คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : I'm your boy friend or You're my boyfriend...
3
“เฮ้อ~ ลู่หาน แกเลิกทำหน้าแบบนั้นสักทีสิ ฉันกินข้าวไม่ลงนะเว้ย” เสียงบ่นเซ็งๆตรงหน้าไม่ได้ทำให้ผมอยากเปลี่ยนรูปหน้าของตัวเองแม้แต่น้อย กินไม่ลงก็เรื่องของแกสิ! ดีเหมือนกัน จะได้ผอมลงซะบ้าง!
“ใช่สิ! แกไม่ใช่ฉันนี่ รับจ๊อบทำงานอยู่ดีๆ ก็มีแฟนเพิ่มมาหนึ่งคน” ผมพูดอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะหยิบขนมปังยัดเข้าปาก โมโหก็โมโหนะ! แต่ก็หิวด้วยเหมือนกัน
“มันก็ไม่ได้แย่อะไรนี่หว่า แกก็จะได้สืบข้อมูลเขาง่ายๆไง” มินซอกที่บ่นว่ากินข้าวไม่ลงเมื่อกี้นั้น ตอนนี้กำลังซดอุด้งอยู่ครับ ถ้านี้คืออาการกินไม่ลงของมัน เกรงว่าชาตินี้คงไม่มีวันได้ผอมกับชาวบ้านเขาแล้วล่ะ
“แล้วไง? แกคิดว่าอยู่ใกล้เด็กนั่นขึ้นอีกนิด จะช่วยให้ฉันรู้เรื่องเขาได้มากขึ้นหรอ ฉันว่าแกโคตรคิดผิดว่ะ!!” ว่าอย่างมีอารมณ์ ก่อนจะยกน้ำสตรอเบอร์รี่พันช์ขึ้นซดแก้ฝืดคอ
“ผิด? ยังไงวะ” มินซอกคีบเนื้อหมูค้างกลางอากาศก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามผม
“เด็กแสบนั่นฉลาดเป็นกรด ต้องรู้แน่ล่ะ! ว่าฉันกำลังคิดจะทำอะไร” ผมพูดอย่างฉุนๆ นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วหลังจากที่ผมบุกสัมภาษณ์วันนั้น แต่ผมก็ยังฉุนไม่หาย นับวันยิ่งรู้สึกคับแค้นใจที่เสียจูบให้หมอนั่นไป
“อ้าว~ ก็ในเมื่อ... ไฮ! คริส” อิริยาบถของคนตรงหน้าผมเปลี่ยนไปทันที จากที่กำลังจะฝอยเรื่องเซฮุนกับผมตะกี้ กลายเป็นยกมือโบกทักทายเพื่อนตัวสูงที่กำลังเดินเข้ามาแทน เนียนเชี่ยวนะอ้วน~ แต่ทำไมเหมือนมันมีสูงอยู่สองคนวะ? ผมนอนดึกไปหรอเมื่อคืน? ไม่น่าใช่นะ
“สวัสดีฮะ พี่มินซอก พี่ลู่หาน” ทันทีที่เดินเข้ามาใกล้โต๊ะ ร่างที่อยู่ไกลๆที่สูงอยู่แล้ว ก็ขยายขึ้นอีกสามเท่าตัว อ๋อ~ ที่แท้ภาพซ้อนที่เห็นก็ไม่ใช่เพราะไอ้คริสมีสองคน แต่เป็นเพราะมันพาแฟนมาด้วยนี่เอง
“สวัสดีชานยอลล่า~” ผมยิ้มหวานให้รุ่นน้องตัวโย่ง ปาร์ค ชานยอลเองก็ส่งยิ้มกว้างฟันสวยมาด้วยเหมือนกัน ไอ้มินซอกที่ปากไม่ว่างก็ได้แต่พยักหน้าให้ และทันทีที่คุณเพื่อนคริสนั่งลง ชานยอลก็ถูกดึงให้นั่งลงข้างๆตัว แหม~ รักกันซะจริ้ง!
“คุยอะไรกันอยู่” คริสถอดแว่นตาที่ใส่อยู่ประจำออก ก่อนใช้แขนอีกข้างพาดไปที่พนักพิงด้านหลังชานยอล ส่วนรุ่นน้องผมก็หยิบขนมขึ้นมากินหน้าตาเฉย
“อั๊วๆไออ่ะ” บ๊ะ! ไอ้อ้วนหมิน นี่แกเอาอีกแล้วหรอ
“เคี้ยวๆ แล้วกลืน...” ผมหันไปพูดกับมันอย่างเอือมๆ... เหมือนเคย
“อึก... ทั่วๆไปอ่ะ”
“ทั่วๆไป? อะไรล่ะ?” วันนี้เหมือนไอ้คริสมันจะซักไซ้มากกว่าปกติอ่ะ ปกตินี่พวกผมสองคนตะโกนคุยกันให้มันได้ยิน มันยังไม่อยากจะรับรู้เลยนะ
“พี่จะไปยุ่งเรื่องของเขาทำไมฮะเนี่ย” ชานยอลจัดเองเลยครับ เฮ้~ รอดปายยย!!
“ก็แค่ถาม...” คริสหันไปหาชานยอล คิ้วเข้มๆนั้นขมวดเข้าหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมาก ฮ่าๆๆ คริส อู๋ จริงๆแล้วอาจจะกลัวเมียก็ได้นะ
“เออๆ ฉันมีเรื่องอยากถาม... ทั้งสองคนเลย” ผมเบรกคู่รักตรงหน้า แล้วก็กะจะพาเปลี่ยนเรื่องไปด้วยเลย “ระหว่างนายเป็นแฟนฉัน กับ ฉันเป็นแฟนนาย... ต่างกันยังไง?” นี่คือเรื่องที่สองที่ทำให้ผมเครียดมาจนถึงวันนี้ ตรรกะพิสดารของเซฮุนทำให้ผมอยากรู้ไม่หายจริงๆ
“กะกวนตีนหรือเปล่าเนี่ย” มินซอก... ได้ข่าวว่าไม่ได้ถามแก
“เอาจริงๆสิ” ผมหันไปตอบมินซอกก่อนจะหันมารอคำตอบจากคู่รักต่างขั้วตรงหน้า
“ฟังเผินๆแล้วก็เหมือนจะไม่ต่างนะฮะ” ชานยอลพูดขึ้น “แต่ถ้ามองลึกๆแล้วมันก็มีส่วนต่างกันอยู่” ชานยอลที่คิดอยู่สักพักตอบยิ้มๆ เด็กตรงหน้าหันไปหาคริสก่อนจะถามความเห็น “พี่ว่างั้นไหม?”
“อือ~” ไอ้คริสคิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า เฮ้ย! ไอ้คริสยังพยักหน้า งั้นแสดงว่าตรรกะเซฮุนไม่ใช่เรื่องมั่วนิ่มน่ะสิ
“แล้วมันต่างกันยังไง?” ผมก้มหน้าเข้าไปใกล้อย่างตั้งใจฟัง แต่ว่าก่อนที่ชานยอลจะอ้าปากอธิบาย น้ำเสียงทุ้มๆที่ผมชักเริ่มคุ้นเคยก็ดังขัดซะก่อน
“เรื่องนี้พี่ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วล่ะฮะ” สายตาของคริสกับชานยอลเลื่อนเลยหน้าของผมขึ้นไป ก่อนที่มือหนาจะวางแปะลงบนหัวไหล่ผม อะหือ~ งานเข้าแล้วล่ะเสี่ยวลู่! ไม่ต้องหันไปมองก็รู้… โอ เซฮุนชัวร์!!!
“นะ…นาย เป็นใคร?” ผมทำเฉไฉเมื่อถูกถามทางสายตาจากคริส โธ่~ พ่อรูปหล่อ อย่าพึ่งกริ้วนะเพื่อน!!
“ผมเป็นใคร?” โอ เซฮุนเอียงหน้าทวนคำถาม ก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “ผมก็เป็นแฟนของพี่เสี่ยว ลู่หานไงฮะ” ว่าก่อนจะยกแขนทั้งสองโอบคอผมทางด้านหลัง “เดี๋ยวเย็นนี้จะรอรับนะ…ที่รัก” หยอดคำหวานจนผมเสียวไส้ ก้มลงจูบที่ขมับหนึ่งที แล้วเดินจากไป…ผมอึ่งค้าง คริสนิ่งเงียบ ชานยอนเอ๋อรับประทาน ไอ้อ้วนหมินเคี้ยวอุด้งค้างในปาก… โอ้~ จอร์จ!!
หลังจากที่ผมนั่งเรียนสองคาบต่อกันจนสมองแทบระเบิด แถมในคาบยังฟังครูไม่รู้เรื่องเพราะมัวแต่นึกถึงจูบบ้าๆของเซฮุน ถูกไอ้คริสซักจนอกแทบแตก โดนไอ้ซิวหมินแซวจนแทบบ้า ในที่สุดก็ได้เวลาเลิกเรียน… โอ้~ สมองผมกำลังจะได้พักผ่อน ไปหาอะไรเย็นๆกินแก้เครียดดีกว่า! ผมคิดอย่างเริงร่า ก่อนเอามือล้วงกระเป๋าตังค์ออกมา แล้วก็พบว่า… มีเงินอยู่แค่ยี่สิบ… ยี่สิบ! ชิบหาย!! แล้วเย็นนี้ผมจะกินอะไรล่ะ ให้แทะขาตู้ที่บ้านแทนข้าวหรืองายยย โฮ~ เสี่ยวลู่อยากร่ำไห้
ปรี้น!!
เสียงแตรรถดังขึ้นจากทางด้านข้างผม ผมที่เดินบทฟุตบาทถึงกับงงเมื่อออร์ดี้คันงามเลื่อนมาจอดด้านข้าง กระจกติดฟิล์มดำถูกเลื่อนลงช้าๆ เผยให้เห็นคนขับหน้าตาหล่อเหล่… โอ เซฮุน?
“ขึ้นรถสิฮะ จะยืนตากแดดอยู่ทำไม” เจ้าของรถบอกเสียงเรียบ ผมยืนอ้าปากค้าง นั่งออร์ดี้? ถึงแม้จะเคยนั่งมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ผมก็ยังรีบกระโดดขึ้นรถอยู่ดี พอประตูข้างคนขับปิดลง โอ เซฮุนก็ถามขึ้น “พี่อยากไปไหนหรือเปล่า?”
“ไปกินไอศกรีม” ผมหันหน้าไปมองวิวนอกรถ… อันที่จริงกำลังอายที่ต้องบอกไปแบบนั้น แต่ผมอยากกินนี่นา และแน่นอนว่าเซฮุนต้องเป็นคนเลี้ยง! ผมได้ยินคนข้างๆหัวเราะออกมานิดหน่อย ก่อนที่ออร์ดี้จะเลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังร้านไอศกรีม
“เสี่ยวลู่… เสี่ยวลู่! ถึงแล้ว” เสียงเรียกพร้อมแรงโยกเบาๆที่หัวทำให้ผมงัวเงียตื่น… โยกหัว? แล้วหมอนั่นเรียกผมว่าอะไรนะ เสี่ยวลู่? …เออ ช่างเถอะ แต่ผมเผลอหลับไปตอนไหนเนี่ย~
“ถึงแล้วหรอ?” พอผมทำท่าจะเปิดประตู ร่างสูงข้างๆก็รั้งแขนไว้ซะก่อน ผมหันไปมองเซฮุน อย่างงงๆ คนอายุน้อยกว่ายิ้มบางก่อนจะเอื้อมมือมาเช็ดที่มุมปากผม
“พี่นอนจนน้ำลายยืดหมดแล้ว” เซฮุนพูดยิ้มๆ ไม่มีทีท่ารังเกียจแม้แต่น้อย…
“ระ…หรอ? เอ่อ ไปเถอะ” ผมยกมือลูบปากตัวเอง ก่อนพูดรัวๆ แล้วกระโดดลงรถไป โอ เซฮุน…นายอย่ามาทำให้ฉันหวั่นไหวนะ!!
“ร้านนี้ๆ!!” ผมพูดก่อนจะชี้ไปที่ร้านไอศกรีมที่ถูกตกแต่งด้วยสีสันต์มากมาย หึ~ ผมแอบรู้มาว่าไอศกรีมร้านนี้แพงมาก เพราะคริสเคยพาชานยอลมากิน รุ่นน้องตัวโย่งเลยมาสปอยให้ผมอิจฉาเล่นๆ แต่วันนี้แหล่ะ! ผมจะได้สัมผัสมันด้วยตัวเองซะที!! และโอ เซฮุนจะต้องกระเป๋ารั่ว ฮ่าๆ!!
“เอาสิฮะ” เซฮุนไม่ว่าอะไร ทำท่าจะเดินนำเข้าร้านไปก่อนด้วยซ้ำ …ไม่รู้อะไรซะแล้ว!
“นายเลี้ยงนะ” ผมพูดขึ้นทันที เซฮุนหันกลับมามองผมนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้าเดินเข้าร้านไป
เซฮุนเดินนำไปยังส่วนของร้านที่รายล้อมไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หลากสี และเต็มไปด้วยลูกบอลสีลูกเล็กๆที่วางกระจายอยู่ทั่วพื้น ทันทีที่เราสองคนนั่งลง ก็มีพนักงานมารับออร์เดอร์
“รับอะไรดีคะ” ผมเปิดเมนูดู ก่อนจะพบว่าราคาของมันช่างชวนผวาจริง ผมเหลือบมองเซฮุนเล็กน้อยว่าเจ้าตัวมีปฏิกิริยาอย่างไร… เขาเปิดเมนูดูด้วยท่าทางสบายอารมณ์… หน่อย~ ไม่สะทกสะท้านเลยหรอ!!
“เอาอันนี้ฮะ” ผมชี้ไปที่เมนูที่มันไม่แพงเท่าไหร่ แต่ไอศกรีมสองลูกที่ราคาปาไปสองร้อยกว่านี่ เป็นใครก็ต้องสะพรึงบ้างล่ะ! เซฮุนชะโงกหน้ามอง คิ้วเข้มๆขมวดเข้าหากัน
“เดี๋ยวก่อนครับ” เซฮุนยกมือห้ามบริกรสาว อะแน่~ เริ่มมีอาการละ! แพงไปใช่ม้า~ “ผมจะกินกับพี่ด้วย แค่นี้ไม่พอหรอกฮะ เอาอันนี้ดีกว่า” เซฮุนเลื่อนนิ้วมาชี้ที่หน้าข้างๆในเมนูผม มันโชว์ภาพไอศกรีมถ้วยกลาง มีไอศกรีมห้าลูก แต่พูนไปด้วยท๊อบปิ่ง ราคา… แม่เจ้า!!! เจ็ดร้อย! นี่มันไอศกรีมแน่หรือเปล่าเนี่ย ราคาอย่างกับกินหูฉลาม!!
“ค่ะ รับอะไรเพิ่มอีกไหมคะ” พนักงานจดยิกๆ แล้วเงยหน้ามาถามต่อ
“…” ผมใบ้กิน ราคาไอศกรีมทำลายระบบประสาทผมไปแล้ว
“เอาบานาน่าช็อกปั่นแก้วหนึ่งฮะ…” เซฮุนมองผมเหมือนจะถามว่าเอาอะไรอีกมั้ย
“…” เออ… เอา…
“อืม… เอาเป็นสตรอเบอร์รี่ปั่นอีกแก้วฮะ” เซฮุนจัดการสั่งให้เสร็จสรรพ แต่เขารู้ได้ไงว่าผมชอบสตรอเบอร์รี่! พนักงานพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินออกไป
“เดี๋ยวสิ! ใครให้นายสั่งเอาเองตามใจชอบแบบนี้กัน” ผมปิดเมนู ทำเป็นโมโหไม่พอใจ …อันที่จริงผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว ตังค์ก็ไม่ได้เป็นคนจ่าย แถมเซฮุนยังสั่งน้ำปั่นของโปรดให้ด้วย ไม่มีอะไรต้องโมโหสักนิด แต่ผมแค่อยากแกล้งคนตรงหน้าเท่านั้นแหล่ะ
“ก็พี่เป็นแฟนผม ผมก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีๆให้สิฮะ” เซฮุนตอบเสียงเรียบ ไม่สนใจอารมณ์โมโหของผมสักนิด และนั่นก็ทำให้ผมพูดไม่ออก… เออ อันที่เซฮุนสั่งก็ไม่ได้แย่อะไร เลือกสิ่งที่ดีให้?... มันก็ถูกของเขานะ แต่จะดีกว่าถ้าเขาไม่พูดคำว่าแฟนออกมาด้วย
สักพักไอศกรีมที่สั่งก็ถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ แล้วก็ตามมาด้วยน้ำทั้งสองแก้ว ผมที่เห็นไอศกรีมตรงหน้าก็ไม่รอช้าอีกต่อไป จัดการจ้วงกินทันที
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ ผมไม่แย่งพี่หรอกน่า” เซฮุนดูดน้ำของตัวเอง แล้วเอื้อมไปหยิบนิตยสารที่วางอยู่ข้างหลังมาเปิดอ่าน
“อ้าว~ ไหนนายบอกว่าจะกินด้วยกันไง” เออ เป็นคนสั่งมาให้กินด้วยกัน แต่ตัวเองไม่กิน? บ้าเหรอ
“พอพี่เริ่มอิ่ม ผมจะกินเองล่ะฮะ” เซฮุนพูด ใบหน้ายังคงก้มมองนิตยสาร …ให้ฉันเริ่มอิ่มก่อน? หึ! ฝันไปเถอะโอ เซฮุน ฉันจะกินคนเดียวให้หมดเลย…
ซู้ดด~
น้ำสตรอเบอร์รี่ปั่นหยดสุดท้าย ถูกส่งลงไปในท้องผมเรียบร้อย ถ้วยไอศกรีมตรงหน้าก็สะอาดเกลี้ยง อ้า~ อิ่มจัง
“หือ? นี่พี่กินหมดคนเดียวเลยหรอเนี่ย?” เซฮุนเลิกคิ้วก่อนมองที่ถ้วยไอศครีมที แก้วผมที …รู้จักเสี่ยวลู่น้อยไปซะล่ะ!
“นายไม่ยอมกินแต่แรกเองนะ จะมาโทษที่ฉันไม่ได้” ผมพูดลอยหน้าลอยตา ท้องอิ่มแล้วเราก็มีความสุข กวนคนอื่นได้ต่อไป~
“งั้นก็ไปที่อื่นต่อเถอะฮะ” เซฮุนไม่พูดพร่ำทำเพลง ร่างสูงลุกออกจากโต๊ะไปก่อนจะเดินไปจ่ายตังค์ที่เคาท์เตอร์ ทำเอาผมลุกขึ้นตามแทบไม่ทัน… อุก จุกว่ะ
“นายจะไปไหนน่ะ” ผมเดินตามเซฮุนไปเรื่อยๆ ซึ่งคนที่เดินนำหน้าก็ไม่ยอมบอกเป้าหมายว่าจะไปไหน จนเราเดินมาถึงหน้าร้านอาหารจีนร้านหนึ่ง… “นายจะกินข้าวหรอ?” ผมหันไปถามคนข้างๆที่ยืนนิ่งอยู่หน้าร้านแต่ยังไม่ยอมเข้าไปสักที
“ฮะ ก็ผมยังไม่ได้กินอะไรเลย นี่ก็จะหกโมงแล้วด้วย” เซฮุนยกนาฬิกาขึ้นมอง ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน
ในร้านคนแน่นมาก ส่วนมากมากันเป็นครอบครัว แถมนี่ก็เลยเวลาเลิกเรียนมาเยอะแล้ว นักเรียนนักศึกษาที่เรียนพิเศษเสร็จเลยมานั่งกินข้าวกัน ทำให้โต๊ะว่างแทบไม่มี เราจึงไม่มีสิทธิ์เลือกมากนัก ผมกับเซฮุนนั่งอยู่ที่โต๊ะมุมในสุด เซฮุนเป็นคนสั่งอาหารเองทั้งหมด แต่จำนวนมันก็เยอะพอควรนะ เขาจะกินหมดหรอ?
“นายสั่งมาทำไมตั้งเยอะ” ผมถามเซฮุนที่นั่งรออาหารมาเสิร์ฟ ร่างสูงยิ้มน้อยๆก่อนตอบ
“เดี๋ยวพี่ก็รู้เองล่ะฮะ” หือ? รู้เอง? หรือว่าจริงๆแล้วเซฮุนเป็นคนที่กินเยอะมาก? ใช่หรอ
“ถ้ากินไม่หมด ฉันไม่ช่วยนายกินนะ” ผมพูดก่อนจะทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ แค่ไอศกรีมเมื่อกี้ก็จุกแล้ว กินอาหารจีนหนักๆเข้าไปอีกก็ไม่ไหวนะ…
แต่ผมขอกลับคำ… ทันทีที่อาหารมาเสิร์ฟ ผมก็ต้องคิดใหม่ อาหารตรงหน้านี่น่ากินมากกกก โฮกก!! อยากกินอ่ะ! แต่ในท้องยังแน่นๆอยู่เลย รู้งี้ไม่กินไอศกรีมเข้าไปเยอะขนาดนั้นก็ดีหรอก เซฮุนที่นั่งตรงข้ามผมจับตะเกียบก่อนจะเริ่มกิน
อึก~
ผมกลืนน้ำลาย จ้องอาหารตรงหน้าไม่วางตา โอยย~ ความอยากในใจกับร่างกายเริ่มทำงานสวนกันซะแล้วสิ ถึงแม้กระเพาะจะบอกว่าไม่ไหว แต่ใจผมน่ะไปแล้ว …ติ่มซัมนี่หอมชะมัด~
“เสี่ยวลู่? พี่ออกไปเดินเล่นข้างนอกรอก็ได้นะฮะ เดี๋ยวผมจะรีบกิน” เซฮุนพูดยิ้มๆ ผมว่าเขารู้แน่ว่าผมอยากกิน
“ไม่เป็นไร…” เสียงลอยมาก เริ่มไม่ไหวล่ะ… ผมตัดสินใจหยิบตะเกียบตรงหน้า ก่อนบรรจงคีบขนมจีบเข้าปาก… โอ้~ สุขแท้ …ผมว่าที่เขาสั่งมาเยอะก็เพราะว่ารู้ว่าผมจะต้องกินกับเข้าแน่เลย ไอ้เด็กฉลาด!
“หึ~ ไหนพี่บอกว่าไม่กินไงฮะ” เซฮุนเลิกคิ้วมองผม แถมหัวเราะอีกต่างหาก
“อะไร?... ร่างกายมันไปเองต่างหาก” ผมตอบมั่ว นาทีนี้อะไรก็ไม่สนแล้วล่ะ เซฮุนหัวเราะร่าก่อนจะกินอาหารตรงหน้าต่อ เราสองคนกินไปเถียงกันไป …แต่ผมว่านี่เป็นอาหารมื้อที่มีสีสันต์มากที่สุดที่ผมเคยเจอแล้วล่ะ
“นายพาฉันมาที่นี่ทำไม” คนตัวเล็กเดินตามผมเข้ามาในคอนโด แต่ก็ยังบ่นงุ้งงิ้งไม่เลิก
“ผมขออาบน้ำก่อน แล้วเดี๋ยวจะไปส่งที่บ้าน” ผมเดินเข้าไปในลิฟต์ กดหมายเลขชั้น เสี่ยวลู่เองก็ตามเข้ามา… อืม~ ผมชอบเรียกพี่เขาว่าเสี่ยวลู่นะ มันฟังดูน่ารักดี ผมเคยได้ยินมาว่าคำว่าเสี่ยวแปลว่าเล็กๆอะไรแบบนั้น… เสี่ยวลู่ ลู่น้อย น่ารักดี
“งั้นนายให้ฉันนั่งแท็กซี่กลับก็สิ้นเรื่อง” เสี่ยวลู่บ่นไม่เลิก ผมไม่อยากให้พี่เขากลับคนเดียว เพราะตอนกลางคืนนี่มันอันตราย แถมยังอยู่บ้านคนเดียวอีก
“พี่เป็นแฟนผมนะ ผมไม่ยอมปล่อยพี่กลับคนเดียวหรอก”
“แฟนอีกแหล่ะ แล้วถ้านายเป็นแฟนฉันขึ้นมาบ้างล่ะ” เสี่ยวลู่มองผมเคืองๆ นี่แหล่ะฮะ สำหรับผมแค่คำว่า ผมเป็นแฟนคุณ กับ คุณเป็นแฟนผม มันต่างกัน
“พี่ก็ต้องดูแลผม” ผมพูดก่อนจะโอบเอวคนตัวเล็ก เสี่ยวลู่สะดุ้งทันที ก่อนจะเขยิบหนี ดีนะเนี่ยที่ในลิฟต์มีกันแค่สองคน
“ไม่เห็นเข้าใจ” พึมพำก่อนหันหน้าหนีไปทางอื่น พอดีกับที่ลิฟต์มาถึงชั้นของผมพอดี
“พี่นั่งรอตรงนี้ก่อนนะ” ผมใช้คีย์การ์ดรูดเปิดประตูห้อง แล้วบอกเสี่ยวลู่นั่งรออยู่ที่โซฟา ห้องผมเป็นแบบเปิดโล่ง ไม่มีผนังกั้น ห้องนอนกับห้องรับแขกเลยเหมือนอยู่ในที่เดียวกัน แถมครัวก็ยังเปิดโล่งเชื่อมกันไปหมด ยกเว้นก็แต่ห้องน้ำกับห้องแต่งตัวเท่านั้นแหล่ะที่มีผนัง
“อือ” ผมว่าคนตัวเล็กนี่เริ่มง่วงแล้วล่ะ เพราะปกติคงไม่ยอมรับคำง่ายแบบนี้ ไม่ยอมตามผมมาที่คอนโดง่ายๆด้วย พอผมไม่ยอมให้กลับแท็กซี่เองนี่คงจะเปิดประตูรถกระโจนลงมาเลยมั้ง แต่วันนี้แค่บ่นๆแล้วก็ยอมตามมาโดยดี ไม่งั้นคงไม่มานั่งง่วงอยู่ที่นี่หรอก
ผมรีบจัดการทำความสะอาดร่างกาย เช็ดผม เช็ดตัว ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย แล้วเดินออกมาจากห้องแต่งตัว แต่ก็ไม่เห็นคนตัวเล็กที่โซฟา…หายไปไหน? หรือรอไม่ไหวเลยแอบกลับไปก่อน? ผมขมวดคิ้วแน่น ปกติก็ซุ่มซ่ามอยู่แล้ว ยิ่งง่วงอยู่แบบนั้น จะไม่แย่เอาหรอ ผมกำลังจะไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่โต๊ะ แล้วก็เจอกับ… ก้อนอะไรบางอย่างที่นอนขดอยู่บนเตียง…เสี่ยวลู่?
“เสี่ยวลู่ ตื่นเร็ว จะไปส่งที่บ้านแล้ว” ผมสะกิดๆคนตัวเล็กที่นอนหลับตานิ่ง แต่ก็ไร้เสียงตอบรับ สงสัยเป็นเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน แถมก่อนหน้านี้ยังกินเข้าไปเยอะขนาดนั้นอีก หนังท้องตึง หนังตายานสินะ… ผมนั่งลงบนเตียงข้างๆเสี่ยวลู่ มือลูบผมคนตัวเล็กไปมา
“อือ~” เสี่ยวลู่ครางหงิง ก่อนจะยกหัวขึ้นมาหนุนตักผม… ขี้อ้อนเอาการเลยนะเนี่ย
“เสี่ยวลู่ ไม่กลับบ้านหรอ” ผมก้มลงไปกระซิบที่หูร่างบาง “พี่จะนอนที่นี่ไม่ได้นะ” เพราะเดี๋ยวผมจะอดใจไม่ไหว…
“อือ~ เซฮุนนา พี่เป็นแฟนนายนะ นายต้องยอมให้พี่นอนสิ” ผมนิ่งค้าง ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี มันก็น่ารักดีอยู่หรอกที่พี่เขาพูดแบบนั้น แต่เรื่องแฟนนี่ รู้สึกเหมือนโดนก็อปไปใช่เลยแหะ
“งั้นก็ลุกไปอาบน้ำก่อน ค่อยกลับมานอน” ผมลองพูดดู ถ้าพี่เขาไม่อยากนอนจริงเดี๋ยวก็ตื่นมาโวยวายเองล่ะ… แต่ผิดคาดครับ เสี่ยวลู่ปรือตาขึ้นงัวเงีย ก่อนจะลุกเดินไปทางห้องน้ำ เฮ้ย! เอาจริง?
“อาบน้ำก่อนก็พอใช่ไหม?” คนที่ยังงัวเงีย เดินพึมพำกับตัวเองเข้าห้องน้ำ ทำเอาผมเรียกไว้แทบไม่ทัน เข้าไปแบบไม่เอาผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าแบบนี้ได้ไงเนี่ย
สักพักเสียงประตูห้องน้ำก็เปิดออก เสี่ยวลู่เดินออกมาในชุดนอนของผมที่ไซต์ใหญ่กว่าตัวเอง ร่างบางเดินมาใกล้ก่อนล้มตัวลงบนเตียงทั้งๆที่หัวยังเปียกอยู่
“เสี่ยวลู่ เช็ดผมก่อน” ผมหยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่มา คนตัวเล็กเองก็ว่าง่าย ยอมเด้งตัวลุกขึ้นนั่งแล้วหันหลังให้ผมเช็ดหัวให้
“เมื่อไหร่จะได้นอน” เสี่ยวลู่พูดงอแง อันที่จริงคนที่อาบน้ำแล้วควรจะสร่างง่วงสิ แต่รายนี้กลับยังง่วงอยู่เหมือนเดิม สงสัยง่วงเต็มพิกัดแล้วจริงๆ
“เช็ดผมเสร็จแล้วค่อยนอนสิฮะ” ผมขยับมือเช็ดไปตามเรือนผมนุ่ม เสี่ยวลู่เองก็ไม่ว่าอะไรอีก
“ถ้าพี่เป็นแฟนนาย นายจะดูแลพี่แบบนี้ใช่มั้ย?” ไม่รู้เพราะง่วงหรืออะไร ร่างบางถึงได้พูดออกมาแบบนั้น
“ฮะ” แต่ผมก็ตอบกลับไป
“แต่ถ้านายเป็นแฟนพี่ พี่จะต้องดูแลนายสินะ”
“ฮะ พี่ถามทำไม?” ผมจับหัวคนตัวเล็กให้หันมาหา
“อือ… งั้นพี่ขอเป็นแฟนนายดีกว่า” …หึ~ เสี่ยวลู่ น่ารักไปแล้วนะ
“ฮะ หึๆ~” พอผมเช็ดผมให้เสร็จ เสี่ยวลู่ก็ล้มตัวลงทันที ผมจัดการตากผ้าเช็ดตัว ก่อนล้มลงไปนอนข้างๆร่างบางที่นอนตะแคงหันหลังให้ ผมเอื้อมมือปิดไฟ แล้วก็ไม่ลืมที่จะคว้าร่างบางที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวมากอด…ฝันดีนะ เสี่ยวลู่ ผมเองก็จะฝันถึงพี่
ความคิดเห็น