ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO : HunHan] Lovely Job

    ลำดับตอนที่ #6 : Avoid and Search...

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 55


    5

     

                ร่างบางขยับตัวน้อยๆเพื่อนเปลี่ยนท่านอน ก่อนจะรู้สึกว่ามีอะไรหนักๆทับอยู่ที่เอว แต่แทนที่จะตื่นขึ้นมาโวยวายเหมือนครั้งก่อน เจ้าตัวกลับไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมามองด้วยซ้ำ ร่างบางขยับตัวเข้าไปใกล้อีกคนที่กอดตัวเองไว้หลวมๆ อาจเป็นเพราะสัมผัสและกลิ่นที่คุ้นเคย ทำให้ลู่หานดิ่งลงสู่ห่วงนิทราอีกครั้ง

     

     

     

                    อือ~” ผมยกมือขึ้นขยี้ตาเล็กน้อย กระพริบตาปรับแสงสองสามครั้ง แต่ก็ไม่ยอมลุกขึ้นจากที่นอน ก่อนจะรู้สึกโหวงแปลกๆ ผมก้มลงมองที่เอว แล้วหันไปมองที่ว่างข้างๆตัว เซฮุน? ผมรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีเมื่อพบว่าไม่มีคนที่ตามหาอยู่ตรงนั้น ผมกวาดตามองไปรอบๆห้องราวกับว่าจะพบตัวเซฮุนยืนอยู่ใกล้ๆแต่ก็ไม่มี จนเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนัง เที่ยงยี่สิบนาที? เด็กนั่นคงลงไปซื้ออะไรมากินสินะ

                    ผมถอนหายใจก่อนจะลุกออกจากเตียง เดินตรงไปที่โซฟาราวกับว่านี่เป็นห้องตัวเอง กะว่าจะนั่งรอกินข้าวที่เซฮุนซื้อมา แต่เดี๋ยวสิ! ผมเป็นอะไรไปเนี่ย? รอกินข้าวพร้อมเซฮุน? แล้วอาการที่พอไม่เห็นไอ้เด็กชานมนอนอยู่ข้างๆแล้วรู้สึกโหวงนั่นอีกล่ะ? บ้าหรือเปล่า! ทำไมผมต้องรู้สึกผูกพันกับหมอนั่นด้วย? หรือเพราะผมเริ่มชอบหมอนั่น? บะบ้าน่า ไม่มีทางหรอก หน้าตาย กวนตีนขนาดนั้นน่ะแต่ทำไมเวลาที่กำลังด่าเขา ผมต้องยิ้มออกมาด้วยล่ะ อ๊า~ เป็นเอามากแล้วจริงๆนะเนี่ย!!

                    ไม่ได้ล่ะ! ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ผมจะต้องรู้สึกชอบหมอนั่นขึ้นมาจริงๆแน่ ทำไงดีๆ ระหว่างที่ผมกำลังจะเป็นบ้าอยู่นั้น โทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะข้างโซฟาก็ดังขึ้นโทรศัพท์ผมนี่นา

                    มีอะไรครับคุณเพื่อน ผมกรอกสียงกวนๆลงไปทันทีเมื่อหน้าจอแสดงชื่อไอ้คริส

                    (แกอารมณ์ดี? หึ! ดีให้มันตลอดแล้วกันนะ) คริสกรอกเสียงเข้มๆกลับมา

                    เออ! แล้วมีอะไรล่ะ อย่าบอกนะว่าจะเอาข้อมูลล็อตสองแล้ว ไม่มีให้นะเว้ย!!

                    (ไม่มีหรอก แค่จะโทรมาหาเฉยๆ)

                    พึ่งนึกได้ล่ะสิ ว่าลืมฉันทิ้งไว้ที่ผับเมื่อคืนถึงจะเมาแต่ก็รู้นะเว้ย เพราะคนที่แบกฉันกลับมาไม่ใช่แก

                    (เออ)

                    แล้วเป็นไง เคลียร์กับชานยอลหรือยัง

                (หึ! เรียบร้อย) โอ้~ หัวเราะนำมาก่อนอย่างนี้ แสดงว่าเมื่อคืนจัดหนักเลยล่ะสิ!

                    โว้ย! อิจฉา!!” ผมแกล้งทำเสียงล้อเลียนมันไป

                    (ของนายก็ใช่ย่อยเหมือนกันล่ะ ได้ข่าวว่ามีแฟนมารับกลับไปนิ) ไม่ได้มารับกลับเว้ย หามกลับเลยต่างหาก

                    เออ! ถ้าไม่มีคนมารับ ก็คงลงเอยแบบไอ้เทาไปแล้วล่ะผมพูดพลางนึกถึงสภาพจื้อเทาที่โดยทิ้งไว้เมื่อคืน

                    (หึ~ แกเองก็อย่าเล่นจนเพลินล่ะ งานที่ฉันให้ไปมันยังไม่สำเร็จนะ) คริสตัดสินใจจบเรื่องราวของคืนก่อนไป แล้ววกมายังเรื่องงานที่ค้างคาของผมแทน

                    ไม่ลืมหรอกน่าผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่จริงจัง แต่ในใจกำลังคิดบางอย่างถ้าผมสนใจแต่เรื่องงาน ก็คงจะลืมเรื่องของเซฮุนไปได้ล่ะมั้ง

                    (อือ งั้นก็แค่นี่ล่ะ) สิ้นเสียงเข้มๆนั้น สายก็ถูกตัดไป แต่ผมยังคงคิดถึงเรื่องเซฮุนอยู่ ต่อจากนี้ คงต้องหลบหน้าเด็กชานมนั่นสักพักแล้วล่ะ ผมลุกขึ้นจากโซฟา เก็บของของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะออกจากห้องพักที่คุ้นเคยไป

     

     

     

                ร่างสูงผลักประตูห้องเข้ามาก็พบเพียงความว่างเปล่า คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะวางของทั้งหมดไว้บนเคาท์เตอร์ครัว แล้วจะเดินตรงไปที่เตียงนอนคนที่ควรจะนอนอุตุอยู่ตรงนี้หายไปไหน? เซฮุนครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า นิ้วเรียวเลื่อนกดเบอร์ที่ช่วงนี้เขาใช้โทรออกบ่อยๆอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ได้จากปลายสายคือสัญญาณที่บอกว่าเจ้าของเลขหมายปิดเครื่องอยู่ร่างสูงพยามคิดในแง่ดี คงกลับบ้านไปแล้วล่ะมั้งถึงแม้เจ้าตัวจะคิดแบบนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในใจเขาคิดว่าลู่หานจะอยู่รอทานข้าวด้วยกัน แต่มันก็คงเป็นการคิดอยู่ข้างเดียวเหมือนอย่างเช่นทุกที

     

     

     

                    ผมโบกแท็กซี่มาลงที่บ้านตัวเองทันทีหลังจากที่ลงมาจากคอนโดของเซฮุน อาจเป็นเพราะกลัวว่าเจ้าตัวจะกลับมาเร็วจึงได้รีบแบบนั้น ผมกลัวที่จะเผชิญหน้ากับเซฮุนตอนนี้จริงๆ กลัวว่าใจตัวเองจะควบคุมไม่อยู่

                    ผมสะบัดหัวไล่ความคิดไป ก่อนจ่ายค่าแท็กซี่ (เงินที่ไอ้คริสให้ไว้เมื่อวาน) แล้วลงจากรถไป ผมเดินหมดอาลัยตายอยากเข้าบ้านไปเดี๋ยวๆ! รู้สึกเหมือนผมข้ามขั้นตอนบางอย่างไปนะไขกุญแจ? ผมยังไม่ได้ไขกุญแจรั้วบ้านแล้วเข้ามาได้ยังไง?? ผมมองไปที่ประตูบ้านหลังขนาดกลาง ที่ตอนนี้ปิดอยู่ก็จริง แต่กลับไม่มีกุญแจคล้องอยู่อย่างที่ควรจะเป็น ผมจึงรีบวิ่งตรงไปที่ประตูนั่นทันที อย่าบอกนะว่าขโมยขึ้นบ้าน!!! และก่อนที่มือผมจะได้แตะลูกบิด ประตูที่เป็นเป้าหมายก็ถูกเปิดออก

                    อ้าว? กลับมาแล้วหรอพี่ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ผมรู้จักดีพูดด้วยน้ำเสียงยินดี เจ้าตัวอยู่ในผ้ากันเปื้อนสีหวาน อีกมือหนึ่งถือตะหลิว ใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้มน้อยๆแต่ก็ทำให้แก้มทั้งสองข้างเกิดรอยบุ๋ม หมอนี่ลูกพี่ลูกน้องผมเอง

                    อี้ชิง นายมาที่นี่ได้ยังไง ผมขมวดคิ้วถาม อี้ชิงเป็นลูกพี่ลูกน้องที่จีนของผม แล้วมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

                    มหาลัยผมหยุด เลยขอแม่มาอยู่ที่นี่ เจ้าตัวยักไหล่ตอบ ก่อนจะเดินลากเท้ากลับเข้าบ้านไป ปล่อยผมยืนอึ้งกับการปรากฏตัวของมันที่หน้าบ้าน ก่อนที่กลิ่นหอมๆจะลอยเข้ามาเรียกสติหิวว่ะ

                    เฮ้~ อี้ชิง นายจะซี้ซั้วเข้าบ้านคนอื่นอย่างนี้ไม่ได้นะ ผมประท้วงมันปลงๆ ก่อนจะก้าวเข้าบ้านไป

                    ถึงแม้บ้านหลังนั้นจะเป็นบ้านของน้าผมก็ช่างงั้นหรอ อี้ชิงตะโกนกลับมาจากครัว ทำเอาผมนิ่งค้างครับ! มันไม่ผิดหรอกครับ เพราะน้ามันกับแม่ผมเป็นคนๆเดียวกัน

                    เออๆ เอาเถอะ แต่อย่าไปทำกับบ้านคนอื่นแล้วกัน ผมทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา ก่อนจะตะโกน อี้ชิง เพื่อด้วยจานหนึ่ง!” มันรู้ครับว่าผมหมายถึงอาหารที่มันกำลังทำ อี้ชิงทำอาหารอร่อยมาก เพราะแม่มันเป็นเชฟ เลยได้เข้าครัวมาตั้งแต่เด็ก

                    ไม่ได้ทำให้กิฟรีๆหรอกนะ ถึงแกจะเก็บตังค์ ฉันก็ไม่มีให้แล้วโว้ย!

                ไม่นานนัก ผัดเส้นอะไรสักอย่างก็ถูกวางลงตรงหน้าผม กลิ่นหอมของมันทำให้ผมต้องหันไปมองหน้าคนทำอีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตา และท่าทีที่ได้กลับมาก็เป็นเพียงการยักไหล่เท่านั้น ต้องยอมรับจริงๆว่าอี้ชิง มันเป็นเชื้อไม่ทิ้งแถว

                    นายจะมาอยู่นานแค่ไหนล่ะ ผมถามก่อนจะตักเส้นเข้าปากเคี้ยวอย่างมีความสุข

                    ก็ประมาณเกือบๆเดือน อี้ชิงเงยหน้าคิด พอตอบเสร็จก็ก้มหน้าก้มตากินต่อไป แล้วพี่จะให้ผมนอนห้องไหน คนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นถามอีกทีราวกับพึ่งคิดเรื่องสำคัญได้

                    อยากนอนห้องไหนก็นอนเถอะ ผมพูดปัดๆเพราะอยากกินข้าวต่อ แถมบ้านนี้ผมก็อยู่คนเดียว มันจะนอนห้องไหนก็แล้วแต่มันจะเลือกเลยเถอะ

                    งั้นพี่ก็ย้ายออกจากห้องตัวเองให้ผมนอนแทนแล้วกัน บ๊ะ! ไอ้อี้ชิง

                    ห้องแม่ฉันก็มีแอร์ จะมาเบียดเบียนกันทำไมวะ ผมเงยหน้าถามมันอย่างหงุดหงิด ประเด็นมันก็แค่อยากนอนห้องที่มีแอร์เท่านั้นแหล่ะครับ ทำไมผมจะไม่รู้สันดาน บ้านนี้มีห้องนอนสามห้อง มีแอร์สองห้องคือห้องแม่กับห้องผม แต่ห้องผมแอร์เครื่องใหญ่กว่า แค่นั้น!!!

                    ก็พี่ให้ผมเลือกเองนี่ กวนตีนจริง

                    ไปนอนห้องแม่!” ผมบอกมันก่อนก้มหน้ากินต่อ ส่วนอี้ชิงก็ยักไหล่ยิ้มๆ อารมณ์ดีเสมอเมื่อได้กวนตีนใครสักคนไอ้นี่

                   

     

     

                    ผมก้าวออกจาห้องน้ำหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ตอนนี้ก็ประมาณสี่ทุ่มกว่าๆแล้วล่ะครับ ทั้งวันผมพึ่งจะได้อาบน้ำนี่แหล่ะ เพราะไอ้อี้ชิงคนเดียวที่นึกคึกอยากดวลเกมส์ล่อไปเกือบแปดชั่วโมงนู้นเลย ก็เล่นซะจนเครื่องเกือบระเบิดนู้นแหล่ะครับ ถึงได้ยอมแยกย้ายกันไปอาบน้ำ

                    อี้ชิง มาทำอะไร ผมชะงักมือที่กำลังเช็ดหัวอยู่ทันทีเมื่อเห็นลูกพี่ลูกน้องตัวเองนอนกลิ่งอยู่บนเตียงในชุดนอน

                    ผมคงมาขอข้าวกินมั้งพี่ อยู่ในชุดเตรียมนอนขนาดนี้ กวนตีนเหมือนโอ เซเอ่อ บางคนไม่มีผิด

                    พี่บอกให้แกไปนอนห้องแม่ ไม่ใช่ห้องนี้ ผมขยับเดินเข้าไปใกล้เตียง ก่อนยกเท้าขึ้นดันหลังมันเบาๆ

                    ยังไงผมก็อยากนอนห้องนี้อยู่ดี แอร์มันเย็นกว่า น่าเกลียดว่ะ! ประเด็นการนอนของแกต้องขึ้นอยู่กับแอร์ตลอดเลยหรือไงวะ

                    แกก็ลดแอร์ให้มันเย็นๆดิ ลุกๆ!” คราวนี้ออกแรงยันที่เท้าเต็มที่ ก็กะจะให้มันตกเตียงไปเลยแหล่ะครับ แต่มันก็ยังคว้าหัวเตียงไว้ทัน

                    โห~ พี่ ห้องพี่ก็กว้าง เตียงพี่ก็กว้าง นอนด้วยกันประหยัดแอร์ อี้ชิงพลิกตัวขึ้นมานอนบนเตียงต่อ

                    ไอ้อี้ชิง แกนอนดิ้นอย่างกับไส้เดือน ดึกๆมาเผลอกอดก่ายฉันขึ้นมาจะทำไง

                ตอนเด็กๆเราก็กอดกันออกบ่อย อี้ชิงพูด ก่อนเปิดปากหาว หน้าตาบอกว่าง่วงเต็มที่

                    แต่ตอนนี้กับตอนนั้นมันไม่เหมือนกัน จะมากอดกันกลมดิ๊กเหมือนเมื่อก่อน…” เมื่อก่อนไม่สิ เมื่อคืนเซฮุนก็นอนกอดผม

                    เฮ้! พี่เสี่ยวลู่ อี้ชิงร้องเรียกเมื่อเห็นว่าผมนิ่งไป เสี่ยวลู่คำๆนี้ มีอีกคนที่เคยเรียกอยู่บ่อยๆ

                    “…”

                    พี่!!” อี้ชิงตะโกนใส่หน้าผม เฮ้อ~ นี่ผมเผลอไปนึกถึงไอ้เด็กชานมนั่นอีกแล้วหรอเนี่ย โว้ยๆ ลืมมันไปสิวะ!

                เออ อยากนอนห้องนี้ก็นอน แต่แกต้องนอนข้างเตียง ผมชี้ไปที่ข้างเตียงแล้วมองหน้าอี้ชิง เอาจริงๆนะ อี้ชิงมันนอนโคตรดิ้น ผมกลัวอ่ะ

                    โธ่~” ยังอิดออด ผมเลยเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงว่า จะนอนข้างเตียง หรือจะไปห้องอื่น’ “เอ่อ โอเคๆอี้ชิงกระโดดลงเตียงไป แต่ก็ไม่วายคว้าหมอนผมลงไปด้วย ชิ! ฉันเอาใบใหม่ก็ด้ายย

                     

     

     

                    ร่างสูงในชุดลำลองนั่งตรวจเอกสารอยู่ในห้องรองประทานบริษัทเงียบๆ ถึงแม้ว่านี่จะเลยเวลาเลิกงานของพนักงานมานานแล้ว แต่สำหรับคนที่อยู่ฝ่ายบริหารอย่างเขา เวลาเลิกงานคือเวลาที่เคลียร์งานเสร็จแล้วเท่านั้น

                    ปึง!!

                    เสียงประตูกระแทกผนังห้องอย่างแรง ทำให้เขาต้องรีบหันไปทางต้นเสียง ในใจคิดหมายหัวคนที่ทำไว้เรียบร้อย แต่ก็ต้องชะงักความคิดทั้งหมดไว้เพียงแค่นั้น เพราะคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องตอนนี้คือคนที่ร้อยวันพันปีก็ไม่เคยมาหาเขาก่อน

                    เซฮุน? คริสพูดเสียงเบา ราวกับต้องการทวนชื่อนี้กับตัวเอง แต่ร่างสูงที่ยืนนิ่งที่ประตูไม่ตอบรับ เพียงแต่เดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

                    พี่เห็นเสี่ยวลู่ไหม คริสเลิกคิ้ว แม้แต่เรื่องปัญหาการเงินของบริษัท เจ้าตัวยังไม่คิดจะโผล่มาให้ความสนใจด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้มาเพื่อถามหาคนๆเดียว?

                    ทำไม? ทำหล่นหายไปหรือไง คริสวางเอกสารในมือลงบนโต๊ะก่อนจะหันมาสนทนากับคนตรงหน้าอย่างตั้งใจ เขากับเซฮุนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พ่อเขากับแม่เซฮุน เป็นพี่น้องกัน และพ่อของเขาทั้งสองยังมาเป็นเพื่อนกันอีก เลยได้ทำงานบริษัทในเครือเดียวกัน เพียงแต่คนละชื่อ รับคนละสายงาน

                    “…” เซฮุนหันหน้าหนีไปทางอื่น เขาต้องฝืนมากเพื่อที่จะมาเหยียบที่นี่ บริษัทใหญ่ที่เขาเกลียด เขาเหนื่อยมากที่ต้องขับรถไปทุกที่ โทรหาคนทั้งหมดที่น่าจะรู้จักเสี่ยว ลู่หาน เพียงเพราะคนตัวเล็กคนนั้นไม่ยอมเปิดเครื่องโทรศัพท์

                    ฉันถาม น้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้น ทำให้คนที่เป็นรองกว่าไม่มีทางเลือก เซฮุนถอนหายใจยอมแพ้ก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ

                    พี่เขาไม่ยอมเปิดเครื่อง ตามหาทุกที่แล้ว แต่ไม่เจอ เซฮุนพยามตอบให้น้อยและสั้นที่สุด เขาไม่ต้องการให้คริสรู้เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวมากนัก ถึงแม้จะเป็นลูกพี่ลูกน้องกันก็ตาม

                    ตามหาทุกทีแล้ว? รวมถึงบ้านของหมอนั่นด้วยหรือเปล่า น้ำเสียงนิ่งเรียบนั้นทำให้เซฮุนชะงักค้าง เขายังไม่ได้ไปที่บ้านของเสี่ยวลู่!! ทันทีที่นึกได้ ร่างของคนที่อ่อนวัยกว่าก็ก้าวพรวดๆออกจากห้องไปทันที ไม่แม้แต่จะหันมาขอบคุณหรือตอบรับกับอีกคนที่นั่งนิ่งอยู่ ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างพอใจในที่สุดเซฮุนก็เริ่มเปลี่ยนไปบ้างแล้วคริสลุกขึ้นจากเก้าอีกทำงานตัวใหญ่ ก่อนจะเดินไปที่ริมหน้าตางบานกว้าง แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเซฮุนมันรู้จักบ้านลู่หานหรือเปล่า?... เพียงเท่านั้นร่างสูงก็ต้องส่ายหน้าระอากับความใจร้อนของน้องชาย

     

     

     

                    เซฮุนกำพวงมาลัยรถแน่น ใจกำลังเต้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อคิดว่าจะได้เจอลู่หานแล้ว ร่างสูงหักเลี้ยวพวงมาลัยไปตามถนนใหญ่ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วแน่น บ้านเสี่ยวลู่อยู่ที่ไหน? ไม่นานเซฮุนก็ต้องเลี้ยวรถจอดข้างฟุตบาท ในมือยังกำพวงมาลัยไว้แน่น เขาลืมถามที่อยู่จากคริสมาได้ยังไง เซฮุนได้แต่คิดในใจ

                    ชิ!” ร่างสูงสบถลั่น แค่คิดว่าต้องวนรถกลับหรือโทรหาลูกพี่ลูกน้องตัวเองอีกครั้ง เขาก็แทบอ้วก ไม่อยากเฉียดเข้าไปใกล้คนพวกนั้นเลยจริงๆไม่อยากเฉียดเข้าไปใกล้บริษัทนั้นเลยจริงๆ ร่างสูงถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน เขายกโทรศัพท์ขึ้นหมายว่าจะโทรไปหาคริส แต่หน้าจอเครื่องมือสื่อสารที่ดับสนิทก็ทำให้เขาต้องถอนหายใจอีกครั้งอย่างหัวเสีย แบตหมด! มือเรียวโยนโทรศัพท์ทิ้งไปที่เบาะข้างคนขับ และเมื่อเขาพยามคิดหาวิธีตามหาเสี่ยวลู่มากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนว่าจะเจอแต่ทางตัน เซฮุนกระแทกหมัดลงบนพวกมาลัยจนเกิดเสียงแตรดังลั่น แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจสักนิด เมื่อในหัวเขาตอนนี้มีเพียงคนที่ชื่อ เสี่ยว ลู่หาน


    ปล. ไรต์เตอร์ขอโทษอย่างแรงค่ะ ที่หายไปนาน (-..-)(_._)(-..-)

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×