปที่อยู่บนโต๊ะทำงานของผม ตอนแรกเราว่าจะใช้พลังผนึกความทรงจำเกี่ยวกับโค้ชไว้เพื่อที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่เมื่อนึกถึงวีรกรรมที่ผ่านมาที่เราทำด้วยกัน ความผูกพันธ์ มิตรภาพที่มีต่อกันมันทำให้พวกเราทำแบบนั้นไม่ลง ปากของเราพูดได้ว่าจะลืมโค้ชได้แต่ในใจใครคิดยังไงก็สุดที่จะหยั่ง ในใจของพวกเราร้องไห้เจียนตายเมื่อรู้ข่าวการจากไปของคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อน ต่อหน้าคนอื่นหน้ากากแห่งความเข้มแข็งถูกหยิบขึ้นมาสวมใส่ทั้งที่ในใจเจ็บปวดขนาดไหน สุดท้ายไม่ใช่แค่ไม่ลืมโค้ชแต่สิ่งของต่างๆ ที่เกี่ยวกับเพื่อนคนนี้ที่แต่ละคนมีก็ถูกเก็บไว้ในส่วนลึกของใจ

    แหวนวงนี้ผมสั่งทำขึ้นมาพร้อมกับวงอื่นๆอีก13วง แหวนวงนี้จัดทำขึ้นมาเป็นเซ็ท แหวนวงนี้ผมตั้งใจจะมอบให้โค้ชแต่สายเกินไป แหวนวงที่14ที่ไม่มีใครมาแทนที่เจ้าของของมันได้

    เสียงเพลงบนฟลอร์เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ผู้คนบนฟลอร์เริ่มบางตาลงส่วนใหญ่เพราะส่วนใหญ่จะมารวมอยู่ที่โต๊ะตักอาหาร ตั้งแต่เปิดงานมาจนถึงตอนนี้ เหตุการณ์ก็ยังเงียบสงบและดำเนินไปตามปกติ แต่ผมรู้สึกแปลกๆ มันสงบเกินไป

    / คิม /เสียงเรียกของเต๋าดังขึ้นในหัว

    / มีอะไร / ผมถามกลับไป

    /บรรยากาศข้างนอกดูไม่ดีเลย ฉันว่านายออกมาดูหน่อยดีกว่า / เสียงเต๋าดังขึ้นอีกครั้ง

    /ได้ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ / ผมตอบเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะลุกขึ้น

    เนริ อยู่ในนี้นะ เดี่ยวฉันมาผมสั่ง

    อื้มเนริรับคำในขณะที่ยังคงหาของกินใส่ปากอยู่เรื่อยๆ

    / มีอะไรรึเปล่า /เสียงเนริดังก้องอยู่ในหู

    / บรรยากาศข้างนอกมันเปลี่ยนไป ฉันจะออกไปดู / ผมตอบตามตรงก่อนจะเดินออกจากงาน

    เกิดอะไรขึ้นเจ้เฟชรที่เดินออกมาจากมุมเสาถาม

    ไม่ทราบเหมือนกันฮะ แต่เต๋าบอกว่าบรรยากาศข้างนอกมันแปลกๆก็เลยจะออกไปดูผมตอบ

    งั้นไปด้วยกันเลยเจ้ตอบ พวกเราเดินกันมาซักพักจนถึงจุดลับตาคน ก่อนจะร่ายเวทย์ วาร์ป

    แสงสีฟ้าสว่างวาบ พริบตาเดียวพวกเราก็มาโผล่ข้างบนหลังคาของห้องประชุม เต๋าที่กำลังนั่งสุมหัวอยู่กับเหล่าเอกสารและคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คอีก2-3เครื่องที่เจ้าตัวขนมา

    บรรยากาศข้างบนแปลกอย่างที่มันว่า ท้องฟ้าที่ควรจะกลายสีเป็นสีรัติกาลกลับกลายเป็นสีม่วงแดงสุดเส้นริมขอบฟ้า พระจันทร์ที่ควรจะเป็นสีขาวนวลก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง

    พระจันทร์แดงเจ้เฟชรอุทาน

    มีอะไรหรอฮะเจ้ผมถาม

    ตามตำนานของเหล่าผีดูดเลือด วันไหนที่พระจันทร์แดงปรากฏวันนั้นความพินาศจะมาเยือน เมื่อ100ปีก่อนก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ตอนนั้นเหล่าผีดูดเลือดและมนุษย์ล้มตายเป็นจำนวนมากไม่นึกว่ามันจะมาเกิดวันนี้เจ้เฟชรอธิบาย

    ดี งั้นแสดงว่าวันนี้พวกมันต้องปรากฏตัวแน่ ไม่ช้าก็เร็วผมพูด

    แล้วได้เรื่องอะไรบ้างมั้ยผมเปลี่ยนประเด็นมาที่ผู้ต้องสงสัยในคืนนี้แทน

    ไม่มีเลย พวกสต๊าฟทุกคนก็ยังอยู่ดีอยู่ ประวัติทุกคนในงานก็เช็คมาหมดแล้วไม่มีใครเป็นผู้ต้องสงสัยได้เลยเต๋าตอบ

    จะเป็นไปได้ยังไง ไม่มีผู้ต้องสงสัย ไม่มีเบาะแสอะไรเลย แล้วพวกมันเป็นใครกันแน่

     

     

                                                                                                                             RaiN BloOd สายฝนสีเลือด

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×