คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : -- แหวนZoNeR Baron -- -- งานเต้นรำ
-- แหวนZoNeR Baron -- -- งานเต้นรำ
ภายในห้องทำงานสีเทาหม่น ร่างสูงเจ้าของตำแหน่งหัวหน้าองค์กรโซเนอร์กำลังนั่งพักผ่อนสายตาอยู่แม้ว่านี่จะเป็นเวลาสายแล้วก็ตาม เพราะวันนี้เป้นวันเสาร์เขาจึงไม่จำเป็นต้องไปร.ร. ไว้รอไปตอนค่ำๆที่จะจัดงานเต้นรำเลยทีเดียว และเนื่องจากตลอด2-3วันที่ผ่านมาพวกเขาฝึกซ้อมกันอย่างหนัก วันนี้พวกเขาจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อเตรียมตัวรับศึกหนักคืนนี้
ก็อกๆ เสียงเคาะประตูปลุกชายหนุ่มให้ตื่นจากภวังค์
“เข้ามาสิ”เสียงทุ้มบอก บานประตูเปิดออกปรากฏให้เห็นบุคคลมาใหม่ชัดๆ ชายหนุ่มเพื่อนรักแสนอารมณ์ดีค่อยๆเดินเข้ามาในห้องอย่างสบายอารมณ์
“ไง ถึงกันหมดสภาพเลยหรอเนี่ย ฝีมือพวกแฟนต้ามันห่วยขนาดนั้นเชียว”เต๋าทักอย่างอารมณ์ดี
“เปล่าหรอกเรื่องฝีมือพวกมันฉันไม่ห่วง เพียงแต่คุมพวกนั้นซ้อมหลายๆรอบเท่านั้นเอง”คิมตอบ เต๋าที่กำลังเดินดูรอบๆห้องอยู่ถึงกับสะดุดเมื่อพบเห็นสิ่งของที่เขาไม่ได้เห็นมันมานานมากแล้ว
กรอบรูปที่ใส่รูปถ่ายใบหนึ่งเอาไว้รูปถ่ายที่กลายเป็นสีเหลืองไปตามกาลเวลา รูปถ่ายใบนั้นคือเด็กผู้ชายสามคนกำลังกอดคอกันอยู่ คนนึงคือตัวเขาเองตอน14ขวบ และเด็กผู้ชายด้านซ้ายมือก็คือคิม ส่วนคนตรงกลาง... ....โค้ช....
โค้ช เพื่อรักอีกคนของพวกเขาและ แฟนของเนริ เพื่อนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเมื่อ3ปีก่อน ไม่มีวันไหนที่จะเจอเขาแล้วไม่เจอโค้ชเพราะพวกเขาจะชอบอยู่ตัวติดกันยิ่งกว่าแฝดสยาม อันที่จริงอัยการจะต้องมีทั้งหมด14คนด้วยซ้ำ หากแต่ว่าเหตุการณ์เมื่อ3ปีก่อนได้ทำให้เขาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ พรากโค้ชไปจากพวกเขา ถ้าตอนนั้นระเบิดลูกนั้นระเบิดช้ากว่านั้นซัก1นาที ในตอนนี้อัยการโซเนอร์ก็จะมี14คน
“คิม แกยังเก็บรูปใบนี้ไว้อยู่หรอ”เต๋าถามในขณะที่กำลังลูบไล้รูปถ่ายใบนั้นอย่างผูกพัน
“อืม จริงๆฉันก็ว่าจะทิ้งแล้วเพียงแต่ว่าฉันยังทำใจยอมรับมันไม่ได้ บางทีถ้าตอนนี้โค้ชยังอยู่ฉันอาจจะไม่ต้องมานั่งเครียดแบบนี้”คิมตอบตามตรง เต๋าพยักหน้ารับ ไม่ใช่แค่คิมที่ยังทำใจยอมรับเรื่องนั้นไม่ได้แม้แต่เขาเอง เนริ หรืออัยการทุกคนก็ยังไม่อยากเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เลวร้ายเกินกว่าที่จะทำใจยอมรับได้จริงๆ
“อืม งั้นก็อย่าเครียดให้มากนักก็แล้วกัน ฉันเชื่อว่านายต้องทำได้แน่นอน ถึงจะไม่มีโค้ชแต่นายก็พาพวกเรามายืนที่จุดนี้ได้นี่นา แค่นี้ก็เก่งแล้ว อย่าไปเครียด เดี๋ยวแก่เร็วรินเซ่ไม่รักไม่รู้ด้วยนะ”เต๋าพูดปลอบในขณะที่มือเอื้มไปลูบหัวเพื่อนที่เคารพเบาๆ
“เออ ไม่เครียดแต่ถ้าแกยังไม่เอามือออกจากหัวฉันระวังจะวูบ เอาแบบว่าวูบทีเดียวแล้วไปโผล่ที่โรงพยาบาลเลยดีมั้ย”คิมถาม เต๋ายิ้มเจื่อนๆก่อนจะรีบย้ายที่วางมือของตัวเองอย่างรวดเร็ว
“ไม่ดีกว่ามั้ง ฉันยังอยากมีชีวิตอยู่หาแฟนให้ตัวเองอีกนานๆ งั้นฉันไปดีกว่า บาย ไว้เจอกันตอนจะไปงาน”เต๋าบอกลาเพื่อนรักก่อนจะรีบย้ายตัวเองออกจากห้องโดยเร็ว
คิมถอนหายใจน้อยๆก่อนจะเอนตัวพิงไปกับพนักเก้าอี้อีกครั้ง ถึงเต๋าจะพูดแบบนั้นแต่เขาก็ยังคิดว่าบางที ถ้าโค้ชอยู่ตรงนี้ก็คงจะช่วยให้เขาตัดสินใจอะไรๆได้ง่ายขึ้นเยอะ
มือหนาเอื้อมมือไปหยิบสิ่งของบางอย่างในลิ้นชัก นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขาไม่ได้เห็นมันมานานแล้วเหมือนกัน เพราะของสิ่งนี้ถูกเก็บไว้เพื่อรอเจ้าของๆมันมานานแสนนาน นานจนบางครั้งเขาก็ลืมไปแล้วว่ามีมันอยู่ แหวนเงินเกลี้ยงเกลาแกะสลักคำว่า ZoNeR แหวนที่ทุกคนต้องมี แต่สำหรับของคนที่เป็นอัยการจะพิเศษหน่อยตรงที่ด้านในของแหวนจะมีชื่อตำแหน่งแกะสลักอยู่ และแหวนวงนี้ก็เช่นกัน ...BaRon
เมื่อมีตำแหน่งพระราชา ราชินี เจ้าหญิง เจ้าชายและแม่ทัพแล้วที่ขาดไม่ได้ก็คือขุนนาง การที่อาณาจักรหนึ่งจะขับเคลื่อนไปได้ย่อมต้องใช้องค์ประกอบเหล่านี้ทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าอาณาจักรนี้เป็นอาณาจักรที่ไม่สมประกอบ เพราะขุนนางที่เป็นพลังงานขับเคลื่อนหายไป
แต่ถึงอย่างไรมันก็คงจะต้องขับเคลื่อนต่อไปตราบใดที่เขายังมีลมหายใจเพื่อตัวพวกเขาเองและเพื่อความฝันของเพื่อนที่ตัวเขาเองไม่มีวันได้สานฝันให้สำเร็จ แต่เขานี่แหละที่จะทำให้มันเป็นจริงเอง
อีกฝั่งนึงของชั้น7 ห้องของเนริ
หญิงสาวเจ้าของเรือนผมยาวสลวยกำลังจ้องมองรูปภาพ รูปภาพนี้เป็นรูปเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายถ่ายด้วยกันเด็กผู้ชายเจ้าของรอยยิ้มที่อ่อนโยนนั่น โค้ช ผู้ชายคนแรกที่ได้ชื่อว่าแฟน ผู้ชายคนแรกที่เธอมอบหัวใจให้ ถึงแม้ว่าในสายตาของผู้ใหญ่มันจะเป็นแค่ความรักแบบเด็กๆแต่สำหรับเธอมันมีอะไรมากกว่านั้น มันเป็นความผูกพันที่ยากจะลืม รูปภาพใบน้อยที่เธอมักจะเก็บไว้ในส่วนลึกกระเป๋าเสมอ รูปภาพใบแรกและใบเดียวที่เธอและเขาถ่ายด้วยกัน
แอ๊ด เสียงเปิดประตูของผู้มาใหม่ดังขึ้น แต่มันก้ไม่ได้ฉุดให้หญิงสาวหลุดจากภวังค์ซักนิดจนกระทั่งเธอรู้สึกตัวจากแรงกอดที่มาจากด้านหลัง
“ยูกิ”หญิงสาวเรียกชื่อผู้มาใหม่ ความรู้สึกนี้เธอจำได้แม่น
“ยังคิดถึงพี่โค้ชอยู่หรอฮะ”เสียงหงอยๆดังมาจากข้างหู
“ขอโทษนะ”หญิงสาวตอบอย่างแผ่วเบาเมื่อรู้ตัวว่าได้ทำร้ายจิตใจของคนข้างหลังไป ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมา3ปีแล้วแต่เธอก็ยังลืมไม่ได้จริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าเธอจะไม่รู้สึกอะไรกับยูกิเลย
“ไม่เป็นไรฮะ ผมจะรอวันที่พี่ลืมพี่โค้ชได้ละกัน แต่ถึงตอนนั้นอย่าหนีผมไปไหนซะก่อนละกัน”เด็กหนุ่มพูดติดตลก
“งั้น ยูกิคิดยังไงกับศึกที่เราจะต้องเจอวันนี้”หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องพลางผละออกจากอ้อมกอดของเด็กหนุ่มและเปลี่ยนอากัปกริยามาเป็นนั่งจ้องหน้าหนุ่มน้อย
“ผมน่ะเต็ม100%อยู่แล้ว ส่วนผลก็คงต้องดูกันไป”ยูกิว่า
“อืม แต่ตอนนี้เนริคิดถึงพวกเด็กๆจัง”เนริบอกตามตรงถึงแม้จะเป็นเวลาไม่นานที่ได้เจอกันแต่ความผูกพันที่มีต่อกันมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับกาลเวลา
“ผมก็คิดถึงพวกเด็กๆไม่แพ้กัน แต่เชื่อเถอะฮะวันนี้ผมจะเอาพวกเด็กๆกลับมาให้ได้”เด็กหนุ่มให้สัญญา
“ขอบใจนะ”หญิงสาวกล่าวขอบคุณก่อนจะสวมกอดเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างแผ่วเบาเพื่อตักตวงความสุขที่ถ้าผ่านคืนนี้ไปก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอกับมันอีกมั้ย
ทางด้านของพีรินภายในห้องสีขาวบริสุทธิ์แต่จิตใจของหญิงสาวกลับตรงข้ามกับมัน ความหม่นหมองและความกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจ รอยสักของคำสาปเริ่มออกฤทธิ์ นัยต์ตาที่เคยสดใสตอนนี้ค่อยๆหม่นลงแววตาสดใสค่อยๆหายไป
ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนโดนเข็มนับพันเล่มทิ่งแทงลงกลางหัวใจ ลมหายใจติอดขัดมือเนียนเอื้มมือไปจับหัวเตียงไว้ ส่วนมืออีกข้างก็หยิบผ้าห่มขึ้นมากัดไว้เพื่อระบายความเจ็บปวด
“อื้ม อ๊ะ อื้อ”เสียงครางในลำคอบ่งบอกถึงความเจ็บปวด ทั้งๆที่ถ้าส่งเสียงออกมามันจะช่วยอะไรได้บ้างแท้ๆแต่ว่าหญิงสาวกลับเลือกที่จะกลั้นมันไว้ เพื่อซ่อนความอ่อนแอไว้ไม่ให้ใครเห็น ความรู้สึกค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความร้อน ร้อนเหมือนโดนเปลวไฟแผดเผาทั้งเป็น หยาดเหงื่อผุดขึ้นมาไม่ขาดสาย ความรู้สึกเปลี่ยนสลับกันไประหว่างความเจ็บปวดและความร้อน บริเวณรอยสักค่อยๆเพิ่งความร้อนขึ้นเรื่อยๆความปวดแสบปวดร้อนเหมือนกับโดนมีดกรีด
มันร้อนขึ้นเรื่อยๆและความปวดแสบปวดร้อนเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงขีดสุดที่หญิงสาวจะทนได้
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
ปัง
“พีริน!!!!”เสียงชายหนุ่มดังขึ้น แต่ไม่ทันแล้วหญิงสาวบนเตียงได้หมดสติไปแล้ว
.
“พีรินเป็นยังไงบ้างครับ”เสียงคาริวถามอย่างร้อนรนเมื่อเจ้เฟชรเดินออกมาจากห้อง
“อาการไม่ดีเลย แล้วเราก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ด้วย”หญิงสาวตอบ คาริวรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของหญิงสาวผู้เป็นที่รักทันที
“เอ่อ เกิดอะไรขึ้นหรอฮะ”เสียงชายหนุ่มผุ้มาใหม่อีกคนถาม
“คือ.. อาการของพีรินไม่ค่อยจะสู้ดีนักน่ะค่ะ”เฟชรตอบ วินหรือยศเต็มๆคือนายตำรวจเอก ภัทรขจร อินทรบดีนายตำรวจที่ฝีมือดีที่สุดในกรมตำรวจ แต่ว่าตอนนี้ได้ย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในองค์กรตามคำขอของพีรินรวมทั้งแฟนสาวของเขาด้วย และแน่นอนว่านั่นก็ทำให้หน่วยพยาบาลมีผู้ป่วยเพิ่มมาอีก1คนซึ่งเป็นเคสผู้ป่วยที่ยากจะรักษาทำได้เพียงพยุงอาการเอาไว้เท่านั้น
“เป็นอะไรไปฮะ เมื่อวานผมยังเห็นเขาดีดีอยู่เลย”วินถามสาวรุ่นน้อง
“มันเป็นเรื่องของคำสาป ถึงแม้ว่าพวกเราจะเป็นเผ่าพันธ์ที่แข็งแกร่งและมีภูมิต้านทานคำสาปเยอะกว่ามนุษย์ทั่วไปแต่เราเลือกเวลาการออกฤทธิ์ของคำสาปไม่ได้หรอกค่ะ”หญิงสาวอธิบายก่อนจะเดินจากไป
“...”ชายหนุ่มได้แต่มองตามเข้าไปในห้องอย่างเป็นห่วงแต่เมื่อสายตาหันไปมองเห็นชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ข้างในก็รู้สึกหายห่วง บางทีปล่อยให้เขาดูแลเธออาจจะดีกว่า ชายหนุ่มคิดแบบนั้นก่อนจะเดินจากไป เพื่อเดินไปหาหญิงสาวผู้เป็นที่รักของเขาที่นอนสลบไสลอยู่อีกห้องหนึ่ง
ด้านในของห้อง ชายหนุ่มร่างสูงกำลังจ้องมองใบหน้ายามหลับของหญิงสาวบนเตียง รอยสักสีดำสนิทโผล่พ้นคอเสื้อมาให้เห็น รอบสักปีกค้างคาวสัญลักษณ์ของซาตาน
มือหาเอื้อมมือไปปัดผมที่ปรกหน้าของหญิงสาวเบาๆ เดี๋ยวค่ำนี้ก็จะต้องทำภารกิจกันอยู่แล้วเขาอดเป็นห่วงร่างบางไม่ได้เลยแม้แต่น้อย กลัวจะเสียร่างบางไป กลัวเขาเองจะปกป้องร่างบางไว้ไม่ได้
NeRi : SAYS
เวลา 18.30น.
“เร็วกว่านี้ เร็ว”เสียงคิมสั่งการพวกโอโซนดังแว่วมา ฉันเดินขึ้นบันไดมาที่ชั้นดาดฟ้าเมื่อเปิดบานประตูออกไปจะพบกับลานกว้างสำหรับฝึกซ้อมของพวกเด็กๆในองค์กร คิมกำลังยืนสั่งการพวกแฟนต้าอยู่ ฉันก้าวเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ
“คิม”ฉันเรียกพลางเอื้อมมือไปสะกิดไหล่ของคนตัวสูงเบาๆ
“มีอะไร”คิมหันมาถาม สรุปฉันผิดใช่มั้ยเนี่ยที่มาเตือนให้มันไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะไปงาน
“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว แกยังไม่อาบน้ำเลย อย่าลืมว่าเรายังต้องไปดูสถานที่จัดงานเอาไว้ด้วยนะ”ฉันว่าพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้ คิมรับมันไปเช็ดหน้าก่อนจะหันไปสั่งพวกแฟนต้าที่วิ่งหลบเมฆสายฟ้าที่ส่งฟ้าผ่าจำลองลงมาโจมตีอย่างคล่องแคล่ว
“เลิกซ้อมได้!!”สิ้นเสียงก้อนเมฆสีดำก็สลายตัวหายไป พวกโฟนทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ฉันหยิบผ้าส่งไปให้ทุกคน
“จำไว้ ถ้าพวกมันเอาจริงก้อนเมฆเมื่อกี๊เทียบไม่ได้เลยซักนิด ถ้ากิ้นเมฆแค่นั้นยังหลบไม่ได้อย่าหวังที่จะชนะพวกมันได้เลย”คิมว่าก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง
“เป็นไง เหนื่อยเลยสิแต่ละคน หมดสภาพซะ”ฉันทักพลางส่งผ้าผืนสุดท้ายให้กับคริต
“พี่ไม่ลองมาฝึกเองล่ะฮะ เหนื่อยจะตายชัก”คริตตัวแสบออกอาการบ่น
“ใครว่าเนริไม่เคยฝึก ตอนเนริฝึกเราฝึกหนักกันกว่านี้อีก อย่างเช่น เสกลูกไฟโจมตีพวกเดียวกันเอง”ฉันตอบพลางย่อตัวลงไปกระซิบประโยคสุดท้ายที่ข้างหูไอ้ตัวแสบขี้บ่น
คริตทำตาโต ฉันหัวเราะคิก
“อืม.. พี่ต้องไปแต่งตัวบ้างแล้วล่ะ ส่วนพวกเราก็ไปเตรียมตัวกันได้แล้วล่ะนะ อย่าลืมเช็คอาวุธล่ะ เนริไปนะ บาย”ฉันบอกลาก่อนจะเดินออกมาจากวงสนทนา ถึงแม้ใบหน้าจะยิ้มแย้มแต่นั่นก็เพื่อกลบเกลื่อนความกังวลในใจ
สองเท้าก้าวเข้ามาในห้องก่อนจะค่อยๆปิดประตูอย่างบรรจง ชุดแซคสีขาวบริสุทธิ์วางพาดอยู่บนเตียง กับชุดเครื่องประดับที่เข้าชุดกัน ชุดกระโปรงยาวเกาะอกประดังลูกไม้ ฮิจจังคงเป็นคนเอาเข้ามาให้สินะ เพราะรายนั้นเขาเป็นดีไซเนอร์อยู่แล้วเรื่องชุดคงไม่ต้องห่วง
ฉันหยิบชุดขึ้นมาทาบกับตัวเองที่หน้ากระจก อยากให้โค้ชได้เห็นชุดนี้จัง
“เฮ้อ”ฉันถอนหายใจ ถึงจะอยากให้ตายยังไงมันก็คงไม่ไม่มีวันเป็นจริง ฉันวางชุดลงก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ
20 นาทีต่อมา
ฉันเดินลงมาข้างล่างในชุดแซคสีขาวที่ฮิจจังนำมาให้ ทุกคนมาพร้อมกันหมดแล้ว ยูกิเดินมารับฉันที่ชานบันไดพลางยื่นแขนมาให้ควง ฉันไม่ลังเลที่จะเกาะเกี่ยวแขนนั่นไว้
“สวยมากเลยล่ะ”เสียงอาคิพูด ฉันหันไปยิ้มให้ก่อนจะควงแขนอาคิอีกคน อาคิกับยูกิเป็นสูทเข้ารูปเสื้อกั๊กสีดำและเสื้อเชิ้ตสีขาวข้างใน
“จะไปกันรึยัง อย่าลืมว่าฉันจะต้องติดเครื่องดักฟังในวิทยุของพวกสต๊าฟอีกนะ”เวย์บ่น คราวนี้สาวห้าวของเรามาในชุดวันพีชคล้องคอสีดำมีฮู้ด และพีรินที่ที่มาในชุดแบบเดียวกันต่างกันแค่สีของพีรินเป็นสีขาวและมีผ้าคลุมไหล่เพื่อปกปิดรอยสักที่โผล่ออกมานอกริมผ้า เจ้เฟชรในชุดเปิดไหล่สีแดงสดปลายกระโปรงตัดเฉียงกำไลข้อมือหนังสีอดำมีโซ่เล็กๆเชื่อมกันไว้กับแหวนทั้ง5ที่สวมอยู่ทั้งมือทั้ง2ข้างกับคู่ควงกิติมาศักดิ์อย่างคิมที่มาในชุดสูทสีดำสนิท ฟาริในชุดวันพีชแขนกุดกระโปรงบอลลูนฟูฟ่องสีฟ้าอ่อนกับเข็มขัดหนังสีขาวสะอาดตาควงคู่มากับฮิคารุหนุ่มหน้าหวานในชุดสูทดีไซน์เก๋สีขาว ไฮยาโตะคู่ควงของเวย์ในคืนนี้มาในชุดสูทสีดำดีไซน์แปลกตา กับเสื้อสเวตเตอร์ข้างในสีน้ำตาลอ่อนฝาแฝดคาริวกับคีรุนเป็นเสื้อโค้ชยาวสีน้ำตาลข้างในเป็นเสื้อสเวตเตอร์ปิดคอสีขาวครีมกับสีขาวสะอาดตา แต่ฉันก็มาสะดุดตรงที่สมาชิก1เดียววันนี้ที่แต่งชุดเสื้อคลุมเต็มยศขององค์กรแทนที่จะเป็นเสื้อสูทหรืออะไรเทือกนั้น ...เต๋า..
“เอ้าๆ อย่าทำหน้าเป็นหมางงสิ วันนี้ฉันไปในฐานะคนคุมเกมส์ที่ต้องอยู่ในห้องใต้หลังคารึไม่ก็บนหลังคาไม่ได้เข้างานเพราะฉะนั้นจะแต่งหล่อไปให้ใครดูล่ะจริงมั้ย”เต๋าอธิบายพลางเดินเข้ามาลูบหัวฉันเบาๆ
“ชิ”ฉันมุ่ยหน้า เจ้าตัวหัวเราะเบาๆ
“จะไปกันได้รึยัง ถ้ายังไม่ไปฉันจะได้ถอดไอ้ส้นสูงบ้านี่ออกก่อน”เวย์บ่น พลางจะเอื้อมมือไปถอดรองเท้าออกจริงๆ
“ใจเย็นหน่อย เวย์ ส้นสูงนะไม่ใช่รองเท้าแตะจะได้ใส่สบายน่ะ”ฉันแซว เจ้าตัวทำท่าแยกเขี้ยวก่อนจะบ่น
“ของแกยังดีสูงแค่2นิ้วครึ่ง ของฉันมันตั้ง4นิ้วครึ่งนะเว้ย เกือบ2เท่าของแกเลย ถ้าแกลองได้มาใส่จะพบว่านรกส้นสูงมีจริง”เวย์ยังคงบ่นไม่เลิก
“55+”ฉันหัวเราะ ก็ดูเจ้าตัวทำเข้าสิ ถอดรองเท้าส้นสูงมาถือไว้ ดูไม่จืดเลย
“ทนหน่อยไม่ได้รึไงเล่า ซนจริงๆเลย”ไฮยาโตะบ่นพลางดึงส้นสูงมาถือไว้ในมือซะเอง
“ในเมื่อมากันครบแล้วก็ไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันจะแยกไปขึ้นรถของพวกแฟนต้าส่วนพวกนายก็ขับรถไปกันเองก็แล้วกันนะ โชคดี”เต๋าบอกลาก่อนจะเข้ามาสวมกอดพวกเราทีละคน
“บาย”ฉันบอกลาพลางก้าวขึ้นรถเบนซ์สีบรอนด์ทองของยูกิ ซึ่งวันนี้มีพี่เรย์มาเป็นสารถีขับรถให้พวกเราเนื่องจากว่าคงจะไม่เป็นการดีแน่ถ้าหากเจอตำรวจเข้าระหว่างเดินทางโดยมียูกิหรืออาคิเป็นคนขับ
เพียงเวลาไม่ถึง10นาทีพวกเราก็มาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย รถจอดเทียบที่หน้าทางเข้าหอประชุมที่จัดงาน
บริเวณงานตกแต่งด้วยลูกโป่งสีแดงและผ้าม่านสีชมพู เวลานี้ผู้คนก็ทยอยกันมา ฝูงชนดูบางตานั่นอาจจะเป็นเพราะเรามากันก่อนเวลางานนิดหน่อย เมื่อฉันก้าวเข้ามาในงานพร้อมกับยูกิและอาคิ สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เรา และบางส่วนที่มัวแต่สนใจกับพวกคิมที่เดินเข้างานมาก่อน
“ไง”พวกเคนเดินตรงเข้ามาหาพวกฉันทัก
“ดี ทำไมมากันเร็วจัง งานยังไม่เริ่มเลย”นัททัก
“พอดีขี้เกียจอยู่บ้านน่ะเลยมาเร็ว”เวย์ตอบ นัทตาโตเมื่อเห็นเวย์ชัดๆ ไม่ใช่แค่นัทเท่านั้นแต่เคนกับเต้ก็เป็น
“ฉันมีอะไรแปลกไปหรอ”เวย์ถาม
“ปละ เปล่า แต่ไม่เคยเห็นเวย์แต่งแบบนี้นะเนี่ย น่ารักจัง”นัทตอบ
“อ้อ หรอ ขอบใจแต่นัทเองก็น่ารักนะ”เวย์ว่าพลางเอื้อมมือไปจับแก้มของนัทเบาๆทำเอาหนุ่มน้อยหน้าแดงไปเลย
“อืม”เสียงตอบอ้อมแอ้มจากนัท
“ในเมื่อพวกเนริก็เจอเพื่อนแล้วงั้นผมก็ขอตัว ว่าจะไปเดินดูรอบๆหน่อย”เสียงนุ่มจากด้านหลัง คาริวพูด
“อืม”ฉันพยักหน้าอนุญาติ สองหนุ่มจึงเดินแยกออกไปจากวงสนทนา
“อืม คือแบบว่าส้นสูงมันทำพิษอ่ะ ขอตัวไปหาที่นั่งพักก่อนนะ”เวย์ว่าก่อนจะฉุดพีรินไปก่อนที่พวกนัทจะได้พูดอะไร
วันนี้คนที่ฉันเป็นห่วงมากๆอีกคนก็พีรินนี่แหละ ตั้งแต่ได้รับคำสาปนั่นมาพีรินก็แทบจะไปปริปากพูดกับใครเลย ตอนนี้พวกเราแยกย้ายกันไปอยู่ทั่วงาน เต๋าตอนนี้ก็คงง่วนอยู่กับการศึกษาทางหนีทีไล่ของร.ร.และตรวจสอบประวัติผู้ต้องสงสัยอยู่ ส่วนพวกแฟนต้าคงจะยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวทำภารกิจอยู่แถวๆในร.ร.นี่สินะ
อาคิกับยูกิก็แยกตัวออกไปแล้ว พีรินกับเวย์ก็ไปแล้ว คาริวกับคีรุนก็ไปแล้ว ตอนนี้พวกเราคงกระจายกันอยู่ทั่วงานแล้ว
ตอนนี้ก็ได้แต่รอ.... รอพวกนั้นปรากฏตัว
เวลาผ่านไปไม่นานก็ถึงเวลาเปิดงานเสียที
“เอาล่ะครับ และแล้วก็ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอยกันนะครับ เปิดงานกันได้ซักที ดังนั้นขอเชิญเหล่าคณะกรรมการนักเรียนและคู่ออกมาเปิดฟลอร์เลยครับ”เสียงพิธีกรประจำงานกล่าว พวกคณะกรรมการนักเรียนค่อยๆก้าวออกมาทีละคู่ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีพวกเคนด้วย
เสียงเพลงจากวงออเคสต้าเริ่มบรรเลง นักเต้นที่อยู่กลางฟลอร์ค่อยๆขยับเป็นจังหวะและเต้นไปรอบๆฟลอร์ คู่เต้นแต่ละคู่ดูสวยงามมาก จังหวะการก้าวขา จังหวะดนตรี ทุกๆอย่างลงตัว จนกระทั่งตัวโน้ตตัวสุดท้ายของเพลงจบลงทั้งหมดก็หันมาโค้งให้กับผู้ชมที่อยู่นอกฟลอร์ เหล่าชายหนุ่มก็หันไปโค้งคู่ตัวเองออกมาเต้นรำบ้าง แต่ฉันเลือกที่จะเดินไปหาเครื่องดื่มที่โต๊ะ
“ไม่ไปเต้นหรอ รึว่าไม่มีใครชวน”ฉันชะงักเมื่อได้ยินเสียงคิมทัก มาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะเนี่ย
“ไม่ล่ะ ขอหาของกินดีกว่า”ฉันตอบ
“อ้าว เนริไม่ไปเต้นหรอ”เสียงเคนทัก เอาแล้วไงคำถามเดียวกันเลย ใจคอเวลาเจอหน้าฉันพวกนายนึกออกอยู่คำถามเดียวรึไง คิมหัวเราะคิกเมื่อได้ยินฉันคิด
“ไม่ล่ะ อยากหาของกินมากกว่า”ฉันตอบพลางจิบพั้นช์
“ไม่มีคนชวนล่ะสิไม่ว่า”คิมพึมพำ ฉันหันไปถลึงตาใส่ เคนที่ได้ยินเสียงของคิมหัวเราะเบาๆ
“ไปเต้นด้วยกันมั้ย”เคนชวน
“ขอบใจนะ แต่ไม่ดีกว่าฉันกำลังติดพันอยู่กับของกินและเครื่องดื่ม”ฉันตอบพลางชูแก้วพั้นช์ที่อยู่ในมือให้ดู
“อืม”เคนพูดก่อนจะหันหน้าไปดูที่ฟลอร์เต้นรำที่มีผู้คนมากมาย
/ ทุกคนเข้าที่แล้วใช่มั้ย / ฉันใช้โทรจิตถามคิม
/ อืม เท่าที่ได้รับรายงานมาทุกอย่างปกติดี แต่ฉันยังไม่ฟันธงว่าพวกมันจะไม่มาในงาน / คิมตอบในขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่กลางฟลอร์เต้นรำ
/ ถ้ามันไม่มาเราก็จะไม่ได้พวกเด็กๆคืน / ฉันคิด
/ใช่ แต่ถ้ามันมาก็ไม่แน่ว่าเราจะช่วยทุกคนได้หมด / คิมตอบ นั่นสินะ ได้อย่างเสียอย่าง ถ้าพวกมันมาเราก็อาจจะได้พวกเด็กๆคืน แต่เราก็อาจจะสูญเสียใครบางคนในที่นี้ไป แต่ถ้าพวกมันไม่มา ทุกคนในที่นี้จะปลอดภัยแต่พวกเด็กๆจะตกอยู่ในอันตราย
KIM : SAYS
ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ามีสิ่งหนึ่งที่หลับใหลอยู่ในนี้ แหวนแกะสลักจากเงินเกลี้ยงเกลา แหวนZoNeR BaRoNแหวนของเพื่อนที่ผมอยากจะให้มาอยู่ด้วยตอนนี้มากที่สุดถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้แล้วก็ตาม แหวนที่ผมไม่มีโอกาสได้ให้เจ้าตัว แหวนที่เจ้าตัวไม่มีโอกาสได้สวมใส่มัน ผมรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอมากเหลือเกินที่ช่วยอะไรใครไม่ได้เลยสักอย่าง ไม่แม้กระทั่งคนที่ตัวเองรัก เพื่อนคนนี้คือคนที่ไม่เคยกล่าวโทษหรือซ้ำเติมเวลาผมล้มลงมีแต่จุฉุดให้ลุกขึ้น ผมเข้าใจว่าสำหรับผู้ชายคำปลอบขวัญที่ผู้อื่นมอบให้มันรู้สึกน่าสมเพชและน่าอาย แต่ผมไม่อายที่จะฟังมัน อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้ว่าผมยังมีเพื่อนอยู่ เพื่อนที่คอยรับเวลาผมล้มและคอยฉุดผมให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
ผมหยิบแหวนวงนั้นออกมาเทียบกับแหวนวงที่ผมใส่อยู่ZoNeR King ผมตัดสินใจกอดแหวนที่ใส่อยู่ออก แล้วสวมแหวนวงนั้นเข้าไปแทนที่ อย่างน้อยนี่ก็เป็นตัวแทนของนายก็แล้วกันนะโค้ช แหววนเงินส่องประกายวาววับราวกับยินดียิ่งที่ในที่สุดก็มีคนหยิบมันขึ้นมาใช้สักที
จริงๆแล้วแหวนวงนี้ผมตั้งใจจะโยนมันทิ้งตั้งแต่ตัดสินใจว่าจะพาพวกเนริหนีออกจากบ้าน ตอนนั้นเนริสุขภาพจิตแย่มากเมื่อรู้ว่าโค้ชจากไปบวกกับพฤติกรรมของพวกแม่เลี้ยงที่จ้องจะทำร้ายอยู่ตลอดเวลาทำให้ผมเลือกที่จะพาเนริออกจากมา ถ้าไม่เป็นเพราะว่าเนริขอเอาไว้ผมคงจะเอาเรื่องคนพวกนั้นให้ถึงที่สุด พวกเราตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ มีเพียงพวกเราที่เป็นพี่น้อง เพื่อน เป็นครอบครัวเท่านั้น เราตัดสินใจลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้น ลืมชีวิตที่เคยมี ลืมสังคมที่เคยอยู่ ลืมคนรู้จักทุกคน ลืมแม้กระทั่งโค้ช... เพื่อนที่แสนดี
ข้าวของของโค้ชส่วนใหญ่ถูกนำกลับเอาไปคืนที่บ้านของเขา จะมีก็แต่รูปถ่ายบางรูปที่พวกเราเลือกที่จะเก็บมันไว้ เหมือนกรอบรูปที่อยู่บนโต๊ะทำงานของผม ตอนแรกเราว่าจะใช้พลังผนึกความทรงจำเกี่ยวกับโค้ชไว้เพื่อที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่เมื่อนึกถึงวีรกรรมที่ผ่านมาที่เราทำด้วยกัน ความผูกพันธ์ มิตรภาพที่มีต่อกันมันทำให้พวกเราทำแบบนั้นไม่ลง ปากของเราพูดได้ว่าจะลืมโค้ชได้แต่ในใจใครคิดยังไงก็สุดที่จะหยั่ง ในใจของพวกเราร้องไห้เจียนตายเมื่อรู้ข่าวการจากไปของคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อน ต่อหน้าคนอื่นหน้ากากแห่งความเข้มแข็งถูกหยิบขึ้นมาสวมใส่ทั้งที่ในใจเจ็บปวดขนาดไหน สุดท้ายไม่ใช่แค่ไม่ลืมโค้ชแต่สิ่งของต่างๆ ที่เกี่ยวกับเพื่อนคนนี้ที่แต่ละคนมีก็ถูกเก็บไว้ในส่วนลึกของใจ
แหวนวงนี้ผมสั่งทำขึ้นมาพร้อมกับวงอื่นๆอีก13วง แหวนวงนี้จัดทำขึ้นมาเป็นเซ็ท แหวนวงนี้ผมตั้งใจจะมอบให้โค้ชแต่สายเกินไป แหวนวงที่14ที่ไม่มีใครมาแทนที่เจ้าของของมันได้
เสียงเพลงบนฟลอร์เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ผู้คนบนฟลอร์เริ่มบางตาลงส่วนใหญ่เพราะส่วนใหญ่จะมารวมอยู่ที่โต๊ะตักอาหาร ตั้งแต่เปิดงานมาจนถึงตอนนี้ เหตุการณ์ก็ยังเงียบสงบและดำเนินไปตามปกติ แต่ผมรู้สึกแปลกๆ มันสงบเกินไป
/ คิม /เสียงเรียกของเต๋าดังขึ้นในหัว
/ มีอะไร / ผมถามกลับไป
/บรรยากาศข้างนอกดูไม่ดีเลย ฉันว่านายออกมาดูหน่อยดีกว่า / เสียงเต๋าดังขึ้นอีกครั้ง
/ได้ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ / ผมตอบเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะลุกขึ้น
“เนริ อยู่ในนี้นะ เดี่ยวฉันมา”ผมสั่ง
“อื้ม”เนริรับคำในขณะที่ยังคงหาของกินใส่ปากอยู่เรื่อยๆ
/ มีอะไรรึเปล่า /เสียงเนริดังก้องอยู่ในหู
/ บรรยากาศข้างนอกมันเปลี่ยนไป ฉันจะออกไปดู / ผมตอบตามตรงก่อนจะเดินออกจากงาน
“เกิดอะไรขึ้น”เจ้เฟชรที่เดินออกมาจากมุมเสาถาม
“ไม่ทราบเหมือนกันฮะ แต่เต๋าบอกว่าบรรยากาศข้างนอกมันแปลกๆก็เลยจะออกไปดู”ผมตอบ
“งั้นไปด้วยกันเลย”เจ้ตอบ พวกเราเดินกันมาซักพักจนถึงจุดลับตาคน ก่อนจะร่ายเวทย์ วาร์ป
แสงสีฟ้าสว่างวาบ พริบตาเดียวพวกเราก็มาโผล่ข้างบนหลังคาของห้องประชุม เต๋าที่กำลังนั่งสุมหัวอยู่กับเหล่าเอกสารและคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คอีก2-3เครื่องที่เจ้าตัวขนมา
บรรยากาศข้างบนแปลกอย่างที่มันว่า ท้องฟ้าที่ควรจะกลายสีเป็นสีรัติกาลกลับกลายเป็นสีม่วงแดงสุดเส้นริมขอบฟ้า พระจันทร์ที่ควรจะเป็นสีขาวนวลก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง
“พระจันทร์แดง”เจ้เฟชรอุทาน
“มีอะไรหรอฮะเจ้”ผมถาม
“ตามตำนานของเหล่าผีดูดเลือด วันไหนที่พระจันทร์แดงปรากฏวันนั้นความพินาศจะมาเยือน เมื่อ100ปีก่อนก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ตอนนั้นเหล่าผีดูดเลือดและมนุษย์ล้มตายเป็นจำนวนมากไม่นึกว่ามันจะมาเกิดวันนี้”เจ้เฟชรอธิบาย
“ดี งั้นแสดงว่าวันนี้พวกมันต้องปรากฏตัวแน่ ไม่ช้าก็เร็ว”ผมพูด
“แล้วได้เรื่องอะไรบ้างมั้ย”ผมเปลี่ยนประเด็นมาที่ผู้ต้องสงสัยในคืนนี้แทน
“ไม่มีเลย พวกสต๊าฟทุกคนก็ยังอยู่ดีอยู่ ประวัติทุกคนในงานก็เช็คมาหมดแล้วไม่มีใครเป็นผู้ต้องสงสัยได้เลย”เต๋าตอบ
จะเป็นไปได้ยังไง ไม่มีผู้ต้องสงสัย ไม่มีเบาะแสอะไรเลย แล้วพวกมันเป็นใครกันแน่
RaiN BloOd สายฝนสีเลือด
ความคิดเห็น