คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : -- ความสับสนภายในใจ -- -- 1%ที่ไม่อยากให้เสี่ยง (เอาใจแฟนคลับพีรินโดยเฉพาะ)
-- ความสับสนภายในใจ -- -- 1%ที่ไม่อยากให้เสี่ยง (เอาใจแฟนคลับพีรินโดยเฉพาะ)
PIRIN : SAYS
ท่ามกลางเสียงจ้อกแจ้กภายในห้องเรียน นักเรียนหญิงชายต่างพากันจับกลุ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันอยู่ภายในห้องอย่างเปิดเผยฉันยังคงนั่งจ้องมองนักเรียนคนอื่นๆที่เดินหรือพวกที่เพิ่งมาถึงส่งเสียงทักทายกันตามปกติ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนฉันก็คงจะเข้าไปร่วมวงสนทนาพวกนั้นด้วยแน่ๆ แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะมาทำเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นหรอก เพราะว่าตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้วถึงแม้ว่านี่จะเป็นเวลาเกือบ2อาทิตย์นับจากวันที่วิดีโอกับจดหมายลึกลับนั่นถูกส่งมา ถ้าลางสังหรณ์ของฉันไม่ผิดอีกไม่นานฉันคิดว่าพวกเดม่อนนั่นจะต้องลุกขึ้นจากหลุมมาเคลื่อนไหวแน่ๆ และทุกคนในโซเนอร์ก็คิดไม่ต่างจากฉัน สายตาของฉันเหลือบมองไปที่เคนกับเต้พยายามฉุดให้เงยหน้าขึ้นพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องหนังการ์ตูนเดอะ มูฟวี่เรื่องโดราเอม่อนที่ออกฉายไปเมื่อคืน(ซึ่งจริงๆแล้วเรื่องนี้ฉันว่าน่าจะไปนั่งคุยกับฟาริจะถูกกว่านะรายนั้นชอบโดราเอม่อนจะตายไป)กับนัททีคอยคลอเคลียวายองอยู่ไม่ห่างพลางคิดไปคิดมา /ไม่น่าเชื่อเลยว่าไอ้3ตัวนี่จะตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ มันต่างจากอิมเมจที่ฉันวาดภาพไว้เกินไปคนนึงก็แสนดี คนนึงก็น่ารักน่ากอด ส่วนไอ้คนสุดท้ายนี่ก็อาจจะกวนๆไปบ้างแต่ก็ถือว่าดีล่ะนะ/ความคิดในหัวฉันตอนนี้มันตีกันยุ่งเหยิงไปหมดแล้วฉันเอามือขยี้หัวตัวเองเบาๆ เรียกความสนใจจากคนที่อยู่ในรัศมีโดยรอบของฉันให้หันมาดู(แน่ใจนะว่านั่นแค่ขยี้หัวเบาๆน่ะ)
“เป็นอะไรหรอพี”เสียงของนัทที่คอยเกาะแขนเกาะขาไอ้เวย์อยู่ถามขึ้นมา
“เออ นั่นดิ เป็นไรไปวะพี หรือวันนี้คาริวไม่พาไปฉีดยารึไง”ไอ้เวย์พูด ดูมัน แค่ขยี้หัวนิดๆหน่อยๆพี่แกลากโยงไปถึงคาริวได้เลยนะนั่น=_=!!
“โยงไปนั่นเชียวแล้วทีแกล่ะเทียวไล้เทียวขื่อซะ”ฉันย้อนเล่นเอาวายองอึ้งไปเลย ใช่สิ ช่วงหลังๆมานี้พอออดเลิกเรียนดังไม่ทันไรไฮยาโตะก็มาโผล่หัวที่หน้าประตูห้องซะแล้วถึงเจ้าตัวจะบอก(อ้าง)ว่ามาหาเนริก็เหอะ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมาหาเนริบ่อยขนาดนี้ปกติเนริจะเป็นฝ่ายเข้าหาซะมากกว่า เหอะๆ ปากแข็ง
“อย่ามายุ่งน่า!!”วายองพึมพำเบาๆ เฮ้อ ลืมเรื่องเครียดไปเลยแฮะ แต่พอไม่มีอะไรทำแล้วก็นึกถึงขึ้นมาใหม่ โอ๊ยยยย!!!!!!! จะเอายังไงกันแน่ฟะ สมองฉ้านนนนนนนนนนนนนนนนนน พอคิดได้แบบนี้มือเจ้ากรรมก็เริ่มทำหน้าที่ขยี้หัวตัวเองอีกรอบ ส่วนคนอื่นๆก็ส่งสายตายมาแบบประมาณว่า อีนี่มันบ้าไปแล้วววววว!!!!!~
ฉันหันมองไปรอบๆตัวก็ยังเจอสายตาแบบนี้อยู่-_-+++
โว้ย!!!!!~ ไม่รงไม่เรียนแม่งแล้ว!!!~ สมองคิดได้แบบนี้ก็สั่งการให้สองมือจัดการกวาดของทั้งหลายแหล่ใส่ลงในกระเป๋า พลางคว้าเส้อคลุมสถาบันพาดบ่า สาวเท้าเดินทันที
“เฮ้ย จะไปไหนล่ะนั่น จะโดดอีกแล้วเรอะ”เสียงเนริโวย
“อือ ไม่มีอารมณ์จะเรียนว่ะ ขอไปทำอารมณ์แป๊บ(??)นะ วันนี้จะไม่เข้าเรียนแล้ว(ไหนบอกไปแป๊บเดียวไง นี่มันเล่นโดดทั้งวันเลย) ถ้าใครเรื่องมากอยากมีเรื่องล่ะก็บอกได้เลย... ว่างานนี้มากกว่า2อาทิตย์แน่”ฉันพูดพลางชู2นิ้วให้ดู เด็กในห้องกลืนน้ำลายดังเอื๊อกใหญ่ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอย่างมีมาด เพราะทุกคนรู้แน่ว่าฉันจะทำจริงๆเพราะขนาดนางแมวยั่วสวาท(ครูสอนภาษาอังกฤษ)ฉันยังซัดมาแล้วเลย นั่นเลยทำให้ฉันมีชื่อเสีย(ง)ดังกระฉ่อนร.ร.ในเวลาต่อมา
“อื้อ ฝากซื้อคาลาเมลด้วยล่ะเห็นว่าพวกคาริวอยากกินพุดดิ้งราดซอสคาลาเมลน่ะ เอาของยี่ห้อเดิมนะถ้าไม่มีไม่ต้องซื้ออย่างอื่นมานะ”เนริสั่ง ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเดินตัวปลิวออกจากห้อง เฮ้อ เท้าเจ้ากรรมเดินไปถึงหน้าโรงเรียนแล้วสายตาน้อยๆของฉันแพนไปที่รั้วโรงเรียนสีดำที่ตั้งตระหง่านตรงหน้ากับยามแก่ๆที่นอนหลับอยู่ไม่ไกล ของแค่นี้ขัดขวาง(การโดดเรียน)ของฉันไม่ได้หรอกเฟ้ย!!! ฉันคิดก่อนจะโยนกระเป๋านักเรียนข้ามไปอีกฝั่งของรั้วหน้าโรงเรียน
ตุ๊บ! กระเป๋าใบน้อยหล่นลงสู่พื้นดินอย่างสวยงาม
“เฮ้ย!! ใครน่ะ”สะดุดกึกเลยฉัน ฉันหันไปมองตายามแก่ๆ(เน้นแล้วเน้นอีก)ที่นอนกอดวิทยุสีดำเก่าคร่ำครึอยู่
ตาเอ๊ยตา หนูใจหายหมด หลับให้สบายเถอะนะคะ สาธุ ฉันคิดก่อนถอยหลังไป2-3ก้าว แล้วก็...
ตุ่บ! ลงสู่พื้นได้อย่างสวยงาม เอาคะแนนไปเลย 100 เต็ม 10(มีด้วยเหรอนั่น!!) ตอนนี้ฉันทำการออกจากโรงเรียนได้สำเร็จแล้ว แล้วจุดหมายต่อไปจะไปไหนดีล่ะเนี่ย เฮ้อ คนหล่อคิดไม่ออก
ระหว่างที่ฉันกำลังเดินไปเอารถที่จอดหลบอยู่ไม่ไกลจากร.ร. รถเฟอร์รารี่สีน้ำเงินเปิดประทุนคันงามจอดอยู่ให้เห็นกันแบบว่าไม่กลัวขโมย จะกลัวได้ยังไงล่ะก็กุญแจรถอยู่กับฉัน อีกอย่างในตัวเครื่องยนต์เต๋าก็จัดการฝังชิพติดตามเอาไว้บวกกับเพื่อความมั่นใจฉันก็เลยให้เต๋าเพิ่มระเบิดชิพเข้าไปด้วย ประมาณว่า ถ้ารถหายแม่ก็จะกดสวิตส์นี่ซะเดี๋ยวก็จะรู้เองแหละว่าใครขโมยไป 555+ (ชั่วสมบูรณ์แบบ)
ฉันโยนกระเป๋าหนังสือไว้ที่เบาะหลังอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเปิดลิ้นชักของรถออกดูเพื่อเช็คข้าวของที่อยู่ข้างใน
อืมมมม ครบนะก็มีของกระจุ๊กกระจิ๊กตามภาษากับปืน9ม.ม.อีก2กระบอก อ๊ะ นึกออกแล้วว่าฉันจะไปไหนดี ที่ๆฉันสามารถระบายอารมณ์ได้ ที่สนามซ้อมยิงปืนของกรมตำรวจ (ที่เดิมนั่นแหละ) ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากมาย ที่นั่นแหละจุดหมายที่ฉันจะไป
“อ้าว พี มาไงเนี่ย”เสียงทักแรกดังขึ้นมานักจากที่ฉันก้าวเข้ามาในบริเวณฝึกซ้อม เสียงอย่างงี้ไม่ต้องบอกก็รู้อีตาพี่วินเจ้าเก่าชัวร์เลย1000เปอร์เซ็นต์ นั่นไงเจ้าตัวนั่งอยู่ตรงที่พักทานอาหารของสนามซ้อมกับพี่แก้ว่าที่ภรรยาขี้งอนนั่นเอง
“ขับรถมาพี่ ไม่ได้ลอยมาหรอก”ฉันย้อนกลับไปพลางยกมือไหว้พี่แก้วว่าที่ภรรยาของนายตำรวจเอก ภัทรขจร อินทรบดี (พี่วิน)นั่นแหละ
“โห ปากคอเราะร้ายนะเนี่ยเรา ไปเครียดอะไรมาล่ะน่ะ”พี่วินว่าพลางทำหน้ามุ่ยเมื่อเห็นสีหน้าของฉัน
“ก็นิดหน่อย ว่าแต่พี่เหอะเครียดอะไรมาเห็นตอนเดินเข้ามาคิ้วงี้มันจะไหลมากองเป็นกระจุกเดียว”ฉันย้อนถาม
“รู้แล้วเหยียบไว้เลย คืองี้..”พี่วินทำหน้าเลิ่กลั่กก่อนจะดึงฉันลงมานั่งที่โต๊ะ
“ว่าไงพี่ เร็วเลยเอาแต่เนื้อไม่เอาน้ำนะ เอ๊ะ หรือว่าพี่ตกำลงจะแต่งกันแล้ว วันไหนอะเดี๋ยวพีจะได้เตรียมชุดทัน”ฉันกระเซ้า
“ไม่ใช่หรอกจ้ะ เรื่องงานน่ะ”พี่แก้วพูด พี่แก้วจริงๆแล้วไม่ใช่คนที่สวยอะไรนักแต่พี่เขาค่อนข้างจะน่ารักและนิสัยดีนั่นเลยทำให้พี่วินตกหลุมรักแบบโงหัวไม่ขึ้นเลย นี่ละน้าบุรุษไหนเลยจะไม่พ่ายแพ้ต่อสตรี อ้อ พี่แก้วก็เคยเป็นตำรวจด้วยล่ะ แต่ว่าตอนนี้ลาออกมาแล้วตามคำขอร้องของพี่วิน หึหึ ปากก็ปฏิเสธแต่ก็ยอมทำตามคำขอร้องเขาซะงั้น คนปากแข็ง
“งานอะไรหรอคะ พีช่วยได้ป่ะ”ฉันเสนอ ถ้าสมมติว่างานที่พี่วินทำเป็นพวกบุกจับบ่อนพนัน หรือจับพวกวัยรุ่นมั่วสุมล่ะก็ฉันจะได้ตามไปอาระวาดล่ะ
“ไม่ใช่อย่างที่พีคิดหรอกหรือถ้าเป็นจริงๆก็อย่างหวังว่าพี่จะพาไป”พี่วินดักคอฉันอย่างรู้ทัน (โธ่พีเซ็ง)
“อะอะ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ว่าแต่มีอะไรว่ามาพีรีบนะ เอ๋หรือว่าพี่แก้วท้อง”ฉันก็ยังเล่นไม่เลิก
“บ้าดิ คืองี้ พี่ได้รับงานที่เป็นความลับอย่างนึง คืองี้พีรู้จักพวกนักสู้ที่เรียกตัวเองว่าเดม่อนมั้ย”พี่วินถามฉันสะดุดกึกทันทีที่ได้ยินชื่อที่คุ้นเคยพลางเปลี่ยนท่าทางทันที
“รู้ ทำไมหรอ”ฉันย้อนถามเสียงเครียดผิดกับพี่วินที่ยิ้มร่าด้วยความดีใจ
“นั่นแหละงานพี่ล่ะ มีงานส่งตรงมาจากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านนึงให้สืบเรื่องเกี่ยวกับพวกนี้ล่ะเพราะสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับพวกขนยาเสพติดเข้าประเทศ”ฉันมองหน้าพี่วินอย่างอึ้งๆ อะไรกันเนี่ย แค่เรื่องพวกเคนฉันก็จะแย่แล้วขืนถ้าพี่วินเข้าไปเอี่ยวด้วยฉันไม่ต้องมามัวห่วงหน้าพะวงหลังหรอกหรอ
“พี่วิน พีขออะไรอย่างนึงสิ”ฉันพูดเสียงเบาๆแต่ฟังจัดเจนพลางจ้องเข้าไปในดวงตาของพี่วิน
“หา อะไรหรอ”พี่วินทำหน้าเหรอหราเมื่อฉันพูดน้ำเสียงจริงจัง
“รับปากพีได้มั้ยว่าจะทำตามที่ขอร้อง”ฉันว่า พี่วินที่รับรู้ถึงความเครียดที่ก่อตัวขึ้นก็เปลี่ยนท่าทีเป็นขึงขังแทน
“ถ้าพี่ทำได้ พี่จะทำให้ก็แล้วกันว่าแต่มีอะไรล่ะ”พี่วินถาม
“ถอนตัวซะ”คำพูดเพียง3พยางค์ที่ออกจากปากของฉันทำให้พี่วินงง พี่แก้วก็เช่นกัน
“ทะ ทำไมล่ะ มีอะไรรึเปล่าพี”พี่แก้วถาม
“นั่นสิ มีอะไรหรอถึงจะให้พี่ถอนตัวจากคดีนี้”พี่วินถาม
“ได้มั้ยพีขอร้อง พี่ไม่รู้หรอกว่าตัวเองกำลังเข้าไปยุ่งกับอะไร”ฉันตอบโดยประโยคสุดท้ายพูดกับตัวเองแต่ก็ไม่วายที่จะทำให้คนทั้ง2ได้ยิน
“หมายความว่าไงพี พีรู้อะไรเกี่ยวกับคดีนี้”พี่วินถามเสียงแข็ง
“การที่พี่ทำแบบนี้มันไม่ต่างจากแมงเม่าที่เอาชีวิตน้อยๆของตัวเองเข้าไปทิ้งในกองไฟโดยที่ไม่รู้อะไรเลย” ฉันว่าพลางทำท่าจะเดินหนี พี่วินคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของฉัน
“เดี๋ยว ทำไมพี่ต้องทำตามที่เราบอกด้วย”พี่วินพูดพลางจ้องเข้ามาในดวงตาของฉัน ฉันถอนหายใจก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้เหมือนเดิม
“เพราะพีขอร้อง ได้โปรดเชื่อคำพูดของน้องคนนี้แล้วซักวันพี่จะต้องขอบคุณพี”ฉันพูดเรียบๆ
“คดีนี้มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยรึไงจ๊ะ ดูพีซีเรียสจัง”พี่แก้วพูดเมื่อเห็นสีหน้าของฉัน
“พีรู้อะไรเกี่ยวกับคดีนี้”พี่วินถามอีกครั้ง ฉันมองหน้าพี่วินสลับกับพี่แก้วก่อนจะตอบ
“ถ้ายังอยากมีชีวิตรอดมาแต่งงานกับพี่แก้วพี่วินจะต้องไม่รู้เรื่องนี้ และเพื่อความปลอดภัยของตัวพวกพี่เองพีจะไม่บอกอะไรทั้งนั้น แต่ขอให้รู้ไว้ว่าที่พีทำก็เพื่อปกป้องพี่ที่พีเคารพ เพราะฉะนั้นอย่าถามอะไรพีเลย และพี่วินก็ถอนตัวออกจากคดีนี้ซะ”ฉันพูดเบาๆแต่ทำไมมันถึงดังก้องอยู่ในหูชัดเจนนักนะ
“พีบอกเหตุผลที่พี่จะต้องถอนตัวมาซัก3ข้อสิแล้วพี่จะพิจารณาเองว่าพี่จะถอนตัวมั้ย”พี่วินถามเสียงอ่อน
“ก็ได้ 1.เพื่อคนรอบข้างของพี่เอง
2.เพื่อความปลอดภัยของพี่แก้ว และ
3.เพื่อความปลอดภัยของพี่เอง “ฉันตอบพลางมองเข้าไปในดวงตาของพี่วินเพื่อยืนยันว่าที่พูดมาเป็นความจริง ฉันรู้ ไอ้พวกนี้มันเก่งแค่ไหน เพราะฉันเองก็ไม่ต่างจากพวกมันนักเพียงแต่จิตใจฉันสูงกว่าพวกมันก็เท่านั้น
“ไม่เกี่ยวเลยพี งานตำรวจมันจำเป็นจะต้องเสี่ยงกับความปลอดภัยของตัวเองอยู่แล้วและพีก็ไม่เคยว่าอะไรแต่ทำไมงานนี้พีถึงอยากให้พี่ถอนตัว”พึ่วินพูดอย่างเหลืออด
“บอกมาเถอะนะพี พี่ไม่ไปบอกใครหรอก นะ”พี่แก้วช่วยเกลี้ยกล่อม
“...ก็ได้ แต่พี่จำไว้อย่างนะนับตั้งแต่พี่ได้ฟังเรื่องที่พีจะเล่าต่อไปนี้ ชีวิตพี่จะเหมือนอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลาจบกว่าคดีนี้จะปิดลงและถ้าพี่เปิดปากบอกำใครล่ะก็นั่นจะเป็นเหมือนการที่พี่บั่นทอนอายุขัยของพี่ให้มันสั้นลงไปทุกที”ฉันกล่าว
“อื้ม พี่จะไม่บอกใคร”
“จ้ะพี่สัญญา” พอได้คำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วฉันก็ยอมเปิดปากเล่า
“พี่วินจำได้มั้ยว่าพีเคยบอกพี่ว่าพีทำงานอะไร”ฉันถาม พี่วินพยักหน้าตอบ
“หรือว่า...”หลังจากปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้วพี่วินก็ทำหน้าเหมือนเห็นผี
“ใช่ พีทำคดีนี้อยู่ และพีรู้ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นเพราะแบบนี้พีถึงไม่อยากให้พี่เข้ามายุ่งเพราะเปอร์เซ็นต์การรอดของพี่จะเหลือเพียง1ใน100เท่านั้น”ฉันอธิบาย
“ขนาดนั้นเชียวหรอ”พี่แก้วอุทาน
“ใช่ค่ะ มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆที่พีจะยอมให้พวกพี่เข้าไปเสี่ยง”ฉันตอบ
“แล้วทีพียังเข้าไปยุ่งได้ ทำไมพี่ถึงจะเข้าไปยุ่งด้วยไม่ได้ล่ะ”พี่วินแย้ง
“3ซี่”ฉันพูดเบาๆ
“หา..”
“ครั้งสุดท้ายที่ปะทะกับพวกมันถึงจะไม่ใช่ตัวหัวหน้าแต่มันก็มีเยอะราวๆ1000คนใวลาไม่ถึง2ชั่วโมง พีซี่โครงหักไป3ซี่และไม่นับอาการอื่นๆอีกนานับประการ”ฉันอธิบาย พี่แก้วตาลุกวาว
“งั้นที่พีบอกว่าครั้งสุดท้ายแสดงว่าก่อนหน้านั้นพีก็เคยปะทะกับมันมาแล้วงั้นสิ”พี่วินถามฉันพยักหน้าตอบเบาๆ
“พีเคยเจอตัวหัวหน้ามันมาแล้ว
“ยังไม่ทันที่ฉันจะกล่าวประโยคต่อไปพี่วิรนก็กล่าวดักคออย่างรู้ทัน
“เพราะอย่างนี้พีถึงไม่อยากให้พี่เข้าไปเสี่ยง”
“อือ”ฉันขานรับ
“แล้วบอกได้มั้ยว่าทำไมพีถึงเข้าไปเอี่ยวกับคดีนี้”พี่แก้วถาม
“เพราะพวกมันจงใจเล่นงานพวกพี ลำพังพวกพีต้านมันได้ก็เกือบตาย ดังนั้นพีจึงไม่อยากให้พี่เข้ามาเป็นตัวถ่วง”ฉันตอบตามตรง
“ทำไม”
“พี่วินถามนี่หมายถึงว่าทำไมมันถึงเล่นงานพวกพีหรือว่าทำไมพีถึงว่าพวกพี่เป็นตัวถ่วงล่ะ”ฉันย้อน
“ก็ทั้งสองอย่าง”
“ข้อแรกพีไม่รู้แต่คาดว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับ.. เอาเป็นว่าพี่ไม่ต้องรู้เรื่องนี้ ส่วนข้อหลังนี่ เพราะพวกพี่ต้านมันไม่อยู่และพวกมันก็ฆ่าไม่เลือกด้วยแทนที่ว่าพี่จะมาช่วยกลับเป็นตัวถ่วงให้พวกพีต้องพะว้าพะวงแทน”ฉันตอบ
“ทำไมถึงคิดว่าพี่จะต้านมันไม่อยู่เคยรู้ฝีมือพี่หรอ”พี่วินพูดอย่างไม่พอใจ แน่ล่ะเมื่อกี๊มันเหมือนกับว่าฉันว่าพี่แกอ่อนฝีมืออยู่นี่
“ถึงพี่จะเก่งแค่ไหนพี่ก็ต้านมันไม่อยู่เพราะพวกมันไม่ใช่คน”ฉันตอบเรียบๆ พี่วินหัวเราะ ฉันอยากรู้จังว่าถ้าพี่เขารู้ว่าฉันเป็นอะไรพี่เขาจะหัวเราะออกมั้ย -_-“
“555+ บ้ารึเปล่าพวกมันเป็นผีรึไงถึงว่าพวกมันไม่ใช่คนน่ะ ห๊ะ เรานี่...”เสียงพี่วินขาดติอนไปเพราะฉันเสกลูกไฟดวงใหญ่ขึ้นมาไว้ในมือทำเอาพี่วินอ้าปากค้าง
เป๊าะ เพียงดีดนิ้วครั้งเดียวเปลวไฟที่อยู่ในมือก็หายไปราวกับว่ามั้นไม่เคยมีตัวตนมาตั้งแต่ต้น
“ทีนี้เชื่อยังว่ามันไม่ใช่อะไรที่พี่จะต้านได้”ฉันถามพี่วินกับพี่แก้วที่ยังอึ้งไม่หาย
“มะ มายากลหรอ”พี่แก้วที่เพิ่งได้สติถาม
“งั้นไอ้นี่เรียกมายากลมั้ยนะ”ฉันค่อยๆกางปีกค้างคาวสีดำใหญ่ที่หลังให้ดู อย่าลืมสิฉันเป็นแวมไพร์นะ
“0.0”ทั้งสองมองหน้ากันเลิ่กลั่กสลับกับหันไปมองรอบๆ
“ไม่มีใครเห็นหรอกนอกจากพวกพี่พีร่ายมนต์กำบังไว้”ฉันเฉลย ตอนนี้สายตาฉันกลายเป็นสีม่วงอะเมธิสต์เต็มตาเพราะตามปกติสีตาของฉันเป็นสีดำสนิท
“เอ่อ พี เป็น พี.. “
“แวมไพร์”ฉันต่อคำพี่แก้ว
“จะ จับได้มั้ย”พี่วินละล่ำละลักถาม ฉันพยักหน้าตอบพลางสยายปีกยื่นไปให้พี่วินได้ลองจับดู พี่วินเอื้อมมือไปจับอย่างกลัวๆแล้วก็สะดุ้งเมื่อฉันขยับปีกไปให้โดนมือพี่แกอย่างรำคาญ จะจับก็ไม่จับ กลัวอะไรกันนักกันหนา ฉันคิดพลางหยิบแก้วกาแฟที่เสกขึ้นมาจิบ แต่ก็ต้องร้องเมื่อพี่วินทำท่าดึงปีกของฉัน(พี่คะ ปีกนะไม่ใช่ขนดึงซะ)
“โอ๊ย! พี่เบาๆหน่อยเจ็บนะดึงมาได้เนี่ย”ฉันเอ็ดพี่วิน
“พี่ก็นึกว่ามายากลน่ะสิ ขอโทษนะ”พี่วินกล่าวขอโทษพลางใช้มือลูบไล้ไปตามปีกของฉัน
“พี่วินปล่อยเดี๋ยวนี้เลย พีขนลุก”ฉันว่าพลางเก็บปีกเหมือนเดิมและร่ายมนต์ทำลายเวทย์กำบัง ที่ฉันขนลุกนี่ไม่ใช่ว่าโกหกหรอกนะ ฉันขนลุกจริงๆเพราะว่าปีกนี่ก็เหมือนส่วนนึงของร่างกายมันจึงมีเส้นประสาทอยู่ข้างในด้วย ถ้าเกิดมันขาดหรือแหว่งไปมันก็เหมือนกับพิการนั่นแหละ
“ทีนี้เชื่อรึยัง พวกนั้นมันก็เป็นแบบเดียวกับพวกพีนั่นแหละ”ฉันพูดอย่างรำคาญเมื่อไหร่พวกมนุษย์ถึงจะยอมรับหรือเข้าใจอะไรง่ายๆบ้างนะ
“พี่ไม่อยากถอนตัว”พี่วินพูดอย่างหนักแน่น
“พี่วิน!!”ฉันตะโกน ทั้งอธิบายก็แล้ว ให้เห็นตัวจริงก็แล้วทำไมพี่เขาถึงได้ดื้อด้านขนาดนี้นะ อ๊ากกกกกกกกกกก อยากพ่นไฟ(เอ่อ ได้ข่าวว่าแกเป็นแวมไพร์นะ แล้วแวมไพร์เนี่ยมั่นพ่นไฟได้ด้วยเรอะ!!~)
“ ขอโทษจริงๆพี แต่พี่อยากทำงานนี้จริงๆแล้วยิ่งพี่รู้ว่าพี่กำลังเผชิญกับอะไรพี่ก็ยิ่งอยากทำมันมากขึ้น แล้วยิ่งพี่รู้ว่าพีทำงานนี้ด้วยพี่ก็ยิ่งอยากช่วย
”
“ช่วยเป็นตัวถ่วงน่ะสิ”ก่อนที่พี่วินจะพูดจบฉันก็ขัดขึ้นมาซะก่อน
“...”
“พีทั้งบอกเหตุผลทั้งอธิบายแล้วทำไมพี่วินถึงไม่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆนะ พวกนั้นมันไม่ธรรมดา และพี่ก็ต้านมันไม่อยู่การที่พี่เข้าไปยุ่งก็เท่ากับว่าพี่เอาชีวิตตัวเองเข้าๆไปทิ้ง แล้วพี่แก้วล่ะ พี่คิดถึงพี่แก้วบ้างมั้ย ทั้งๆที่พี่ได้มาเจอกันแล้วก็คบกันมาถึงทุกวันนี้พี่ยังจะทำอะไรโดยไม่คิดถึงพี่แก้วอีกหรอไง แล้วคนรอบข้างพี่ล่ะ ไม่ต้องห่วงพีจะไม่ใช่พี่ต้องถอนตัวคนเดียวแน่ เพราะคดีนี้จะถูกยกเลิก พีจะไม่ยอมให้พวกพี่เป็นอะไรไป ภายใน2วันจดหมายการยกเลิกภารกิจจะถูกส่งไปถึงและถ้าพวกพี่ไม่ปฏิบัติตาม พี่ก็อย่าหาว่าองค์กรพีไม่เตือน!!!”ฉันพูดรัวเร็วและเสียงดังจนเกือบจะเป็นเสียงตะคอก พี่วินกับพี่แก้วมองหน้าฉันอย่างอึ้งๆเพราะว่าพี่เขาไม่เคยเห็นฉันเป็นแบบนี้ คนรอบข้างที่อยู่ในรัศมีการได้ยินของฉันเริ่มให้ความสนใจกับโต๊ะเรามากเป็นพิเศษ ก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรต่อก็รู้สึกถึงแรงกดที่บ่า
“ริว”ฉันเรียกชื่อของคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาตามฉันมาหรอ
“เห็นเนริบอกว่าพีโดดเรียนก็เลยตามมาน่ะ เป็นอะไรมากรึเปล่า”คาริวพูดน้ำเสียงนิ่งๆก่อนจะเอามือมาแตะที่หน้าผากฉันเบาๆ ส่วนพี่วินกับพี่แก้วก็มองหน้าคาริวอย่างสงสัย ไม่ใช่อะไรหรอกเพราะว่าที่นี่น่ะเข้าได้เฉพาะคนที่มีบัตรน่ะสิ แล้วพี่วินก็ซ้อมที่นี่ประจำเรียกได้ว่าใครเข้ามาที่นี่พี่แกจำได้หมดจึงไม่แปลกที่พี่เค้าจะสงสัยเมื่อเห็นคาริวเดินเข้ามาที่นี่เพราะปกติคาริวชอบซ้อมยิงที่บ้านมากกว่า
“...”
“ไม่มีไข้งั้นก็คงมีเรื่องอะไรไม่สบายใจใช่มั้ย”คาริวถามพลางเอามือลูบหัวฉันเบาๆ ให้ตายเถอะจะให้ฉันหน้าแดงไปถึงไหนเนี่ย
“อื้อ”ฉันตอบพลางปัดมือริวออกจากหัวฉันซึ่งเจ้าตัวก็ยอมโดยดี
“สวัสดีครับ ผมชื่อคาริว”ริวแนะนำตัวก่อนจะยื่นมือออกมาข้างหน้า พี่วินเห็นแบบนี้จึงยื่นมือออกมาจับทักทาย
“เอ่อ พี่ว่านั่งก่อนดีกว่ามั้ยจ๊ะ คนอื่นๆมองกันหมดแล้ว”พี่แก้วพูดก่อนออกแรงดึงชายเสื้อของพี่วินให้นั่งลง ฉันกวาดสายตาก่อนจะนั่งลงบ้างคาริวก็เช่นกัน คนอื่นๆเมื่อเห็นว่าเรื่องราวสงบลงแล้ว(พูดตรงๆคือไม่มีอะไรให้สอใส่เกือกแล้วนั่นแหละ)ก็ค่อยทยอยกันหายไปทีละคนสองคนจนกระทั่งตรงบริเวณนั้นเงียบสงบดังเดิม
“บอกได้รึยังว่ามีเรื่องอะไร หืม”ริวเปิดประเด็น
“...”ฉันเลือกที่จะใช้ความเงียบเป็นคำตอบให้กับริว ส่วนพี่แก้วกับพี่วินก็เลือกทางนี้เช่นกัน ฉันกวาดตามองภาพตรงหน้าอย่างอึดอัด
“ว่าไง พี”ริวถามอีกครั้งด้วยสายตาที่เว้าวอน
“ริว... “ฉันเรียกชื่อริวเบาๆ
“ครับ”
“เรื่องนี้มันชักจะยุ่งไปกันใหญ่แล้ว เดี๋ยวก็พวกเคน เดี๋ยวก็พี่วิน มันจะอะไรกันนักหนาเนี่ย”ฉันพูดพลางขยี้หัวตัวเองราวกับคนบ้า ตอนนี้ความคิดในหัวฉันตีกันยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว คนรอบข้างฉันเป็นอะไรกันไปหมดนะ เดี๋ยวก็เป็นผู้ต้องสงสัย เดี๋ยวก็หัวดื้อ คาริวที่เริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้ก็เอามือแตะไหล่ฉันอย่างเข้าใจก่อนจะหันไปพูดกับพี่วิน
“พี่ช่วยถอนตัวจากเรื่องนี้ได้มั้ยครับ”
“เป็นไปได้พี่ก็อยากจะทำที่พีขอร้องนะ แต่ว่างานนี้พี่ถอนตัวไม่ได้จริงๆ”พี่วินยังคงยืนยันคำเดิม
“โธ่โว้ย! ทำไมพี่ถึงไม่เข้าใจพีบ้าง”ฉันพูด
“พี...”ริวส่งเสียงปราม
“ริวนายไม่ต้องมายุ่ง! ตอนที่เจอกันครั้งแรกไม่ใช่เพราะพีหรอพี่ถึงรอดมาได้
”
“...”
“ไม่ใช่เพราะพีหรอที่คอยปลอบใจพี่เวลาพี่ท้อแท้
”
“...”
“แล้วไม่ใช่เพราะพีหรอที่คอยเตือนสติพี่เวลาพี่มีปัญหา...”
“พี..”ริวส่งเสียงปรามอีกครั้ง
“แล้วทำไมเรื่องแค่นี้พี่ถึงทำให้พีไม่ได้!!! ทำไม!!!...”
“พี!!!”คราวนี้ริวตวาดฉัน น้ำใสๆที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มันมาคลออยู่บริเวณดวงตาค่อยๆไหลรินออกมา ฉันเอาหลังมือปาดน้ำตาลวกๆเพื่อที่จะไม่ให้ใครเห็นแต่ทำไมก็ไม่รู้น้ำตาเจ้ากรรมยิ่งเช็ดก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้น
“ฮึก.. ทำไม ฮึก นี่มันเป็นอะไรกันไปหมด ฮึก”ฉันสะกดเสียงสะอื้นไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้วจริงๆ ทั้งเรื่องเคนทั้งเรื่องพี่วิน คนนึงก็เพื่อนที่ถูกสงสัยว่าเป็นคนร้าย อีกคนก็พี่ชายที่ฉันเคารพกำลังจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องอันตราย จะทำยังไงดีฉันคิดก่อนหลับตาลง
“กลับกันเถอะพี ไปพักที่คอนโดก่อนก็ได้ อยู่ตรงนี้ไปมันก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นไปสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วค่อยมาคุยกับพี่เขาใหม่...”เสียงนุ่มของคาริวกระซิบที่ข้างหู ก่อนจะรู้สึกถึงอ้อมแขนแกร่งที่โอบอุ้มร่างกายของฉันเอาไว้
“ขอตัวนะครับ เอ่อ.. แล้วก็เรื่องที่พีรินขอ อยากจะให้พวกคุณคิดดูอีกทีนะครับ พวกผมขอตัวก่อน”คาริวหันไปบอกกับพี่วินที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ก่อนจะอุ้มฉันเดินออกจากลานฝึกซ้อมทันที
ริวค่อยๆก้มตัววางฉันลงกับเบาะรถอย่างถนุถนอมแต่ก่อนที่ริวจะได้ยืดตัวขึ้นฉันก็เอามือคล้องคอเขาไว้ซะก่อน
“ริว...”
“...”
“ขออยู่แบบนี้อีกสักพักได้มั้ย ขอแค่แป๊บเดียวเท่านั้น จริงๆนะ”ฉันพูดอย่างอ่อนล้า ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากของริวมีเพียงแต่อ้อมแขนที่กระชับฉันเข้ากับตัวของเขาเท่านั้นที่เหมือนจะเป็นคำตอบของเขา ฉันใช้เวลาช่วงนี้ค่อยๆหลับตาลงเพื่อรวบรวมสมาธิแต่สิ่งที่ได้มันกลับไม่เป็นไปตามนั้น ภาพที่พวกฉันเล่นสนุกกับเคน นัท เต้ ภาพที่เอาเรียนด้วยกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ภาพพี่วินตอนที่เจอกันครั้งแรกที่วิ่งหนีกระสุนหัวซุกหัวซุน ภาพตอนที่ฉันซ้อมยิงปืนกับพี่วิน ทุกๆภาพค่อยๆไหลเข้ามาในหัวอย่างต่อเนื่องนี่ใช่มั้ยที่เรียกว่าความผูกพันธ์ จากมิตรกลายเป็นศัตรู ถึงจะไม่มีใครฟันธงออกมาก็เถอะแต่ ลางสังหรณ์ของพวกเราไม่เคยพลาดเลย แต่ครั้งนี้ฉันอยากให้มันพลาดจัง ให้ตายสิ ตอนนี้ฉันรวบรวมสมาธิไม่ได้เลย เหนื่อยจัง.....
KARYO : SAYS
ผมนั่งมองหน้าพีรินที่เพิ่งหลับไปได้ซักพักพลางรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม พลังของพีรินออกลงอย่างเห็นได้ชัด นั่นอาจจะเป็นเพราะความสับสนในใจของพีรินทำให้พลังถดถอยลงอย่างรวดเร็ว ถึงพีรินจะเป็นแวมไพร์แล้วก็มีพลังเวทย์แต่ก็มีข้อจำกัดเหมือนกัน ตราบใดที่เธอยังคงมีเรื่องกังวลใจอยู่แบบนี้ พลังที่มีอยู่จะค่อยๆลดลงเรื่อยๆจนกระทั่งสลายไป และอาจจะทำให้พีรินไม่สามารถใช้เวทย์ได้อีกต่อไป แล้วยิ่งในเวลาหน้าสิ่งหน้าขวานอย่างนี้แล้วด้วย ไม่รู้ว่าพวกพี่คิมจะว่ายังไง แต่ยังไงตอนนี้คงยังให้เข้าบ้านไม่ได้ เพราะถ้าเข้าไปแล้วล่ะก็ทุกคนคงรู้สึกถึงเรื่องนี้แน่นอนโดยเฉพาะคนความรู้สึกไวอย่างพี่เฟชรแค่ได้เห็นหน้าพีรินเพียงแวบเดียวก็คงรู้แน่พอถึงตอนนั้น ไม่มีใครกล้ายืนยันแน่ว่าทุกๆอย่างจะเป็นเหมือนเดิม ทางที่ดีตอนนี้ยังไงก็ให้เธอเข้าบ้านไม่ได้จริงๆ จนกว่าเธอจะเข้มแข็งขึ้นฉันจะดูและเธอเอง พีริน....
RaiN BloOd สายฝนสีเลือด
ความคิดเห็น