คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : -- ปรับความเข้าใจกัน -- -- ประชุมครั้งสุดท้ายก่อนเปิดศึก --
-- ปรับความเข้าใจกัน -- -- ประชุมครั้งสุดท้ายก่อนเปิดศึก --
“เป็นไง ความรู้สึกที่ต้องมาเจ็บตัวด้วยอาวุธของตัวเองน่ะ”เซราฟิมพูดเยาะ พลางสาวเท้าเข้ามาใกล้
“....”ฉันไม่ตอบ แต่ปรายตามองมันด้วยหางตา
“จ๊ๆ ไม่เอาน่ะ บอกหน่อยสิความรู้สึกของเธอตอนนี้น่ะ พีริน“ฉันเบิกตากว้าง มันรู้ชื่อของฉัน ชื่อที่แม้แต่พวกลูกน้องยังไม่ค่อยจะมีคนรู้ ร่างสูงนั่งยองๆลงข้างๆตัวฉัน มือใหญ่ป้ายเอาเลือดของฉันเข้าปากตัวเองอย่างน่าขยะแขยง
“พวกแกไม่มีวันอยู่กันอย่างเป็นสุข ตราบใดที่ฉันยังอยู่ และจะไม่มีวันนั้นแน่!!!!” ฉันตะคอก ใช่จะไม่มีวันนั้นแน่ เพราะฉันเป็นเผ่าพันธุ์ที่เป็นอมตะ
“จะตายอยู่แล้วยังจะปากดีอยู่อีกเหรอ รู้อะไรมั้ย”เซราฟิมยังคงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“...”
“ถ้าเกิดว่าฉันได้ลิ้มรสเลือดของใครแล้วเมี่อลมหายใจสุดท้ายของเขาคนนั้นสิ้นสุดลง ดวงวิญญาณนั้นจะต้องกลับมาหาฉันไม่ว่าเจ้าของร่างจะอยู่ที่ไหนก็ตาม”เซราฟิมพูดต่อ
แคว่ก ร่างสูงฉีกเสื้อฉันออกด้วยมือเดียวเผยให้เห็น ช่วงไหล่กลมมน เลือดสีแดงสดค่อยๆบรรจงวาดลงบนไหล่เปลือยนั้น วงแหวนเวทย์ชนิดหนึ่งที่ฉันไม่รู้จักถูกวาดลงบนตัวฉัน เสียงพึมพำร่ายมนต์ดังก้องอยู่ในทุกโสตประสาท ฉันพยายามจะดิ้นรนขัดขืนแต่โดนร่างสูงตรงหน้ากดไว้
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด “เสียงกรีดร้องโหยหวนของฉันดังขึ้นเมื่อเซราฟิมใช้มีดสั้นค่อยๆกรีดไปตามรอยวงแหวนที่วาดไว้ ความรู้สึกเหมือนกับใครซักคนเอาเราไปโยนลงในน้ำที่เดือดจัด แล้วก็ค่อยๆลอกหนังเราออกช้าๆในขณะที่เรายังไม่ตาย มันรู้สึกขึ้นมาเป็นระยะ แล้วก็หายไปจนกระทั่งเซราฟิมใช้มือลูบไล้ไปตามรอยแผลรอยแผลและเลือดก็หายไปเกิดเป็นรอยคล้ายๆรอยสักขึ้นมาแทนที่ ริมฝีปากยิ้มบิดเบี้ยวอย่างเปรมปรีด์
ความเจ็บปวดยังคงไม่หายไปเมื่อเซราฟิมร่ายเวทย์อีกครั้ง ก็เกิดวงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่ภายใต้ร่างของฉัน
“หยุดนะ!! อัสนีกัมปนาท!!”เสียงหวานแหลมที่คุ้นเคยดังขึ้นก่อนสายฟ้าจะผ่าลงมาที่เซราฟิม สายฟ้าที่รุนแรงและอัดแน่นไปด้วยความโกรธทำให้เกิดการระเบิดขึ้นฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปทั่วฉันรู้สึกเหมือนมีดถูกดึงออกและอ้อมแขนแกร่งที่อุ้มฉันขึ้นจากพื้น มันเป็นอ้อมกอดที่คุ้นเคย
“คาริว...”ฉันพูดอย่างอ่อนแรงคาถายังคงออกฤทธิ์ต่อเนื่อง
“เงียบไปก่อนเถอะ อยู่เฉยๆ”คาริวว่า
“มาเร็ว”เสียงเจ้เฟชรดังแว่วมาให้ได้ยิน เจ้เฟชรจริงๆด้วย เจ้เฟชรมาช่วยน้องคนนี้จริงๆ
“หึ หึ ฮะๆฮะๆ”เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วบริเวณ ฝุ่นควันค่อยๆจากหายไป เผยให้เห็นร่างที่เปื้อนเลือดของเซราฟิม ปีกค้างคาวสีรัติกาลกางออก ไม่ใช่แค่เซราฟิมแต่แองเจิ้ลและGoDเองก็มีปีกค้างคาวสีดำสนิทกางออกมาเช่นกัน
ส่วนทางด้านของพวกฉันเมื่อฝุ่นควันหมดลงทำให้ฉันได้มองเห็นเจ้เฟชรพี่สาวที่ฉันรัก คิม เต๋า คีรุน ฮิคารุ ฟาริ อาคิ ไฮยาโตะและยูกิที่กำลังประคองร่างของคนเจ็บทั้งสองคน เนริและเวย์
และถ้ามีใครสังเกตกันซักนิดจะพบว่าทั้ง6คนที่โดนตรึงไว้กับไม้กางเขนได้หายตัวไปแล้วเช่นกัน
อา มากันครบเลยสินะ
พวกเรากลับมายืนหยัดพร้อมกัน13คนได้อีกครั้งแล้วสินะ ฉันคิดก่อนจะจมลงสู่ห้วงนิทราด้วยความอ่อนเพลีย
“โนว่า”ชายหนุ่มร้องเรียกร่างในอ้อมกอด พีรินหมดสติไปแล้ว ควีนรีบวิ่งเข้ามาดู ใช่ระเบิดอัสนีกัมปนาทเมื่อกี๊เป็นฝีมือของเธอเอง พลังความโกรธพุ่งขึ้นถึงขีดสุดทันทีที่เธอเห็นว่าพวกมันกำลังจะฆ่าน้องสาวของเธอ
คาริวรีบวิ่งเข้าไปช่วยพีรินทันทีที่ม่านฝุ่นแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ พร้อมๆกับยูกิและไฮยาโตะที่วิ่งเข้าไปช่วยเนริกับวายองเช่นกัน ร่างของหญิงสาวทั้งสามเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นและรอยเลือดที่แห้งกรัง
หวอ หวอ หวอ เสียงหวอของรถตำรวจดังมาให้ได้ยินกันแต่ไกล
“พวกมึง!!!”คิมร้องเมื่อเห็นสภาพเพื่อนสาวคนสนิทของตนชัดๆ มือหนากำหมัดแน่น
“ไม่ต้องห่วง ศึกสุดท้ายของเราเริ่มต้นแล้ว!!”เสียงประกาศก้องของแองเจิ้ล
“หึ พวกมนุษย์หน้าโง่มานั่นแล้ว เห็นทีเราต้องเปิดศึกกันคราวหน้าล่ะนะ คิม เต๋า”คำบอกลาของGoDทำเอาชายหนุ่มเจ้าของชื่อตัวชา GoD เซราฟิมและแองเจิ้ลดีดนิ้วเปาะเดียวกายเนื้อของพวกวัยรุ่นผู้โชคร้ายก็ค่อยๆสลายกลายเป็นเม็ดทรายเหลือเพียงแต่ชิ้นส่วนเสื้อผ้าที่ไม่ได้ย่อยสลายตามไป
สายตามองผลงานตรงหน้าอย่างพอใจก่อนจะถีบตัวขึ้นฟ้าแล้วสยายปีกโผบินไปในท้องฟ้ารัติกาล
“ตราบใดที่ฉันยังอยู่อย่าหวังเลยว่าพวกแกจะอยู่กันได้อย่างสงบ!!!!!”เสียงคิมตะโกนก้องขึ้นฟ้า
“ไปกันเถอะ คิม เต๋า”เจ้เฟชรเดินแตะบ่าของสองหนุ่มเบาๆ เต๋าเดินไปหยิบหน้ากากสีน้ำเงินของพีรินขึ้นมามองด้วยสายตาที่ยากจะหยั่งถึง ก่อนทั้ง13คนจะหายตัวไปในเงามืดแห่งรัติกาลก่อนที่รถตำรวจจะเข้ามาถึง
NeRi : SAYS
ตึกของโซเนอร์ ชั้น7 ห้องของเนริ
“เป็นยังไงบ้างเนริ”เสียงของยูกิดังแว่วที่ข้างหูเรียกสติของฉัน อ้อมกอดนี้ยังให้ความรู้สึกอบอุ่นอยู่เสมอจริงๆ
“อืม..”ฉันครางออกมาด้วยความเจ็บ แผลที่สีข้างจากการต่อสู้เมื่อสักครู่นี้ถูกแรงกระทบกระเทือนช่วงที่เกิดระเบิดจึงทำให้ปากแผลฉีกออกมากกว่าเดิม
“อย่าเพิ่งขยับเลยนะครับเนริ”เสียงอาคิพูดแล้วฉันก็รู้สึกถึงความเย็นที่บริเวณปากแผล ออร่าแสงสีทองเปล่งประกายออกจากมือของอาคิและยูกิ ปากแผลค่อยๆกลับมาสมานกันดังเดิมแม้จะกินเวลายาวนานกว่า10นาที
ฉันค่อยๆยันตัวลุกขึ้นเบาๆ ถึงแม้ว่าจะได้รับการรักษาแล้วแต่ก็ไม่ได้หาย100%แล้วจ้องมองเข้าไปในดวงตาของยูกิ สลับกับอาคิ เพียงเวลาแค่อาทิตย์เดียว พวกเขาเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้เชียว
“ผอมลงนะ”ฉันเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ยูกิโผเข้ากอดฉัน
“ผมขอโทษนะครับ ขอโทษจริงๆ”ยูกิพร่ำบอกขอโทษฉันไม่หยุดหย่อนในขณะที่อาคิก็ร้องไห้ออกมาเงียบๆ ฉันดึงอาคิเข้ามากอดไว้อีกคน เมื่อหยุดร้องไห้แล้ว ฉันก็จะต้องเผชิญหน้ากับคิมแล้วสินะ หลังบานประตูนั่นทุกคนกำลังรออยู่
แอ๊ด ฉันก้าวเดินผ่านบานประตูออกไป อย่างที่ฉันคาดเดาไว้ทุกคนอยู่กันครบจริงๆ พีรินกับวายองก็อยู่ด้วย
“พี่เนริเป็นไงบ้าง เจ็บมากมั้ย”ฟาริวิ่งรี่เข้ามาหาฉันทันที เห็นตัวเล็กๆแบบนี้ก็เถอะแต่แรงเยอะชะมัด แขนเล็กๆโอบรอบตัวฉันไว้แน่น
“อืม หายเจ็บแล้วล่ะ”ฉันกอดรับขวัญยัยตัวเล็กแรงๆหนึ่งที
“ไง ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วรึไงถึงได้บุกไปรังพวกมันโดยไม่บอกกันซักคำเนี่ย นี่ถ้าคาริวไม่โทรศัพท์หาพวกฉันล่ะก็แกแย่แน่”เต๋าทักอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินเข้ามาตบบ่าฉันเบาๆ
“คงงั้น”ฉันตอบสั้นๆก่อนสายตาจะไปหยุดอยู่ที่คิม มันจะยังโกรธฉันอยู่รึเปล่า
“อยากตายกันนักใช่มั้ยเนี่ยถึงได้ไปกันเองแบบนั้นน่ะ”เจ้เริ่มบ่นพลางใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดคราบเลือดบริเวณฝ่ามือของพีรินอย่างแผ่วเบาโดยมีสายตเจ้าตัวที่เอาแต่นิ่งเงียบแล้วมองตาม คู่นี้คงไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วล่ะมั้ง แต่คิมกับฉันนี่สิ พวกเราไม่เคยทะเลาะอะไรกันแรงแบบนี้เลย ไม่รู้ว่ามันจะยังมองฉันเป็นเพื่อนอยู่มั้ย
“ถ้าไม่มีอะไรกันแล้วผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ โหมทำงานมาทั้งอาทิตย์ชักอยากนอนซะแล้วสิ”ฮิคารุพูดพลางปิดปาดหาว ฉันค่อยๆสำรวจร่างกายของน้องชายหน้าหวานที่ไม่ได้เจอกันเกือบ1อาทิตย์ เอวที่ว่าผอมบางอยู่แล้วยิ่งผอมเพรียวเข้าไปใหญ่
“...”เมื่อคำตอบที่ได้รับมาคือความเงียบเจ้าตัวก็เลยถือวิสาสะเดินตัวปลิวเข้าห้องไป
“อืม งั้นเวย์เองก็ไปพักผ่อนบ้างก็แล้วกัน”ไฮยาโตะพูดนิ่งๆพลางอุ้มเวย์เดินเข้าห้องไปโดยที่เจ้าตัวก็ได้แต่นิ่งเงียบทำตามใจร่างสูงไป
“เอ่อ เจ้ว่าพีเข้าไปอาบน้ำเลยดีกว่านะ ไหวมั้ย”เจ้ถาม พีรินพยักหน้าเบาๆก่อนที่คาริวจะจัดการช้อนตัวพีรินเข้าสู่อ้อมแขนแล้วเดินนำเข้าไปในห้องของพีรินโดยมีคีรุนช่วยถืออ่างน้ำเดินตามเจ้เฟชรเข้าไป
“เอ่อ.. งั้นฉันเข้าห้องก่อนดีกว่านะ”ฉันว่าพลางหมุนตัวเพื่อเดินกลับเข้าห้องถ้าไม่ติดว่าเต๋าจับเอาไว้ก่อน
“พวกแกนี่ใจคอจะปากแข็งกันไปถึงไหน”เต๋าว่า ฉันมองหน้าคิมช้าๆแล้วก็พบว่าคิมมันก็มองฉันอยู่ เกิดบรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที
“...”
“โธ่โว้ย ไอ้พวกปากแข็ง งี่เง่า ขอโทษคำเดียวเป็นไรไปวะ”
“...”
คิมกับฉันไม่พูดอะไรซักคำจะมีก็แต่เสียงบ่นพึมพัมของเต๋าคอยเป็นแบร็คกราวด์ ฉันรู้สึกได้ถึงหยาดเหงื่อที่ค่อยๆซึมผ่านฝ่ามือออกมา บรรยากาศก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเมื่อฉันและคิมเลือกที่จะปิดปากเงียบแทน เวลารผ่านไป1นาทีแต่ฉันรู้สึกว่ามันนานมากเลย ทั้งๆที่กับคนอื่นฉันก้เอ่ยปากขอโทษได้ง่ายๆ แล้วนี่กับเพื่อนนะ กับเพื่อนของแกเลยนะเนริ จะไม่ขอโทษรึไงฉันถามใจตัวเอง
เอาล่ะขอโทษคำเดียวกับเพื่อนมันไม่ตายหรอก
“ขอโทษ/ขอโทษ”
“อ๊ะ”ฉันมองหน้าคิม อีกฝ่ายก้มหน้าทำให้ฉันไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายได้ แต่หูแดงๆนั่นบอกความรู้สึกอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี คิมกำลังอาย
มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกทั้งดีใจแล้วก็ทั่งโล่งอก คิดไปคิดมาน้ำตาก็พานจะไหลเอาอีกแล้ว
“ฮึก ฮึก ฮือ”
คิมเงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันแล้วค่อยๆหัวเราะ
“55+ไอ้ขี้แย”คิมหัวเราะก่อนจะเดินมาเช็ดน้ำตาให้ฉันเบาๆ ฉันโผเข้ากอดคิม
“ขอโทษนะ ขอโทษ ขอโทษจริงๆ”ฉันพูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาราวกับเทปที่ไม่มีวันหยุดเล่นมือหนาลูบหัวฉันเบาๆ เต๋าที่เมื่อเห็นเพื่อนปรับความเข้าใจกันได้แล้วก็เดินเข้ามากอดทับอีกชั้น
“เออ เลิกขอโทษได้แล้ว ไอ้นี่นิขี้แงจริงเชียว”คิมว่าพลางเอามือเขกหัวฉันเบาๆ ตอนนี้เราเลิกกอดกันแล้ว
“นี่ล่ะน้า ไม่ใช่พี่น้องก็เหมือนพี่น้อง ถึงไม่ได้มาจากท้องเดียวกันก็เหมือนคลานตามกันมา”เต๋าว่า
“น้ำเน่า!! / น้ำเน่า!!”ฉันกับคิมประสานเสียงกันด่าไอ้ตัวแสบทันที แล้วก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
“5555+”
“อะไรวะ บทจะดีกันก็สามัคคีกันด่าฉันเชียว”เต๋าบ่นอุบ
“พวกพี่ดีกันได้ผมก็ดีใจ แต่ตอนนี้ผมขอพาเนริไปนอนก่อนดีกว่านะฮับ ตาบวมใหญ่แล้วเนี่ย”อาคิเดินยิ้มเข้ามาหาฉัน
“อืม ไปนอนเถอะพรุ่งนี้เราต้องเจออะไรกันอีกเยอะ”คิมว่า พวกเราโบกมือลาก่อนจะแยกตัวเข้าห้องนอนของใครของมันโดยที่คืนนี้ฉันมีน้องชายที่น่ารักนอนอยู่ข้างๆอีกครั้ง
02.54น.
“ปังๆ ปังๆ”เสียงเคาะประตูที่รุนแรงปลุกฉันขึ้นมาจากห้วงนิทรา ยูกิกับอาคติก็เช่นกัน ฉันรีบลุกขึ้นมาและวิ่งออกไปนอกห้อง นั่งทำหน้าเคร่งเครียดกันอยู่ ฉันจึงไม่รอช้าเปิดปากถามทันที
“เกิดอะไรขึ้น”ฉันถามอย่างร้อนรน
“นั่งลงก่อนเนริ รอทุกคนออกมาครบก่อน”คิมว่า ฉันนั่งลงโดยดี ไม่นานเวย์ก็เดินออกมาจากห้อง
“เมื่อกี๊ฉันเพิ่งโทรไปเช็คที่บ้านมา....”เต๋าพูดเรียบๆ
“.....”
“ยิปโซ เด็กๆ รินเซ่แล้วก็คอนเน่หายตัวไป”สิ้นเสียงเต๋าฉันรู้สึกเหมือนมีสายฟ้าฟาดลงกลางหัวอย่างจัง
“มะ ไม่จริงใช่มั้ย”ฉันถามเสียงสั่น บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาฉับพลัน ฉันมองหน้าคิมสลับกับเต๋า
“เสียใจด้วยเนริ ฉันคงต้องบอกว่าจริง”คิมบอกด้วยสายตาจริงจัง อะไรกันเนี่ยทั้งพวกตากลมแล้วยังจะมายิปโซ พวกเด็กๆรินเซ่แล้วก็คอนเน่อีกหรอ
“...พอจะรู้บ้างมั้ยว่าหายตัวไปตอนไหน หายไปได้ยังไงในเมื่อที่บ้านเราก็มีลูกน้องไปเฝ้าไม่ใช่หรอ”เจ้เฟชรถามอย่างร้อนรน
“ถ้าตามที่ผมคิด บางทีพวกGoDอาจจะเป็นคนทำก็ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นวันนี้มันคงไม่รามือง่ายๆหรอก เพราะปกติมันก็ไม่ค่อยจะสนใจพวกมนุษย์อยู่แล้ว แล้วตอนนั้นรถตำรวจก็แค่คัน2คันพวกมันจัดการได้สบายอยู่แล้ว แต่ที่มันถอยกลับไปเพราะว่ามันทำตามแผนสำเร็จแล้ว”คิมอธิบายช้าๆ
“ไอ้สัตว์นรก!!”เต๋าสบถ มันคงเป็นห่วงยิปโซมากสินะ แล้วยิ่งกำลังท้องกำลังไส้อยู่ด้วย แล้วพวกเด็กๆล่ะ ป่านนี้จะร้องไห้กันมั้ย อลันจะปลอบน้องได้รึเปล่า เซียจะร้องไห้งอแงมั้ย
“ใจเย็นๆก่อนเนริ”เจ้เฟชรเตือนเมื่อเห็นมือที่กำแน่นของฉัน
“ศึกสุดท้าย เริ่มขึ้นแล้วจริงๆสินะ”พีรินพึมพำ
“มีทางมั้ยที่เราจะทำอะไรได้บ้าง”เวย์ถาม เต๋าส่ายหน้า
“โธ่เว้ย!”คิมสบถ หมัดลุ่นๆชกเข้าไปที่กำแพงอย่างเจ็บแค้น ใช่สิคนรักของคิมก็หายตัวไปไม่แปลกที่มันจะโกรธ
“แต่ที่ผมแปลกใจคือ พวกมันรู้ชื่อพี่ด้วย”คีรุนพูด
“ไม่หรอก ไม่ใช่แค่รู้ชื่อของคิมกับเต๋า แต่มันรู้จักเราทุกคนเลยต่างหาก”พีรินพูดเบาๆ
“อาจจะจริงอย่างที่พีว่าเพราะตอนสู้กันมันก็เรียกชื่อฉันด้วย”เวย์บอก งั้นก็คงจะจริงเพราะไม่ใช่แค่เวย์กับพี แต่ฉันเองก็เหมือนกัน
“ต้องยอมรับล่ะว่าคราวนี้เราประมาทกันจนเกินไป จนทำให้เปิดโอกาสให้พวกมันเล่นงานเราได้”เจ้เฟชรว่า
“เป็นไปได้มั้ยว่าที่ต่อสู้กับมันเมื่อกี๊มันอาจจะเป็นแผนล่อให้เราไปติดกับเพื่อที่พวกมันจะได้มาจับตัวพวกนั้นไป”ฉันถามตามความคิด
“....”ทุกคนเงียบกันหมด บรรยากาศตึกเครียดเริ่มเข้ามาปกคลุมพวกเรา สุดท้ายคิมก็เปิดปากพูด
“เรียกประชุมหัวหน้าหน่วยทุกหน่วย ตอนนี้เลย”ประโยคคำสั่งสั้นๆแต่ได้ใจความ พวกเราค่อยๆแยกย้ายกันไปจัดการงานและเรียกรวมพลเหล่าZoNeRทั้งหมด
ภายในห้องประชุมเล็ก พวกแฟนต้าที่ถูกปลุกขึ้นมากลางดึกนั่งรวมตัวกันอยู่ คริต โอโซน แฟนต้า โฟนและซิดนี่ย์ตามลำดับ
“สวัสดีครับ!!!”พวกนั้นโค้งทำความเคารพเมื่อพวกฉันเดินเข้ามาในชุดเต็มยศ
พวกเราเดินมานั่งที่เก้าอี้แต่ละตัวตามลำดับตำแหน่งโดยมีคิมนั่งหัวโต๊ะ
“เหตุผลเดียวที่ฉันเรียกพวกนายมากลางดึกก็คือ มีพวกเราบางคนหายตัวไปอีกแล้ว”คิมเริ่มเปิดประเด็น
“ว่าไงนะฮะ มีพวกเราบางคนหายตัวไปอีกแล้ว”แฟนต้าทวนคำ
“ใช่ คอนเน่ ยิปโซ รินเซ่และพวกเด็กๆที่บ้านของฉันหายตัวไป”คิมตอบ
“หายไปได้ยังไงฮะ เพราะคอนเน่เองก็มือ1ของสาขาอเมริกาไม่ใช่หรอคนที่มีฝีมือขนาดนั้น...”ก่อนที่ซิดนี่ย์จะพูดจบเจ้เฟชรก็ขัดขึ้นมาก่อน
“ใช่เพราะว่าขนาดคอนเน่ที่มีฝีมือขนาดนั้นยังพลาดได้พวกเราจึงต้องขอความร่วมมือจากพวกนายไง และต้องเป็นพวกนายเท่านั้น เป็นคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด”
“รู้มาตลอดใช่มั้ยว่าจากช่วง1เดือนมานี้มีพวกเรา หน่วยงานข้อมูลของเราหายตัวไปกันหลายคนเนื่องจากเข้าไปสอดแนมคดีล่าที่F.B.I.ส่งมาให้พวกเราทำ”เต๋าถาม พวกแฟนต้าพยักหน้า
“อย่ามัวแต่พูดเรื่องที่เรารู้กันอยู่แล้วเลย เข้าเรื่องซักทีเถอะ”เจ้เฟชรว่า
“ฉันต้องการให้พวกนายช่วยเป็นกำลังเสริมให้เรา”พีรินพูดนิ่งๆ เจ้าตัวคงจะกังวลเรื่องคำสาปของเซราฟิมนั่น
“ได้อยู่แล้วฮะ โหบอกกันมาดีๆก็ได้ เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องปลุกมาตอนกลางดึกแบบนี้เลยนี่นา”คริตพูดพลางปิดปากหาว
“ไม่ใช่นะ มันไม่ใช่แค่นั้น”ฟาริร้องบอก พวกซิดนี่ย์มองหน้ากันก่อนจะยืดตัวตรงอย่างเป็นงานเป็นการ
“งานนี้ไม่ใช่งานหมูๆแบบนั้นแล้ว คราวนี้มันอันตรายกว่านั้น มันอันตรายจนพี่ไม่สามารถให้คำตอบได้เลยว่าพอจบจากงานนี้แล้วพวกเรา หรือแม้แต่พวกอัยการ13คนจะอยู่กันครบรึเปล่า”เต๋าพูดเสียงเครียด
“พี่ไม่รู้ว่าพี่ขอพวกเรามากเกินไปรึเปล่า แต่ว่าถ้าพวกเราจะไม่รับงานนี้พวกพี่ก็ไม่ว่าอะไรเพราพี่เข้าใจว่างานนี้มันเสี่ยงมากจริงๆ”เต๋าพูดต่อ ปฏิกิริยาของพวกนั้นคือนิ่งเงียบในแววตาเต็มไปด้วยความสับสน
“ผมเอาด้วยฮะ”ซิดนี่ย์รังเรอยู่ครู่นึงก็เอ่ยปากตอบรับ
“ผมด้วย”โอโซน
“ผมด้วยครับ”โฟน
“เอาไงเอากัน”คริตว่า พวกเราก็หันความสนใจๆไปที่แฟนต้าที่ยังไม่ได้ให้คำตอบ หนุ่มน้อยมองหน้าพวกเราทุกคนก่อนจะเอ่ยปากออกมา
“พวกพี่เคยเห็นผมทิ้งเพื่อนหรอ.... ก็ต้องเอาด้วยอยู่แล้ว”เป็นคำตอบที่เรียกรอยยิ้มและความหมั่นไส้จนคริตอดไม่ได้ที่จะตบหัวเพื่อนรักไปซักที
“ดี พวกนายจำที่เราไปถล่มโกดังครั้งล่าสุดได้มั้ย”คิมวกเข้าสู่ประเด็น
“ครับ หรือว่า...”โอโซนทำท่าคิด
“ใช่ พวกนั้นแหละ”เวย์เป็นคนตอบ พวกนั้นต่างกลืนน้ำลายลงคอ ไม่แปลกที่พวกแฟนต้าจะทำแบบนั้น เพราะจากประสบการณ์ที่ได้เจอกันครั้งนั้น มันคงเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืม
“แต่พวกมันไม่ใช่คน พวกพี่แน่ใจหรอว่าอย่างพวกผมจะสู้มันได้”โฟนถามด้วยใบหน้าเป้นกังวล
“ไม่หรอก พูดตามตรงฉันไม่คิดเลยว่าพวกนายจะสู้พวกมันได้”ฮิจจังพูดตามที่คิด
“งั้น
”ก่อนที่แฟนต้าจะพูดอะไรฉันก็แย้งขึ้นมาก่อน
“เพราะฉะนั้นเนริถึงอยากจะให้ทุกคนฝึกไง” พวกนั้นมองหน้ากันก่อนจะตอบ
“ขอความกรุณาด้วยครับ!!!!!”
“ดี แต่ที่ฉันคิดไว้ ที่ร.ร.กำลังจะมีงานเต้นรำวันเสาร์นี้และฉันคิดว่านั่นจะเป็นช่วงที่อันตรายที่สุด”คิมพูด
“ในวันนั้นจะเป็นวันที่ทางร.ร.เปิดให้พวกคนนอกเข้าไปได้ และฉันจะให้พวกนายปลอมตัวเข้าไป”คิมอธิบายต่อ
“แต่พวกผมจะปลอมตัวเข้าไปได้ยังไงในเมื่อมันไม่ใช่งานหน้ากากหรือแต่งแฟนซีอะไรเทือกนั้น”คริตถาม
“ถ้างานแค่นี้ยังทำไม่ได้ พวกนายก็น่าจะปลดตัวเองออกจากตำแหน่งหัวหน้าหน่วยได้แล้วนะ”เจ้เฟชรพูดทำเอาพวกนั้นสะอึก ฉันรู้ว่ามันอาจจะแรงไปแต่ว่าบางครั้งเราก็ต้องช่วยเหลือตัวเองบ้าง
“...”
“ในวันนั้น ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น นายจะต้องเอาพวกผู้หญิงออกจากที่นั่นให้เร้วที่สุดและให้ได้มากที่สุด รวมทั้งพวกบุคลากรของร.ร.ด้วย”คิมยังคงอธิบายแผนการต่อไป
“ผมจะช่วงกางเขตอาคมจำกัดอาณาเขตการทำลายไว้ด้วยครับ”ฮิจจังเสนอ
“ไม่ต้องฮิคารุเรื่องนั้นเราคงทำอะไรไม่ได้มากความเสียหายยังไงก้องเกิดขึ้นอยู่แล้วเราแก้ไขอะไรไม่ได้นักหรอก อีกอย่างกางเขตอาคมใช่ว่าจะปลอดภัย100%ตราบใดที่ยังอยู่ในเขตอาคมยังไงก็ตายอยู่ดี อีกอย่างมันเป็นการสิ้นเปลืองพลัง เรื่องนี้ฉันว่าปล่อยให้พวกแฟนต้าจัดการจะดีกว่า”คิมว่า
“ครับ”ฮิจจังขานรับเบาๆ
“งานนี้ต้องการคนคุมเกมส์ เต๋า นายรับหน้าที่นี้ระหว่างนั้นนายก็ตรวจสอบแฟ้มข้อมูลทุกคนที่น่าสงสัยและถ้าเป็นไปได้ตรวจจับคลื่นพลังงานที่เข้ามาใกล้ร.ร.แล้วรายงานฉันเป็นระยะด้วย”คิมแจกแจงงาน
“รับทราบ”
“เนริ แกเก็บเพื่อนของแกให้ดีดีละกัน ฉันจะไม่เสียสละคนส่วนมากเพื่อคนส่วนน้อยเด็ดขาดถึงจะเป็นเพื่อนของแกเองก็ตาม”คิมว่า
“อืม”ฉันขานรับ
“เจ้เฟชร งานนี้ผมคงต้องขอให้เจ้ขัดขวางไม่ให้พวกตำรวจนั่นมาถึงเร็วเกินไปนะฮะ”คิมหันไปถาม เจ้เฟชรพยักหน้าตอบ
“เวย์ พี แกต้องหาทางติดเครื่องดังฟังในเครื่องวิทยุของพวกสต๊าฟงานให้ได้”
“ได้/ได้เลย”สองสาวรับคำ
“ยูกิ อาคิ คอยจับตาดูผู้ต้องสงสัยทั้งหมด”
“ครับ/ครับ”สองหนุ่มขานรับ
“ฮิคารุ ถ้าพวกนั้นปรากฏตัวให้นายไปประสานงานกับพวกโอโซนนำคนออกจากร.ร.ไปในที่ๆไกลที่สุดเท่าที่จะไปได้”คิมบอก
“รับทราบครับ”หนุ่มหน้าหวานกล่าว
“แล้วผมล่ะฮะ”ไฮยาโตะถาม
“ไฮยาโตะ คาริว คีรุน พวกนายต้องช่วยตัวประกันและดูแลเนริ ถ้าฉันเดาไม่ผิดพวกมันน่าจะต้องการอะไรจากพวกเราและเป้าหมายสำคัญของมันคือเนริ พลังที่เข้ากับพวกมันได้มากที่สุดคือธาตุน้ำ นั่นก็คือเนริ พวกนายจะต้องช่วยกันดูแลเนริ และอีกนัยนึงพวกนายจะต้องช่วยตัวประกันด้วย อย่างคราวที่แล้ว พวกมันเอาตัวประกันขึ้นมาเพื่อบอกให้เรารู้ว่ามันเองก็มีไพ่ตายคือตัวประกันที่มันจับไปเพื่อแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างกับเรา”คิมอธิบาย
“และถ้าจำเป็น ฉันจะเสียสละตัวเอง”ฉันพูด ทั้งห้องประชุมเงียบ
“แกยังไม่เข้าใจรึไงเนริ มันต้องการพลังของแกและเมื่อไหร่ที่มันได้พลังของแกไป พวกเราจบ จบเห่แน่ ไม่ใช่แค่พวกเรา แต่ชีวิตอีนับ1000ที่อยู่ในร.ร.จะต้องจบด้วยเพราะฉะนั้นงานจริงๆของแกคือ ดูแลตัวเองให้ดีเถอะแล้วอีกอย่างพวกเด็กๆน่ะไม่ต้องห่วงตราบใดที่เนริยังอยู่กับพวกเราเด็กๆจะไม่เป็นอะไรเพราะพวกมันยังต้องใช้พวกเด็กๆเป็นข้อต่อลองกับเรา”เต๋าว่า
“อืม เข้าใจแล้ว”ฉันบอก จากที่เต๋าบอกมันก็คงจะจริง ดังนั้นฉันก็คงหมดห่วงได้เรื่องหนึ่ง
“แต่เดี๋ยวก่อน ทั้งๆที่อาคิก็เป็นเวทย์ธาตุน้ำเหมือนกันแต่ทำไมมันถึงไม่สนใจอาคิเลย”ฉันถาม คุณคงยังไม่ลืม อาคิเองก็เวทย์ธาตุน้ำเหมือนกัน
“อันนั้นเองผมก็สงสัยนะฮะ”ยูกิบอก โดยมีอาคิพยักหน้าเห็นด้วย
“จะมองหาของที่พอใช้ได้ทำไมในเมื่อของที่ดีที่สุดอยู่ตรงหน้าแล้ว”เต๋าว่า
“หมายความว่าไง”ฉันถาม
“พวกGoDน่ะเป็นผู้ชายเปรียบเทียบหลักการหยินหยางเอาสิ“เต๋าอธิบาย
“นายกำลังจะบอกว่ามันต้องการพลังาตุน้ำที่มีผู้ครอบครองเป็นผู้หญิงงั้นสิ”เวย์ถาม
“ก็ดูจากอะไรหลายๆอย่างแล้วมันก็คงต้องเป็นแบบนั้น ถ้าไม่อย่างนั้นพวกมันคงจะเปลี่ยนเป้าหมายมาที่อาคิบ้าง และอาคิเองก็ไม่เคยเจอพวกมันอบบตัวต่อตัวใช่มั้ย”เต๋าว่า
“ครับ”อาคิพยักหน้ารับ
“เอาล่ะเหลือเวลาอีก3วันนับจากวันนี้ จบการประชุมเพียงเท่านี้ ส่วนพวกแฟนต้า เจอกันที่สนามซ้อมอีก10นาที”คิมพูดตัดบทก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“โชคดีนะ”เวย์อวยพรก่อนจะเดินตามคิมออกไป
“อ้อ เนริ แกต้องไปโรงเรียนด้วยวันนี้”คิมโผล่หัวข้ามาบอก
“อืม”ฉันขานรับก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวที่ห้องของฉันเองในขณะที่คนอื่นๆก็เริ่มแยกย้ายกันไป
ฉันคิดทบทวนเรื่องราวที่ได้เจอไปเมื่อวานและเรื่องราวทั้งหมดที่ได้เจอมา ทุกๆอย่างเหมือนความฝัน และจะดีกว่านี้มากถ้ามันเป็นความฝัน ใช่ความฝัน ความฝันที่เราไม่ต้องเจ็บ ไม่ต้องจากกัน อยู่ด้วยกันไปตลอดกาล......
RaiN BloOd สายฝนสีเลือด
ความคิดเห็น