คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : -- บุกถล่มซ่องนรก2 -- -- ช่วย!! --
-- บุกถล่มซ่องนรก2 -- -- ช่วย!! --
NERI : SAYS
เจ็บ นั่นคือคำเดียวที่สามารถอธิบายความรู้สึกของฉันในตอนนี้ได้ เจ็บทั้งกาย เจ็บทั้งใจ ช่วยคนก็ไม่ได้ แถมยังมาโดนทำร้ายซะเองอีก ยิปโซค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ๆฉัน
“เจ็บรึเปล่าคะเอล”เธอถาม น้ำใสๆไหลเอ่อล้นดวงตาคู่สวยนั่น
“ไม่เป็นไรหรอก เอลไม่เจ็บ”ฉันพยายามฉีกยิ้มให้เธอสบายใจแต่นั่นกลับทำให้เธอปล่อยโฮออกมามากกว่า
“ฮึก ฮึก เอลเจ็บ เพราะ ฮึก ยิ ยิปโซ”เธอพูดเสียงใสๆสั่นเครือบ่งบอกถึงความเสียใจของเธอ ฉันเอื้อมมือไปประคองหน้าสวยแล้วพูด
“ไม่เป็นอะไรนะครับ”นิ้วโป้งค่อยๆปาดหยาดหยดน้ำตาให้เธอเบาๆ สายตาของเธอจับจ้องมาที่ฉันมันดูเปราะบางมากจนคิดว่าถ้าจับมันแรงไปอาจจะแหลกคามือของฉันก็เป็นได้
“แต่เอลบาดเจ็บ เอลกำลังจะตาย”เธอบอก
“เอลไม่ตายง่ายๆหรอกครับ เชื่อเอลสิ เอลจะอยู่ดูยิปโซออกจากที่นี่แล้วเริ่มชีวิตใหม่ให้ได้อยู่แล้ว อึก”ฉันตอบ เลือดออกมามากเกินไป ไอ้หน้าบากนั่นอย่าให้เรียกกำลังเสริมได้นะฉันนี่แหละจะเป็นคนยิงเป้ามันด้วยตัวฉันเอง ไอ้เลว พูดถึงกำลังเสริม อ๊ะ เพื่อน ใช่แล้ว!! คิม ฉันฉีกยิ้มกับความคิดของตัวเองจนยิปโซมองอย่างสงสัย
“ ยิปโซครับ”ฉันเรียก ยิปโซขยับเข้ามาใกล้ๆฉันเพื่อจะดูว่าฉันเจ็บตรงไหนมากรึเปล่า
“คะ”เธอเงยหน้าขึ้นมองฉัน
“จำเพื่อนที่แสนดีของเอลที่เอลเคยเล่าให้ฟังได้มั้ยครับ”ฉันถาม เธอทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าตอบ
“เอลจะเรียกมันมา”ฉันบอก ยิปโซทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ คนอื่นๆก็เช่นกัน
“คุณจะบ้าเหรอ มือถือคุณก็ไม่มีคุณจะเรียกเพื่อนคุณมาได้ยังไง ถึงเรียกได้ก็เขาจะมาที่เรือนี่ได้ยังไง”ผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยถาม
“ผมมีวิธี!!”ฉันพูดก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วรวบรวมสมาธิให้ได้มากที่สุดขอแค่ติดต่อกับคิมได้เพียงวินาที เพียงแค่วินาทีเดียวเท่านั้นมันจะรู้แล้วมันจะตามมาช่วยเพื่อนคนนี้อย่างแน่นอนฉันมั่นใจว่ามันต้องมา
ฉันพยายามเค้นพลังเท่าที่เหลืออยู่ให้ได้มากที่สุด
/คิม เราจะวาด อึก วงแหวนเวท..อึก/การติดต่อขาดไปกลางครันพลังหมดจริงๆแฮะเพราะฉันดันกระอักเลือดขึ้นมาซะก่อน
“เอล!!”ยิปโซพุ่งเข้ามาประคองฉันด้วยความเร็ว อั่ก ฉันกระอักออกมาอีกระรอก ฉันยกมือเชิงว่าไม่เป็นไร
“มีใครมีอะไรที่พอจะเขียนได้บ้างมั้ย”ฉันถามพวกผู้หญิงทั้งหมด ไอ้ชอล์กบ้าที่เตรียมมามันดันละลายไปกับน้ำ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าไม่มีอะไรพอที่จะเขียนวงเวทย์ได้เลย
“คุณเห็นพวกฉันเหลืออะไรติดตัวบ้างมั้ยล่ะ”เสียงจากผู้หญิงคนนึงตอบกลับมา ฉันมองไปรอบๆห้อง บ้าเอ๊ย ฉันนี่มันคิดอะไรโง่ๆ ขนาดเสื้อผ้าทุกคนยังไม่มีเลยแล้วนับประสาอะไรกับชอล์ก กุมขมับเลยฉัน จบกัน หมดเลย จบ จบ จบ จบ จบ จบเห่!!!!!!!!!!!!!!
ระหว่างที่กำลังมัวแต่นึกโทษตัวเองฉันก็เหลือบไปเห็นรอยเลือดของฉันที่เปรอะอยู่ตามพื้น ฉันมองที่พื้นสลับกับมือที่เปื้อนเลือด ไอ้โง่เนริ มันไม่มีกฎห้ามใช้เลือดเขียนวงเวทย์นี่หว่า ไอ้.. ไอ้.. โอ๊ย ไม่รู้จะด่าอะไรตัวเองดี ป่านนี้ไอ้คิมมันคงด่าฉันอยู่แน่นอน ฉันลุกขึ้นคุกเข่าก่อนจะเริ่มใช้เลือดเขียนวงแหวนเทเลพอตวาร์ปทันที
******************ทางด้านของคิม*****************
/คิม เราจะวาด อึก วงแหวนเวท..อึก/เสียงเนริขาดหายไป อย่างน้อยมันก็พอที่จะให้ผมสบายใจขึ้นได้นิดนึง อย่างน้อยมันก็ยังไม่ตายล่ะนะ แต่ผมก็ยังไม่วางใจอยู่ดี แต่จะทำยังไงได้ ตอนนี้คงต้องหาที่จอดรถก่อน กะเวลาแล้วก็รอเวลาที่ไอ้เนริมันจะวาดวงเวทย์เสร็จ เพราะถ้ากะพลาดหรือคำนวณผิดผมจะไปโผล่ที่อื่นแทนที่จะเป็นจุดหมายที่ต้องการจะไปแทนแล้วการวาร์ปแต่ละครั้งมันกินพลังพอสมควร ผมขับรถเข้าไปในปั๊มแห่งหนึ่งที่คนไม่ค่อยพลุกพล่านแล้วหาที่วาดวงเวทย์
*********************ด้านโรงแรมที่พิรินปฏิบัติภารกิจกันอยู่******************
ปัง เสียงปืนดังสนั่น ฉันรีบก้มหลบตัวลงใต้โต๊ะก่อนที่กระสุนลูกเมื่อกี๊มันจะฝังเข้าไปในสมองฉันซะก่อน แล้วลุกขึ้นยิงหัวไอ้พวกนั้นซักคน แต่ก่อนที่ฉันจะได้เหนี่ยวไกปืน
ปัง เสียงลูกตะกั่วของไอ้เวย์เจาะเข้าไปในหัวกะโหลกของพวกมันคนนึงลงไปนอนตายที่พื้น
“ไอ้เฟล ถ้าแกจะยิงก็ไปยิงไกลๆหน่อยได้มั้ยฉันจะหูหนวกตายเพราะแกเนี่ยแหละ”ฉันหันไปตวาดไอ้เวย์ ที่ยิงไม่ดูตาม้าตาเรือ ก่อนที่จะหันความสนใจมาที่โน้ตบุ๊กเครื่องของฉันที่โดนลูกตะกั่วเจาะเข้าที่หน้าจอกระจายเลย=_=;
จบกัน ฉันอุตส่าห์เจาะระบบรักษาความปลอดภัยมันได้ทั้งหมดเลยเชียว พอไอ้พวกนั้นมันได้ยินเสียงของฉันมันก็ยิ่งสาดห่ากระสุนปืนมาประเคนให้ถึงที่ทำเอาหลบกันแทบไม่ทัน ตอนนี้สถานการณ์ทางด้านฉันน่าเป็นห่วงพอสมควรเพราะว่าเครื่องโน้ตบุ๊กของฉันดันโดนยิงเข้าซะก่อนทำให้ระบบต่างๆที่เคยใช้ควบคุมระบบรักษาความปลอดภัยมันรวนแล้วก็พังไปเลย จะกู้คืนก็ไม่ได้พอระบบกลับเป็นปกติอย่างนี้มันก็ส่งสัญญาณเรียกพวกพ้องได้อีกน่ะสิ แค่นี้ยังไม่พอรึไงวะ ฉันว่าทางด้านของพวกริวกับรุนก็คงพอกัน ส่วนทางด้านเนริฉันส่งคนบ้าเลือดไปช่วยแล้วคงจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากนัก โว้ยย ไม่กงไม่กู้แม่งแล้ว ไอ้โน้ตบุ๊กเฮงซวย!!!
โครม เสียงเครื่องโน้ตบุ๊กแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเมื่อกระแทกเข้ากับกำแพงตามแรงเตะของฉัน ฉันรีบชักปืนขึ้นมายิงไอ้พวกบ้านั่น
ปัง ปัง ปัง ปัง ฉันรัวกระสุนปืนไปทั่วห้อง ก่อนจะนั่งลงมาเปลี่ยนแม็กอย่างรวดเร็ว กริ๊ก
ตอนนี้พวกเราอยู่ในสภาพย่ำแย่ เวย์มันก็ปากแตกแถมโดนยิงขาจนเดี้ยงไปข้างนึง ส่วนฉันก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก แขนหัก หัวแตก แล้วก็รอยแทงที่สีข้างเนื่องจากพวกมันส่งนักฆ่าผู้หญิงเข้ามาทำทีเป็นพวกที่หลงทางทำเอาฉันเสียทีแต่ก็ได้รับผลตอบแทนอย่างสาสมไป ความตายยังไงล่ะ ช่วยไม่ได้อยากจะทำฉันโมโหก่อนทำไมก็เลยหักคอตายคามือไปเลย หึ หึ หึ (ซาดิสม์ขั้นหนักเลยขอรับ)
แอ๊ด ปัง
“โนว่า โรส”เสียงรุนดังมาจากหน้าประตู เจ้าตัวพูดก่อนจะชักยืนขึ้นมายิงหัวไอ้พวกนั้นเรียงตัว โห มากันครบเลย ริว รุน ยูกิ อาคิ ไฮยาโตะ ฮิคารุ อ้อ คอนเน่ก็มาด้วย
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง เสียงกระสุนปืนถูกลั่นไกเข้าที่หัวของพวกมันแต่ละคนบ่งบอกฝีมือของคนตรงหน้าได้เลยว่า แม่นโคตร!! ฉันไม่เคยเห็นรุนยิงแบบเรียงตัวอย่างนี้ซักครั้งแม้เนริมันจะคุยนักคุยหนาว่ารุนเก่งยิงปืนมากๆก็เถอะ
“เป็นยังไงบ้าง”ริวตรงเข้ามาถาม ฉันค่อยๆพยุงเวย์ลุกขึ้นแล้วส่งให้กับไฮยาโตะ สภาพพวกเราแต่ละคนไม่แตกต่างกันนัก ริว ไหล่ขวาและแขนขวาโดนยิงเลือดนองจนสามารถย้อมสีเสื้อสีขาวให้กลายเป็นพวกทรูโทน(ครึ่งนึงสีเลือด ครึ่งนึงสีขาว) หัวแตก และรอยฟกช้ำทั้งตัว รุนก็ไม่แพ้กัน แขนหัก ไหล่ขวาหลุด ปากแตกดูท่าว่าจะสู้แบบหมัดต่อหมัดนะเนี่ย ส่วนฮิคารุหนุ่มหน้าสวยงานนี้หมดสภาพเลย ตาบวมจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่อยู่แล้วกับโดนลูกปืนเข้าที่ท้อง รู้สึกว่าจะซี่โครงหักด้วย ไฮยาโตะดูดีขึ้นมาหน่อย กระดูกแขนร้าว หัวแตก โดนยิงเข้าที่ไหล่ และอีกสารพัดรอยช้ำตามตัว งานนี้ฉันว่าคงไม่พ้นช้ำในแน่นอน ยูกิกับอาคิเป็นพวกที่ดูดีที่สุดในกลุ่มเนื่องจากว่าทำหน้าที่นำทางให้กับพวกผู้หญิงออกไปตามเส้นทางที่พวกเราเคลียร์ไว้ให้จึงไม่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้มากนัก ยูกิกับอาคิกำลังพยุงคอนเน่เด็กหนุ่มชาวตะวันตกที่มีสภาพยับเยินที่สุดในบรรดาพวกเราทั้งหมด โดนยิงเข้าที่ขา ซี่โครงหัก3ซี่ ตามตัวรอยฟกช้ำเต็มไปหมด หัวแตก ไหล่หลุดเรียกได้ว่ามันมหัศจรรย์มากที่ยังไม่ตาย แบบนี้มันอึดเกินคนทั่วไปแล้ว
“ยังไม่ตาย”ฉันตอบกลับอย่างกวนๆ ริวขมวดคิ้วน้อยๆก่อนจะพูด
“เอาจริงๆดิ”
“แขนหัก หัวแตก รอยแผลที่โดนแทงที่สีข้าง โดยรวมๆยังไม่ตาย ยังหายใจอยู่”ฉันตอบพลางเอนตัวไปพิงฮิคารุ ซึ่งเจ่าตัวก็ยอมโดยดี ถึงแม้ว่าตัวเองจะโงนเงนเต็มทีแล้วก็ตาม ริวมองฉันแล้วส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะดึงฉันมาประคองซะเอง
“กลับกันเถอะครับ พวกตำรวจมากันแล้ว”อาคิพูดส่วนยูกิก็นั่งลงวาดวงเวทย์เทเลพอตวาร์ปขึ้นมา พวกเราเดินเข้าไปอยู่ตรงกลางวงส่วนยูกิก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตรวาดต่อไป
“เสร็จแล้วล่ะครับ”ยูกิพูดแล้วเดินเข้ามาในวงเวทย์ พวกเราร่ายเวทย์พร้อมกัน วงเวทย์เรืองแสงขึ้นมาก่อนจะค่อยๆจ้าขึ้นแล้วก็
วาร์ป !!!
~ พวกเรามาปรากฏตัวที่ดาดฟ้าตึกโซเนอร์โยมีเต๋าและพวกลูกน้องยืนรอรับอยู่
“เป็นยังไงบ้าง”เต๋าวิ่งเข้ามาถามทันทีเมื่อเห็นพวกฉันปรากฏตัว
“เรียบร้อยดี แต่งานนี้คงต้องหยุดพักรักษาตัวกันหน่อยเพราะมันดันผิดพลาดทางเทคนิคนิดๆ แต่โดยรวมก็ดี”ฉันรายงาน เต๋าพยักหน้าเข้าใจพวกลูกน้องบางส่วนเข้ามาช่วยพยุงพวกฉันไปรักษาตัว
“แล้วไอ้เนริ กับไอ้คิมล่ะ”เต๋าถามเมื่อมองไปรอบๆแล้วไม่เห็นไอ้เนริมัน
“ไม่รู้ ไอ้คิมมันตามไปช่วยเนริที่เรืออะไรก็ไม่รู้ เนริมันไปช่วยพวกผู้หญิงที่จะโดนส่งไปมาเลฯ”ฉันตอบไปก่อนจะเดินไปนั่งพักที่เก้าอี้
“ชิบหาย”เต๋าสบถก่อนจะเดินเข้าไปในวงแหวนแล้วร่ายเวทย์เทเลพอตวาร์ปไป
*********************ย้อนเวลาไปทางเนริซักครึ่งชั่วโมง****************
ฉันวาดวงเวทย์เสร็จแล้วตอนนี้ก็เหลือแต่รอเวลาที่คิมมันจะมาเท่านั้น ฉันเอนตัวพิงยิปโซอย่างอ่อนแรง เจ็บแผลจริงๆเลย ฉันคิดพลางเอามือกดปากแผลไว้แน่น ผ่านมานาน10กว่านาทีแล้วเลือดยังไม่หยุดไหลเลย ใครบอกฟะว่าแวมไพร์เป็นพวกเลือดเย็น ถ้าเย็นจริงๆมันต้องแข็งตัวตั้งแต่นาทีแรกแล้วสิ นี่ไหลมาตั้งนานแล้วนะว้อย!!! ไม่ยอมแข็งซักที อย่าให้เจอตัวนะแม่จะแช่งชักหักกระดูกให้เข็ดเลย ระหว่างที่นั่งรอคิมแนก็นึกขึ้นได้ ทั้งๆที่ชายแดนไทยก็ติดต่อกับมาเลนี่นาทำไมมันต้องใช้เรือขนย้ายวะ หรือว่าเพื่อความปลอดภัย
“เอลไหวมั้ยคะ”ยิปโซถามฉันถึงแม้ตัวเองจะไม่ได้ดีไปกว่าฉันเลยก็ตาม แต่ก็ยังเป็นห่วงคนอื่นล่ะนะ
“ไหวอยู่แล้วล่ะครับ”ฉันตอบถึงแม้มันจะเจ็บเจียนตายก็เถอะ ถ้าตอนนี้ฉันยังมีพลังหลงเหลืออยู่มันจะถูกดึงไปใช้ในการรักษาตัวอย่างอัตโนมัติเพราะฉะนั้นพลังที่ค่อยๆฟื้นขึ้นมาอย่างช้าๆจึงถูกดึงไปฮีลร่างกายทั้งหมด
จู๋ๆวงเวทย์ที่ฉันวาดมันก็ค่อยๆเรืองแสงสีฟ้าขึ้นมา
คงมาแล้วสินะ ฉันคิด
วาร์ป
ตรงหน้าปรากฏตัวชายหนุ่มคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเพื่อน ไอ้คิม ใส่ชุดเสื้อคลุมพร้อมอย่างเสร็จสรรพอ้อรวมถึงหน้ากากสีทองสะดุดตานั่นด้วย สาวๆในห้องดูท่าจะตกใจเล็กน้อย(??)วิ่งไปซ่อนมุมห้องกันหมดเลย
“ไง ซาน หมดสภาพเลยนะ”คิมทักอย่างอารมณ์ดี มันอารมณ์ดีแต่ฉันสิ กำลังจะตาย+-+
“ เออ มาก็ดีแล้ว ช่วยหน่อยดิ”ฉันพูดเบาๆเท่าที่ร่างกายมันพอจะเอื้ออำนวย
“นี่ขอร้องแล้วหรอ”คิมแสร้งถามอย่างแปลกใจ
“เปล่า กูสั่ง”ฉันสวนกลับไปอย่างทันท่วงที
“หึหึ”คิมมันหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะพยุงฉันให้ลุกขึ้น
“เป็นยังไงบ้างล่ะ”คิมถามพลางสำรวจแผลทั่วตัว
“ยังไม่ตาย แต่อีกไม่นานก็ไม่แน่ถ้านายยังไม่ช่วยล่ะก็นะ”ฉันตอบแบบกวนๆ คิมมันส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะยื่นมือขึ้นเนหือบริเวณปากแผลของฉันแล้วเริ่มท่องมนต์ฮีล
วาบ แสงสีทองเรืองวาบขึ้นก่อนที่จะเปลี่ยนสีเป็นสีขาวนวลๆ เลือดสดๆที่ไหลออกมาค่อยๆหยุดไหลปากแผลค่อยๆสร้างเนื้อและหนังขึ้นมาห่อหุ้มอย่างช้าๆ บุคคลทั้งหมดในห้องมองภาพตรงหน้าอย่างอึ้งๆ
“เรียบร้อยแล้วล่ะ ฉันแบ่งพลังให้แกครึ่งนึง คงพอนะ”คิมพูด
“แค่นั้นก็เกินพอแล้วล่ะ ขอบใจนะโว้ย”ฉันตอบพลางโถมตัวเข้ากอดไอ้เพื่อนตัวแสบ แต่ถึงจะแสบยังไง มันก็เพื่อนตายล่ะวะ
“พอเลย พอ สาวๆเขาจะหาว่าฉันเป็นเกย์หมดเพราะแกนี่แหละ ไอ้คนติดเพื่อน”คิมว่าพลางแงะมือฉันออก
“โอเคโอเค ปล่อยก็ได้ นี่ไงยิปโซเพื่อนที่ผมจะแนะนำให้คุณรู้จัก”ฉันปล่อยคิมออกจากอ้อมแขนแล้วหันไปพูดกับยิปโซ
“คะ ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”ยิปโซเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์พูด
“ครับ เช่นกัน แต่ผมว่ามาแนะนำตัวกันตอนนี้คงไม่เหมาะนัก ทางที่ดีว่าแผนมาเลยดีกว่านะซาน”คิมบอก
“ไม่มีแผน กะเอาให้เดี้ยงอย่างเดียวโทษฐานมันยิงฉัน”ฉันกัดฟันข่มอารมณ์ตอบ
“เอางั้นเชียว คนใจดีอย่างซาตานหายไปไหนแล้วหว่า”คิมเลิกคิ้วอย่างจงใจส่งประโยคสุดท้ายมาให้อย่างยียวน
“งานนี้ขอหน่อย อยากฆ่ามันจริงๆ คนเลวแบบนั้น”ฉันพูดเปลวไฟผุดลุกท่วมมือด้วยพลังแห่งความแค้น ยิปโซสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นมือของฉันลุกเป็นไฟ ถึงฉันจะเป็นพวกธาตุน้ำแต่เวทย์ไฟฉันก็พอใช้เป็นนะ
“อะ เอล ฟะ ไฟ ท่วมมือ”ยิปโซพูดอย่างไม่เชื่อสายตา
“อย่างที่เห็นครับ ผมใช้เวทย์เป็น”ฉันหันไปบอก
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ถ้าคุณอย่างจะออกไปจากที่นี่”คิมพูด
“ค่ะ”ยิปโซรับคำแล้วปิดปากเงียบสนิท
“ก่อนอื่นซาน แกรู้รึเปล่าว่าพวกมันมีกี่คน”คิมถาม ฉันทำหน้านึก ตอนเข้ามาเจอสี่คน รวมไอ้หน้าบากที่มันฝากลูกปืนไว้ให้ก็เป็นห้า
“มากกว่า5คนนะ เท่าที่เจอ”
“9คนค่ะ ตอนพวกเราเข้ามาที่นี่ มันมี9คน”ยิปโซแย้ง คิมพยักหน้า
“เอางี้ คนละครึ่งละกัน คงไม่คณามือแกหรอกนะ”เหอะๆ ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เหอะ ฉันเป็นผู้หญิงนะเฟ้ย จะให้ไปสู้รบปรบมือกับพวกหมีควายข้างนอกได้ยังง๊ายยยยย!!!! ถึงจะสามารถว่ายน้ำมาถึงเรือนี่ได้ก็เหอะ แต่โดยรวมฉันเป็นผู้หญิงผู้อ่อนแอน้า!!
“ก็ได้ พวกยิปโซรอพวกผมที่นี่นะ เดี๋ยวพวกเราจะขึ้นไปจัดการมันข้างบน”ฉันพูดพลางเหลือบไปมองไอ้คิมที่นั่งเช็คลูกปืนที่มันเตรียมมาอย่าขะมักเขม้น
“ค่ะ”ยิปโซรับคำก่อนจะเดินไปนั่งกับเพื่อนๆเธอที่โดนขายมาด้วยกัน ฉันเดินเข้ามานั่งกับคิมแล้วเอ่ยปากพูด
“ขอบใจที่มาว่ะ”ฉันพูดเบา คิมมันเงยหน้ามองฉันก่อนจะส่งยิ้มมาให้
“ต่อให้แกจะอยู่สุดหล้าฟ้าเขียวยังไง แต่ถ้าเพื่อนมีปัญหากูก็จะตามไปช่วยอยู่แล้ว เพื่อนตายไม่ใช่หรอ”คิมพูด
กริ๊ก เสียงลูกปืนถูกจัดเก็บเข้าไปในตัวปืนอย่างเรียบร้อย
“เอ้า นี่ของแก ไปกันเถอะ”คิมพูดแล้วโยนปืนอีกกระบอกในมือส่งให้ฉันก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินออกไป
/ตามมาดิ/เสียงคิมดังขึ้นในหัว ฉันหันไปยิ้มให้ยิปโซก่อนจะเดินตามไปไอ้คิมออกไป
ฉันรีบย่องตามคิมขึ้นบันไดไปเรื่อยๆเพื่อจะให้ทันฝีเท้าคนขายาว จ้ำเอาจ้ำเอา ไม่รอเพื่อนเลย ฉันบ่นมันในใจแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้นในสมอง
/ถ้าว่างขนาดที่จะมานั่งนินทาฉันล่ะก็ ช่วยเดินให้มันทันฉันหน่อยได้มั้ย/เสียงคิมดังขึ้น เหอะๆ คงดักฟังความคิดฉันล่ะมั้งเนี่ย แสนรู้จริงๆ
/เดี๋ยวเหอะ ฉันไม่ใช่หมานะเว้ย/เสียงคิมก้องในหัว นั่นไงว่าแล้วว่ามันต้องดักฟังความคิดฉัน ก่อนที่จะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้คิมมันก็ส่งสัญญาณมือมาให้ฉันหยุด
/อะไร?/ฉันส่งโทรจิตถาม
/พวกมันกำลังลงมา มีสองคน ฉันกับแกคนละคน/คิมตอบพลางออกคำสั่งเสร็จสรรพ
พวกเรารีบย่องลงไปที่ตีนบันไดเพื่อรอสัมมนาคุณชุดใหญ่ให้กับผู้มาใหม่ทั้งสองคน เตรียมรอรับของสมน้ำหน้าคุณ เอ๊ย ของสัมมนาคุณได้เลยขอรับ ฉันกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ คิมที่ยืนหลบอยู่อีกฟากมองหน้าฉันประมาณว่า ไอ้นี่มันบ้าอะไรขึ้นมาวะ เสียงฝีเท้าของพวกนั้นดังขึ้นดึงความสนใจของพวกเราไปที่พวกมัน
จามที่คิมบอกไว้ มันลงมากันสองคน คนนึงเป็นไอ้หน้าบากที่มันสมนาคุณให้ฉันไป2ดอกตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกเลย อีกคนเป็นไอ้ร่างยักษ์เดินลงมาตามขั้นบันได
“ป่านนี้ไอ้ไก่อ่อนนั่นคงตายแล้วล่ะ เราไปเอาศพมันออกมาทิ้งทะเลดีกว่า อยู่นานไปเดี๋ยวจะเน่าคาเรือซะก่อน”เสียงไอ้หน้าบากพูด เหอะๆ จะเอาศพฉันไปทิ้งเรอะ ฝันไปเถอะย่ะ ฉันนี่แหละที่จะเอาแกไปทิ้งไม่ใช่แกเอาฉันไปทิ้งฉันคิดพลางกำมือแน่น ส่วนคิมมันดักฟังความคิดฉันอยู่กลั้นหัวเราะท้องคัดท้องแข็งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของปลายขั้นบันได
“เฮ้ย!...”เสียงของไอ้หน้าบากถูกกลืนลงคอ
ฉั่วะ ลมหายใจสุดท้ายถูกช่วงชิงแม้จะพยายามจะสูดหายใจเอาลมหายใจสุดท้ายเข้าไปขนาดไหนมันก็ไปไม่ถึงปอดอยู่ดีเพราะฉันจัดการใช้มีดปาดหลอดลมของมันเรียบร้อยก่อนจะจับมันนอนคว่ำลงไปอย่างเลือดเย็น
คิมมันก็ไม่แพ้กันจับหักคอไปเรียบร้อยแล้ว
/เล่นง่ายเลยนะนั่น/ฉันส่งโทรจิตไปบอกคิมอย่างกวนๆ
/แกก็พอกับเรานั่นแหละ ไหนบอกใจดีนักใจดีหนาไง ไหงจับปาดคอซะอย่างนั้นล่ะ/คิมกลอกตาไปมาก่อนจะตอบกลับ
/เหอะๆ นั่นกรณียกเว้น ไปเหอะ เสียเวลามากแล้ว/ฉันตอบ คิมเดินนำหน้าขึ้นไปก่อน ฉันส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินตามมันขึ้นไป
คิมเลือกที่จะไปจัดการพวกท้ายเรือก่อนที่จะเป็นพวกหัวเรือด้วยเหตุผลที่ว่ายังไม่อยากขับเรือ เพราะว่าถ้าจัดการพวกที่อยู่ในห้องบังคับการก่อนแล้วใครจะมาขับเรือแทนตอนพวกเราสู้พวกหลังเรือ
พวกเราค่อยๆย่องมาหลบหลังถังน้ำมันที่ตั้งเรียงรายอยู่และนั่นมันก็สูงพอที่จะบังพวกเรามิดเสียด้วย
“เฮ้อ กูถามมึงจริงๆเหอะว่ะ มึงชอบงานนี้มั้ย”เสียงผู้ชายคนหนึ่งถาม ไอ้พวกนี้มันนั่งก๊งเหล้ากันอยู่5คน ตะกี๊ฆ่าไป2แสดงว่าอีกสองอยู่ที่ห้องบังคับการ
“โห่ มึงก็ดูสิใครจะชอบลง เงินแม่งก็น้อย กูก็มีลูกมีเมียรออยู่ที่บ้านเหมือนกันนะโว้ย”อีกเสียงตอบ เอ้อ มีลูกมีเมียเหมือนกันเรอะ ใจลูกใจเมียแม่งคิดถึงจัง ทำไมไม่คิดถึงใจคนอื่นบ้าง จับลูกเค้ามาขาย มาย่ำยีแบบนี้เนี่ย ฉันด่ามันในใจ ส่วนคิมมันนั่งกลั้นหัวเราะอยู่ ลืมไปมันดักฟังความคิดเราอยู่นี่หว่า!!
/เอาเลยป่ะ/มันถาม
/กี่คน?/ฉันถาม เดี๋ยวมันโยนกลองมาให้เราทำเยอะๆ ไม่ไหวนะเว้ย
/ตามใจแก ฉันรอเก็บสแปร์แล้วกัน/คิมมันตอบกลับมาก่อนจะชักปืนขึ้นมาไว้ในมือแล้วลุกขึ้น
“เฮ้ย มันมาจากไหนเนี่ย จัดการเร็ว!!”ไอ้พวกนั้นคนนึงตะโกนก่อนจะลุกฮือขึ้นมาสู้โดยที่ฉันยังนั่งบื้อเป็นท่อนไม้อยู่เลย
“เฮ้ย ไหนบอกจะคอยเก็บสแปร์ไง ไหงลุกขึ้นมาก่อนล่ะ”ฉันท้วงก่อนจะก้มหลบหมัดของพวกมันคนนึงที่พุ่งตรงเข้ามาก่อนจะสวนหมัดกลับไปอย่างรวดเร็ว
“ฮะ ฮะ มึงช้าก่อน ช่วยไม่ได้ว่ะ”คิมพูดหลังจากส่งพวกมันคนนึงลงไปนอนพื้น
ปัง เสียงลูกกระสุนเฉียดหน้าของคิมไปไม่กี่มิลเนื่องจากเจ้าตัวกระโดดหลบทันอย่างฉิวเฉียด เจ้าตัวทรุดลงเล็กน้อย ฉันเริ่มเห็นสัญญาณไม่ดีก็เริ่มหันรีหันขวางหาเส้นทางการหนี คิมลุกขึ้นมาช้าๆแววตาเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง นิสัยเสียของมันออกมาแล้ว ไอ้นี่เป็นพวกเห็นเลือดตัวเองไม่ได้ เห็นแล้วสติแตก กับเพื่อนกับฝูงมันก็ไม่เว้น
“หึ หึ เตรียมตัวตายกันแล้วใช่มั้ย ไอ้พวกโง่!!”คิมพูดพร้อมกับยกปืนขึ้นมากราดยิงไปทั่วบริเวณรัวเร็วและแรงทำเอาฉันกระโดดหลบแทบไม่ทัน ฉันเกลียดนิสัยอย่างนี้ของมันจัง ฉันคิดก่อนจะกระโดดหลบห่ากระสุนที่สาดส่งมาอย่างไม่ยั้งมือของไอ้คิม
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง
*****กลับมาสู่ปัจจุบันทางด้านของเต๋า******
วาร์ป
ผมวาร์ปมาโผล่ในห้องๆนึงที่เต็มไปด้วยผู้หญิงมากมาย และที่สำคัญพวกเธอกำลังเปลือยอยู่ด้วย!!!
พวกเธอขยับหนีราวกับกลัวว่าผมจะฆ่าเธอได้เพียงพริบตาเดียว
“เอ่อ ผม DeVa เรียกผมว่า เดลก็ได้ เป็นเพื่อนกับเอล เอ่อ มาช่วยเขาที่มาช่วยคุณอีกทีน่ะครับ”ผมเริ่มแนะนำตัว อย่างเงอะๆงะๆ จะมองหน้าตรงๆก็ไม่ได้ จะหลบตาเวลาพูดมันก็ยังไงๆอยู่
“คุณมาช่วยเอลหรอคะ”ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งแหวกวงเข้ามาหาผม เธอตัวเล็กๆตากลมโตน่ารักน่าชังแต่จะดีกว่านี้ถ้าเธอ เอ่อ อยู่ในสภาพที่ดีกว่านี้ (ได้โปรด อย่าให้ผมพูดอะไรไปมากกว่านี้เลย T^T/เต๋า)
“ครับ”ผมตอบ แต่ก็ยังไม่ยอมมองหน้าเธอตรงๆอยู่ดี แต่ดูเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
“จะมาช่วยพวกเราด้วยใช่มั้ยคะ”เธอว่าพลางเขย่าแขนผมแรงๆ
“เอ่อ ครับ”ผมพูดพลางถอดเสื้อคลุมแล้วยื่นให้เธอ
“พวกเค้าอยู่ข้างบนค่ะ คุณรีบขึ้นไปถะ...”พูดไม่ทันขาดคำผมก็ได้ยินเสียงปืนยิงกราดอยู่ข้างบน
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ฟังจากเสียงปืนน่าจะมาจากท้ายเรือนะ ส่วนเสียงปืนนี่ฝีมือไอ้คิมแน่นอน มีหรือผมจะจำปืนที่ตัวเองทำขึ้นมาไม่ได้ คนตัวเล็กกระโดดโหยงเข้ามากอดผม เธอคงกลัวเสียงปืนสินะ แวบนึงผมรู้สึกว่าคนตรงหน้านั้นบอบบางและน่าปกป้องมากๆ ผมอยากปกป้องเธอ นั่นเป็นความคิดของผม (อ๊ากกกกกก....... เต๋าริอาจมีรักแรกพบ)
ผมยกมือขึ้นลูบหัวเธอเบาๆ ดูเหมือนเธอจะเพิ่งรู้สึกตัวกระโดดออกจากตัวผมอย่างตกใจ
“ขอโทษค่ะ”เธอบอกเสียงแผ่วพลางก้มหน้าเอาไว้ เสียงของเธอแทบจะเป็นเสียงกระซิบจนผมต้องก้มหน้าลงไปฟังเธอพูด
“ไม่เป็นไรครับ คุณคงกลัว”ผมกล่าวปลอบเธอ นัยต์ตาสวยเงยขึ้นมามองผม แต่ผมรีบหันหน้าหนี เสื้อคลุมของผมที่ยื่นให้ไปมันตัวใหญ่พอที่จะปกปิดข้างๆรอบๆตัวได้แต่ถ้ามองจากข้างบนล่ะก็มันเห็นชัดเลยล่ะ นึกสภาพผู้ชายตัวสูงก้มหน้าลงมาหาผู้หญิงตัวเล็กๆที่ใส่เสื้อคลุมตัวใหญ่แต่คอกว้างสิครับ นั่นแหละ แบบนั้นเลย ผมมันไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะครับ จะได้ไม่รู้สึกเวลาอยู่ร่วมห้องกับผู้หญิงเปลือยเป็นก๊กอย่างนี้น่ะ =//////=”
“เอ่อ ผมว่าผมไปช่วยไอ้เอลมันก่อนดีกว่า พวกคุณรออยู่ในนี้น่ะครับ”ผมพูดก่อนจะชักปืนขึ้นมาไว้ในมือ ผมเปิดประตูแล้วเดินขึ้นบันไดขึ้นมาตามทาง เสียงปืนยังคงดังมาให้ได้ยินอยูเป็นพักๆ ถ้าให้ทางผมว่าตอนนี้คิมมันคงสติแตกไปแล้วล่ะ ส่วนเนริมันคงวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนรึไม่ก็คงเดี้ยงไปแล้ว คิมมันเคยจำเพื่อนได้ซะที่ไหน
บ้าได้ทุกสถานการณ์ ป่านนี้พวกมันคงไปเฝ้าพยายมกันหมดแล้วล่ะมั้ง เมื่อคิดได้แบบนั้นผมก็เร่งรีบเดินตามหาเนริก่อนที่มันจะโดนโยนทะเลหรืออะไรทำนองนี้ด้วยฝีมือของไอ้คิม ผมเดินมาแถบท้ายเรือ มองเห็นตัวคิมไกลๆ กับกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ทั่วบริเวณ 9 คนตายเรียบ แถมสภาพศพก็ไม่ค่อยสวยซะด้วย สมองกระจุย ตาซ้ายหาย หัวแหว่งงี้แทบจะเรียกเอาของกินที่ผมเพิ่งกินไปเมื่อบ่ายนี้ออกมาหมดเลยล่ะ=_=
“อุ๊บ..”ก่อนที่ผมจะได้เดินเข้าไปหาไอ้คิมก็มีมือมือนึงมากลากผมเข้าไปในห้องบังคับการก่อน
เนริ!!! ในที่สุดผมก็เจอศพ เอ๊ย ตัวมันซักที เนริมันยืนหน้าซีดเป็นศพ คงเพราะเสียเลือดไปเยอะล่ะมั้ง มือมันกุมที่ท้องอยู่สงสัยโดนยิง
NERI : SAYS
“เป็นยังไงบ้าง”เต๋าถามฉันเป็นประโยคแรก เฮ้อ นึกว่าจะไม่รอดแล้วล่ะสิเรา ดีที่มันตามมา
“ยังไงตายย่ะ วันหลังก็มาซะวันพรุ่งนี้เลยดิ”ฉันประชด เต๋าขมวดคิ้วนิดนึงก่อนจะพูด
“เราก็กะอยู่เหมือนกัน แต่กลัวแกจะไปเฝ้าพยายมก่อนอ่านะ”เต๋าตอบกลับมา คราวนนี้เป็นตาของฉันที่ต้องขมวดคิ้ว
“เออ ให้มันรู้ไปว่าไม่ห่วงเพื่อนอ่ะ”ฉันงอนค่ะ เรื่องอะไรฟะ ประชดแล้วยังตอบหน้าระรื่นอีก
“เอาเหอะ ยังไงเราก็มาแล้ว”เต๋าพูดพลางร่ายมนต์ฮีลฉัน แสงสีเหลืองนวลจากมือของเต๋าเรืองวาบบริเวณปากแผลของฉันก่อนที่แผลจะสมานกันอย่างรวดเร็ว ฉันรับรู้ได้ถึงพลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
“พอก่อน เต๋า”ฉันขัดเมื่อเห็นว่าพลังที่เต๋าถ่ายมาให้มันมากเกินไปแล้ว
“ทำไม”เต๋าถามแต่ก็ยอมลดมือลง
“พอก่อน แกต้องถนอมพลังเอาไว้หยุดคิมมันอีก ฉันก็ต้องพาพวกนั้นกลับไปเหมือนกัน ตอนนี้เราต้องถนอมการใช้พลังให้มากที่สุด”ฉันอธิบาย
“คิมมันอาละวาดมานานรึยัง”เต๋าถาม
“ราวๆครึ่งชั่วโมงอ่ะ”ฉันทำหน้านึกเล็กน้อยก่อนจะตอบ เต๋าพยักหน้าแล้วพึมพำอะไรซักอย่าง
“Shit!!!”มันสบถ อะไรของมันหว่า=_=
"มีอารายหรออออ"ฉันถามมันแบบแบ๊วๆ เต๋ามองหน้าฉันประมาณว่าอีนี่มันบ้าไปแล้วเรอะ ก่อนจะตอบ
"ก็ถ้าไม่รีบหยุดมันล่ะก็พลังมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ..... จนร่างกายของมันรับไม่ไหวแล้วก็จะ..."เต๋าเว้นวรรคเป็นจังหวะ ฉันทำหน้าแบบว่า จะพูดอะไรก็ว่ามาไม่ต้องมาอมพะนำ
"ไม่คิดจะเดาเอาเองบ้างเลยหรอ"เต๋ายักคิ้วแบบกวนๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าเจ็บแผลอยู่นะ แม่จะโดดฟรีคิกเข้าที่พระโอษฐ์ให้ซะหรอก ลีลาซะ -_-**
"..."
"ก็ได้ก็ได้ มันก็จะเป็น......"
เพล้ง
ปัง ไม่ทันที่ไอ้เต๋าจะพูดจบประโยคเป็นอันว่าพวกเราต้องกระโดดโหยงหลบกระสุนที่ไอ้คิมมันส่งมาให้ ฉันมองหน้าเต๋า มันเองก็เช่นกัน
"เราพอจะรู้แล้วล่ะว่าคิมมันจะเป็นยังไงต่อไป"ฉันพูดพลางยักคิ้วให้เต๋าอย่างกวน มันมองหน้าฉันเล็กน้อยก่อนจะกระโดดหลบตัวคิมที่โถมเข้าใส่อย่างบ้าระห่ำอย่างหวุดหวิด
เต๋าเอี้ยวตัวหลบลูกถีบที่เพื่อนรักส่งมาให้ก่อนจะปล่อยหมัดเข้าที่ชายโครงคนตรงหน้าอย่างจัง คิมถอยหลังไป2-3ก้าว แล้วกระโดดเข้าใส่ใหม่อีกครั้ง
"อั่ก.."เต๋ากระเด็นไปหลายเมตรเมื่อพลาดท่าโดนลูกเตะของคิมเข้าไปเต็มๆ เลือดสดๆไหลออกมาจากปาก คิมมันแรงควายจริงๆ เตะทีเดียวกระอักเลือดเลย
"โอ๊ะ โอ๋"ฉันร้องเสียงหลงเมื่อคิมมันเปลี่ยนท่าทีมาเล่นงานฉันแทนเต๋า ฉันเอี้ยวตัวหลบหมัดลุ่นๆที่พุ่งตรงเข้าที่หน้าส่งผลให้ปากแผลที่เพิ่งสมานตัวปริออกอีกครั้ง T^T เจ็บๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฉันทรุดตัวลงกับพื้น
หมับ เต๋าคว้าเข้าที่มือของคิมก่อนมันจะปล่อยหมัดอีก ขอบใจนะเต๋า แค่นี้ฉันก็เจ็บจะแย่แล้ว ขืนโดนอีกหมัดฉันไม่ตายกันพอดีรึไง ในขณะที่ฉันกำลังอยู่ในอารมณ์กำลังซึ้งแต่ไอ้คิมมันไม่ซึ้งด้วยเนี่ยสิ ประเคนหมัดให้เต๋าไม่ยั้งเลย เต๋าตอนนี้ก็เริ่มจะสะบักสะบอมพอควรแล้วเหมือนกัน
ทำไงดี ทำไงดี ปกติทำไมสมองมันสั่งการอะไรเร้วเร็ว ทำไมตอนจะมีเรื่องนี่มันไม่เห็นเร็วอย่างนั้นหว่า ฉันพยายามใช้ความคิดเร่งด่วน ให้มันได้อย่างนี้สิ ท้องก็เจ็บ สถานการณ์ก็เร่งด่วน
เต๋ากระโดดหลบกริชของคิมได้อีกครั้งก่อนจะกระโดดถอยห่างออกมาตั้งหลัก เหตุการณ์เลวร้ายลงเมื่อคิมมันมีทีท่าว่าจะบ้าหนักยิ่งกว่าเดิมคิมเรียกกริชแห่งเปลวเพลิงออกมาจากกำไลข้อมือโบราณที่เป็นสมบัติติดตัวเพียงชิ้นเดียวของตัวเอง
พรึ่บ รอบตัวของเต๋าเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างไม่ทราบสาเหตุ นัยต์ตาซ้ายของคิมกลายสีไปเป็นสีเพลิงท่ามกลางความตกตะลึงของพวกเรา
“คิม!!!!”
RaiN BloOd สายฝนสีเลือด
ความคิดเห็น