คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Avoid and Search...
5
ร่างบางขยับตัวน้อยๆเพื่อนเปลี่ยนท่านอน ก่อนจะรู้สึกว่ามีอะไรหนักๆทับอยู่ที่เอว แต่แทนที่จะตื่นขึ้นมาโวยวายเหมือนครั้งก่อน เจ้าตัวกลับไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมามองด้วยซ้ำ ร่างบางขยับตัวเข้าไปใกล้อีกคนที่กอดตัวเองไว้หลวมๆ อาจเป็นเพราะสัมผัสและกลิ่นที่คุ้นเคย ทำให้ลู่หานดิ่งลงสู่ห่วงนิทราอีกครั้ง
“อือ~” ผมยกมือขึ้นขยี้ตาเล็กน้อย กระพริบตาปรับแสงสองสามครั้ง แต่ก็ไม่ยอมลุกขึ้นจากที่นอน ก่อนจะรู้สึกโหวงแปลกๆ… ผมก้มลงมองที่เอว แล้วหันไปมองที่ว่างข้างๆตัว “เซฮุน?” ผมรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีเมื่อพบว่าไม่มีคนที่ตามหาอยู่ตรงนั้น ผมกวาดตามองไปรอบๆห้องราวกับว่าจะพบตัวเซฮุนยืนอยู่ใกล้ๆ…แต่ก็ไม่มี จนเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนัง …เที่ยงยี่สิบนาที? …เด็กนั่นคงลงไปซื้ออะไรมากินสินะ
ผมถอนหายใจก่อนจะลุกออกจากเตียง เดินตรงไปที่โซฟาราวกับว่านี่เป็นห้องตัวเอง กะว่าจะนั่งรอกินข้าวที่เซฮุนซื้อมา …แต่เดี๋ยวสิ! ผมเป็นอะไรไปเนี่ย? รอกินข้าวพร้อมเซฮุน? แล้วอาการที่พอไม่เห็นไอ้เด็กชานมนอนอยู่ข้างๆแล้วรู้สึกโหวงนั่นอีกล่ะ? บ้าหรือเปล่า! ทำไมผมต้องรู้สึกผูกพันกับหมอนั่นด้วย? หรือเพราะผม…เริ่มชอบหมอนั่น? บะ…บ้าน่า ไม่มีทางหรอก หน้าตาย กวนตีนขนาดนั้นน่ะ…แต่ทำไมเวลาที่กำลังด่าเขา ผมต้องยิ้มออกมาด้วยล่ะ อ๊า~ เป็นเอามากแล้วจริงๆนะเนี่ย!!
ไม่ได้ล่ะ! ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ผมจะต้องรู้สึกชอบหมอนั่นขึ้นมาจริงๆแน่ ทำไงดีๆ… ระหว่างที่ผมกำลังจะเป็นบ้าอยู่นั้น โทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะข้างโซฟาก็ดังขึ้น…โทรศัพท์ผมนี่นา
“มีอะไรครับคุณเพื่อน” ผมกรอกสียงกวนๆลงไปทันทีเมื่อหน้าจอแสดงชื่อไอ้คริส
(แกอารมณ์ดี? หึ! ดีให้มันตลอดแล้วกันนะ) คริสกรอกเสียงเข้มๆกลับมา
“เออ! แล้วมีอะไรล่ะ” อย่าบอกนะว่าจะเอาข้อมูลล็อตสองแล้ว ไม่มีให้นะเว้ย!!
(ไม่มีหรอก แค่จะโทรมาหาเฉยๆ)
“พึ่งนึกได้ล่ะสิ ว่าลืมฉันทิ้งไว้ที่ผับเมื่อคืน” ถึงจะเมาแต่ก็รู้นะเว้ย เพราะคนที่แบกฉันกลับมาไม่ใช่แก
(เออ)
“แล้วเป็นไง เคลียร์กับชานยอลหรือยัง”
(หึ! เรียบร้อย) โอ้~ หัวเราะนำมาก่อนอย่างนี้ แสดงว่าเมื่อคืนจัดหนักเลยล่ะสิ!
“โว้ย! อิจฉา!!” ผมแกล้งทำเสียงล้อเลียนมันไป
(ของนายก็ใช่ย่อยเหมือนกันล่ะ ได้ข่าวว่ามีแฟนมารับกลับไปนิ) ไม่ได้มารับกลับเว้ย หามกลับเลยต่างหาก
“เออ! ถ้าไม่มีคนมารับ ก็คงลงเอยแบบไอ้เทาไปแล้วล่ะ” ผมพูดพลางนึกถึงสภาพจื้อเทาที่โดยทิ้งไว้เมื่อคืน
(หึ~ แกเองก็อย่าเล่นจนเพลินล่ะ งานที่ฉันให้ไปมันยังไม่สำเร็จนะ) คริสตัดสินใจจบเรื่องราวของคืนก่อนไป แล้ววกมายังเรื่องงานที่ค้างคาของผมแทน
“ไม่ลืมหรอกน่า” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่จริงจัง แต่ในใจกำลังคิดบางอย่าง… ถ้าผมสนใจแต่เรื่องงาน ก็คงจะลืมเรื่องของเซฮุนไปได้ล่ะมั้ง…
(อือ งั้นก็แค่นี่ล่ะ) สิ้นเสียงเข้มๆนั้น สายก็ถูกตัดไป แต่ผมยังคงคิดถึงเรื่องเซฮุนอยู่ …ต่อจากนี้ คงต้องหลบหน้าเด็กชานมนั่นสักพักแล้วล่ะ… ผมลุกขึ้นจากโซฟา เก็บของของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะออกจากห้องพักที่คุ้นเคยไป…
ร่างสูงผลักประตูห้องเข้ามาก็พบเพียงความว่างเปล่า คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะวางของทั้งหมดไว้บนเคาท์เตอร์ครัว แล้วจะเดินตรงไปที่เตียงนอน… คนที่ควรจะนอนอุตุอยู่ตรงนี้หายไปไหน? เซฮุนครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า นิ้วเรียวเลื่อนกดเบอร์ที่ช่วงนี้เขาใช้โทรออกบ่อยๆอย่างรวดเร็ว …แต่สิ่งที่ได้จากปลายสายคือสัญญาณที่บอกว่าเจ้าของเลขหมายปิดเครื่องอยู่… ร่างสูงพยามคิดในแง่ดี …คงกลับบ้านไปแล้วล่ะมั้ง… ถึงแม้เจ้าตัวจะคิดแบบนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในใจเขาคิดว่าลู่หานจะอยู่รอทานข้าวด้วยกัน แต่มันก็คงเป็นการคิดอยู่ข้างเดียวเหมือนอย่างเช่นทุกที…
ผมโบกแท็กซี่มาลงที่บ้านตัวเองทันทีหลังจากที่ลงมาจากคอนโดของเซฮุน อาจเป็นเพราะกลัวว่าเจ้าตัวจะกลับมาเร็วจึงได้รีบแบบนั้น ผมกลัวที่จะเผชิญหน้ากับเซฮุนตอนนี้จริงๆ กลัวว่าใจตัวเองจะควบคุมไม่อยู่…
ผมสะบัดหัวไล่ความคิดไป ก่อนจ่ายค่าแท็กซี่ (เงินที่ไอ้คริสให้ไว้เมื่อวาน) แล้วลงจากรถไป ผมเดินหมดอาลัยตายอยากเข้าบ้านไป… เดี๋ยวๆ! รู้สึกเหมือนผมข้ามขั้นตอนบางอย่างไปนะ… ไขกุญแจ? ผมยังไม่ได้ไขกุญแจรั้วบ้านแล้วเข้ามาได้ยังไง?? ผมมองไปที่ประตูบ้านหลังขนาดกลาง ที่ตอนนี้ปิดอยู่ก็จริง แต่กลับไม่มีกุญแจคล้องอยู่อย่างที่ควรจะเป็น ผมจึงรีบวิ่งตรงไปที่ประตูนั่นทันที อย่าบอกนะว่าขโมยขึ้นบ้าน!!! และก่อนที่มือผมจะได้แตะลูกบิด ประตูที่เป็นเป้าหมายก็ถูกเปิดออก…
“อ้าว? กลับมาแล้วหรอพี่” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ผมรู้จักดีพูดด้วยน้ำเสียงยินดี เจ้าตัวอยู่ในผ้ากันเปื้อนสีหวาน อีกมือหนึ่งถือตะหลิว ใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้มน้อยๆแต่ก็ทำให้แก้มทั้งสองข้างเกิดรอยบุ๋ม หมอนี่…ลูกพี่ลูกน้องผมเอง
“อี้ชิง นายมาที่นี่ได้ยังไง” ผมขมวดคิ้วถาม อี้ชิงเป็นลูกพี่ลูกน้องที่จีนของผม แล้วมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
“มหาลัยผมหยุด เลยขอแม่มาอยู่ที่นี่” เจ้าตัวยักไหล่ตอบ ก่อนจะเดินลากเท้ากลับเข้าบ้านไป ปล่อยผมยืนอึ้งกับการปรากฏตัวของมันที่หน้าบ้าน ก่อนที่กลิ่นหอมๆจะลอยเข้ามาเรียกสติ…หิวว่ะ
“เฮ้~ อี้ชิง นายจะซี้ซั้วเข้าบ้านคนอื่นอย่างนี้ไม่ได้นะ” ผมประท้วงมันปลงๆ ก่อนจะก้าวเข้าบ้านไป
“ถึงแม้บ้านหลังนั้นจะเป็นบ้านของน้าผมก็ช่างงั้นหรอ” อี้ชิงตะโกนกลับมาจากครัว ทำเอาผมนิ่งค้าง…ครับ! มันไม่ผิดหรอกครับ เพราะน้ามันกับแม่ผมเป็นคนๆเดียวกัน
“เออๆ เอาเถอะ แต่อย่าไปทำกับบ้านคนอื่นแล้วกัน” ผมทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา ก่อนจะตะโกน “อี้ชิง เพื่อด้วยจานหนึ่ง!” มันรู้ครับว่าผมหมายถึงอาหารที่มันกำลังทำ อี้ชิงทำอาหารอร่อยมาก เพราะแม่มันเป็นเชฟ เลยได้เข้าครัวมาตั้งแต่เด็ก
“ไม่ได้ทำให้กิฟรีๆหรอกนะ” ถึงแกจะเก็บตังค์ ฉันก็ไม่มีให้แล้วโว้ย!
ไม่นานนัก ผัดเส้นอะไรสักอย่างก็ถูกวางลงตรงหน้าผม กลิ่นหอมของมันทำให้ผมต้องหันไปมองหน้าคนทำอีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตา และท่าทีที่ได้กลับมาก็เป็นเพียงการยักไหล่เท่านั้น …ต้องยอมรับจริงๆว่าอี้ชิง มันเป็นเชื้อไม่ทิ้งแถว
“นายจะมาอยู่นานแค่ไหนล่ะ” ผมถามก่อนจะตักเส้นเข้าปากเคี้ยวอย่างมีความสุข
“ก็…ประมาณเกือบๆเดือน” อี้ชิงเงยหน้าคิด พอตอบเสร็จก็ก้มหน้าก้มตากินต่อไป “แล้วพี่จะให้ผมนอนห้องไหน” คนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นถามอีกทีราวกับพึ่งคิดเรื่องสำคัญได้
“อยากนอนห้องไหนก็นอนเถอะ” ผมพูดปัดๆเพราะอยากกินข้าวต่อ แถมบ้านนี้ผมก็อยู่คนเดียว มันจะนอนห้องไหนก็แล้วแต่มันจะเลือกเลยเถอะ
“งั้นพี่ก็ย้ายออกจากห้องตัวเองให้ผมนอนแทนแล้วกัน” บ๊ะ! ไอ้อี้ชิง
“ห้องแม่ฉันก็มีแอร์ จะมาเบียดเบียนกันทำไมวะ” ผมเงยหน้าถามมันอย่างหงุดหงิด ประเด็นมันก็แค่อยากนอนห้องที่มีแอร์เท่านั้นแหล่ะครับ ทำไมผมจะไม่รู้สันดาน บ้านนี้มีห้องนอนสามห้อง มีแอร์สองห้องคือห้องแม่กับห้องผม แต่ห้องผมแอร์เครื่องใหญ่กว่า แค่นั้น!!!
“ก็พี่ให้ผมเลือกเองนี่” …กวนตีนจริง
“ไปนอนห้องแม่!” ผมบอกมันก่อนก้มหน้ากินต่อ ส่วนอี้ชิงก็ยักไหล่ยิ้มๆ …อารมณ์ดีเสมอเมื่อได้กวนตีนใครสักคน…ไอ้นี่
ผมก้าวออกจาห้องน้ำหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ตอนนี้ก็ประมาณสี่ทุ่มกว่าๆแล้วล่ะครับ ทั้งวันผมพึ่งจะได้อาบน้ำนี่แหล่ะ เพราะไอ้อี้ชิงคนเดียวที่นึกคึกอยากดวลเกมส์… ล่อไปเกือบแปดชั่วโมงนู้นเลย ก็เล่นซะจนเครื่องเกือบระเบิดนู้นแหล่ะครับ ถึงได้ยอมแยกย้ายกันไปอาบน้ำ
“อี้ชิง มาทำอะไร” ผมชะงักมือที่กำลังเช็ดหัวอยู่ทันทีเมื่อเห็นลูกพี่ลูกน้องตัวเองนอนกลิ่งอยู่บนเตียงในชุดนอน
“ผมคงมาขอข้าวกินมั้งพี่ อยู่ในชุดเตรียมนอนขนาดนี้” กวนตีนเหมือนโอ เซ… เอ่อ บางคนไม่มีผิด
“พี่บอกให้แกไปนอนห้องแม่ ไม่ใช่ห้องนี้” ผมขยับเดินเข้าไปใกล้เตียง ก่อนยกเท้าขึ้นดันหลังมันเบาๆ
“ยังไงผมก็อยากนอนห้องนี้อยู่ดี แอร์มันเย็นกว่า” น่าเกลียดว่ะ! ประเด็นการนอนของแกต้องขึ้นอยู่กับแอร์ตลอดเลยหรือไงวะ
“แกก็ลดแอร์ให้มันเย็นๆดิ ลุกๆ!” คราวนี้ออกแรงยันที่เท้าเต็มที่ ก็กะจะให้มันตกเตียงไปเลยแหล่ะครับ แต่มันก็ยังคว้าหัวเตียงไว้ทัน
“โห~ พี่ ห้องพี่ก็กว้าง เตียงพี่ก็กว้าง นอนด้วยกันประหยัดแอร์” อี้ชิงพลิกตัวขึ้นมานอนบนเตียงต่อ
“ไอ้อี้ชิง แกนอนดิ้นอย่างกับไส้เดือน ดึกๆมาเผลอกอดก่ายฉันขึ้นมาจะทำไง”
“ตอนเด็กๆเราก็กอดกันออกบ่อย” อี้ชิงพูด ก่อนเปิดปากหาว หน้าตาบอกว่าง่วงเต็มที่
“แต่ตอนนี้กับตอนนั้นมันไม่เหมือนกัน จะมากอดกันกลมดิ๊กเหมือนเมื่อก่อน…” เมื่อก่อน…ไม่สิ เมื่อคืนเซฮุนก็นอนกอดผม…
“เฮ้! พี่เสี่ยวลู่” อี้ชิงร้องเรียกเมื่อเห็นว่าผมนิ่งไป… เสี่ยวลู่…คำๆนี้ มีอีกคนที่เคยเรียกอยู่บ่อยๆ
“…”
“พี่!!” อี้ชิงตะโกนใส่หน้าผม เฮ้อ~ นี่ผมเผลอไปนึกถึงไอ้เด็กชานมนั่นอีกแล้วหรอเนี่ย โว้ยๆ ลืมมันไปสิวะ!
“เออ อยากนอนห้องนี้ก็นอน แต่แกต้องนอนข้างเตียง” ผมชี้ไปที่ข้างเตียงแล้วมองหน้าอี้ชิง …เอาจริงๆนะ อี้ชิงมันนอนโคตรดิ้น ผมกลัวอ่ะ
“โธ่~” ยังอิดออด ผมเลยเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงว่า ‘จะนอนข้างเตียง หรือจะไปห้องอื่น’ “เอ่อ… โอเคๆ” อี้ชิงกระโดดลงเตียงไป แต่ก็ไม่วายคว้าหมอนผมลงไปด้วย ชิ! ฉันเอาใบใหม่ก็ด้ายย
ร่างสูงในชุดลำลองนั่งตรวจเอกสารอยู่ในห้องรองประทานบริษัทเงียบๆ ถึงแม้ว่านี่จะเลยเวลาเลิกงานของพนักงานมานานแล้ว แต่สำหรับคนที่อยู่ฝ่ายบริหารอย่างเขา เวลาเลิกงานคือเวลาที่เคลียร์งานเสร็จแล้วเท่านั้น
ปึง!!
เสียงประตูกระแทกผนังห้องอย่างแรง ทำให้เขาต้องรีบหันไปทางต้นเสียง ในใจคิดหมายหัวคนที่ทำไว้เรียบร้อย แต่ก็ต้องชะงักความคิดทั้งหมดไว้เพียงแค่นั้น เพราะคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องตอนนี้คือคนที่ร้อยวันพันปีก็ไม่เคยมาหาเขาก่อน
“เซฮุน?” คริสพูดเสียงเบา ราวกับต้องการทวนชื่อนี้กับตัวเอง แต่ร่างสูงที่ยืนนิ่งที่ประตูไม่ตอบรับ เพียงแต่เดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“พี่เห็นเสี่ยวลู่ไหม” คริสเลิกคิ้ว แม้แต่เรื่องปัญหาการเงินของบริษัท เจ้าตัวยังไม่คิดจะโผล่มาให้ความสนใจด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้มาเพื่อถามหาคนๆเดียว?
“ทำไม? ทำหล่นหายไปหรือไง” คริสวางเอกสารในมือลงบนโต๊ะก่อนจะหันมาสนทนากับคนตรงหน้าอย่างตั้งใจ เขากับเซฮุน…เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พ่อเขากับแม่เซฮุน… เป็นพี่น้องกัน และพ่อของเขาทั้งสองยังมาเป็นเพื่อนกันอีก เลยได้ทำงานบริษัทในเครือเดียวกัน เพียงแต่คนละชื่อ รับคนละสายงาน
“…” เซฮุนหันหน้าหนีไปทางอื่น เขาต้องฝืนมากเพื่อที่จะมาเหยียบที่นี่ บริษัทใหญ่ที่เขาเกลียด… เขาเหนื่อยมากที่ต้องขับรถไปทุกที่ โทรหาคนทั้งหมดที่น่าจะรู้จักเสี่ยว ลู่หาน… เพียงเพราะคนตัวเล็กคนนั้นไม่ยอมเปิดเครื่องโทรศัพท์
“ฉันถาม” น้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้น ทำให้คนที่เป็นรองกว่าไม่มีทางเลือก เซฮุนถอนหายใจยอมแพ้ก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
“พี่เขาไม่ยอมเปิดเครื่อง ตามหาทุกที่แล้ว แต่ไม่เจอ” เซฮุนพยามตอบให้น้อยและสั้นที่สุด เขาไม่ต้องการให้คริสรู้เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวมากนัก ถึงแม้จะเป็นลูกพี่ลูกน้องกันก็ตาม
“ตามหาทุกทีแล้ว? รวมถึงบ้านของหมอนั่นด้วยหรือเปล่า” น้ำเสียงนิ่งเรียบนั้นทำให้เซฮุนชะงักค้าง …เขายังไม่ได้ไปที่บ้านของเสี่ยวลู่!! ทันทีที่นึกได้ ร่างของคนที่อ่อนวัยกว่าก็ก้าวพรวดๆออกจากห้องไปทันที ไม่แม้แต่จะหันมาขอบคุณหรือตอบรับกับอีกคนที่นั่งนิ่งอยู่ ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างพอใจ… ในที่สุดเซฮุนก็เริ่มเปลี่ยนไปบ้างแล้ว… คริสลุกขึ้นจากเก้าอีกทำงานตัวใหญ่ ก่อนจะเดินไปที่ริมหน้าตางบานกว้าง แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า… เซฮุนมันรู้จักบ้านลู่หานหรือเปล่า?... เพียงเท่านั้นร่างสูงก็ต้องส่ายหน้าระอากับความใจร้อนของน้องชาย
เซฮุนกำพวงมาลัยรถแน่น ใจกำลังเต้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อคิดว่าจะได้เจอลู่หานแล้ว ร่างสูงหักเลี้ยวพวงมาลัยไปตามถนนใหญ่ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วแน่น บ้านเสี่ยวลู่อยู่ที่ไหน? …ไม่นานเซฮุนก็ต้องเลี้ยวรถจอดข้างฟุตบาท ในมือยังกำพวงมาลัยไว้แน่น …เขาลืมถามที่อยู่จากคริสมาได้ยังไง… เซฮุนได้แต่คิดในใจ
“ชิ!” ร่างสูงสบถลั่น แค่คิดว่าต้องวนรถกลับหรือโทรหาลูกพี่ลูกน้องตัวเองอีกครั้ง เขาก็แทบอ้วก ไม่อยากเฉียดเข้าไปใกล้คนพวกนั้นเลยจริงๆ…ไม่อยากเฉียดเข้าไปใกล้บริษัทนั้นเลยจริงๆ ร่างสูงถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน เขายกโทรศัพท์ขึ้นหมายว่าจะโทรไปหาคริส แต่หน้าจอเครื่องมือสื่อสารที่ดับสนิทก็ทำให้เขาต้องถอนหายใจอีกครั้งอย่างหัวเสีย แบตหมด! มือเรียวโยนโทรศัพท์ทิ้งไปที่เบาะข้างคนขับ และเมื่อเขาพยามคิดหาวิธีตามหาเสี่ยวลู่มากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนว่าจะเจอแต่ทางตัน เซฮุนกระแทกหมัดลงบนพวกมาลัยจนเกิดเสียงแตรดังลั่น แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจสักนิด เมื่อในหัวเขาตอนนี้มีเพียงคนที่ชื่อ เสี่ยว ลู่หาน
ปล. ไรต์เตอร์ขอโทษอย่างแรงค่ะ ที่หายไปนาน (-..-)(_._)(-..-)
ความคิดเห็น