ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO : HunHan] Lovely Job

    ลำดับตอนที่ #7 : Without you...

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 55


    6

     

                    นี่พี่! พี่จะนั่งมองข้าว รอให้มันลอยเข้าปากไปเองหรอครับ เสียงเนือยๆดังขึ้นตรงข้ามโต๊ะ เรียกสติของผมกลับมา และเมื่อเงยหน้าก็พบสายตาเอือมๆของอี้ชิง

                    เออ รู้แล้วน่า ผมตอบรับปัดๆไป เมื่อกี้มันพูดอะไรมาผมจับใจความได้ไม่หมดหรอก

                    รู้แล้วอะไร? อี้ชิงยังเซ้าซี้ไม่เลิก

                    เออ รู้แล้วกัน!” ผมมองค้อนมันไปทีหนึ่ง ก่อนจะรีบตักข้าวเข้าปาก จะได้รีบๆไปมหาลัยซะที

                    พี่เป็นอะไรของพี่เนี่ย ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ อี้ชิงถามทั้งๆที่สายตายังจ้องอยู่ที่จานข้าวผมเป็นอะไรงั้นหรอ? บางทีอาจเป็นเพราะกำลังคิดถึงใครบางคนอยู่ก็ได้มั้ง

                    เรื่องของฉันน่า วันนี้อยู่เฝ้าบ้านดีๆด้วยล่ะ ผมตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก ก่อนลุกจากโต๊ะเอาจานไปเก็บ อี้ชิงเงยหน้ามองผมอึ้งๆ คงเป็นเพราะมันคิดว่าผมคงจะกินข้าวเสร็จไม่ทันแปดโมงล่ะมั้ง แต่เสียใจด้วยนะไอ้น้อง รู้จักลู่หานคนนี้น้อยไปละ J

     

     

     

                    ผมเดินเอื่อยๆตามทางเท้าในมหาลัยอย่างไม่รีบร้อน วันนี้ผมออกจากบ้าเช้ากว่าปกติ (เพราะรำคาญไอ้อี้ชิงนั่นแหล่ะ) สายลมเย็นๆตอนเช้ากับแดดอุ่นๆ ไม่ช่วยให้ใจผมสงบลงสักเท่าไหร่ ไม่ว่ายังไง ผมก็ยังไล่ความคิดเกี่ยวกับเซฮุนออกจากหัวไปไม่ได้อยู่ดี เขากำลังทำอะไรอยู่นะ? กำลังตามหาผมอยู่หรือเปล่า? ตกใจบ้างไหมที่ผมหายไป? กำลังรู้สึกอย่างที่ผมรู้สึกหรือเปล่า? รู้สึกว่า เริ่มคิดถึงเขา

                    ไอ้เสี่ยวลู่!” ผมกระโดดหลบไปหลังตู้โทรศัพท์ข้างทางทันที ใจเต้นตุบตับด้วยความตื่นเต้น ใช่โอ เซฮุนหรือเปล่า? ผมกำลังหลบหน้าเขาอยู่นะ! แกทำอะไรของแกวะ?เสียงคุ้นๆเสียงเดิมดังอยู่ข้างตัวผม เจ้าตัวมีสีหน้างุนงงอย่างบอกไม่ถูก

                    เฮ้อ~ มินซอกเองหรอ คงเป็นคำว่าเสี่ยวลู่แน่ๆ ที่ทำให้ผมคิดว่าเป็นเซฮุน แต่ก็ลืมคิดไปว่าเซฮุนคงไม่เรียกผมว่า ไอ้ แน่นอน

                    ทำไมอ่ะ แกหลบใครอยู่ มินซอกหันซ้ายหันขวาราวกับว่าจะมีใครสักคนที่มันคิดว่าผมกำลังหลบหน้าอยู่โผล่มาให้เห็น แต่เป็นไปไม่ได้หรอกที่โอ เซฮุนจะโผล่มาตอนนี้ เด็กนั่นตื่นสายจะตาย!

                    รุ่นพี่มินซอก!!” เสียงเรียกที่ไม่ดังมากแต่ผมกลับได้ยินชัดในโสตประสาท และมันก็ทำให้ผมตัวแข็งทื่อทันที เสียงเซฮุน!! พระเจ้า! วันนี้มันดันตื่นเช้า!!!

                    อ้าว~ อรุณสวัสดิ์เซฮุน ไอ้อ้วนหมินทักอย่างอารมณ์ดี แต่ก็ไม่วายชำเลืองมองปฏิกิริยาผม

                    พี่กำลังจะไปหาเสี่ยวลู่หรือเปล่าครับ เสียงเซฮุนหอบอย่างเห็นได้ชัด สงสัยคงรีบวิ่งมาแน่ๆ ผมมองซ้ายมองขวาเพื่อหาที่ซ้อนใหม่ ตอนนี้ผมหลบอยู่ข้างตู้โทรศัพท์เหมือนเดิม ด้านข้างมีมินซอกยืนบังอยู่ แต่คงจะปิดเด็กฉลาดอย่างเซฮุนได้ไม่นาน

                    อ๋อ! ไม่ล่ะ เช้านี้พี่มีสอบน่ะ ว่าจะไปหาที่เงียบๆอ่านหนังสือ ไอ้มินซอกแถไปเรื่อย แสดงว่ามันคงรู้แล้วล่ะว่าผมหลบเซฮุนอยู่ เพราะปกติต่อให้มันมีสอบ มันก็ไม่เคยจะสนใจชายตามองหนังสือสักครั้ง

                    หรอครับ แล้วพี่จะได้เจอเสี่ยวลู่ไหมครับ ระหว่างที่ผมกำลังตัดสินใจซ้อนตัวลงไปในที่ซ้อนใหม่ เซฮุนก็ถามขึ้นอีกครั้ง จุดที่ผมยืนอยู่มองไม่เห็นหน้าเซฮุน แต่น้ำเสียงที่แสดงความผิดหวังอย่างชัดเจนของเขา ก็ทำให้ก้อนเนื้อในอกผมเต้นรัวอีกครั้งเขาตามหาผม

                    คงได้เจอเอ่อ มั้งนะมินซอกตอบเลี่ยงๆ

                    อ๋อ ครับแล้วพี่มายืนทำอะไรตรงนี้ครับ เซฮุนเริ่มจับพิรุธ

                    พี่ก็แค่เดินผ่านมาตรงนี้น่ะ มินซอกพยามพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติที่สุด

                    งั้นผมไปก่อนนะครับ เซฮุนเหมือนยังสงสัยอะไรอยู่ แต่ก็ยอมเดินจากไปในที่สุด และเมื่อร่างสูงนั้นเดินไปไกลเกินกว่าจะได้ยินเสียง มินซอกก็หันมาหาผมทันที

                    ไอ้เสี่ยวเฮ้ย! หายไปไหนแล้ววะ!!” มินซอกมองซ้ายขวาเลิกลัก จนผมลุกขึ้นนั่งนั่นแหล่ะมันถึงได้เห็นผมซะที

                    อยู่นี่ ผมดันตัวเองลุกจาพื้นหญ้า นี่ลงทุนนอนราบไปกับพุ่มไม้เลยนะเนี่ย

                    โห ลงทุนว่ะ มินซอกมองผมที่กำลังปัดเศษหญ้าออกจากตัวอึ้งๆ แล้วทำไมแกต้องหลบแฟนตัวเองด้วยวะ

                    “…” แฟนเรายังอยู่ในสถานะนี้อยู่หรือเปล่านะ?

                    เฮ้ย! ไอ้เสี่ยว มืออวบๆโบกไปมาตรงหน้าผมพยามเรียกสติ

                    ห๊ะ? เอ่อไม่มีอะไรน่า ผมตอบมินซอกปัดๆ ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้เท่าไหร่

                    อะไรวะ? มินซอกยกมือเกาหัวงงๆกับท่าทางของผม

                    ไปเหอะน่า วันนี้แกมีสอบไม่ใช่หรอ? ผมแซวมันไป นั่นก็ทำให้คนที่สมบูรณ์กว่าแยกเขี้ยวใส่ทันที

                    หนอย~ ไอ้เสี่ยว ครั้งหน้าแกไม่ต้องให้ฉันช่วยเลยนะเว้ย!” ผมหัวเราะเบาๆก่อนที่มินซอกจะเดินตามมา

     

     

     

                    Sehun’s side

                    ผมเดินตรงมาที่ลานกว้างที่ประจำหน้าคณะอย่างเหม่อลอย ในหัวยังคงเบลอๆเพราะเมื่อคืนแทบไม่ได้นอน สมองก็คิดได้อยู่เรื่องเดียวเรื่องของเสี่ยวลู่

                    เฮ้ย! เซฮุน ผมหันไปตามเสียงเรียกช้าๆ แล้วก็พบร่างเจ้าของผิวสีแทนสะดุดตานั่งโบกมืออยู่ จะไปไหนวะ ทางนี้ๆ สติของผมกลับมาเต็มอีกครั้ง แล้วก็พบว่าตัวเองเกือบจะเดินเลยไปที่ตึกคณะศึกษาศาสตร์ที่อยู่ข้างๆกันซะแล้ว เป็นไรมาวะ เหม่อมาเชียว ไอ้เด็กดำ คิม จงอิน เพื่อนสนิทของผมถามขึ้นทันทีที่ผมนั่งลง

                    เมื่อคืนนอนดึก ผมตอบเรียบๆ ก่อนโยนกระเป๋าลงบนโต๊ะ

                    นอนดึก? นอนดึกนี่อารมณ์เสียด้วยหรอวะ ผมหันไปมองหน้าจงอิน แล้วเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง เออๆ ไม่ถามก็ได้

                    “…” ผมเบนสายตาไปมองที่กระเป๋าตัวเองอย่างเหม่อลอย ตอนนี้สมองผมเหมือนหยุดทำงานไปแล้วจริงๆ

                    “…” ไอ้จงอินก้มหน้าลอกการบ้านต่อ แต่ก็เหลือบตาขึ้นมองผมเป็นระยะ

                    “…” -_-

                    “…” (._. )

                    “…”-_-

                    “…” (._. )

            “…” -_-

            “…” +(._. )

                    อะไร? ผมถามออกไปในที่สุด เพราะว่าทนให้มันจ้องไม่ไหว

                    กว่าจะถามออกมาได้นะเพื่อน จงอินถอนหายใจ ถ้ามันทนให้ผมถามก่อนไม่ได้ ทำไมมันไม่ถามผมเองซะเลยล่ะ แกกำลังเครียดเรื่องพี่เสี่ยวลู่ใช่ไหมวะ?

              “…เออ ผมมองหน้ามันนิดหน่อย ก่อนตอบรับ

                    แกจะนั่งกังวลให้มันได้อะไรขึ้นมาวะ พี่เขาไม่หายไปไหนหรอกน่า เดี๋ยวก็กลับมา ไอ้จงอินพูดไป ลอกการบ้านไป มันก็พูดได้สิ มันไม่ใช่ผมนี่ มันไม่รู้หรอกว่าผมแทบบ้าตอนที่หาเขาไม่เจอ ฟังนะเว้ย แกควรจะนั่นพี่เสี่ยวลู่ป่ะวะ? จงอินพูดค้างไว้ครึ่งหนึ่งก่อนจะมองตรงผ่านหลังผมไป

                    เป็นเพราะผมนั่งหันหลังให้ถนน เลยมองไม่เห็นว่าใครเดินผ่านไปบ้าง แต่หลังจากที่จงอินพูดขึ้น ผมก็ต้องรีบหันไปทันที สายตากวาดตามองไปทั่ว แล้วผมก็เห็นเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลที่กำลังเดินไปกับรุ่นพี่ร่างอวบ ทั้งๆที่สมองยังไม่สั่งการอะไร แต่เท้าสองข้างก็ถีบตัวออกไปแล้ว ผมวิ่งผ่านผู้คนที่เริ่มหนาตาขึ้นเรื่อยๆเพราะนี่ก็สายมากแล้ว

                    เสี่ยวลู่!!” ผมตะโกนสุดเสียงอย่างไม่อายใคร สายตายังคงไล่ตามเรือนผมสีน้ำตาลไปเรื่อยๆ ผมวิ่ง วิ่งจนสุดแรง แล้วผมก็คว้าแขนของเขาไว้ได้

                    คะ? แต่เขาไม่ใช่เสี่ยวลู่ ผมนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะรีบปล่อยมือและเอ่ยขอโทษผู้หญิงตรงหน้า

                    เอ่อ ขอโทษครับ เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมองรอบตัว ผมรู้สึกเหมือนโลกพังทลายลงอีกครั้ง เสี่ยวลู่ถูกกลืนหายไปกับกลุ่มคนแล้ว เป็นอีกครั้งที่ผม เกือบจะได้เจอเขา และเป็นอีกครั้งที่ผมต้องสบถให้กับตัวเอง

     

     

     

              ผมชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดิน ก่อนจะหันกลับไปมองข้างหลังอย่างไม่มั่นใจ ผมรู้สึกเหมือนมีคนเรียก และไม่รู้ว่าเป็นเพราะช่วงนี้ผมกังวลเรื่องเซฮุนมากเกินไปหรือเปล่า ผมถึงคิดว่าเจ้าของเสียงเรียกนั้นเป็นเขา

                    มีอะไรอ่ะ? มินซอกที่เห็นว่าผมชะงักไปก็หยุดเดินด้วย ก่อนจะมองตามสายตาผมไปอย่างสงสัย ผมเองก็ถอนสายตาจากผู้คนนับสิบที่เดินปะปนกันอยู่ข้างหลัง ผมกำลังหวังอะไร? หวังว่าจะเจอเซฮุนโผล่ขึ้นมาจากผู้คนมากมายนี่น่ะหรอ? ผมกำลังหลบหน้าเขาอยู่ไม่ใช่หรือไง?

                    ไม่มีอะไร ไปเถอะ ผมส่ายหน้าเบาๆให้มินซอก ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะนั่งประจำ แล้วก็นึกบางอย่างขึ้นได้… “เราต้องย้ายโต๊ะ ผมหันไปบอกมินซอก

                    ย้ายไปไหน มินซอกถามงงๆ ต้องไม่ใช่ที่นี่ ที่ที่เซฮุนอาจจะมาเห็นเมื่อไหร่ก็ได้

                    ไม่รู้ ลองเดินหาก่อน เดี๋ยวโทรบอกไอ้คริสด้วย ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาจะกระเป๋า กดเปิดเครื่องหลังจากปิดไว้ตั้งแต่เมื่อวาน แล้วผมก็ต้องตกใจ

                    … ‘118 Miscall’…

              ผมรู้สึกเหมือนทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่งไปพักหนึ่ง ผมเลื่อนสายตาลงจากจุดเดิมเล็กน้อย

                    … ‘36 Massages’…

              ผมรู้สึกว่าใจกำลังเต้นตุบตับด้วยความเจ็บปวดบางอย่าง ขอบตาร้อนๆนี่ผมก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร

                    ไอ้เสี่ยวลู่? เป็นไรวะมินซอกถามผมเสียงตื่น ผมเองก็ได้แต่ส่ายหน้า เสียงที่เคยมีตอนนี้มันหายไปไหนหมดแล้วก็ไม่รู้ เฮ้ยๆ แกจะร้องไห้หรอวะ ใจเย็นๆ มินซอกบอกอย่างลนลาน

                    ไม่ไม่เป็นไร ผมพยามเรียกเสียงตัวเองกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะก้มหน้าก้มตากดเบอร์ไอ้คริส

                    แกไหวป่ะเนี่ย ให้ฉันคุยเองดีกว่า ผมพยักหน้าเบาๆแล้วยื่นโทรศัพท์ให้มินซอกไป ผมคิดว่าถูกแล้วล่ะที่ให้มันคุย ตอนนี้ผมอาจจะคุยกับไอ้คริสไม่รู้เรื่องเลยก็ได้ ฮัลโลคริส นี่มินซอกเว้ย ว่าจะย้ายโต๊ะกัน เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ตอนนี้หาโต๊ะก่อน ห๊ะ? เออๆ เอาตามนั้นก็ได้ โอเคๆ เดี๋ยวเจอกัน ผมได้ยินมินซอกคุยโทรศัพท์อยู่ข้างๆ แต่แทบจะไม่รู้เรื่องเลย จนเจ้าตัวยื่นโทรศัพท์คืนมาให้แล้วบอกว่าจะพาไปหาไอ้คริสนู้นแหล่ะ ถึงได้เริ่มมีสติขึ้นมาบ้าง

                    อ้าว~ สวัสดีฮะ พี่มินซอก พี่ลู่หาน เสียงทุ้มๆของรุ่นน้องคนหนึ่งเอ่ยทัก เมื่อเราเดินมาถึงโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าตึกคณะศิลปกรรม

                    หวัดดีชานยอล มินซอกเอ่ยทักกลับอย่างเคย แล้วไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มเป็นมิตรให้รุ่นน้องอีกสองคนที่นั่งอยู่ก่อนด้วย

                    “…” ผมรู้สึกว่าสมองทำงานช้าลงล่ะ ผมควรทำอะไรนะ? ทักกลับใช่หรือเปล่า? “…เอ่อหวัดดี เหมือนทั้งโต๊ะกำลังนั่งคอยให้ผมพูดจบ ถึงได้เงียบกันจนหมดแบบนี้

                    วันนี้พวกพี่ขอมาฝังตัวอยู่ที่นี้สักวันนะ ชานยอล มินซอกที่เห็นบรรยากาศชักเริ่มกดดัน พูดติดตลกก่อนลากผมไปนั่งลงข้างๆคริส ส่วนตัวเองก็หันไปพูดกับรุ่นน้องอีกสองคนแทน

                    เป็นไรมาล่ะแก คริสเอี้ยวหน้ามาถาม หลังจากที่เห็นผมนั่งเล่นสายกระเป๋าตัวเอง

                    ห๊ะ?... แกว่าอะไรนะ? ผมยอมรับว่าเมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจฟังสักนิด

                    “…ท่าจะหนัก แต่ไอ้คริสไม่ได้สนใจพูดต่อ กลับหันไปพึมพำกับตัวเองแทน อะไรวะ? ลู่หาน แล้วเสียงเข้มๆของไอ้คริสก็เรียกผมกลับไปอีกครั้ง

                    อะไร? ผมขมวดคิ้วใส่มันเล็กน้อย

                    วันเสาร์นี้ ทางบริษัทของเซฮุนจะเชิญสื่อไปที่บ้าน จะแถลงข่าวเกี่ยวกับการแต่งตั้งประทานรุ่นต่อไปอย่างไม่เป็นทางการ แกจะไปไหม? คริสบอกเสียงเรียบ

                    ไปดิ ผมหันไปมองหน้ามันงงๆ ก็ในเมื่อมีงานเข้ามา ผมก็ต้องทำอยู่แล้ว มันจะถามไปเพื่ออะไรเนี่ย?

                    แกแน่ใจ?

                    แน่ดิ อะไรของแกวะ? ผมมองหน้าคริส มันก็สบตาผม มันมองเหมือนกับจะค้นหาอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็หันหน้ากลับแล้วถอนหายใจยาว

            อือ แล้วเดี๋ยวฉันจะเอาบัตรเจ้าหน้าที่มาให้ คริสว่าเรียบๆแล้วเอื้อมไปหยิบแผ่นซีทบนโต๊มาอ่าน

                    อ้าว! แล้วแกจะไปเอาบัตรนั่นมาให้ฉันได้ไง ไม่ได้อยู่บริษัทเดียวกันไม่ใช่หรอ? ผมถามก่อนหันไปมองไอ้คริสงงๆ แล้วร่างสูงข้างตัวก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนที่ผมจะนึกอะไรบางอย่างออก อ๋อ แกมีเส้นนี่หว่า ฉันลืมๆ โทษทีๆ เออ ผมก็ไม่หน้าถาม เรื่องแค่นี้ไอ้คริสมันหามาได้สบายๆอยู่แล้วนี่

             

     

     

              ณ คฤหาสน์ตระกูลโอ

                    บริเวณลานหน้าคฤหาสน์ที่กว้างขวาง บัดนี้กลับแน่นขนัดไปด้วยบรรดาสื่อมวลชน กล้องขนาดต่างๆถูกนำมาตรวจเช็คความเรียบร้อย นักข่าวจากสถานีต่างๆเตรียมตัวสำหรับคำถามที่พวกเขาต้องการ การ์ดที่คอยรักษาความปลอดภัยยืนประจำที่จุดต่างๆอย่างพร้อมเพรียง มีการตรวจบัตรตรวจอาวุธอย่างเข้มงวด

                    ผมยืนมองภาพเหตุการณนี้อยู่เงียบๆ ข้างโรงรถหน้าคฤหาสน์ วันนี้ผมปลอมตัวมิดชิดกว่าครั้งแรกที่เข้าร่วมงานสัมภาษณ์ สวมวิกผมสีดำ สวมหมวกทับอีกที และสวมแว่นตากันแดดสีทึบอีกชั้น เอาเป็นว่าถ้ามองเผินๆไม่มีทางรู้หรอกว่าเป็นผม

                    อีกห้านาทีจะเปิดให้เข้าไปในคฤหาสน์ กรุณาเตรียมตัวด้วยครับ หัวหน้าการดที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดก้มมองนาฬิกาข้อมือแล้วประกาศเสียงดังให้ทุกคนรับรู้

                    ผมรู้สึกว่าใจกำลังเต้นอย่างบ้าคลั่งด้วยความตื่นเต้น ผมก้มมองสมุดจดในมือเพื่อเช็คความเรียบร้อยอีกครั้ง พลางหายใจเข้าลึกๆ วันนี้ผมจะต้องมาเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด และเป็นครั้งแรกในรอบสามสี่วันที่จะได้เจอเซฮุน ผมจะต้องควบคุมสติตัวเองให้ดี ไม่ให้มีพิรุธใดๆ

                    ว่าไง พร้อมไหมเรา? ช่างกล้องที่เคยทำงานคู่กับผมเมื่อตอนสัมภาษณ์ครั้งแรก แตะที่ไหล่ผมเบาๆ ผมยิ้มและพยักหน้า ก่อนจะชวนคุยฆ่าเวลาห้านาทีนี้อย่างใจเย็น

     

              ที่หน้าต่างชั้นสองของคฤหาสน์ ปรากฏร่างสูงในชุดลำลองที่ดูภูมิฐาน ใบหน้าหล่อเหลาฉายรอยเคร่งเครียดและกังวล ตาคมก้มมองเหล่าสื่อมวลชนเบื้อล่างพลางค้นหาร่างที่คุ้นเคยในกลุ่มคนเหล่านั้น โอ เซฮุนยังคงเฝ้ามองและรอคอยให้ลู่หานปรากฏตัวอยู่เงียบๆ ตาคมคู่สวยเฝ้ามองอยู่อย่างนี้มานับชั่วโมงเพื่อเฝ้ารอคนที่เขารัก

             

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×