ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชายผู้โหยหารัก

    ลำดับตอนที่ #1 : ขอแค่…ได้เห็นหน้าเธอก็พอ

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 50


    วันนี้ก็เป็นวันที่ร้อนมากอีกวันหนึ่ง   เหงื่อไหล่เข้าตาผม ผมรู้สึกแสบตาทันที ผมรีบเอามือมาขยี้ตา     ภาพที่เห็นจากรางเลือนเริ่มชัดเจนมากขึ้น  เพลงชาติเริ่มบรรเลงและจบลง ในช่วงเวลาอันสั้น     เมื่อเริ่มสวดมนต์  ผมหันหลังไปมองที่ๆเธอเคยยืนอยู่เป็นประจำ   เธอไม่อยู่ตรงนั้น! แล้วเธออยู่ไหน?...ผมเริ่มสอดส่ายสายตามองจนทั่วเพื่อค้นหาเธอ   หัวใจผมเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะในหัวของผมมันคิดวนเวียน เกี่ยวกับเธอว่าเธออยู่ไหน?เธอทำอะไรอยู่? ทำไมเธอถึงยังไม่มา?... เธอจะเป็นไรไหม?ความคิดของผมวนเวียนอยู่อย่างนั้น   จนผมต้องพยายามควบคุมความคิดของผม ไม่ให้มันฟุ้ง   แต่ก็ควบคุมมันไม่ได้เสียที   มันทำให้ผมทรมานเหลือเกินและผมต้องเข้าสอบโยคะโดยที่ยังติดในอารมณ์นั้นอยู่

              เมื่อสอบเสร็จผมรีบวิ่งไปที่ห้อง อินเตอร์แล็ก เพราะเพื่อนในห้องผมทุกคนเป็นสมาชิกที่นี่ รวมทั้งเธอด้วย    (แต่ผมก็ไม่ได้เป็นสมาชิกกับเขาหรอกนะคับ แต่ก็สะเออะเข้าไปทุกทีแหละคับ  ทำไงได้ก็ผมอยากเห็นหน้าเธอนี่นา  แหะๆๆ)    เมื่อผมไปถึงก็ไม่มีใครอยู่เลยสักคนผมนั่งรอหัวใจผมกระสับกระสายมองเข็มนาฬิกาทุกวินาที มันช่างยาวนานเหลือเกินการรอคอยมันช่างทรมานเหลื่อเกิน  เมื่อเพื่อนผมเดินเข้ามากันผมรีบมองหาเธอ อ๊า!.....เธอไม่อยู่อีกแล้ว จากที่ทรมานอยู่แล้วมันยิ่งทรมานขึ้นอีกเท่าตัว   ผมเดินเข้าไปถามเพื่อนของผมว่าไปไหนมากัน(ทั้งๆที่ไม่ค่อยอยากรู้สักเท่าไร แต่ก็ต้องถามเดียวผิดสังเกต)

     ไปทำความสะอาดวัดมาวะ เพื่อนผมตอบกลับมา

    หรอะผมตอบกลับ(ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร)

    ผมหยิบปลาหมึกแผ่น(ที่กะว่าจะแบ่งกันกินกับเธอแค่2คนแค่2คนเท่านั้นฮิฮิ)  ขึ้นมาฟาดไปแผ่นนึ่ง  เพื่อนๆเริ่มมอง   ผมก็ถาม(ไปตามมารยาท)ว่ากินปะ(ผมคาดหวังว่าพวกมันจะปฏิเสธเต็มที่ทั้งๆที่รู้จักพวกมันดี   ตัวแด๊กซ์กันทั้งนั้น    แต่ผมก็ยังคาดหวังเล็กๆ  และความหวังเล็กๆของผมก็ต้องพังทลาย เมื่อ)  พวกมันทุกตัวตอบว่า กิน ผมจึง(จำใจ)แบ่งไปT_T       เมื่อผมเห็นพวกเขากินอย่างมีความสุขผมก็เริ่มรู้สึกดีที่ได้แบ่งปัน  แต่เมื่อมันทำท่าว่าจะหมดผมเริ่มเกิดอาการหวงกลัวไม่พอ(สำหรับเธอและผม)ผมรีบมัดปากถุง และปฏิเสธทุกๆคนอย่างเสียงแข็ง แม้ถูกด่าว่างก ก็ตาม(แล้วที่พวกมึงแด๊กซ์กันไปเมื่อตะกี๊นี้ละหะไอ้สาด)  ผมเดินไปโรงอาหาร       อ้า!...เธออยู่นั้นไง!?...ผมกำลังเดินเข้าไป เฮ้ย!ไอ้วายเสียงนึ่งดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้งโหยง อ้ายนัท แม้งอยู่ไหน  จะไปรู้เหลอะผมตอบกลับไป(แม้งมาถามอะไรตอนนี้วะ)   หลอะ? (แหน่ะยังจะถามอีก) เออ(ลากเสียงยาวหน่อยแบบว่าไม่พอใจหรืออะไรประมาณนั้นอะนะ)

    อือ  ไปหละ  (เออไปสะได้ก็ดีแม้งโคตรน่าลำคาญเลย(ผมเป็นพวกเจ้าอารมณ์นะคับ))ผมกลัมมามองเธอและกำลังจะเดินไปทัก    ดันไปเห็นเจ้ามาทเข้าผมจึงต้องหยุดชะงักเพราะเจ้าทิมเพื่อนสนิทของเจ้ามาทคิดว่าผมชอบผู้หญิงคนเดียวกับเจ้ามาท ผู้หญิงคนนั้นเธอชื่อพิ้งค์คับ     สวยระดับติดหนึ่งในสองของห้อง(เขาว่ากันอย่างนั้น)  แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเธอหรอกนะคับ   ที่ผมสนนะเพื่อนสนิทของเธอคับ เธอชื่อ จ๋า คับคนอะไรก็ไม่รู้ชื่อหว้านหวาน(แหม่ถ้าเกี่ยวกับเธอละก็อะไรก็ดีไปหมดแหละนะ  แหะๆ)เธอไม่ใช่คนสวยอะไรมากหลอกคับ   แต่เธอมีสิ่งนึ่งที่แสนพิเศษที่ไม่มีใครรู้นอกจากผมคนเดียว...(ขโมยคำมาจาก ยัยตัวร้ายกับนายเซ่อซ่า อะนะ  ชอบอะ เท่ดี  เลยขโมยมาใช้บ้าง)   ที่เจ้าทิมคิดว่าผมชอบพิ้งค์ คงเพราะว่าเธอนั่งกับจ๋า     และผมเข้าไปคุยกับจ๋าคับ กับจ๋าเท่านั้น(ที่ผมอยากคุยด้วย)    แต่ใครๆเห็นอย่างนั้นก็คงคิดว่าผมชอบพิ้งค์ ตามสันชาตยานของผู้ชายย่อมชอบผู้หญิงสวย (คับผมก็ชอบแต่ผมชอบจ๋ามากกว่าตรงความพิเศษของเธอนะคับ) ผมจึงเดินออกมาจากโรงอาหาร เพราะผมไม่อยากให้มาทเข้าใจผมผิดนะคับ(ก็ทำไมไม่รู้เหมือนกัน  ที่ผมชอบไปแคร์สายตาที่คนอื่นจนบางครั้งมันก็ทำให้ผมต้องเป็นทุกข์ก็ตาม)ผมจึงเดินออกมา  เฮ้ยอุตสาห์หาเจอแหละ  เฮ้ย...        โอ้ย!…อยากคุยด้วยจังเลย   ทรมานอีกแหละ โธ่!...ชีวิต   ผมเริ่มโวยวายในใจ   ในขณะเดินกลับไปที่ห้องอินเตอร์แล็ก

              ผมเดินกลับมาที่โรงอาหารอีกครั้ง  มาซื้ออะไรกินหน่อย 

    อ้า!เธอกำลังซื้อน้ำอยู่ผมรีบวิ่งเข้าไปซื้อน้ำ(เพราะอยากเข้าไปคุยกัยเธอ) พี่ๆแปปซี่แก้วผมสั่ง วายยยย(ลากเสียงแบบออดอ้อนหน่อย  แบบน่ารักๆอะ)  มีหนังสือการ์ตูนอ่านปะ   อ๊ะ!พี่ค๊ะน้ำแดงแก้วค่ะ มีBoomอ่านปะ  หรอ อ่านๆๆพอสิ้นเสียงเธอก็เปิดกระเป๋าผม ผมจึงบอกเธอว่า เดียวๆๆไปนั่งก่อนได้ปะ(ขอยืดเวลาหน่อยอยากอยู่ใกล้นานๆอะ)  ผมยิบBoomให้เธอไปและถามต่อว่า เมื่อเช้าทำไมนายมาสายอะ(ใช้นามเสียงออดอ้อนหน่อย)(ผมใช้สรรพนามเรียกแทนชื่อผู้หญิงว่านายในประโยคคำพูดอะคับ) พอดีต้องทำงานนิดหน่อยอะ(อ้าม่ายรู้จะคุยอะไรแล้ว  แต่อยากอยู่ใกล้ๆให้นานกว่านี้อะ   แต่นั้นแหละยังไงก็ต้องจากกัน  ม่ายเป็นไรเดียวก็ได้นั่งด้วยกันแหละวิชาฟิสิกส์เองออดใจรอหน่อย) อ๊ะไปแหละบาย อือบายและผมก็เดินออกมาด้วยใจที่ไม่ค่อยอยากจะออกสักเท่าไหร

              ผมมองนาฬิกาที่ค่อยเดินอย่างช้าๆทีละวิทีละวิและทีละวิจนเป็นนาที และมองแต่ละนาที ที่ค่อยๆเดินนาทีแล้วนาทีเหล่าจนเป็นชั่วโมง  ผมสงสัยจริ้งว่าเวลาเรามองนาฬิกาเพื่อรอคอยอะไรสักอย่างนี่ละก็นะทำม้ายทำไมแต่ละวินาทีมันช่างช้าเหลือเกิน    อ๊า!…..ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึง

          ผมนั่งในที่นั่งประจำของผมในวิชานั้น   อ๊า!…เธอมาแล้ว ผมไม่รู้จะชวนเธอคุยเรื่องอะไร(ผมเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งกับสาวๆอะคับ)จึงเอาแต่มองหน้าเธอ   แม้เพียงได้เห็นก็ทำให้ผมเคริบเคริม(นี่ละมั้งที่เขาเรียกกันว่าอาการหลง)    เธอมักเล่าเรื่องราวของเธอให้ผมฟังแทบทุกเรื่อง(ซึ่งผมก็ชอบฟังเพราะผมอยากรู้จักทุกอย่างที่เกียวกับเธอ) และผมมักให้คำปรึกษาที่ทำให้เธอสบายใจ เพราะอย่างนี้ละมั้งที่ทำให้เธอชอมมาเล่ามาระบายให้ผมฟัง  แม้แต่เรื่องส่วนตัว  จนหลายๆครั้งก็ทำให้ผมคิดไปเองว่า เธอก็คงชอบผมเหมือนกัน(แต่ก็นั้นแหละผมอาจคิดไปเองคนเดียวก็ได้)

    วันนี้ก็เช่นกันเธอเล่าว่า เมื่อวานทะเลาะกับแม่มาด้วยแหละ ทำไมอะ ผมถาม ก็แม่เราอะดิเป็นอะไรไม่รู้ชอบหาผู้ชายมาให้อยู่นั้นแหละ  บอกว่าหล่ออย่างงั้นหล่ออย่างนี้ แหวะจะอ้วก...

    มีแต่ไอพวกหน้าจืด ชอบเก็ก คิดว่าตัวเองหล่อตายแหละ  ยี้!เรานะเกลียดที่สุดเลย  ไอ้พวกผู้ชายขี้เก็ก  เห็นแล้วหมั่นไส (ผมได้ยินคำนี้แล้วผมรู้สึกโร่งใจอย่างน้อย กูก็ไม่โดนเกลียดไปเรื่องนึ่งแหละ) แม่นายเขาคงอยากให้นายได้ในสิ่งที่เขาไม่เคยได้    หรือที่เคยอยากได้ในตอนเด็ก แต่ท่านคงไม่มีโอกาส  เมื่อท่านเจอเลยอยากให้นายได้สิ่งเหล่านั้น ก็เราไม่อยากได้นิ เรื่องพวกนี้เราหาเองได้  ไอ้พวกกระเลวกระลาดเราก็ไม่เอาอยู่แล้วละเธอสวนกลับมา

    (ผมก็ดีใจเล็กๆเพราะผมยังพอมีโอกาสบ้างแหละหน่า)และเราก็คุยกันตลอดชั่วโมงฟิสิกส์บางครั้งผมก็อธิบายเนื้อหาที่เรียนให้เธอบ้าง  เพราะผมอ่านมาก่อนแล้วเมื่อ  ออดหมดเวลาดังขึ้นผมรู้สึกว่าเวลาช่างเดินเร็วเหลือเกิน  ทำไมนะทำม้าย...เวลาผมจะมีความสุขละก็   เวลามันรีบเดินกันจริ๊ง  

              ผมรีบเอาการ์ตูนมาคืนวิ่งจากซอย6มาซอย7และรีบวิ่งกลับเพราะนัดกันไว้กับเพื่อนรวมทั้งจ๋าด้วย   ผมไม่อยากให้พวกเขารอผมนาน   ผมวิ่งอัดสปีดความเร็วสูงตามที่ร่างกายผมจะทำได้

    เมื่อผมวิ่งเข้าโรงเรียนมาทเดินผ่านไป    ผมคิด  อะเธอคงออกไปแล้ว(เพราะส่วนใหญ่มาทจะกลับไปก็ต่อเมือพิ้งค์ออกมาแล้วเพราะเขาจะรอไปส่งเธอและหากเป็นไปตามข้างต้นเมื่อพิ้งค์ออกมา  จ๋าก็ต้องออกมาด้วยเพราะเธอจะออกมาพร้อมกันเสมอ...

    ผมหันหลังกลับทันที่   และยังวิ่งต่อไป...   ในหัวของผมคิดเพียงแค่ว่าแค่ได้เห็นหน้าเธอก็พอ...ขอแค่ได้อยู่ใกล้เธอให้นานกว่านี้...ขอให้ได้พูดคุยกับเธอนานกว่านี้....ได้โปรด....ไม่ว่าอะไรก็ย่อม...ขอแค่ให้ผมไปให้ทัน... ไม่ว่าอะไรผมก็ยอม   ความคิดของผมวกวนอยู่อย่างนี้   หัวใจผมเต้นระรั่วไม่รู้เพราะการวิ่งหรือเพราะอยากที่จะพบเธอกันแน่   ผมยังคงวิ่งต่อไป....ภาพที่เห็นมีเพียงข้างหน้า...ที่เข้ามาใกล้ขึ้น...ใกล้ขึ้น...ใกล้ขึ้นเลื้อยๆ...ผมลุ้นอยู่ในใจว่าเธอจะยังอยู่ไหม...

    เมื่อผมไปถึง  เธอไม่ได้อยู่ตรงนั้น!    ผมเริ่มถอดใจ หากไปที่องค์พระ(ในนครปฐมนะครับ)   คงหากันเจอยาก       และเดินกลับมาที่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนโดยมีคลองขั้น  ซื้อนมจืดที่แสนจืดชืด   และหาร้านอาหารแถวนั้น       แต่สายตาผมยังคงจับจ้องไปที่ประตูโรงเรียน  ผมเริ่มตั้งความหวังใหม่อีกครั้ง    ผมคิด  เธอคงยังไม่ออกมา...ขอให้มันเป็นอย่างนั้น...ช่าย!ขอให้เป็นอย่างนั้น...ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถิด...สายตาผมจับจ้องแต่ที่ประตู    อาหารในจานหมดแล้ว...  มันหมดแล้ว...มันหมดแล้ว...แต่เธอก็ยังไม่ออกมาสักที่     ผมเริ่มถอดใจอีกครั้ง   หัวใจผมเริ่มดำดิ่งลงในความทุกข์   ทุกข์ที่อยาก  ทุกข์ที่ไม่ได้ตามที่ต้องการ   กลไกป้องกันตัวของผมเริ่มทำงานประมวลหาชุดความรู้ที่มีที่จะทำให้ตัวผมไม่จมกับความทุกข์เหล่า

    และแล้วมันก็บอกกับผมว่าใช่  การเปลี่ยนทัศนคติในการมองโลกที่ได้จากหนังสือ ร่องรอยความรู้สึก จากบันทึกของหัวใจ  ผมเริ่มคิด อืม!ถึงแม้ไปไม่ทันอย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่า  เราอยากพบเขาขนาดไหน...(แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ผมหายเศร้าอยู่ดี)และผมเริ่มเดินไปที่ซอย7อีกครั้ง  ไปเรียนพิเศษ แต่ผมก็ยังไม่อาจตัดใจได้    ผมหันกลับไปมองประตูโรงเรียนอีกครั้ง   ภาวนาให้เธออยู่ตรงนั้น  และสิ่งที่ผมเห็นก็คือ

     เธออยู่ตรงนั้น...

    ผมดีใจสุดขีด  และหันหลังกลับทันที่   ผมค่อยเดิน   กะว่าจะให้เจอกันที่ท่ารถเมล์พอดี  (จะได้ดูเหมือนว่าบังเอิญ)ผมเริ่มว่าแผ่น    แต่ถว่าการค่อยๆเดินของผมมันเร็วมากเกินไป   ทำให้ผมไปถึงท่ารถเมล์ก่อน    และดันมีรถเมล์มาพอดี  โอ๊ย!ชีวิตทำไมมันโหดร้ายอย่างนี้   ดันมีคนที่รู้จักอยู่แถวนั้น  ผมเป็นพวกแคร์ไปหมด   กลัวเขามองเราไม่ดี(แล้วมันไม่ดีตรงไหนที่มีรถเมล์ว่างแล้วไม่ขึ้น)    ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น  แล้วผมก็ขึ้นไปบนรถเมล์ไป

    รถเมล์ออกตัวอีกครั้ง  เธอพึ่งมาถึงท่ารถเมล์

    ผมเห็นร่างของเธอ

     

    ...ห่าง...                                  

     

    ออกไป

               

    ออกไป

                และออกไป....

    ผมมานั่งนึกตอนอยู่บนรถเมล์   ทำไมกูต้องแคร์สายตาคนอื่นด้วยวะ   เห็นไหมคลาดกันจนได้  ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ  ทำไม่กูโง่อย่างนี้  กลไกป้องกันตัวทำงานอีกครั้ง  อย่างน้อยเราก็ได้เรียนรู้ละวะว่า  การที่เราแคร์สายตาคนอื่นมากเกินไปอาจทำให้เราผลาดโอกาสดีๆไป(ถึงแม้จะไม่ทำให้ผมหายเศร้าแต่ก็ทำให้ผมไม่ผิดพลาดเรื่องนี้อีก)   

              เมื่อไปถึงร้าน The Book Juneir ผมก็ลงจากรถเมล์เข้าไปในองค์พระผมไม่รู้ว่างานผลไม้จัดที่ไหนเพราะไม่เคยเข้าร่วมสักที่  เลยเดินวนรอบองค์พระ ไปหนึ่งรอบดูของข้างทางบ้างแต่ก็ไม่เจองานที่ว่าและก็ไม่เจอเธอ  ผมเดินวนใหม่อีกรอบ  และรอบนี้....ผมเจอเธอแล้วผมจึงวิ่งเข้าไปในงาน   ผมรีบจนเกือบลืมให้ตั่วไป  ผมเข้าไปร่วม   เพื่อนๆแปลกใจที่ผมเข้ามา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×