คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : -- นายมาทำอะไรในห้องของช้านนนนน -- -- วิดีโอแปลกๆ --
-- นายมาทำอะไรในห้องของช้านนนนน -- -- วิดีโอแปลกๆ --
WAYONG : SAYS
“อืมมมมม” ฉันครางออกมาอย่างสุดกลั้น พลางค่อยๆกระพริบตาถี่ๆเพื่อให้สายตาชินกับแสงสว่างรอบข้าง
“ไง ตื่นแล้วหรอ”เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาให้ได้ยินหากแต่ว่าฉันไม่สามารถลุกขึ้นหรือขยับตัวเพื่อมองหาเจ้าของเสียงได้ ปวดหัวจังเลย ปวดอย่างกับหัวจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆอยู่แล้ว แล้วนี่ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย ก่อนที่ฉันจะได้เอ่ยปากถามอะไรออกมาฉันก็รู้สึกว่ามีผ้าชุบน้ำแตะลงบนผิวหน้า
“ที่ไหนเนี่ย”ฉันหลับตาถามออกมาอย่างหมดแรง
“ห้องเธอไง แล้วเป็นไงบ้างล่ะ”อือ ดูจากน้ำเสียงไม่ใช่ไอ้พีแน่นอนเลย เอ ก่อนหมดสติฉันจำได้ว่าฉันชวนๆไอ้พีมันไปผับ แล้วตอนนี้ฉันอยู่กับใครล่ะเนี่ย โอ๊ย ปวดหัวจริงเว้ย!!!
“ยัง ยังไม่ตาย”ฉันตอบกลับไป
“หรอ ก็ดี ทีนี้ฉันรู้แล้วว่าพี่เนริเอาคำตอบนี้มาจากไหนอ่านะ”เฮ้อ ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันเป็นไอ้บ้าคนไหน แต่ที่รู้อยู่ตอนนี้ก็คือ ไอ้บ้านี่มันกวนประสาทฉัน!!
“นายเป็นใครเนี่ย”ฉันเค้นเสียงถามพลางลุกขึ้นนั่งเพื่อมองไอ้บุรุษปริศนากวนบาทานั่นได้เต็มตา และแล้วก็เจอ...
อีตาบ้าไฮยาโตะที่ใส่กางเกงตัวเดียวเดินโทงๆอยู่ภายในห้องของฉัน!!!~
“นายเข้ามาทำอะไรในห้องของช้านนนน!!!!”ฉันตะโกนออกไปด้วยความตกใจแล้วก็ต้องทิ้งตัวนอนลงกับเตียงด้วยความหมดแรง อ๊ากกกก ไม่จริง ไฮยาโตะไม่ได้อยู่ในห้องฉัน เขาไม่อยู่ในนี้ ในห้องของฉันมันมีฉันเพียงคนเดียว เอ่อ..
แล้วเมื่อกี๊ฉันพูดกับใครล่ะเนี่ย อ๊ากกกกกกกกกก ใครก็ได้บอกฉันทีว่าฉันคุยกับตัวเอง ในห้องนี้ไม่มีใครอยู่กับฉันทั้งนั้นนนนนน
“555+ อะไรกันเนี่ย ถึงกับลงไปนอนเลยหรอไง ห๊ะ ปริ๊นเซสดาร์คโรส”ในขณะที่ฉันกำลังจมอยุ่กับความคิดบ้าบอของตัวเองไอ้ตัวดีไฮยาโตะก็ดันส่งเสียงแทรกขึ้นมาซะนี่ ฉันพยุงตัวลุกขึ้นแล้วสูดลมหายใจเข้าเตรียมตัวจะด่า
“นี่นาย ถ้าไม่พูดซักคำก็ไม่มีใครเขาว่าว่าเป็นใบ้หรอกนะ โอ๊ย”สงสัยฉันจะด่ายาวไปหน่อย ฉันหลับตาลงรับมือกับความปวดที่เข้าจู่โจมหัวฉันอีกระรอกใหญ่
“โห คนเขารึอุตส่าห์ไปรับมาจากผับ แบกขึ้นมาบนห้อง ขอบคุณกันซักคำยังไม่มี”ไฮยาโตะพูด ฉันรู้สึกถึงความยุบของเตียง คงเป็นไฮยาโตะที่นั่งลงมาสินะ
“ขอบใจ แต่นายไม่คิดจะใส่เสื้อเสียหน่อยรึไง เดินโทงๆไปมาในห้องฉันอยู่ได้”ฉันถาม
“ไม่เอา ร้อน”ไฮยโตะตอบแค่นี้แล้วก็เอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าฉันเบาๆ รู้สึกดีจังแฮะ
“เกรงใจเจ้าของห้องบ้างก็ได้นะ”ฉันว่าพลางลืมตามองหน้านายตัวดี ไม่อยากจะSaidว่าไอ้คนตรงหน้ามันหล่อแค่ไหน แต่ก็ต้องอดใจไว้เพราะว่าเดี๋ยวมันจะเหลิงซะก่อน
ไฮยาโตะไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่เสกลมขึ้นมาพัดเอาเสื้อที่เจ้าตัวแขวนไว้ให้แห้งแล้วเดินไปหยิบเสื้อมาใส่(ทำไมไม่เสกซะตั้งแต่ทีแรกฟ่ะ/*-*) (ก็คนมันอยากอยู่ใกล้ซักหน่อยนี่!!~/ไฮยาโตะ) (=_+ เอากับมันสิ จีบแบบนิ่มๆเลยนี่หว่า/*-*)
(หุบปากแล้วแต่งต่อไปเถอะน่า!!~ เดี๋ยวได้เจอพายุถล่มบ้านหรอกไอ้เรนนี่ (--////--)/ไฮยาโตะ)
(กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด ไฮยาโตะเขิลลลล ฮิ้ว!!!/*--*)
“แล้วนายเป็นคนพาฉันกลับมาหรอ”ฉันถามพลางมองนาฬิกา อา นี่มัน5โมงเย็นแล้วหรอเนี่ย หลับไปไม่รู้ตัวเลยเรา เมาหมดสภาพเลย
“อือ เมื่อตะกี๊ก็เพิ่งบอกไป อะ อะ อ้าว อย่าเพิ่งลุกขึ้นสิยังปวดหัวอยู่ไม่ใช่หรอ ตะกี๊ฉันให้ลูกน้องไปหายากับข้าวต้มมาให้แล้วกินซักหน่อยแล้วค่อยนอนละกัน”ไฮยาโตะว่าก่อนจะฉุดกระชากลากถูฉันให้ลุกขึ้นนั่งก่อน
ก๊อก ก๊อก
“นั่งอยุ่นี่แหละ ห้ามนอน”ไฮยาโตะพูดเองเออเองเสร็จสรรพแล้วก็เดินไปเปิดประตู
“อือ ขอบใจ ไปได้แล้วล่ะเดี๋ยวฉันเอาไปเก็บเอง แล้วก็ยกเลิกนัดทั้งหมดของปริ๊นเซสดาร์โรสให้หมดถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกฉัน เข้าใจมั้ย ไปได้แล้ว”ไฮยาโตะสั่งงานเอาเองเสร็จสรรพก้อนจะปิดประตูไล่ลูกน้องคนนั้นไปโดยที่ฉันได้แต่มองตามตาปริบๆ
“เรื่องอะไรมายุ่งกับงานของฉัน”ฉันถามอย่างไม่สบอารมณ์ ใช่สิสมควรอยู่หรอก นายไม่มีสิทมาตัดสินใจแทนฉันนะ
“แล้วคิดว่าเธอในสภาพนี้จะไปทำงานได้รึไง เมาหัวนราน้ำอย่างนั้นแล้วคงไม่หายแฮ๊งค์ได้ง่ายๆภายใน2-3นาทีหรอกนะ”ไฮยาโตะเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“งานของฉันถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมันก็คือปัญหาของฉันนายไม่ต้องมายุ่ง”ฉันตวาด ดูเหมือนนั่นจะทำให้เส้นสติของไฮยาโตะขาดสะบั้นลง เขาเดินเข้ามาแล้วเอาเชือกที่เจ้าตัวไม่รุ้หยิบมาจากไหนมัดที่ข้อมือฉันติดกับเตียง
“อย่าลืมสิองค์กรเราทำงานกันเป็นทีม ถ้าขาดคนใดคนนึงไปงานมันจะกระทบถึงกันหมด เพราะฉะนั้นวายองรีบกินแล้วรีบนอนพักผ่อนไปจะดีกว่าถ้าไม่อย่างนั้น...”ไฮยาโตะลากเสียงอย่างยียวน
“ถ้าไม่อย่างนั้นจะทำไม จะฆ่าฉันรึไง”ฉันกวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“ถ้าไม่อย่างนั้นวายองจะได้เหนื่อยกับอย่างอื่นแทนน่ะสิแล้วผมก็มีเวลาว่างพอที่จะเล่นกับวายองนานพอที่จะทำให้เหนื่อยจนหลับไปได้เช่นกัน ไม่แน่นะวายองอาจจะอึดมากพอจะเล่นกับผมได้ถึงพรุ่งนี้เช้าเลยก็ได้นะ”ไฮยาโตะก้มลงมาใกล้แล้วกระซิบที่ข้างหูของฉัน ก่อนจะถอนหน้าออกไปแล้วนั่งจ้องมองฉันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ให้ตายเหอะฉันเกลียดสายตาแบบนี้จัง
“ไอ้บ้า”ฉันกัดฟันด่า
“เปล่าบ้านะ แค่เป็นห่วงเท่านั้นแหละ”ไฮยาโตะเลิกคิ้วกับคำด่าของฉันก่อนจะพูด
“...”ตลอดชีวิตฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้ยินคำเลี่ยนๆจากปากของตานี่โดยเฉพาะกับคนคนนี้ด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งไม่อยากจะเชื่อ ขอกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดังๆๆๆๆๆหน่อยละกัน (=_=เมื่อกี๊มันยังไม่ได้กรี๊ดใช่มั้ย)
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
และด้วยเหตุใดไม่ทราบอีตาไฮยาโตะก็ดันส่งสายตามาแบบประมาณ่าอีนี่มันเป็นอะไรของมันเนี่ย!!นี่ ตาบ้าฉันเปล่าทำอะไรผิดนะส่งสายตาแบบนี้มาหมายความว่าไงห๊ะ!
“ทำอะไรเนี่ย บ้าไปแล้วเรอะ”ไฮยาโตะถาม ใช่สิ ฉันจะบ้าเพราะนายเนี่ยแหละ ตาบ๊องเอ๊ย
“เปล่า เอามาสิจะกินแล้ว”ฉันรีบเปลี่ยนเรื่อง ตายล่ะหว่า เมื่อกี๊ฉันคิดอาไรออกไป(ไม่ใช่แค่คิดแล้วล่ะฉันว่าแกน่ะ ทำออกไปเยอะแล้วด้วย)
ไฮยาโตะยอมยื่นชามข้าวต้มให้กับฉันแต่โดยดี แต่ไม่ยอมยื่นช้อนมาให้ฉันกิน
“เอามา”ฉันแบมือขอ ไฮยาโตะยิ้มก่อนจะตีผ่ามือฉันเบาๆ อะไรของมันเนี่ยเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายบทจะมากวนก็กวนบทจะดีก็ดีซะ
“ม่ายยยห้ายยย”ไฮยาโตะลากเสียงก่อนจะเขยิบตัวเข้ามาใกล้
“ถ้านายไม่เอาช้อนมาให้ฉันกินแล้วฉันจะกินข้าวต้มนี่ยังไงล่ะ ห๊ะ! จะให้ฉันยกซดเอารึยังไงอีตาบ้า”ฉันว่า
“ผมเปล่าบอกให้ยกซดซะหน่อย แต่ผมจะป้อนวายองเองต่างหาก”ไฮยาโตะตอบก่อนจะใช้ช้อนตักข้าวต้มขึ้นมาเป่าเบาๆแล้วยื่นเข้ามาจ่อปากฉัน
“...”ฉันจ้องช้อนเงินในมือของไฮยาโตะนิ่ง มันใส่อะไรไว้ในข้าวต้มรึเปล่าหว่า ไม่น่าไว้ใจ ไม่น่าไว้ใจ -_-+++
“กินเถอะ ผมไม่ได้ใส่ยาพิษไว้หรอกน่า เร็วเย็นหมดแล้วเนี่ย”เหมือนจะรู้ความคิดไฮยาโตะพูดขึ้นมาอย่างรู้ทัน
“อ้าม”ฉันจัดการกระเดือกข้าวต้มอุ่นๆลงคอไป ไม่มีอะไรดีเท่ากับข้าวต้มร้อนๆแก้แฮงค์แล้วล่ะนะ!!^-^!!
ในเวลาไม่กี่นาทีข้าวต้มอุ่นๆทั้งชามก็ถูกฉันยัดใส่ปากไหลลงสู่กระเพาะน้อยๆของฉันเรียบร้อย
“เอ้า น้ำ กินเสร็จแล้วก็นอนซะ”ไฮยาโตะยื่นแก้วน้ำมาให้ฉันก่อนจะจัดแจงเก็บข้าวเก็บของ ฉันรับน้ำมาดื่มอึกใหญ่ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เออ จริงสิถ้าตอนขากลับมานี่ไฮยาโตะมาส่งฉันจริงแล้วไอ้คนที่มันไปกับฉันมันอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ยตอนนี้
“ขอบใจ ว่าแต่ไฮยาโตะที่นายบอกว่านายเป็นคนไปรับฉันใช่มะ แล้วไอ้พีมันหายหัวมันไปไหนซะล่ะ”ฉันถาม ไฮยาโตะยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบคำถาม
“ตอนพวกผมไปถึงพี่พีเขากำลังจะออกจากผับพอดี ริวเขาเห็นก็เลยตามไปด้วยไม่รู้ป่านนี้ไปอยู่ไหนเหมือนกัน”ไฮยาโตะพูดพลางดึงผ้าห่มมาคลุมตัวฉันอย่างอ่อนโยน อะไรของเค้าฟะ ก่อนหน้านี้ตีกันแทบตายอยู่ๆมันมาทำหน้าอ่อนโยนใส่แบบนี้ข้าน้อยงง
“นอนได้รึยังวายองน้อยเจ้าปัญหา รึจะมานั่งซักเจื้อยแจ้วเป็นเจ้าหนูจำไมต่อ”ไฮยาโตะว่า
“ชิ จะไปไหนก็ไปเลยไป ฉันจะนอน”ฉันไล่ ซึ่งเจ้าตัวเขาก็ไม่ได้ต่อความยาวอะไรต่อได้แต่เดินออกจากห้องไปโดยยังมิวายทิ้งระเบิดไว้อีกลูก
“ล็อกห้องดีดีนะ เดี๋ยวผมมานอนด้วย”
“ไอ้บ้า”
แอ๊ด ปัง หมอนหนุนถูกขว้างตามออกไปเพียงแต่ว่าคนมือดีดันปิดประตูซะก่อน
HIYATO : SAYS
“ชิ อีตาบ้า ขอบใจนะ”เสียงของหญิงสาวข้างในห้องดังออกมาตามสายลม ถึงแม้จะเป็นเสียงกระซิบเบาๆแต่มันก็ทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างนอกได้รู้สึกสดชื่นกระชุ่มกระชวยขึ้นมาบ้าง แต่ก็ต้องตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงลูกน้องเอะอะโวยวาย อะไรอีกฟะเนี่ยไฮยาโตะคิดก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินไปหาต้นเสียง
“มีอะไรกัน”เพียงคำพูดคำเดียวของผมก็มีผลทำให้พวกลูกน้องที่จับกลุ่มกันแตกฮืออย่างกับรังผึ้ง
“อะ อะ คือว่านี่ครับท่านปริ๊นดาร์ค”ลูกน้องคนนึงยื่นแผ่นกระดาษกับเทปวีดิโออะไรซักอย่างมาให้กับผม อะไรกันเนี่ย
ถึง เพื่อนทรยศ จำได้มั้ยว่าคนอย่างแกเคยทำอะไรเอาไว้!!! ไอ้องค์กรช่วยเหลือมนุษย์อะไรกัน พวกแกมันก็แค่เศษสวะที่ต้องการการยอมรับเท่านั้นแหละ ของที่พวกแกขโมยจากฉันไปน่ะ อีกไม่นานฉันจะมาขอทวงมันคืน ลงชื่อ คนที่พวกแกเคยทรยศ
ผมแทบจะข่มอารมณ์ที่อยากจะฉีกกระดาษแผ่นนี้ไว้ไม่อยู่
ปึก! ผมปากระดาษแผ่นนั้นลงพื้น ลูกน้องข้างๆผมแทบจะวิ่งเก็บไม่ทัน ทีนี้ผมเริ่มเปลี่ยนเป้ามายจากกระดาษมาที่เทปวิดีโอ ผมยอมรับว่าตอนนี้อารมณ์ผมมันลุกเป็นไฟพร้อมที่จะเผาไหม้ทุกคนที่เข้าใกล้ได้ตลอดเวลา ผมยื่นมือออกมาเป็นเชิงบังคับให้ส่งเทปมา ลูกน้องคนที่ถือเทปตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าทำเอาผมทนไม่ไหวต้องออกแรงกระชากเทปมาเอง พวกลูกน้องก็ดูเหมือนว่าจะหวาดกลัวผมกันไปหมด
“มีอะไรกันหรอ หน้าดำค่ำเครียดกันจัง”เสียงเจ้เฟชรดังขึ้นพร้อมการปรากฏตัวของเจ้าของเสียง พวกลูกน้องทั้งหมดรีบก้มหัวทำความเคารพ ตะกี๊ผมแอบเห็นลูกน้องหลายคนแอบถอนหายใจด้วย ผมน่ากลัวนักรึไง
“ว่าไงเนี่ย เจ้ถามนะ”เจ้เฟชรดูเหมือนว่าจะรู้ถึงสถานกาณ์อันตึงเครียดจึงลดระดับเสียงลง
“มีจดหมายถูกส่งมาพร้อมกับเทปวิดีโอนี่”ผมยื่นเทปวิดีโอที่อยู่ในมือส่งไปให้เจ้ ลูกน้องที่ถือจดหมายก็เช่นกัน เจ้เฟชรชักสีหน้าทันทีที่อ่านข้อความในกระดาษจบ ไอเย็นแผ่ไปทั่วบริเวณอย่างรวดเร็ว อากาศหนาวเย็นมากจนลูกน้องบางคนถึงกับหายใจเป็นไอสีขาวออกมาเลยทีเดียว หึ ไอ้คนที่ถอนหายใจเมื่อครู่น่ะนึกว่ารอดตายจากผมแล้วรึไง หนีเสือปะจระเข้ชัดๆเลย
“มันกล้ามากที่ทำแบบนี้ ไฮยาโตะนายรู้มั้ยว่ามันเป็นใคร”เจ้เฟชรถาม นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นสีเลือดกะทันหันทำเอาหลายคนผงะถอยหนี เจ้เฟชรกำจดหมายนั้นอย่างกับจะขยี้ให้มันแหลกคามือ
“ไม่ทราบครับ ผมก็เพิ่งเห็น...”
เพล้ง! ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยคแจกันแก้วเซลามิคก็ลอยเฉียดหน้าผมไปเพียงไม่กี่เซนต์
“ว่า ยัง ไง นะ!!!!~”ไอสีดำพวยพุ่งออกจากร่างของสาวร่างสูงทำเอาลูกน้องวิ่งหนีแทบไม่ทัน ในบริเวณนั้นเหลือเพียงผมกับคนตรงหน้าเท่านั้น
“เกิดอะไร...ขึ้น”วายองที่พุ่งออกมาจากห้องหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพตรงหน้า คนอื่นๆก็เริ่มทยอยกันออกมาจากห้อง
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมควีนถึงเป็นแบบนี้ล่ะ”พี่คิมถาม
“จะเกิดอะไรก็ช่างเถอะ เจ้สงบสติอารมณ์ก่อนเถอะ”วายองที่เพิ่งวิ่งออกมาจากห้องบอก จิตสังหารแผ่กระจายไปอย่างรวดเร็วทำเอาลูกน้องผู้โชคร้ายบางคนที่หนีไม่ทันถึงกับเข่าทรุดเหมือนกับว่าโดนมือที่มองไม่เห็นพันธนาการเอาไว้ แต่ทว่าผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน คณะอัยการทั้งหมดมิได้สะทกสะท้านเลยซักนิด รินเซ่(หวังว่าคุณยังไม่ลืมเธอผู้เป็นที่รักของคิมนะ)ค่อยๆซุกตัวเข้าไปอยู่ข้างหลังคิมอย่างหวาดๆ
พี่คิมส่งรินเซ่ไปไว้กับพี่เต๋าก่อนจะเดินเข้าไปหาเจ้เฟชรอย่างช้าๆ
“พี่ ผมขอเทปนั่นเหอะ แล้วก็ช่วยสงบสติอารมณ์ลงด้วยนะครับ”พี่คิมพูดอย่างสุภาพหรือถ้ามองอีกนัยนึงก็คือออกคำสั่งดีดีนี่เอง แต่ที่น่าแปลกก็คือเจ้เฟชรยอมลดระดับอารมณ์ลงอย่างง่ายดาย ไอเย็นและจิตสังหารค่อยๆหายไปอย่างรวดเร็ว พี่คิมหยิบเทปแล้วเดินไปใส่เครื่องก่อนจะกดPlayเพื่อเล่นแผ่น
/มันต้องได้รับโทษที่ยิ่งกว่าตายทั้งเป็นยังไงล่ะ/ฉึก เสียงมีดแทงลงไปที่ไหล่ของหญิงสาวในวิดีโอ
“อ๊ากกก”เสียงร้องอันน่าเวทนาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบาง เลือดไหลรินออกมาจากบาดแผลฉกรรจ์
“ยังหรอก แป้ง ฉันยังไม่ให้เธอตาย พวกแก จัดการสำเร็จโทษ”เสียงเฉียบขาดจากผู้ชายคนนึงที่ไม่ได้โดนจับภาพจากเสียงคิดว่าน่าจะอยู่ข้างๆคนที่ถ่ายอย่างแน่นอน สิ้นคำก็มีผู้ชายใส่หน้ากากโม่งราวๆ8-9คน ตรงเข้ามาฉีกเสื้อผ้าออกจากร่างบางอย่างป่าเถื่อน
เสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ไม่มีใครได้ยินดังออกจากปากชมพูของหญิงสาวในขณะที่โดนกดอยู่กับพื้น เสื้อสีขาวสถาบันเต็มไปด้วยเศษหินดินทราย และเลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดที่แห้งกรัง ชายเหล่านั้นช่วยกันกดเธอลงกับพื้น หญิงสาวดิ้นพล่านจนกระทั่งมีหมัดกระแทกเข้ามายังท้องของเธอย่างจัง เสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายถูกปลดออกไปจากร่างพร้อมกับความโหดร้ายป่าเถื่อนที่เข้าเยือนร่างกายของเธอ
/อ๊า.... อืมม... โอ๊ย!!~..../เสียงครางระงมสลับกับเสียงร้องอย่างเจ็บปวดเรียกความสงสารได้มากโขในขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะต้องเบือนหน้าหนีภาพอันโหดร้ายเบื้องหน้า
“อุ๊บ.. โอ้กกก..”เจ้เฟชรเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้าก่อนจะเริ่มสำรอกเอาอาหารกลางวันออกมา มันอาจจะเป็นผลข้างเคียงมาจากเหตุการณ์เมื่อ3ปีก่อนก็ได้
ติ๊ด! พี่คิมกดStopเครื่องไว้เพียงเท่านี้ ภาพที่ได้เห็นมันโหดร้ายทารุณมากเกินกว่าที่คนธรรมดาทั่วไปจะรับได้ แบบนี้มันเกินไปแล้ว
“เป็นการกระทำที่ไม่น่าให้อภัยเลยนะเนี่ย”วายองน้อยของผมเดาะลิ้นอย่างไม่ใส่ใจ ส่วนพี่คิมก็ได้แต่มองแล้วส่ายหน้าอย่างระอา
“เอาเหอะ แล้วจดหมายล่ะ”วายองหันมาถามหาถึงจดหมายซึ่งอยู่ในมือผม ไม่ต้องรอคำสั่งผมก็ยื่นกระดาษจดหมายให้เธอทันที เธอรับจดหมายไปดูซักพักก่อนจะอุทาน??
“พระเจ้าช่วย!! นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย”พี่คิมเลิกคิ้วขึ้นกับคำอุทานของวายอง
“หืม ไหนเอามาดู”พี่คิมรับจดหมายไปจากมือของวายองก่อนจะลงมืออ่านอย่างตั้งใจส่วนเจ้เฟชรก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาอาเจียนเอาอาหารกลางวันออกมาอย่างหนักจนรินเซ่ที่อยู่ข้างๆทำอะไรไม่ถูก ผมว่างานนี้พี่คิมอาจฟิวส์ขาดก็ได้
“ไอ้บ้าที่ไหนกล้ากระตุกหนวดเสือ ห๊ะ!!~”นั่นไงผมพูดไม่ผิดเลยใช่มั้ย รุนที่ทนอยู่เฉยไม่ไหวจึงเอ่ยปากออกมาบ้าง
“ใครก็ได้ช่วยบอกผมทีว่าเกิดอะไรขึ้น”แต่ เงียบ ไม่มีใครที่จะอธิบายให้ฟังเลยซักคน จนรุนทนไม่ไหวกระชากเอาจดหมายจากมือพี่คิมมาอ่านเอาเอง
“....”ผิดคาดครับ รุนไม่โวยวายอะไรเลย ไม่แม้แต่จะเปิดปากพูด
“แล้วจะทำยังไงกันต่อไปดีล่ะ”เจ้เฟชรที่เพิ่งหายจากอาการอาเจียนพูดขึ้น ไม่อยากจะพูดเลยว่าตอนนี้พี่สาวที่เคารพของผมหมดสภาพขนาดไหน
“ผมคิดว่าคงทำอะไรไม่ได้หรอกตอนนี้น่ะ คงต้องรอพวกเรามาให้ครบก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”พี่คิมที่เริ่มเก็บอารมณ์ได้พูด อืม... นั่นแหละที่ผมเห็นด้วยเลย เรายังไม่มีมูลอะไรเลยซักอย่าง ผู้ต้องสงสัยรึก็ไม่มีแล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้
“ไฮยาโตะ”
“ไฮยาโตะ!”เสียงพี่คิมดังขึ้นฉุดผมขึ้นจากภวังค์
“อะ.. ฮะ ครับพี่คิม”
“ตามตัวพวกที่เหลือด่วนเลย เห็นทีงานนี้คงเป็นงานใหญ่แน่!!”พี่คิมออกคำสั่งเสร็จสรรพก่อนจะเดิน+ลากรินเซ่เข้าไปในห้องทำงานของตัวเองอย่างรวดเร็วทำเอาผมก้มหัวทำความเคารพแทบไม่ทัน
“คิดว่างานนี้เราคงได้เปิดศึกกันเร็วขึ้น เตรียมตัวให้พร้อมด้วยล่ะ ปริศนาแปลกๆมันเพิ่มมาอีกอย่างแล้ว”เจ้เฟชรพูดอย่างอารมณ์ดี???พลางเอามือลูบไล้ไปตามแส้หนังเส้นโปรดของตัวเองซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเธอเอามาจากไหนและไม่อยากจะรู้ด้วย
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”ผมก้มหัวให้เจ้เฟชร
“อือ”เจ้เฟรชครางฮึมฮัมในลำคอเชิงรับรู้พลางโบกมือเชิงไล่ตามหลังผมในขณะที่ตัวเองก็นั่งเล่นแส้ตัวเองไปคนเดียวอย่างโรคจิต
FRESH : SAYS
สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน แปลกใจรึเปล่าคะที่วันนี้จะต้องมาเกาะติดกับฉัน ต้องแปลกใจสินะ แหงอยู่แล้วล่ะ ก็ใครใช้ให้ไอ้คนเขียนมันเขียนบทให้ไปเกาะติดกับคนอื่นอยู่ตั้งนานกว่าพวกคุณๆจะรอดมาพบเจอกับฉันก็ล่อไปตั้งตอนนี้20ปลายๆขนาดนี้ เอาเถอะค่ะ เรื่องนี้ช่างมันเถอะ ยังไงซะพวกคุณก็คงอยากจะรู้เรื่องราวสถานการณ์ตอนนี้มากกว่าที่จะมานั่งฟังฉันคร่ำครวญอยู่แล้ว งั้นก็ตัดเข้าเรื่องไปเลยก็แล้วกัน
ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น(??)หรือห้องทำงานที่พวกคุณคิดนั่นแหละค่ะ เดิมทีห้องนี้เป็นห้องโถงของชั้น7 แต่ว่าไอ้เต๋ามันดันอุตริจับไอ้นู่นย้ายมานี่จับไอ้นี่ย้ายมานู่นจับคอมพิวเตอร์มาใส่จับเศษเหล็กมาดัดแปลงเป็นอะไรก็ไม่รู้อีกมากมายแล้วก็ทำกลไกอันเป็นของเล่นอันประเทืองปัญญาเอาไว้มากมายบวกกับจำนวนพนักงานที่นับวันจะเพิ่มเอาๆห้องนี้ก็เลยกลายเป็นห้องทำงานไปอย่างที่เห็น แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าทั้งตึกนี้มีกลไกชวนสยองขวัญอยู่มากมายอันได้แก่สารพันสิ่งของอันสีร้างความบันเทิง(??)แบบกระชากม้ามกระชากตับออกมาเต้นแท๊ปเป็นเพนกวิ้นในการ์ตูนแฮ็ปปี้ฟีตได้เลย ถ้าคุณไม่เชื่อคุณจะต้องลองเข้ามาในตึกชั้นนี้ดู(ถ้าคุณสามารถรอดผ่านด่านกลไกอันสยองขวัญจากชั้นล่างขึ้นมาจนถึงข้างบนนี้ได้ล่ะก็นะ)
คิมดูเหมือนว่าจะหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่พอดูเลยล่ะกับไอ้เทปวิดีโอนั่น เป็นฉันฉันก็แหยงล่ะ เล่นเอาอาหารกลางวันทะลักออกมาหมดเลย คุณคงจะสงสัยสำหรับอาการแปลกๆของฉันนะแต่จะบอกให้ก็ได้ว่ามันเป็นอาการจากเหตุการณ์เมื่อ3ปีก่อนตอนนี้ฉันกับพวกเนริโดนขายส่งซ่องมันเป็นช่วงที่ช๊อกมากๆหลังจากเหตุการณ์นั้นมาพอมีอะไรมาทำให้นึกถึงมันก็เลยกลายเป็นแบบนี้ไป ตอนนี้ฉันคิดว่าอีกไม่นานพวกเนริก็จะกลับมาแล้วล่ะเพราะถ้าขืนไม่กลับไอ้หมาบ้าคิมจะต้องเกิดอาการบ้าขึ้นมาอีกเหมือนตอนที่ไปช่วยพวกยิปโซแน่ๆ เอาอย่างนี้ก็แล้วกันละหว่างที่เรานั่งรอพวกเนริมาฉันจะเล่าเรื่องอาวุธของพวกเราให้ฟังไปพลางๆก็แล้วกันเนาะ
เริ่มจากคนแรกคนที่ฉันเพิ่งฌาปนกิจมันไปเมื่อซักครู่นี้ จากตอนที่สู้กันบนเรือพวกคุณคงจะพอเดาออกว่าอาวุธประจำตัวมันคืออะไร ปกติแล้วของส่วนตัวของพวกเราทุกคนจะมีที่มาที่ไปกันหมดยกเว้นของไอ้2ตัวนั่น(คิม+เต๋า)นอกจากตอนอายุ7ขวบที่พวกมันโดนลักพาตัวไปทำการทดลองอะไรซักอย่างพอกลับมาแล้วนอกจากจะมีพลังแอปลกๆติดตัวมาด้วยมันดันมีของสิ่งหนึ่งที่ติดกลับมาด้วยอีกอย่าง ของคิมก็คือกำไลข้อมือโบราณที่ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปมันแน่ชัดขนาดที่ว่าเจ้าตัวยังไม่รู้เลย ในกำไลนั้นน่ะพอเวลาคิมมีอันตรายหรือต้องการจะใช้มันจะเรืองแสงขึ้นมาแล้วก็จะมีกริชลอยออกมา เท่าที่เคยเห็นมันมีกริชอยู่5สี ส่วนนอกเหนือจากนั้นฉันไม่เคยเห็นแฮะ เอาเป็นว่าจบเรื่องอาวุธของคิมไปเลยก็แล้วกัน ต่อด้วยของเต๋า รายนี้ฉันเห็นมันใช้แต่ระเบิดส่วนสิ่งของที่มันได้กลับมาก็คือแหวนสีนิลวงนึงซึ่งไอ้แหวนวงนี้ฉันก็ไม่เคยเห็นมันใช้ทำอะไรซักทีหรอกเพราะว่าเวลามีเรื่องหรืออะไรขึ้นมามันจะควักระเบิดที่เสกขึ้นมาขว้างเอาๆ แต่บอกไว้ก่อนว่าแหวนวงนี้แข็งแรงสิ้นดีขนาดที่ว่าเขวี้ยงลงมาจากตึกโซเนอร์ชั้นดาดฟ้าตกลงมาข้างล่างไม่ยักกะบิ่นหรือแตกอะไรเลย ส่วนที่เหลือก็ไม่มีอะไรมากเอาเป็นว่าข้ามไปคนอื่นต่อดีกว่า ต่อไปก็คือเนริ แปลกมั้ยทั้งๆที่ฉันได้ชื่อว่าเป็นควีนแท้ๆแต่อำนาจการสั่งการมันกลับต่ำกว่าเนริ จริงๆแล้วถ้ามาลองทำความเข้าใจกับการจัดตำแหน่งของพวกเราจะเหมือนกับประเทศในฝันประเทศนึงเลย ตำแหน่งสูงสุดคือคิงแล้วก็ควีนแต่ในที่นี้ไม่ใช่ รองจากคิงคือแม่ทัพ พอแม่ทัพแล้วก็ถึงจะเป็นควีน ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าควีนคือตำแหน่งพิเศษน่ะสิ ถ้าเป็นคิงหรือแม่ทัพจะมีลูกน้องที่ขึ้นตรงกับตัวเองแต่ควีนไม่มีมันเป็นตำแหน่งที่เพิ่มมาเป็นพิเศษไม่ต้องคอยดูแลลูกน้องในสังกัดตัวเองมีอำนาจสั่งการเฉยๆและสั่งได้กับลูกน้องทุกคนไม่ว่าจะเป็นสังกัดไหนหรือขึ้นตรงกับใครตราบใดที่ไม่ซ้อนทับกับคำสั่งของหัวหน้าที่ลูกน้องคนนั้นสังกัดมิเช่นนั้นคำสั่งเราเป็นอันโมฆะ อาวุธของเนริคือ เอ่อ จะเรียกยังไงดีล่ะ สำหรับเนริแล้วมันเรียกว่าปืนแต่สำหรับชั้นมันออกจะเหมือนหน้าไม้มากกว่าพวกคุณกรุณานึกถึงหน้าไม้สีดำที่ด้านในมันเป็นกลไกของปืนกลได้มั้ยคะ และนอกจากจะเป็นปืนแล้วข้างใต้มันยังซ่อนมีดเอาไว้อีกด้วยประมาณว่ามีดติดสปริงที่จะเด้งออกมาเวลาต่อสู้ระยะประชิดนั่นแหละใช่เลย ฮ้า มาถึงตำแหน่งฉันแล้วสิ ไม่ต้องอะไรมากอาวุธของฉันส่วนใหญ่จะใช้อะไรก็ได้ที่เส้นเล็กยาวเรียวและสามารถตัดคอคนได้นั่นแหละอาวุธของฉันและอีกอย่างที่โปรดปรานมากพอดูก็คือแส้หนังอันนี้เป็นความชอบส่วนบุคคลไม่ได้ขึ้นอยู่กับความถนัดนะ ส่วนของวายองกับยัยพิรินก็คือดาบคู่ไม่ใช่ว่าคนเดียวใช้ดาบ2เล่มนะแต่มันเป็น1คน/1เล่มที่จะต้องมาใช้รวมกันต่างหาก ถ้าหากว่าคุณเคยดูหนังจีนกำลังภายในที่นางเอกใช้ดาบคู่กับพระเอกนั่นล่ะใช่เลย แล้วที่เหลือก็ข้ามไปเลยละกันคราวนี้ก็คือของฟาริ รายนี้มันเป็นอาวุธพิเศษคืออืม.. เรียกยากอีกแล้วสิเนี่ย อ้อ เคียว ใช่ละเคียวนั่นแหละเหมือนกับพวกยมทูตฝรั่งนั่นล่ะ แต่มันแตกต่างอยู่หน่อยก็คือส่วนหัวที่เป็นเคียวเนี่ยมันสามารถถอดเปลี่ยนหัวได้แล้วนอกจากนั้นก็คือในด้ามเคียวจะเป็นลักษณะกลวงเอาไว้เป็นที่ใส่โซ่เชื่อมต่อระหว่างตัวเคียวกับด้ามเคียว เรียกได้ว่าต่อให้อยู่ไกลประมาณว่าตัวเคียวไม่ถึงมันก็สามารถยืดออกมาฟาดหัวคุณได้ว่างั้นเถอะ ส่วนที่เหลือก็ไม่มีอะไรมากอะไรที่สามารถฆ่าคนได้พวกนั้นใช้หมดไม่เจาะจงอะไรเป็นพิเศษขนาดไม้แขวนเสื้อยังเอามารัดคอคนได้เลย อ้อ ลืมไปคู่นึง รายนี้เขามีอาวุธเหมือนกันแต่มันดันเป็นโยโย่ชนิดพิเศษน่ะสิ สายที่ควรจะเป็นเชือกมันดันเปลี่ยนเป็นเหล๊กบางชนิดพิเศษที่สามารถหักงอปลิวไปตามแรงลมได้เหมือนกับเชือกจริงๆ ส่วนตัวโยโย่ก็มีกลไกสำหรับศัตรูเผลอหลบได้แบบเฉียดฉิวมันก็จะมีใบพัดมีขนาดใหญ่เด้งออกมา เอาล่ะฉันคิดว่ารู้จักอาวุธของพวกเรากันมาหมดแล้วล่ะ อืม..ตอนนี้ฉันชักเพลียๆแล้วสิ เมื่อคืนฉันไม่ได้นอนเลยหลังจากที่เนริบอกว่ายิปโซอาจท้องก็เล่นฉลองกันยกใหญทำให้ฉันไม่ได้นอนเลย ถือว่าขอพักผ่อนซักหน่อยก็แล้วกันนะ บาย ราตรีสวัสดิ์
RaiN BloOd สายฝนสีเลือด
ความคิดเห็น