คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : --อดีตอันเจ็บปวด-- --ไปโรงเรียน--
--อดีตอันเจ็บปวด-- --ไปโรงเรียน--
ขณะนี้เป็นเวลา 6.00น. ในเวลานี้จากระเบียงหน้าต่างห้องนอนของพิรินจะเห็นได้ว่ามีชาวบ้านบริเวณนั้นออกมาทำงานรับอรุณกันแล้ว หญิงสาวทอดสายตามองออกไปอย่างเลื่อนลอย นานแล้วแล้วนะทีไม่ได้อยู่อย่างสงบแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ตัวเองสร้างกำแพงในจิตขึ้น หญิงสาวคิดในใจเรือนผมสีดำแซมด้วยสีน้ำเงินปลิวสยายอย่างสวยงาม ในใจคิดเหม่อลอยไปถึงเหตุการณ์เมื่อ3ปีก่อน ในซ่องนรกนั่น จะมีผู้หญิงซักกี่คนนะที่อายุได้14ปีก็ต้องเข้าไปพัวพันกับที่แบบนั้นซะแล้ว หญิงสาวคิดในใจ ไม่สิ ต้องโทษนังแพศยานั่น ที่แฝงตัวเข้ามาในครอบครัวของพวกเรา ต่อหน้าพ่ออย่างหนึ่ง ลับหลังก็เอาพวกเราไปขายให้กับซ่องนรกนั่น ถ้าไม่ได้คิมกับเต๋าช่วยไว้ ป่านนี้ฉันจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ จะมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้มั้ย หึ คิดถึงครอบครัวจัง ไม่รู้ว่าป่านนี้คุณพ่อ.... ถึงแม้ในใจจะหัวเราะแต่บัดนี้หยาดน้ำตารินไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย หญิงสาวเอามือขึ้นมารองรับน้ำตาที่ไหลลงมา
แหมะ แหมะ
หญิงสาวมองหยดน้ำตาในมือแล้วแสยะยิ้ม รอยยิ้มนั้นไม่ได้มาจากความสมเพชตัวเอง แต่มาจากความน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง
“ทำไม ทำไมต้องเกิดเรื่องอย่างนี้กับพวกเราด้วย ทำไมไม่เป็นกับคนอื่นล่ะ พระเจ้า ท่านเห็นพวกเรามั้ย ท่านจะรู้มั้ยว่าตอนนี้ใจของพวกเราเจ็บมากแค่ไหนน่ะ”หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งกับพื้นน้ำตายังหลั่งไหลออกมาจากดวงตาอย่างไม่ขาดสาย ปากก็พร่ำพูดถ้อยคำเหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมา
“ก็คิดซะว่าเป็นบททดสอบที่ท่านประทนมาให้ก็แล้วกัน”เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นมาจากด้านหลัง เรียกความสนใจจากหญิงสาวให้หันไปมอง ผ้าเช็ดหน้าสีขาวบริสุทธิ์ถูกยื่นมาให้
“...”ไม่มีคำพูดอะไรเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบาง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่มีทีท่าว่าจะยื่นมือมารับผ้าเช็ดหน้าก็จัดการบรรจงเช็ดหยาดน้ำตาที่นองหน้าของหญิงสาวด้วยความนุ่มนวล
“ขอบใจนะริว ไม่ต้องเป็นห่วง ชั้นไม่เป็นอะไรแล้ว”เสียงแผ่วตอบกลับมา
“เมื่อไหร่จะเลิกเป็นอย่างนี้ซักทีล่ะ ทำเป็นเข้มแข็ง แต่พอลับหลังก็อย่างนี้ทุกที”เสียงเรียบจากชายหนุ่มเจ้าของชื่อตอบกลับมา มันตอกย้ำให้ลืมเรื่องนั้นไม่ได้ซักที เวลาใดที่เธอต้องการความช่วยเหลือ ริวก็เป็นคนแรกที่ยื่นมือเข้ามาช่วยทุกที ดวงหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมาสบตากับชายหนุ่ม นัยต์ตาสีฟ้าออกน้ำเงินดูคมเข้ม ก่อนก้มหน้าหลบสายตา
“ช่างเถอะ นี่มัน6โมงครึ่งแล้วนะ เดี๋ยวตอน7โมงเราต้องกินข้าวแล้วไปร.ร.ไม่ใช่รึไง นายก็ออกไปได้แล้ว ชั้นจะอาบน้ำ”หญิงสาวพูดเปลี่ยนเรื่องแล้วรีบดันตัวชายหนุ่มออกจากห้อง
“
”ริวได้แต่มองบานประตูที่ปิดลงแล้วเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง ถึงจะมีอายุมากกว่า1ปีก็เหอะแต่ยังไงมันก็แค่1ปีไม่ใช่หรอ แต่วัยวุฒิแทบไม่ต่างกันเลย ทำไมต้องปิดกั้นตัวเองด้วยล่ะ ชายหนุ่มคิดแล้วเดินจากไป
“อ้าว ริว ทำไมมาเดินอยู่ตรงนี้อ่า รุนตามหาซะทั่วบ้านแล้วรู้มั้ย ตอนนี้อยู่ที่ห้องอาหาร”เสียงใสเรียกชายหนุ่มที่ตอนนี้กำลังอยู่ในภวังค์ของตัวเองทำให้ไม่ได้ยินเสียงเรียกของหญิงสาว
“ริว“ริวนายเป็นอะไรไปเนี่ยปกติไม่เห็นใจลอย วายองสังเกตเห็นความผิดปกติของคนตรงหน้า
“ริวจ๋า” เสียงหวานหน่อยวะ เผื่อมันจะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้าง แต่ผลปรากฏว่า เหมือนเดิม หงุดหงิดแล้วนะ ถึงจะอยู่ในชุดนักเรียกแต่ชั้นก็ยกขาเตะแกได้เหมือนกันนะ หญิงสาวคิดก่อนจะเรียกชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง
“ริว”ระดับเสียงลดต่ำลงอย่างน่ากลัว แต่ก็ยังไม่มีผลกระทบอะไรต่อชายหนุ่มเลย
“ไอ้อ้อ้อ้อ ริวววววว”หญิงสาวหมดความอดทน? แล้วตะโกนเรียกข้างหูของริว
ไม่รู้สึกตัวก็ให้มันรู้ไปว่าคาริวมันหูหนวกแล้วน่ะ
“ทำไมต้องตะโกนใส่หูด้วยล่ะ มีอะไร”ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันมามองวายองอย่างเอาเรื่อง น้ำเสียงบ่งบอกได้ถึงความหงุดหงิดที่เบาบางถ้าไม่สังเกตล่ะก็จะไม่รู้สึกถึงมันเลยด้วยซ้ำ
“รุนตามหาซะทั่วบ้านแล้วไม่ต้องมาทำหน้าบ้องแบ๊ว(??) เป็นอะไรใจลอยไปดวงอังคารน่ะ”วายองร่ายยาว
“อือ แล้วรุนอยู่ที่ห้องกินข้าวใช่มั้ย งั้นชั้นไปนะ”ริวพูดเองเออเองแล้วก็เดินจากไป
“อ้าว เฮ้ย จะให้ไปปลุกไอ้ไฮยาโตะมันซะหน่อย ไปซะแล้ว แล้วห้องไอ้บ้านั่นมันอยู่ไหนวะเนี่ย”หญิงสาวบ่นอุบพลางสายตาเหลือบไปเห็นประตูที่อยุ่ข้างๆปรากฏมีป้ายชื่อไฮยาโตะเป็นภาษาไทยแขวนไว้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก หญิงสาวจัดแจงเคาะประตู แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมาแต่อย่างไร มันทำอะไรอยู่ฟะ เดี๋ยวแม่ ปั๊ดประเคนหมัดทักทายรับรุ่งอรุณซะหรอก สักครู่ผ่านไปก็ยังไม่มีวี่แววของเด็กหนุ่มเจ้าของห้องมาเปิดประตูให้หญิงสาวจึงเปิดประตูเข้าไปอย่างถือวิสาสะ
“ไฮยาโตะ อยู่ไหนเนี่ย”หญิงสาวพูดพลางเลิกผ้าห่มขึ้นดู(เหอะๆ เผื่อมันจะอยู่ใต้ผ้า/*--*)(ไม่ใช่ผีผ้าห่มนะ -_-!/ไฮยาโตะ)
ทันใดนั้นหญิงสาวก็รุ้สึกว่ามีอะไรซักอย่างกำลังเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ ก็ชักปืนคู่ใจขึ้นมาจ่อหัวตัวการ กริ๊ก ไฮยาโตะสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆถอยหลังออกห่างเจ้าตัวอันตรายที่พร้อมจะฆ่าเค้าได้ทุกเมื่อ
“ชั้นแค่จะถามว่าเธอเข้ามาทำอะไรในห้องชั้น”ชายหนุ่มถามในขณะที่วายองลดปืนลงแล้วเหน็บไว้ที่กระเป๋ากระโปรงตามเดิม
“ฮิจจังให้มาตามลงไปกินข้าว แค่นั้นแหละ”หญิงสาวตอบแล้วหันหน้าหนีซ่อนหน้าที่ขึ้นสีของตนไว้
“แล้วนั่น เป็นอะไรไป ทำไมต้องหันหน้าหนี”ไฮยาโตะถามอย่างสงสัยแต่พอมองตัวเองที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนน้อยปกปิดร่างกายส่วนล่างเท่านั้นก็ต้องร้องอ๋อ แน่นอนล่ะร่างกายเค้าก็ไม่ใช่จะดูเหมือนเด็กเล็กๆซะหน่อย
“ทำไม แค่นี้กลัวหรอ”ชายหนุ่มพูดพลางเดินเข้าหาหญิงสาวอย่างนึกสนุก
“เฮ้ย เข้ามาทำไมไปแต่งตัวไป๊”วายองร้องเสียงหลง พยายามทำเหมือนไม่กลัวแต่จริงๆแล้วใจเต้นเป็นเจ้าเข้าเลยล่ะ
“เอ้าก็อยากรู้ว่าเป็นอะไร เป็นไข้รึเปล่า เห็นหน้าแดงน่ะ”ชายหนุ่มพูดพลางตีหน้าซื่อ แต่ในใจกลั้นหัวเราะไว้แทบตาย เท้าเล็กๆค่อยๆก้าวออกห่างไปทีละก้าว ทีละก้าว แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ละความพยายาม ก้าวตามไปจนหลังของหญิงสาวตอนนี้ติดประตูซะแล้ววายองงัดไม้ตายขึ้นมาเสกลูกไฟขนาดเล็กขึ้นมา6ลูก ชายหนุ่มผงะเล็กน้อยก่อนจะบอกตัวเองในใจว่าเลิกเล่นได้แล้ว ถึงในใจจะอยากเล่นต่อก็เหอะ วายองกลัวเค้าซะขนาดนั้นแล้ว ถ้ายังเล่นต่อมีหวังบ้านหายไปครึ่งหลังแน่นอน คิดได้อย่างนี้แล้วก็ยืดตัวขึ้นแล้วพูดว่า
“เดี๋ยวลงไปกินนะ ออกไปรอข้างนอกก่อนก็ได้ เดี๋ยวตามลงไป หรือจะอยู่ดูดีล่ะ”ถึงจะบอกว่าเลิกเล่นแล้วแต่ประโยคสุดท้ายก็ยังไม่วายหยอดลูกระเบิดเข้าไปอีก
“ใครจะไปอยากดูของนายกัน”หญิงสาวที่ตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าตกหลุมพรางของชายหนุ่มเข้าอย่างจังพูดแล้วรีบเปิดประตูออกจากห้องไปทันที ทิ้งไว้แต่เสียงหัวเราะของชายหนุ่มเจ้าของห้องที่ตอกย้ำความพ่ายแพ้ในครั้งนี้
ขณะนี้เป็นเวลา7โมงแล้ว ในห้องอาหารเต็มไปด้วยสมาชิกบ้านที่ทยอยลงมานั่งรอรับประทานอาหารเช้า ชายหนุ่มนามว่าไฮยาโตะเดินเข้ามาในชุดนักเรียนที่ดูแล้วไม่น่าจะเป็นร.ร.ในเมืองไทยเลยเพราะว่า เสื้อเชิ๊ตสีขาวสะอาดตาทับด้วยเสื้อกั๊กสีน้ำตาลแล้วยังจะมีเน็คไทสีน้ำตาลลายสก๊อตนั่นอีก ไหนจะกางเกงขายาวตามแบบชุดฟอร์มของพวกนักเรียนประเทศญี่ปุ่นที่เด็กไทยฝันหวานจะมีแฟนใส่ชุดอย่างนี้ด้วยแล้วล่ะก็ นะ ส่วนพวกผู้หญิงก็เป็นอย่างนี้เหมือนกันต่างกันที่สีกระโปรงเป็นน้ำเงิน และเสื้อสูทสีน้ำเงิน ไหนจะโบว์สีแดงที่ติดอยู่กลางอกนี่อีก ของฮิคารุ ยูกิแล้วก็อาคิก็เป็นแบบเดียวกับไฮยาโตะ แต่ของพวกริวรุนก็ไม่แตกต่างกันมานัก ต่างกันตรงที่กางเกงเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ และเน็คไทก็เป็นสีแดงเลือดหมู และเปลี่ยนจากเสื้อสูทกั๊กเป็นเสื้อสูทดูภูมิฐานแทน แต่ของคอนเน่นั้นเป็นชุดไปรเวทธรรมดาเพราะว่าร.ร.ที่คอนเน่เรียนนั้นไม่มีแบบชุดฟอร์ม
“เอ้า กินได้แล้วล่ะมากันครบแล้วนี่”เสียงใสจากเนริดังขึ้นทันทีเมื่อไฮยาโตะเดินมานั่งที่แล้ว พวกแม่บ้านก็เริ่มกระบวนการตักข้าวใส่จานของทุกคนโดยมีป้าช้อยเป็นคนคอยควบคุมอยู่ใกล้
“ขอบคุณครับ/ขอบคุณค่ะ”เสียงจากบุคคลผู้เป็นเจ้านายทั้ง17คนดังขึ้น ก่อนแต่ละคนจะเริ่มอธิฐานขอบคุณพระเจ้าตามความเชื่อศาสนาของตัวเอง ก่อนจะลงมือรับประทานอาหารตรงหน้า
“เนริ นั่นเด็กที่ไหนล่ะ”ไฮยาโตะเอ่ยถาม
“อ้อ ลูกบุญธรรมน่ะ คิมมันหามาให้เลี้ยง เซียร์กินผักด้วยครับ ไม่งั้นแม่ตีนะ”เนริตอบกลับมาโดยตอนสุดท้ายหันไปเอ็ดเซียร์เด็กน้อยหน้าหวานที่ตอนนี้แอบเขี่ยผักออกจากจานโดยไม่ให้เนริรู้ เด็กน้อยหันมามองเล็กน้อยก่อนจะใช้ส้อมจิ้มผักยัดใส่ปากแล้วเคี้ยวอย่างเร็ว แน่นอนว่ากลืนลงคออย่างรวดเร็วเช่นกัน
“อือ แล้วชื่ออะไรกันบ้างล่ะ”ไฮยาโตะพูดเชิงเข้าใจแล้วหันไปถามเด็กน้อยทั้ง6คนที่ตอนนี้ดูท่าว่าจะง่วนอยู่กับการกิน
“ข้างๆเนริ ชื่อเซียร์ อลัน อเล็กซ์ เชาหลัน นั่นมาโช สุดท้ายชื่อไดสุเกะ”เนริตอบแทน ไฮยาโตะพยักหน้าเชิงรับรู้แล้วตักอาหารกินต่อ
“อิ่มแล้วครับ/ค่ะ”เสียงของทั้ง17คนประสานกันเป็นสัญญาณให้พวกแม่บ้านรับรู้ว่าการกินอาหารเสร็จสิ้นลงแล้ว จึงค่อยๆเดินเข้ามาเก็บจานไป ป้าช้อยเดินเข้ามาหาเจ้านายทั้ง17คนแล้วพูดว่า
“เชิญพวกคุณหนูกับคุณชาย ไปที่รถตู้ได้แล้วนะคะ เดี๋ยวจะสายเอา ส่วนคุณหนูตัวน้อยของป้าให้ไปที่รถเบ๊นซ์คันสีเทานะคะ จะได้ไปร.ร.กัน”
“อ้าว ป้าครับพวกผมไม่ได้ไปกับแม่หรอครับ”อลันพูดพลางล็อคคออเล็กซ์จับเช็ดปาก ก็เจ้าตัวเล็กน่ะสิอยู่เฉยให้เช็ดซะที่ไหน ดิ้นเอาดิ้นเอาสร้างเสียงหัวเราะให้กับทั้งหมดที่มองอยู่
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณหนูต้องไปอีกคันนึงเพราะร.ร.อยู่คนละทางกันนะเจ้าคะ”ป้าช้อยพูดแล้วจัดการตรวจเช็คความเรียบร้อยของเจ้าตัวเล็กแต่ละคนก่อนจะเดินออกไปที่รถ
“ไปกันได้แล้วจ้า เด็กๆ เดี๋ยวไม่ทันนะ”เนริพูดแล้วจัดการเช็ดปากให้กับอเล็กซ์ที่อลันขอยกธงขาวยอมแพ้เพราะเจ้าตัวเล็กไม่ยอมอยู่เฉยให้เช็ดปากดีดี
“ไปแล้วนะครับ แม่”เซียร์พูดแล้วววิ่งมากอดก่อนจะผละวิ่งออกไปที่รถอย่างร่าเริง
“Bye Bye see you MoM”อเล็กซ์พูดแล้วลากอลันออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
“บายครับ”เสียงเรียบจากมาโช แล้วหยิบกระเป๋านักเรียนเดินออกไป
“บ๊ะบายฮับ แม่”เชาหลันเดินมาแล้วยกมือไหว้เนริอย่างสวยงามแล้ววิ่งไปที่รถอย่างรวดเร็ว
“อ้าว ทำไมยังไม่ไปล่ะไดสุเกะ”พิรินพูดเมื่อเห็นเด็กน้อยก้มๆเงยทำท่าเหมือนว่าจะหาของอยู่
“หากระเป๋านร.น่ะครับ อาพิรินเห็นรึเปล่าครับ”เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมาตอบแล้วก้มหน้าหาต่อ
“กระเป๋าสีออกเขียวๆรึเปล่า”ฮิคารุพูดพลางทำหน้านึก
“ครับ นั่นแหละของผมครับ”ไดสุเกะเงยหน้าขึ้นมองอย่างฮิคารุอย่างมีความหวัง
“อาเห็น เชาหลันวิ่งเอาออกไปแล้วนะ”ฮิคารุพูด
“ไอ้ซาลาเปาไส้ปู เอาของเราคืนมานะ”ไดสุเกะรีบวิ่งออกไปจากห้องทันทีที่ได้ฟัง สรรพนามที่เด็กน้อยใช้เรียกเชาหลันนั้นดูแปลกมาจนเรียกเสียงหัวเราะจากบุคคลที่อยู่ในห้องอาหารได้เป็นอย่างดี
“ฮะฮะ ลูกแกเข้าใจคิดนะเนริ คิดได้ไง ซาลาเปาไส้ปู”วายองพูดพลางกลั้นหัวเราะ
“หึหึ เมื่อคืนหรอกเชาหลันเรียกไดสุเกะว่า ไดโนเสาว์ล้านปีล่ะ”เนริเล่าด้วยสีหน้ามีความสุข
“รีบไปกันเถอะครับ ก่อนที่จะมีใครหงุดหงิดมากกว่านี้”คอนเน่พูดพลางมองไปที่ยูกิ เด็กหนุ่มลุกขึ้นทันทีแล้วเดินออกจากห้องไปคนแรก
“เค้าเป็นอะไรของเค้าน่ะ”เนริพูดอย่างงงๆ ทุกคนพอจะรู้สาเหตุหมดยกเว้นเจ้าตัวต้นเหตุล่ะน้า ที่ไม่รู้อะไรซักอย่างเลย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรได้แต่ส่ายหน้าให้กับความซื่อของหญิงสาวก่อนจะค่อยๆทยอยเดินออกจากห้องไปที่รถ
ตัวรถสีบลอนด์เงินคันเดิมค่อยๆแล่นเข้ามาจอดในตัวร.ร.เรียกความสนใจจากพวกเด็กน.ร.ได้มากโขเลยทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อเห็นบุคคลที่ย่างก้าวลงมาจากรถแล้วเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆได้เป็นกอบเป็นกำ ก็ดูแต่ละคนสิหน้าตาอัปลักษ์ซะที่ไหนกัน ไหนจะชุดนักเรียนแสนสะดุดตานั่นอีก
“เฮ้อ สาวๆเค้ามองอะไรกันนักเนี่ย”พิรินบ่นเป็นภาษาเกาหลีภาษาบ้านเกิด
“เอาเถอะยอมรับซะว่าเราหน้าตาอยู่ในเกณฑ์ดีอ่า”วายองตอบกลับมาเป็นภาษาเกาหลีเช่นกันบ่งบอกถึงความคิดชั่วร้ายที่แวบเข้ามาในสมอง ลืมไปไอ้นี่มันเพลย์บอยชนิดหาตัวจับยาก
“แล้วเราจะเอายังไงกันต่อล่ะ”ริวพูดเป็นภาษาเกาหลีหันหน้าไปมองคอนเน่
“อย่ามองผมแบบนั้น ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นแบบนี้”คอนเน่พูดละล่ำละลัก เค้าก็ไม่รู้ว่าคนไทยจะมีนิสัยแสดงความสนใจอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้ ทันใดนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งแหวกฝูงชนเข้ามาหาพวกเนริ
“เอ่อ พวกน้องเป็นพวกนักเรียนแลกเปลี่ยนรึเปล่าครับ”ชายคนนั้นเอ่ยถามเป็นภาษาไทย
“ค่ะ ว่าแต่พี่เป็นใครคะ”เนริตอบแล้วถามกลับ
“พี่เป็นประธานนักเรียนของโรงเรียนนี้น่ะครับ อ.เค้าสั่งให้พี่มาเป็นคนพาพวกน้องๆไปหาอ.ครับ”รุ่นพี่คนนั้นตอบกลับมาพลางส่งยิ้มให้เนริเพิ่มความหงุดหงิดให้กับคนบางคนที่ยืนอยุ่แถวนั้น
“อ่า ค่ะ หนูชื่อเนรินะคะ ยินดีที่รู้จักนะค่ะ”หญิงสาวพูดแล้วยื่นมือออกมาเชคแฮนด์กับรุ่นพี่ตามนิสัยของตัวเอง
“อ่า ครับ พี่ชื่อเนย์ครับ”รุ่นพี่คนนั้นยื่นมือมาจะจับมือของเนริ แต่ยูกิแย่งจับไปซะก่อน
“สวัสดีครับ ผมชื่อยูกิ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”ยูกิพูดพลางยิ้มเย็นให้กับเนย์ ก่อนจะหันมาดึงมือเนริแล้วบอกว่า
“ทุกคนไปกันก่อนได้เลยเดี๋ยวเรากับเนริตามไป ตอนนี้ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน ทางนี้ใช่มั้ยครับ”ยูกิพูดเองเสร็จสรรพแล้วเดินลากแขนเนริไปทันที
“เอ่อ แล้ว”ชายหนุ่มทำท่าจะแย้งเมื่อวายองและพิรินเดินเข้ามาดึงแขนให้เขานำทางไปที่ห้องพักอ.โดยไม่ต้องรอเนริกับยูกิ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ รายนั้นเค้าดูแลตัวเองได้ เราก็ไปกันเถอะ”วายองขัดขึ้นพลางลากรุ่นพี่คนนั้นแล้วก็คนอื่นๆไปอีกทาง
ตัดมาที่ฝั่งเนริกับยูกิเด็กหนุ่มลากเนริเดินมาอีกทางจนมาถึงส่วนหน้าห้องน้ำที่ไม่ค่อยจะมีใครเดินผ่าน ตลอดทางไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของเด็กหนุ่ม จะมีก็แต่เสียงพูดเจื้อยแจ้วที่เนริพยายามจะให้เด็กหนุ่มพูดโต้ตอบกลับมาแต่ไม่เป็นผลอะไรเลย
“เป็นอะไรไปยูกิเมื่อวานยังดีดี อยู่นี่ แล้วนี่ไม่เข้าห้องน้ำหรอเห็นบอกว่าปวดอยู่นี่ เป็นไข้รึเปล่าไหนเนริดูซิ”หญิงสาวพูดพลางจับตัวเด็กหนุ่มหันซ้ายหันขวาสำรวจดูจนทั่ว แต่เด็กหนุ่มก็เอามือมาหยุดการกระทำของหญิงสาวไว้แล้วพูดว่า
“ผมหึงนะ”คำพูดเบาๆแต่มีความหมายทำให้เนริหยุดการกระทำทั้งหมดไว้สักพักแล้วยิ้มออกมา
“โธ่เอ๊ย ยูจังทำไมน่ารักอย่างนี้เนี่ย แต่ใช้คำภาษาไทยผิดนะ หึงนี่เค้าใช้กับคนรัก หวงนี่เค้าใช้กับคนอื่นที่ไม่ใช่คนรัก เพราะฉะนั้นยูจังต้องพูดว่าหวงไม่ใช่หึงน้า”เนริพูดแล้วหยิกแก้มเด็กหนุ่มแต่ทว่าเด็กหนุ่มกลับไม่มีท่าทีจะเล่นด้วยเลย
“ผมหึงจริงๆนะ ในฐานะคนรักไม่ใช่แค่น้องชาย”เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตาหญิงสาวอย่างมีความหมาย พลางส่งกระแสจิตไปยังจิตของเนริให้รู้ว่าเค้าไม่ได้พูดเล่น
“อ่า คือ”คราวนี้เป็นตาของหญิงสาวที่พูดไม่ออกแทน
“เนริเมื่อ3ปีก่อน เนริสัญญาเองนะว่าจะแต่งงานกับผมน่ะ”เด็กหนุ่มทวงสัญญาเมื่อ3ปีก่อนที่หญิงสาวเคยพูดไว้ จริงอยู่ที่ตอนนั้นเธอเคยพูดไว้จริงแต่นั่นก็ทำเพื่อปลอบใจน้องชายตรงหน้า ไม่นึกว่าคนตรงหน้าจะคิดจริงจัง ทั้งๆที่ตอนนั้นที่พูดไปก็เพื่อให้ตัวเองลืมใครบางคน
“ไม่คิดจะเผื่อใจไปเจอคนที่ดีกว่าเนริเลยหรอไง”หญิงสาวถอนหายใจตอนนี้ไม่มีทีท่าของเนริคนที่ทุกๆคนเห็นว่าร่าเริง มีแต่เนริผู้มีเหตุผลและเป็นงานเป็นการ
“ไม่ล่ะ ผมมีเนริคนเดียว และผมก็ไม่อยากให้เนริมีใครด้วย”เด็กหนุ่มจ้องหน้าเนริ
“แต่งสิ เนริรักษาสัญญาเสมอไม่ว่าตอนนี้ หรือจะอีก10ปีข้างหน้า แต่เนริอยากให้ยูกิลองคิดดูว่าจะทนอยู่เป็นตัวแทนของคนคนนั้นให้เนริได้หรอ ไม่เจ็บปวดรึไง ถ้าเนริอยู่กับยูกิแต่ในใจกลับคิดถึงคนอื่นล่ะ ยูกิยอมหระ อุ๊บ...”ริมฝีปากของเด็กหนุ่มเข้าครอบครองริมฝีปากบางของหญิงสาวก่อนที่เนริจะพูดจบประโยค จูบอันหอมหวานแต่ทว่าความคิดของทั้งสองกลับแตกต่างกันคนหนึ่งขอแค่ว่าได้อยู่ด้วยกันแล้วจะวิธีไหนหรือจะเป็นยังไงก็ไม่สน แต่อีกคนกำลังรู้สึกผิดที่ต้องหลอกใช้ให้อีกคนเป็นตัวแทนของคนรักเก่า
“ผมยอมได้ ผมจะทำทุกทางให้เนริลืมเค้าให้ได้”เด็กหนุ่มพูดเมื่อถอนริมฝีปากออกอย่างสุดแสนจะเสียดาย
“เนริจะพยายาม แต่ถามอะไรหน่อยเถอะ ยูจังหึงเนริกับเด็กๆด้วยหรอ”เมื่อเนริเห็นว่าคุยไปก็คงกล่อมอะไรยูกิไม่ได้จึงเลิกคุยเรื่องนั้นแล้วยกประเด็นขึ้นมาใหม่
“อือ หึงครับ เนริทำเหมือนกับผมทำไม่อยู่ด้วยงั้นแหละ ถึงได้ให้ความสนใจกับเด็กๆมากกว่าผม”ยูกิตัดพ้อ
“หึหึ ก็รู้อยู่ว่าเนริชอบเด็กๆมากขนาดไหนแล้วยังจะหึงอีกหรอ”เนริพูดพลางหันหน้าไปทางอื่นเพื่อซ่อนใบหน้าสีแดงสดของตัวเองไว้
“ไม่รู้ล่ะ ผมหึงของผมอย่างนี้อ่ะ ไม่ได้หรอ”เด็กหนุ่มเดินมาดักหน้าเนริไว้
“ไม่ได้มั้ง ห้ามไม่ได้นี่ ถ้าไม่ได้จะทำอะไรเนริล่ะ”เนริพูดอย่างกวนๆอย่างน้อยก็พอจะคลายเศร้าเรื่องนั้นได้ละกัน
“ก็ไม่ทำไงหรอกแต่จะบอกว่าคืนนี้ล็อกกุญแจห้องดีดีละกัน ตื่นมาอาจจะมีอะไรหายไปก็ได้ใครจะรู้ หึหึ”เด็กหนุ่มพูดดวงตาเป็นประกาย เฮ้อดีนะเนี่ยที่ไม่ได้ห้าม ถ้าห้ามอาจมีเรื่องต้องเคลียร์ยาวแน่ เด็กสาวคิดพลางกลืนน้ำลายลงคอ
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวพวกนั้นรอแย่แล้ว”เนริพูดพลางเดินไปเกาะแขนเด็กหนุ่มเหมือนอย่างทุกที
“อือ”ยูกิพูดพลางเอามือเกาะเกี่ยวเอวของหญิงสาว
“ยูจังอย่ามือบอน”เนริเอ็ด
“ขอหน่อย รีบเดินเถอะจะเข้าแถวแล้วไม่ใช่หรอเราต้องไปหาพวกนั้นกัน”เด็กหนุ่มพูด แล้วทั้งสองคนก็เดินหยอกล้อกันไปตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คงเป็นความรู้สึกที่งอกเงยขึ้นล่ะมั้ง ตลอดทางมีแต่เสียงหัวเราะคิกคักกันท่ามกลางผู้คนที่มองมาอย่างอิจฉา
RaiN BloOd สายฝนสีเลือด
ความคิดเห็น