คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : -- เรียกประชุมด่วน -- -- ข้อสันนิษฐานที่ไม่น่าเชื่อ --
-- เรียกประชุมด่วน -- -- ข้อสันนิษฐานที่ไม่น่าเชื่อ --
NERI : SAYS
~ที่รักคะรับโทรศัพท์หน่อย~ ~ที่รักคะรับโทรศัพท์หน่อย~ เสียงเรียกเข้าหวานแหววที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าของโทรศัพท์นั้นมีเจ้าของแล้วหรือยัง ใช่แล้วค่ะ นั่นมันเป็นเสียงของฉันที่โดนยูกิบังคับให้พูดแล้วเขาก็อีดเสียงเอามาตั้งเป็นเสียงเรียกเข้านี่แหละ น่าอายมากๆเลย ไอ้เต๋าบ้านั้นก็แกล้วผิวปากล้อเลียนฉันอยู่ข้างๆ นี่ถ้าไม่ติดว่ากลัวหลานฉันที่อยู่ในท้องยิปโซจะไม่มีพ่อนะฉันกระทืบมันไปนานแล้ว ยูกิรับสายขึ้นมาซักพักสีหน้าที่ยิ้มแย้มก็แปรเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าที่เคร่งเครียดเพิ่งความสงสัยให้กับเราเป็นกอง
“อือ..”
“จะรีบกลับ”
“รู้แล้วน่า”
“อือ..แค่นี้นะ โอเค”
ติ๊ด
“มีอะไรหรอ”ฉันชิงถามอย่างรวดเร็วทันทีที่ยูกิวางสายโทรศัพท์
“อือ เราต้องกลับแล้วล่ะ คิงเรียกประชุมด่วน”พวกเราถึงกับชะงักกึกเมื่อได้ยินชื่อตำแหน่งที่ยูกิเรียก งานนี้คงจะซีเรียสจริงๆนั่นแหละถ้าไม่อย่างนั้นยูกิคงไม่เอ่ยชื่อตำแหน่งในที่สาธารณะแบบนี้หรอก
“มีอะไรกันหรอคะ”ยิปโซที่กำลังงงได้ที่กับเรื่องที่พวกเราคุยกันถามขึ้น จริงสินะเธอไม่ได้เป็นคนในองค์กรเรานี่จะสงสัยก็ไม่แปลก
“คือเราคงต้องกลับแล้วล่ะพอดีพวกเรางานเข้าน่ะ ไม่ว่าอะไรใช่มั้ยยิปโซ”ฉันอธิบาย ยิปโซหน้าหมองลงไปพักนึงก่อนจะแปรเปลี่ยนป็นยิ้มหวาน
“ไม่เป็นไรค่ะ ยิปโซไม่ว่าอะไรหรอก เดี๋ยวเรารีบกลับกันเลยดีกว่านะคะ เดี๋ยวคนอื่นจะรอแย่เลย”เสียงเล็กๆตอบพร้อมกับโปรยรอยยิ้มมาให้เปรียบเสมือนกับการบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะฉันเข้าใจนะว่าอย่างน้อยยิปโซก็ต้องนึกน้อยใจอยู่บ้างแหละ เต๋าที่ดูเหมือนจะรู้ความคิดก็เลยยกมือขึ้นมโอบเอวร่างบางอย่างหลวมๆ ยิปโซเงยหน้าขึ้นมองเต๋าก่อนจะหลบตาอย่างเขินอาย อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อิจฉาอ่ะT^T
ดูเหมือนยูกิจะรู้ความคิดฉันเลยเลยยกมือขึ้นมาโอบเอวฉันบ้าง
“จะแข่งกันหวานอีกนานมั้ยครับ ถ้ายังอีกนานเดี๋ยวผมก็จูบโชว์มันซะตรงนี้หรอก”ฮิคารุพูดทะลุขึ้นมากลางปล้อง ไม่ใช่แค่พูดประชดนะแถมเจ้าตัวยังดึงตัวฟาริมาทำท่าเหมือนจะจูบโชว์จริงๆอีกต่างหาก ถ้าไม่ติดว่ายัยตัวเล็กของฉันรีบหยิกฮิคารุทันที
“โอ๊ะ เจ็บนะ ฟาริ โอ๊ย!”ฮิคารุปัดไม้ปัดมือฟาริแทบไม่ทัน
“55+”
“เราว่าไปกันเหอะ เดี๋ยวพวกนั้นจะรอซะเปล่าๆ ส่วนพวกแกก็เลิกสวีตได้แล้วถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะบอกคิมว่าพวกแกทำให้เรามาประชุมช้า”เต๋าพูดพลางยื่นมือมาตบหัวอาคิ
“เชอะ ไปก็ได้”อาคิหันมาแจกค้อนวงใหญ่ให้เต๋าก่อนจะลงมือลากฉันเดินไปที่รถ
กว่าเราจะมาถึงตึกขององค์กรก็กินเวลาไปเกือบ2ชั่วโมงเนื่องจากการจราจรติดขัดของกรุงเทพบวกประกอบกับถนนสายที่เราไปนั้นมีอุบัติเหตุรถชนกันดังนั้นมันก็เลยทำให้พวกเราสายกันเข้าไปใหญ่
พอมาถึงห้องที่จะใช้ประชุมแล้วปรากฏว่าเหล่าคณะอัยการทุกคนมาถึงกันหมดแล้วโดยพวกเรามาเป็นพวกสุดท้ายและท้ายสุดเลยอ่ะ
-_-++ และนี่คือสายตาที่คนทั้งห้องมองมาที่พวกเรา
“เอาล่ะมากันครบแล้วนะ... เข้าเรื่องเลยละกัน”คิมพูดประโยคแรกก่อนจะเว้นวรรคไปช่วงนึงแล้วค่อยพูดต่อ
“...”
“เมื่อตอนเที่ยงได้มีจดหมายประหลาดกับวิดีโอเทปถูกส่งมาที่ตึกเรา นี่คือจดหมาย และนี่คือวิดีโอเทปที่ว่านั่น ฉันจะไม่เปิดให้ดูนะ เพราะว่าอย่างที่พวกเรารู้ก็คือพวกผู้หญิงยังมีอาการต่อต้านเรื่อง เอ่อ.. เรื่องพวกนั้น(ละไว้ในฐานที่รู้กัน)อยู่ แต่ฉันจะส่งจดหมายไปให้พวกเราดูทีละคนกัน”คิมยกจดหมายและวิดีโอเทปขึ้นมาให้พวกเราดูก่อนจะส่งจดหมายฉบับนั้นต่อไปให้เต๋าและส่งต่อกันไปเรื่อยๆ จริงๆฉันก็อยากจะดูสิ่งที่อยู่ในวิดีโอเทปม้วนนั้นเหมือนกันแต่ว่าในเมื่อคิมห้ามฉันก็จะทำตาม เพราะคิมเป็น1ในพวกเราที่รู้เกี่ยวกับอาการของพวกเราดีที่สุดเพราะฉะนั้นฉันไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องขัดคำสั่งของมันเหมือนกัน เอาเป็นว่าสรุปง่ายๆฉันเชื่อใจเพื่อนค่ะ จดหมายฉบับนั้นถูกส่งต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงตาฉันที่จะต้องเป็นคนอ่านมันเป็นรายต่อไป ซึ่งฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป
ถึง เพื่อนทรยศ จำได้มั้ยว่าคนอย่างแกเคยทำอะไรเอาไว้!!! ไอ้องค์กรช่วยเหลือมนุษย์อะไรกัน พวกแกมันก็แค่เศษสวะที่ต้องการการยอมรับเท่านั้นแหละ ของที่พวกแกขโมยจากฉันไปน่ะ อีกไม่นานฉันจะมาขอทวงมันคืน ลงชื่อ คนที่พวกแกเคยทรยศ
ข้อความในจดหมายประจักรษ์แก่สายตาของฉัน
“นี่มันเรื่องเหลวไหลอะไรกันเนี่ย!!”ฉันตะโกนถามพร้อมกับกวาดสายตาไปทั่วห้อง ตลอด3ปีที่เราทำงานกันมาไม่เคยมีแม้แต่จะขัดแย้งกับใคร พวกเราเป็นองค์กรอิสระที่ขึ้นตรงกับตัวเองและคอยช่วยเหลือคนอื่นมันก็เท่านั้น ทำไมถึงต้องมาโดนจดหมายเด็กๆนั่นดูหมิ่นด้วย มันเหลวไหลสิ้นดี!! ปกติถึงฉันจะเป็นคนใจเย็น แต่เรื่องหยามศักดิ์ศรีกันฉันไม่ยอม
“ใจเย็นๆก่อนเนริ”คิมส่งเสียงปราม
“แต่คิม..”
“ใจเย็นก่อน”คิมส่งเสียงปรามฉันอีกครั้ง
“ในเทปม้วนนั้นมันมีอะไร คิม บอกเรามา”พิรินถาม
“...”ความเงียบตรงเข้าปกคลุมห้อง ฉันจ้องหน้าคิมอย่างคาดคั้น ถึงตอนแรกฉันจะบอกว่าจะไม่ขัดคำสั่งของมันแต่ตอนนี้ฉันชักสงสัยขึ้นมาตงิดแล้วว่าไอ้เทปบ้าม้วนนั้นมันมีอะไรกันแน่
“...มันเป็นภาพของผู้หญิงที่ถูกรุมโทรม ฉันไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับพวกGoDด้วยรึเปล่าเพราะศัตรูของเราตอนนี้มีแต่พวกGoDนั่น แต่ข้อความในจดหมายมันเหมือนกับว่าพวกเรามีเรื่องมีราวกับมันมานานมากแล้ว..”เต๋าซึ่งทนความเงียบไม่ไหวจึงเอ่ยตอบขึ้นมา แต่ไม่ทันที่เต๋าจะพูดจบไฮยาโตะก็พูดขึ้นมาซะก่อน
“ทั้งๆที่พวกเราเพิ่งได้ปะทะกับพวกนั้นเพียง2ครั้ง ซึ่งครั้งแรกคือที่โกดังเก็บของคราวนั้นกับครั้งต่อมาที่ไปถล่มซ่องกันเพียงแค่นั้น แต่ทำไมข้อความมันถึงเขียนเหมือนกับว่าเรารู้จักกันมานานมาก นานเหมือนกับว่าเรารู้จักกันมาก่อนที่จะตั้งองค์กรงั้นแหละ” จากคำพูดของไฮยาโตะทำให้ฉันนึกฉุกคิดไปถึงคนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเมื่อ3ปีก่อน
“โค้ช”ดูเหมือนว่าวายองจะคิดเหมือนกับฉันจึงได้พูดชื่อนี้ขึ้นมา
“เป็นไปไม่ได้ โค้ชตายไปแล้ว อย่าพูดอะไรเหลวไหลเลยดีกว่า”พิรินแย้งขึ้นมา นั่นสินะ เขาตายแล้วนี่นา จะมาเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ด้วยล่ะ แต่ถึงจะมีชีวิตอยู่ก็เถอะฉันเชื่อว่าโค้ชไม่มีทางที่จะเป็นคนร้ายได้หรอกเพราะเราเป็นเพื่อนรักกันนี่ ฉันสรุปความคิดตัวเองอย่างเสร็จสรรพก่อนจะระบายยิ้มเศร้าๆลงบนริมฝีปากแต่พอคิดถึงสาเหตุการตายของเขาฉันก็อดโทษตัวเองไม่ได้ ยูกิยื่นมือมากุมมือฉันไว้เบาๆ น้ำใสๆเอ่อล้นออกมาจากดวงตาของฉัน ตอนนี้ในห้องมีแต่ความเงียบแล้วก็เงียบ ฉันรู้ว่าทุกคนเสียใจกับการตายของเขามาก แต่ทุกคนพยายามไม่พูดถึงเพราะกลัวว่ามันจะกระทบจิตใจของฉันซึ่งฉันก็เข้าใจ
“แต่ตอนนี้เราคงต้องช่วยกันพยายามนึกว่าใครกันที่ส่งจดหมายฉบับนี้มา และใครที่เป็นตัวจริงของGoD, Angle แล้วก็ไอ้เซราฟิมบ้านั่น”เจ้เฟชรพูดอย่างนิ่งๆ พร้อมกับกวาดสายตาไปทั่วห้อง
“งั้นก่อนหน้านั้นเราคงต้องมาจำกัดขอบเขตก่อนละกันนะครับ”ฮิคารุพูดพร้อมกับเปิดจอโปรเจกเตอร์ขึ้นมา(จริงๆแล้วเวลบามีประชุมส่วนใหญ่เราจะใช้เครื่องจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ แต่ในวันนี้เราใช้จอโปรเจกเตอร์แทน)
“อืม”
“ก่อนอื่นเลยนะครับ คนพวกนั้นต้องรู้จักกับพวกเรามานานก่อนที่พวกเราจะก่อตั้งZoner ขึ้น”ฮิคารุพูดพร้อมกับสารพัดตัวอักษรที่ปรากฏขึ้นบนจอโปรเจกเตอร์
“2.ผมคิดว่ามันอาจจะไม่ใช่ทั้งหมดหรอก ...อาจจะเป็นแค่1ในพวกนั้นก็ได้ที่รู้จักเรา”คาริวเสนอ อื้อ ข้อนี้ฉันเห็นด้วยนะ
“แล้วก็คนที่รู้จักเราในพวกนั้นจะต้องเป็นคนที่กุมอำนาจในนั้นมากพอดูถ้าไม่อย่างนั้นมันคงสั่งให้ลูกน้องมาเล่นงานเราไม่ได้แน่”คีรุนเสริม
“เท่าที่ดูมันก็มีเหตุผลนะ”เต่าพึมพัมเบาๆแต่อย่าลืมสิเราอยู่ในห้องกันแค่13คนนะแถมไม่ได้ทำเสียงดังกันด้วยมีเพียงแต่เสียงกดคีบอร์ดของฮิคารุดัง ต๊อก แต๊ก เพราะฉะนั้นไอ้ที่พึมพำเมื่อกี๊มันก็ได้ยินกันหมดน่ะแหละ
“เอ่อ.. เป็นไปได้มั้ยครับที่คนพวกนั้นจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อ3ปีก่อนนั่น”อาคิที่นั่งเงียบมานาเอ่ยขึ้นบ้างเรียกความสนใจจากคนทั้งห้อง
“ถ้าที่นายพูดหมายถึงพวกแม่เลี้ยงที่เป็นคนร้ายในตอนนั้นล่ะก็ไม่ใช่หรอก พอดีฉันเองก็สงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกันก็เลยส่งเรื่องไปที่กรมตำรวจที่เคยดูแลเรื่องนี้ปรากฎว่า3คนนั้นโดนโทษประหารไปแล้วล่ะ ส่วนคนที่เกี่ยวข้องในคดีก็อยู่ในเรือนจำทั้งหมดเลย มันเลยเป็นไปไม่ได้ว่าคนพวกนั้นจะเป็นคนร้ายในตอนนี้”เต๋าบอก อ่าฮะใช่ว่าพวกเราจะไม่รู้เรื่องโทษประหารของยัยแม่มด3ตัวนั่นนะ แต่ว่าในบรรดาพวกเรา ยูกิกับอาคิเป็นคนที่มาสมทบกับพวกเราหลังสุดเลยอาจจะไม่รู้เรื่องนี้ก็ได้เนื่องจากตอนนั้นไม่มีใครอยากจะพูดถึงมันซักเท่าไหร่
“แล้วนายแน่ใจได้ยังไงว่าพวกมันตายแล้วก็อยู่ในเรือนจำกันหมด”วายองถาม แต่เสียงที่ตอบกลับมากลับไม่ใช่เสียงของเต๋าหากแต่เป็นเสียงของคิม
“แน่ใจสิ ก็วันนั้นฉันเป็นคนเข้าไปส่งยัยแม่เลี้ยงของพวกเนริไปแดนประหารเอง ส่วนไอ้พวกที่เหลือเต๋ามันก็ไปเยี่ยมมันมาหมดแล้ว” หืม ถึงฉันจะรู้ว่าพวกนั้นมันโดนประหารไปแล้วแต่ฉันก็ไม่เคยรู้เลยนะว่าคิมเป็นคนไปส่งมันที่แดนประหารเองเนี่ย ข่าวสารใหม่!! -_-“!!
“มืดแปดด้านงั้นสิ”เจ้เฟชรว่า
“จะว่างั้นก็คงได้ฮะ”ฮิคารุพูดพลางกลอกสายตาไปมา
“ผมว่ามันชักจะยังไงๆอยู่นะครับ”รุนที่นั่งกอร์เทปเล่นกลับไปกลับมาพูดขึ้น (มันเอาไปเปิดตอนไหนล่ะนั่น)
“เจออะไรหรอ“อาคิถามพลางหันหน้าไปสนใจที่จอโปรเจกเตอร์ รุนกอร์กลับไปเล็กน้อยก่อนจะกดเพลย์
ติ๊ด พอภาพบนจอเล่นไปช่วงนึงแล้วรุนก็กดStopเครื่องไว้
“นี่ไงฮะ ถึงเราจะไม่สามารถกำหนดขอบเขตคนร้ายได้ก็จริง แต่ผมสงสัยว่ามันจะเป็นไปได้มั้ยครับในการที่จะรวมกลุ่มกันไปรุมโทรมเนี่ย เขาจะต้องนัดกันใส่กางเกงขายาวสีดำ”รุนว่า จริงด้วย ในภาพทุกคนใส่กางเกงขายาวสีดำทั้งหมดเลย ถึงเสื้อบางคนจะใส่บางคนจะถอดก็เถอะ เพราะเสื้อมันก็เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวที่มีขายทั่วไปนั่นแหละ
“ถึงจะนัดกันมาแค่ไหนแต่มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องแต่งกางเกงขายาวสีดำเลยนะ แปลกมาก”พิรินพูด
“อย่างที่พิรินพูดนั่นแหละ ต่อมันจะวางแผนกันดีขนาดไหน มันก็คงไม่วิปริตถึงขนาดนัดกันใส่ชุดแบบเดียวกันหรอก นอกจากเสียแต่ว่า...”ริวร่ายยาวโดยคำสุดท้ายลากเสียงยาวเพื่อเพิ่มความตื่นเต้นให้แก่ผู้ฟัง
“เสียแต่ว่าอะไร”ฉันถาม
“นอกจากเสียแต่ว่าชุดที่มันใส่เป็นเครื่องแบบอะไรซักอย่างที่จะต้องใส่ในช่วงเวลานั้นๆน่ะสิ”เจ้เฟชรตอบ
“ถ้าจะนึกถึงเครื่องแบบ ก็มีอาชีพจำพวก ตำรวจ ทหาร นักดับเพลิง แล้วไหนจะพวกพนักงานบริษัทบางแห่งก็ใช้เครื่องแบบเหมือนกันนะครับ”อาคิพูดขึ้นมาบ้าง
“อืม”ฉันครางอย่างใช้ความคิดพลางมองภาพบนจอโปรเจกเตอร์นั่นอย่างพิจารณา ลางสังหรณ์มันบอกฉันว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นแต่ทำไมฉันถึงนึกไม่ออกนะ มันเหมือนกับว่าติดอยู่ที่ริมฝีปากนี่เอง แต่ไม่รู้ว่าอะไร
ตอนนี้ทุกคนต่างก็ระดมสมองใช้ความคิดกันถ้วนหน้าทำให้ความเงียบเข้าปกคลุมห้อง อืมมมมมมมมม ฉันยังนึกไม่ออกเลยว่าฉันรู้สึกอะไรแปลกๆกับภาพบนจอนั่น นอกจากผู้หญิงที่ถูกข่มขืนกับผู้ชายอีก7-8คนแล้ว มันคุ้นๆแฮะฉากหลังนั่น
“เอ่อ.. ไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดเหมือนกันรึเปล่านะแต่เนิว่าฉากหลังนั่นมันคุ้นๆนะ”ฉันตัดสินใจถามออกไป
“ป่าหลังโรงเรียน
”เสียงฟาริโพล่งขึ้นมากลางวงสนทนา อ๊ะใช่สิในบรรดาพวกเราฟาริมีความจำเยี่ยมยอดที่สุด แต่หาริไม่เคยไปที่โรงเรียนนี่นาแล้วรู้ได้ยังไงล่ะเนี่ย
“ฟาริเคยเปิดดูแฟ้มข้อมูลของโรงเรียนแล้วในนันมันมีรูปบริเวณต่างๆของโรงเรียนรวมถึงป่าหลังโรงเรียนนี่ด้วยค่ะ”เจ้าตัวแก้ข้อข้องใจ
“แน่ใจหรอ ฟาริ”คิมถามซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้าตอบอย่างมั่นใจ
“งั้นแสดงว่าคนร้ายก็คือคนในโรงเรียนงั้นสิฮะ”ฮิคารุถาม เต๋าพยักหน้าตอบ
“แต่ถึงเราจะรู้อย่างนี้แต่เราก็ไม่สามารถจำกัดขอบเขตของคนร้ายได้อยู่ดีนะเพราะคนในนั้นน่ะเป็น1000เชียว”พิรินว่า
“ถ้าตัดผู้หญิงออกก็จะเหลือประมาณ2000คน แล้วก็ตัดเอาพวกที่ไม่มีอำนาจชื่อเสียงในร.ร.ออกก็จะเหลือผู้ต้องหาไม่กี่คนนะ”ฉันบอกตามความคิด
“พวกนักสู้ประจำร.ร.ไง พวกนั้นเป็นพวกเดียวที่พวกเราไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยเจอตัวเลย”วายองเสนอ
“พวกที่แข่งสตรีท ไฟท์.ใช่มั้ย”เจ้เฟชรถาม
“ค่ะ พวกสตรีทไฟท์”ฉันตอบ
“งั้นก็น่าจะหาข้อมูลไม่ยากไม่ใช่หรอ”เจ้เฟชรถามอีก
“ไม่หรอก นั่นแหละปัญหาครับ เพราะว่าพวกเขาเป็นเหมือนนักสู้เงา ก็เลยแทบจะไม่มีข้อมูลอะไรเลย”ยูกิพูดบ้าง
“ใช่ฮะอย่างที่ยูกิพูด ข้อมูลอะไรก็แทบจะไม่มีเลย ส่วนข้อมูลที่พี่เต๋าส่งมาให้คราวนั้นก็ทบจะไม่ช่วยอะไรเลยเพราะภาพมันลางมาก อีกอย่างแม้แต่คนในร.ร.ยังไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเขาเป็นใคร”อาคิบอก
“มันจะเกี่ยวอะไรกับพวกGoDรึเปล่าคะ พวกนักสู้ที่ว่านั่น”ฟาริเอ่ยขึ้นมา
“ก็อาจจะใช่นะ เพราะว่าถ้าสมมติว่าพวกนั้นรู้จักกันจริงหรือเป็นพวกเดียวกันการขนยาเข้าไปในโรงเรียนก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะมีคนเปิดทางให้”คิมพูดขึ้นมาบ้างหลังจากที่เงียบไปนาน
“ถ้าพวกนั้นไม่ใช่พวกเดียวกันแต่ว่าเป็นคนๆเดียวกันล่ะ”ปากไวกว่าสมองฉันโพล่งความคิดออกไปหมดเลยอ่า ทำเอาคนทั้งห้องหันมาจ้องฉันคนเดียวเลยT^T
“...”
“ฉันแค่คิดง่ะ”ฉันพูดเสียงอ่อย
“ก็ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีทางเป็นไปได้หรอกนะ แต่ว่าถ้าเป็นอย่างนั้นคนที่เป็นคนบงการจะต้องเป็นพวกนักเรียนในนั้นงั้นสิ แล้วไม่ใช่แค่คนระดับปลายแถวด้วย มันจะต้องเป็นพวกตัวหัวหน้าเลยนะเพราะว่าสามารถทำแบบนั้นได้น่ะ”เต๋าลองวิเคราะห์
“ช่างหัวพวกนักสู้นั่นก่อนได้มั้ย ตอนนี้ฉันอยากจะรู้ว่านอกจากพวกนั้นแล้วมีใครที่พอจะมีอิทธิพลพอจะสั่งการคนในโรงเรียนได้บ้าง”คิมว่า
“อืม เท่าที่ดูก็ไม่ค่อยจะมีนะ ถ้าจะพูดให้ถูกคือไม่มีเลยมากกว่า”ฉันตอบ
“ใครบอกว่าไม่มีล่ะ เนริแกจำยัยแป้งที่เคยมาหาเรื่องแกได้ป่ะ ยัยนั่นล่ะฉันว่าใหญ่น่าดูถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่กล้ามาหาเรื่องแกถึงที่ห้องหรอก”วายองเสนอ เออฉันลืมนึกไปเลยว่ายังมียัยนั่นอยู่ เพราะเธอหายตัวไปจากชีวิตฉันมานานมากแล้ว
“แต่นั่นผู้หญิงนะวายอง”ฉันค้าน เพราะคนที่เราต้องการนั่นมันผู้ชายต่างหาก แล้วเธอก็อย่าบอกด้วยว่ายัยนั่นไปผ่าตัดแปลงเพศมาเพราะว่าฉันจำได้เลยว่าตอนเจอกันตอนนั้นคุณเธอเขาสะบึ้มขนาดไหน
“ไม่ใช่หรอก ไอ้เวย์มันไม่ได้หมายถึงแป้งหรอก แต่ฉันว่าเป็นพวกเคนมากกว่า”พิรินที่นั่งเงียบอยู่พูดขึ้นมา
“อันนั้นฉันก็คิดอยู่นะ เพราะว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอกที่จะเอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับพวกผู้ชายที่มีอิทธิพลน้อยกว่าหรือถ้ามีผู้ชายก็จะต้องเกรงอกเกรงใจฝ่ายหญิงมากพอควรแต่กรณีนี้ฉันว่าแป้งไม่น่าจะใช่คนที่จะเข้าไปยุ่งกับคนที่ต่ำกว่าถึงจะหล่อขนาดนั้นก็เถอะ และเคนก็ไม่มีทีท่าเกรงอกเกรงใจหรือกลัวแป้งเลยซักนิดกลับกันพวกเคนออกจะเฉยชากับแป้งซะมากกว่า แสดงว่าพวกนี้ก็ต้องมีอิทธิพลพอตัวล่ะ”วายองร่ายยาว
“แต่เท่าที่ดูพวกนี้ก็ออกจะดีนะไม่น่าจะเป็นคนร้ายไปได้นี่คะ”ฟาริที่ฟังอยู่นานพูด
“ฟาริ คนเรามันมองที่หน้าตาหรือสิ่งที่เขาพยายามแสดงออกมาไม่ได้หรอกนะ ดูอย่างตอนนั้นสิคนกันเองแท้ๆไม่น่าจะเลวร้ายได้ขนาดนั้นแต่มันก็เป็นไปได้นะครับ”เต๋าให้เหตุผลซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้ารับเบาๆ
“แต่เท่าที่ดูเนี่ยคนที่ดูเหมือนว่าเป็นจุดศูนย์กลางของ3คนนั่นก็คือคนที่ชื่อเคนอะไรเนี่ยใช่มั้ย”เจ้เฟชรหันมาถาม
ฉันพยักหน้าตอบทั้งๆที่ในใจยังคงสับสน พวกเคนน่ะหรอคือคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง ตัวตนที่แสดงออกมากับสิ่งที่พวกนั้นทำในวิดีโอนั่นมันต่างกันมากนะ อีกอย่างเราไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัวนี่นา แล้วเราจะมีความแค้นอะไรกันได้ยังไงในเมื่อเราไม่เคยรู้จักกัน แล้วก็พวกนั้นเองก็นิสัยดีขนาดนั้น
“งั้นก็มีความเป็นไปได้ที่นายเคนอะไรนั่นจะเป็นตัวการใหญ่”เจ้เฟชรสรุป
“จบการประชุมก่อนได้มั้ย”ฉันโพล่งขึ้นมาเรียกความสนใจจากคนทั้งห้อง
“คือ.. เนริหมายความว่า เราสรุปกันเร็วไปหน่อยมั้ย”ฉันแก้ตัวเมื่อเห็นสายตาของทุกคนที่ส่งมา
“เฮ้อ.. เอาเหอะ พักก่อนก็ได้ ยังไงพวกเราก็คงจะด่วนสรุปกันเกินไป แต่เนริยังไงแกก็หนีความจริงไม่พ้นนะ”คิมบอกพลางหันมาพูดประโยคสุดท้ายกับฉันก่อนจะลงมือเก็บของ ทุกๆคนค่อยๆทยอยกันออกไปจากห้อง ตอนนี้เหลือเพียงฉัน ยูกิแล้วก็อาคิที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม
“เนริ ไม่ต้องคิดมากกับคำพูดพี่คิมหรอกนะฮะ มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะ”อาคิพูดปลอบฉัน แต่ไม่รู้ทำไม คำพูดของคิมเมื่อกี๊มันถึงลอยวนเวียนอยู่ในหัวฉันไม่ยอมไปไหน ...หนีความจริงไม่พ้น... นั่นสินะที่ต้องการจะบอก
“มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่พวกเราคิดก็ได้นะครับ”ยูกิลุกขึ้นมานั่งข้างๆพลางเอื้อมมือมากุมมือฉันไว้
“อื้อ มันคงไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะ คนอื่นเขาออกกันไปหมดแล้วเนี่ย ไปหาอะไรกินกันหิวแล้วล่ะ”น้ำเสียงแกล้งทำเป็นร่าเริงถูกส่งออกจากริมฝีปากของฉัน อาคิกับยูกิมองหน้าฉันก่อนจะฉีกยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ก่อนจะฉุดฉันลุกขึ้น
“งั้นก็ไปกันเถอะ!!~”อาคิว่า
“...แต่ จริงๆเลยน้า ทั้งๆที่เพิ่งกินมาเนริก็หิวอีกแล้ว สงสัยงานนี้น้ำหนักขึ้นแน่นอนเลย 55+”ยูกิพูดอย่างอารมณ์ดีทำให้ฉันต้องส่งค้อนไปให้วงใหญ่
“เดี๋ยวเหอะ พูดเรื่องน้ำหนักต่อหน้าหญิงสาวเนี่ยมันเป็นเรื่องต้องห้ามนะยะ ทำไมถ้าอ้วนแล้วจะไม่เลี้ยงหรอ”ฉันว่าอย่างงอนๆ
“ถึงไม่อยากเลี้ยงก็ต้องเลี้ยงล่ะฮะ ทำไงได้รักไปแล้วนี่”ยูกิตอบกลับมาพลางเริ่มออกเดินนำหน้าไปทิ้งฉันที่ยืนหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกอยู่กับอาคิ
“555+ เนริหน้าแดงใหญ่เลยล่ะ”อาคิมองหน้าฉันก่อนจะพูดออกมาแล้วก็เริ่มต้นวิ่งตามยูกิไป เฮ้อ สรุปฉันต้องเป็นฝ่ายตามใช่มั้ย ฉันคิดก่อนจะพูด
“เฮ้ รอด้วยสิ หยุดเดี๋ยวนี้น้า!!!~”
ขอเวลาที่เราได้ยิ้มได้หัวเราะหยุดอยู่ที่ตรงนี้ได้มั้ยคะ พระเจ้า ขอเวลาให้มันหยุดอยู่แค่ตรงนี้ ตรงที่พวกเรา13คนได้เล่นได้หัวเราะกันอยู่แบบนี้ อย่าให้มันต้องมีอะไรที่ทำให้พวกเราจากกันเกิดขึ้นเลยนะ เนริรู้ว่ามันอาจจะเห็นแก่ตัวเกินไปที่ขอแบบนี้แต่ได้โปรดเถอะ ได้โปรดรับรู้ถึงคำขอของเนริที...
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง เสียงลั่นไกปืนที่บ่งบอกถึงอารมณ์ของผู้ยิงได้ดี อารมณ์ที่ครูกรุ่นถูกกรั่นกรอองออกมาตามปากกระสุน เป้านิ่งที่ใช้สำหรับฝึกซ้อมปรากฏร่องรอยของกระสุนชุดเมื่อกี๊อาจทำให้คนที่ได้มาเห็นรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจไม่ใช่เพียงเพราะกลัวอารมณ์คนตรงหน้าหากแต่กลัวในฝีมือของเขามากกว่าเพราะร่องรอยกระสุนทุกนัดอยู่ที่จุดตายทั้งหมดทั้ง5นัด
“GoDเมื่อไหร่เราจะได้ปะทะกับพวกนั้นอีกล่ะ”เสียงชายหนุ่มชุดขาวที่กำลังจ้องมองเครื่องดื่มสีเหลืองอะพันที่อยู่ในมือตัวเองด้วยสายตาเรืองโรจน์ภายใต้หน้ากากสีขาวบริสุทธิ์
“ไม่นานหรอก แองเจิ้ล อีกไม่นานพวกเราเดม่อนจะเคลื่อนไหวครั้งใหญ่และการเคลื่อนไหวครั้งนี้มันอาจจะเป็นจุดจบของพวกนั้นก็ได้ ไม่สิฉันจะทำให้วันนั้นเป็นจุดจบของพวกมันเอง และมันจะเป็นจุดจบที่สวยงามด้วย..”เสียงนุ่มรอดริมฝีปากหนาออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากแต่ถึงจะมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าหากแต่น้ำเสียงที่ถ่ายทอดออกมานั้นกลับเย็นเยียบราวกับจะกรีดลงบนจิตใต้สำนึกของผู้ฟัง แม้จะไม่ได้เห็นใบหน้าเพราะหน้ากากสีทองบดบังอยู่แต่คนที่อยู่ในห้องก็พอจะเดาอารมณ์ของคนตรงหน้าได้
“หึหึ พวกนายก็เอาจริงเอาจังไปได้ ถึงพวกนั้นจะไม่ธรรมดาแต่เราก็มีพลังจากขุมนรกนะ แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้พวกนั้นสยบอยู่แทบเท้าเราแล้วล่ะ “เสียงจากบุรุษอีกหนึ่งคนที่อยู่ในห้องเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงร่าเริงตรงข้ามกับคำพูดที่น่าเกรงขาม
“นายประมาทพวกนั้นเกินไปเซราฟิม ถึงเราจะมีพลังจากขุมนรก แต่พวกนั้นก็มีพลังที่สวรรค์ประทานให้เช่นกันและเพราะเป็นแบบนี้ฉันถึงยอมขายวิญญาณของตัวเองให้กับซาตานไงล่ะ เพื่อที่จะครองคู่มันเนริ และเพื่อที่จะกำจัดไอ้พวกนั้นให้พ้นจากตัวเนริ เพื่อที่จะกักขังให้พวกมันชดใช้กับสิ่งที่ตัวเองทำเอาไว้ไงล่ะ”บุรุษที่ใช้ชื่อว่าGoDเอ่ยขึ้นพลางเดินมาคว้าแก้วเครื่องดื่มค๊อกเทลล์สีฟ้าใสเข้าปาก
“อีกไม่นานสินะ งั้นฉันจะรอส่งไอ้พวกนั้นไปลงนรกด้วยตัวฉันเองฉันจะรอ!!!”
RaiN BloOd สายฝนสีเลือด
ความคิดเห็น