คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ขอแค่ ได้เห็นหน้าเธอก็พอ
วันนี้ก็เป็นวันที่ร้อนมากอีกวันหนึ่ง เหงื่อไหล่เข้าตาผม ผมรู้สึกแสบตาทันที ผมรีบเอามือมาขยี้ตา ภาพที่เห็นจากรางเลือน
เริ่มชัดเจนมากขึ้น เพลงชาติเริ่มบรรเลงและจบลง ในช่วงเวลาอันสั้น เมื่อเริ่มสวดมนต์ ผมหันหลังไปมองที่ๆเธอเคยยืนอยู่เป็นประจำ เธอไม่อยู่ตรงนั้น! แล้วเธออยู่ไหน?...ผมเริ่มสอดส่ายสายตามองจนทั่วเพื่อค้นหาเธอ หัวใจผมเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ
ในหัวของผมมันคิดวนเวียน เกี่ยวกับเธอว่าเธออยู่ไหน?
เธอทำอะไรอยู่?
ทำไมเธอถึงยังไม่มา?... เธอจะเป็นไรไหม?
ความคิดของผมวนเวียนอยู่อย่างนั้น จนผมต้องพยายามควบคุมความคิดของผม ไม่ให้มันฟุ้ง แต่ก็ควบคุมมันไม่ได้เสียที มันทำให้ผมทรมานเหลือเกินและผมต้องเข้าสอบโยคะโดยที่ยังติดในอารมณ์นั้นอยู่
เมื่อสอบเสร็จผมรีบวิ่งไปที่ห้อง “อินเตอร์แล็ก” เพราะเพื่อนในห้องผมทุกคนเป็นสมาชิกที่นี่ รวมทั้งเธอด้วย (แต่ผมก็ไม่ได้เป็นสมาชิกกับเขาหรอกนะคับ แต่ก็สะเออะเข้าไปทุกทีแหละคับ ทำไงได้ก็ผมอยากเห็นหน้าเธอนี่นา แหะๆๆ) เมื่อผมไปถึงก็ไม่มีใครอยู่เลยสักคนผมนั่งรอหัวใจผมกระสับกระสายมองเข็มนาฬิกา
ทุกวินาที มันช่างยาวนานเหลือเกิน
การรอคอยมันช่างทรมานเหลื่อเกิน เมื่อเพื่อนผมเดินเข้ามากันผมรีบมองหาเธอ อ๊า!.....เธอไม่อยู่อีกแล้ว จากที่ทรมานอยู่แล้วมันยิ่งทรมานขึ้นอีกเท่าตัว ผมเดินเข้าไปถามเพื่อนของผมว่าไปไหนมากัน(ทั้งๆที่ไม่ค่อยอยากรู้สักเท่าไร แต่ก็ต้องถามเดียวผิดสังเกต)
“ไปทำความสะอาดวัดมาวะ” เพื่อนผมตอบกลับมา
“หรอะ”ผมตอบกลับ(ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร)
ผมหยิบปลาหมึกแผ่น(ที่กะว่าจะแบ่งกันกินกับเธอแค่2คน
แค่2คนเท่านั้น
ฮิฮิ) ขึ้นมาฟาดไปแผ่นนึ่ง เพื่อนๆเริ่มมอง ผมก็ถาม(ไปตามมารยาท)ว่ากินปะ(ผมคาดหวังว่าพวกมันจะปฏิเสธเต็มที่ทั้งๆที่รู้จักพวกมันดี ตัวแด๊กซ์
กันทั้งนั้น แต่ผมก็ยังคาดหวังเล็กๆ และความหวังเล็กๆของผมก็ต้องพังทลาย เมื่อ
) พวกมันทุกตัวตอบว่า กิน ผมจึง(จำใจ)แบ่งไปT_T เมื่อผมเห็นพวกเขากินอย่างมีความสุขผมก็เริ่มรู้สึกดีที่ได้แบ่งปัน แต่เมื่อมันทำท่าว่าจะหมดผมเริ่มเกิดอาการหวงกลัวไม่พอ(สำหรับเธอและผม)ผมรีบมัดปากถุง และปฏิเสธทุกๆคนอย่างเสียงแข็ง แม้ถูกด่าว่างก ก็ตาม(แล้วที่พวกมึงแด๊กซ์กันไปเมื่อตะกี๊นี้ละหะไอ้สาด
) ผมเดินไปโรงอาหาร อ้า!...เธออยู่นั้นไง!?...ผมกำลังเดินเข้าไป “เฮ้ย!ไอ้วาย”เสียงนึ่งดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้งโหยง “อ้ายนัท แม้งอยู่ไหน” “จะไปรู้เหลอะ”ผมตอบกลับไป(แม้งมาถามอะไรตอนนี้วะ) “หลอะ?” (แหน่ะยังจะถามอีก) “เออ
(ลากเสียงยาวหน่อยแบบว่าไม่พอใจหรืออะไรประมาณนั้นอะนะ)”
“อือ ไปหละ” (เออไปสะได้ก็ดีแม้งโคตรน่าลำคาญเลย(ผมเป็นพวกเจ้าอารมณ์นะคับ))ผมกลัมมามองเธอและกำลังจะเดินไปทัก ดันไปเห็นเจ้ามาทเข้าผมจึงต้องหยุดชะงักเพราะเจ้าทิมเพื่อนสนิทของเจ้ามาทคิดว่าผมชอบผู้หญิงคนเดียวกับเจ้ามาท ผู้หญิงคนนั้นเธอชื่อพิ้งค์คับ สวยระดับติดหนึ่งในสองของห้อง(เขาว่ากันอย่างนั้น) แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเธอหรอกนะคับ ที่ผมสนนะเพื่อนสนิทของเธอคับ เธอชื่อ “จ๋า” คับคนอะไรก็ไม่รู้ชื่อหว้านหวาน(แหม่
ถ้าเกี่ยวกับเธอละก็อะไรก็ดีไปหมดแหละนะ แหะๆ)เธอไม่ใช่คนสวยอะไรมากหลอกคับ แต่เธอมีสิ่งนึ่งที่แสนพิเศษที่ไม่มีใครรู้นอกจากผมคนเดียว...(ขโมยคำมาจาก “ยัยตัวร้ายกับนายเซ่อซ่า” อะนะ ชอบอะ เท่ดี เลยขโมยมาใช้บ้าง) ที่เจ้าทิมคิดว่าผมชอบพิ้งค์ คงเพราะว่าเธอนั่งกับจ๋า และผมเข้าไปคุยกับจ๋าคับ กับจ๋าเท่านั้น
(ที่ผมอยากคุยด้วย) แต่ใครๆเห็นอย่างนั้นก็คงคิดว่าผมชอบพิ้งค์ ตามสันชาตยานของผู้ชายย่อมชอบผู้หญิงสวย (คับผมก็ชอบแต่ผมชอบจ๋ามากกว่าตรงความพิเศษของเธอนะคับ) ผมจึงเดินออกมาจากโรงอาหาร เพราะผมไม่อยากให้มาทเข้าใจผมผิดนะคับ(ก็ทำไมไม่รู้เหมือนกัน ที่ผมชอบไปแคร์สายตาที่คนอื่นจนบางครั้งมันก็ทำให้ผมต้องเป็นทุกข์ก็ตาม)ผมจึงเดินออกมา เฮ้ยอุตสาห์หาเจอแหละ เฮ้ย... โอ้ย!
อยากคุยด้วยจังเลย ทรมานอีกแหละ โธ่!...ชีวิต ผมเริ่มโวยวายในใจ ในขณะเดินกลับไปที่ห้องอินเตอร์แล็ก
ผมเดินกลับมาที่โรงอาหารอีกครั้ง มาซื้ออะไรกินหน่อย
อ้า!เธอกำลังซื้อน้ำอยู่
ผมรีบวิ่งเข้าไปซื้อน้ำ(เพราะอยากเข้าไปคุยกัยเธอ) “พี่ๆแปปซี่แก้ว”ผมสั่ง “วายยยย(ลากเสียงแบบออดอ้อนหน่อย แบบน่ารักๆอะ) มีหนังสือการ์ตูนอ่านปะ อ๊ะ!พี่ค๊ะน้ำแดงแก้วค่ะ” “มีBoomอ่านปะ” “หรอ อ่านๆๆ”พอสิ้นเสียงเธอก็เปิดกระเป๋าผม ผมจึงบอกเธอว่า “เดียวๆๆ
ไปนั่งก่อนได้ปะ(ขอยืดเวลาหน่อยอยากอยู่ใกล้นานๆอะ)” ผมยิบBoomให้เธอไปและถามต่อว่า “เมื่อเช้าทำไมนายมาสายอะ(ใช้นามเสียงออดอ้อนหน่อย)”(ผมใช้สรรพนามเรียกแทนชื่อผู้หญิงว่านายในประโยคคำพูดอะคับ) “พอดีต้องทำงานนิดหน่อยอะ”(อ้า
ม่ายรู้จะคุยอะไรแล้ว แต่อยากอยู่ใกล้ๆให้นานกว่านี้อะ แต่นั้นแหละยังไงก็ต้องจากกัน ม่ายเป็นไรเดียวก็ได้นั่งด้วยกันแหละวิชาฟิสิกส์เองออดใจรอหน่อย) “อ๊ะไปแหละบาย” “อือบาย”และผมก็เดินออกมาด้วยใจที่ไม่ค่อยอยากจะออกสักเท่าไหร
ผมมองนาฬิกาที่ค่อยเดินอย่างช้าๆทีละวิ
ทีละวิ
และทีละวิ
จนเป็นนาที และมองแต่ละนาที ที่ค่อยๆเดินนาทีแล้วนาทีเหล่าจนเป็นชั่วโมง ผมสงสัยจริ้งว่าเวลาเรามองนาฬิกาเพื่อรอคอยอะไรสักอย่างนี่ละก็นะทำม้ายทำไมแต่ละวินาทีมันช่างช้าเหลือเกิน อ๊า!
..ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึง
ผมนั่งในที่นั่งประจำของผมในวิชานั้น อ๊า!
เธอมาแล้ว ผมไม่รู้จะชวนเธอคุยเรื่องอะไร(ผมเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งกับสาวๆอะคับ)จึงเอาแต่มองหน้าเธอ แม้เพียงได้เห็นก็ทำให้ผมเคริบเคริม(นี่ละมั้งที่เขาเรียกกันว่าอาการหลง) เธอมักเล่าเรื่องราวของเธอให้ผมฟังแทบทุกเรื่อง(ซึ่งผมก็ชอบฟังเพราะผมอยากรู้จักทุกอย่างที่เกียวกับเธอ) และผมมักให้คำปรึกษาที่ทำให้เธอสบายใจ เพราะอย่างนี้ละมั้งที่ทำให้เธอชอมมาเล่ามาระบายให้ผมฟัง แม้แต่เรื่องส่วนตัว จนหลายๆครั้งก็ทำให้ผมคิดไปเองว่า เธอก็คงชอบผมเหมือนกัน(แต่ก็นั้นแหละผมอาจคิดไปเองคนเดียวก็ได้)
วันนี้ก็เช่นกันเธอเล่าว่า “เมื่อวานทะเลาะกับแม่มาด้วยแหละ” “ทำไมอะ” ผมถาม “ก็แม่เราอะดิเป็นอะไรไม่รู้ชอบหาผู้ชายมาให้อยู่นั้นแหละ บอกว่าหล่ออย่างงั้นหล่ออย่างนี้ แหวะจะอ้วก...
มีแต่ไอพวกหน้าจืด ชอบเก็ก คิดว่าตัวเองหล่อตายแหละ ยี้!เรานะเกลียดที่สุดเลย ไอ้พวกผู้ชายขี้เก็ก เห็นแล้วหมั่นไส” (ผมได้ยินคำนี้แล้วผมรู้สึกโร่งใจอย่างน้อย กูก็ไม่โดนเกลียดไปเรื่องนึ่งแหละ) “แม่นายเขาคงอยากให้นายได้ในสิ่งที่เขาไม่เคยได้ หรือที่เคยอยากได้ในตอนเด็ก แต่ท่านคงไม่มีโอกาส เมื่อท่านเจอเลยอยากให้นายได้สิ่งเหล่านั้น ” “ก็เราไม่อยากได้นิ เรื่องพวกนี้เราหาเองได้ ไอ้พวกกระเลวกระลาดเราก็ไม่เอาอยู่แล้วละ”เธอสวนกลับมา
(ผมก็ดีใจเล็กๆเพราะผมยังพอมีโอกาสบ้างแหละหน่า)และเราก็คุยกันตลอดชั่วโมงฟิสิกส์บางครั้งผมก็อธิบายเนื้อหาที่เรียนให้เธอบ้าง เพราะผมอ่านมาก่อนแล้วเมื่อ ออดหมดเวลาดังขึ้นผมรู้สึกว่าเวลาช่างเดินเร็วเหลือเกิน ทำไมนะทำม้าย...เวลาผมจะมีความสุขละก็ เวลามันรีบเดินกันจริ๊ง
ผมรีบเอาการ์ตูนมาคืนวิ่งจากซอย6มาซอย7และรีบวิ่งกลับเพราะนัดกันไว้กับเพื่อนรวมทั้งจ๋าด้วย ผมไม่อยากให้พวกเขารอผมนาน ผมวิ่งอัดสปีดความเร็วสูงตามที่ร่างกายผมจะทำได้
เมื่อผมวิ่งเข้าโรงเรียนมาทเดินผ่านไป ผมคิด อะเธอคงออกไปแล้ว(เพราะส่วนใหญ่มาทจะกลับไปก็ต่อเมือพิ้งค์ออกมาแล้วเพราะเขาจะรอไปส่งเธอและหากเป็นไปตามข้างต้นเมื่อพิ้งค์ออกมา จ๋าก็ต้องออกมาด้วยเพราะเธอจะออกมาพร้อมกันเสมอ...
ผมหันหลังกลับทันที่ และยังวิ่งต่อไป... ในหัวของผมคิดเพียงแค่ว่าแค่ได้เห็นหน้าเธอก็พอ...ขอแค่ได้อยู่ใกล้เธอให้นานกว่านี้...ขอให้ได้พูดคุยกับเธอนานกว่านี้....ได้โปรด....ไม่ว่าอะไรก็ย่อม...ขอแค่ให้ผมไปให้ทัน... ไม่ว่าอะไรผมก็ยอม ความคิดของผมวกวนอยู่อย่างนี้ หัวใจผมเต้นระรั่วไม่รู้เพราะการวิ่งหรือเพราะอยากที่จะพบเธอกันแน่ ผมยังคงวิ่งต่อไป....ภาพที่เห็นมีเพียงข้างหน้า...ที่เข้ามาใกล้ขึ้น...ใกล้ขึ้น...ใกล้ขึ้นเลื้อยๆ...ผมลุ้นอยู่ในใจว่าเธอจะยังอยู่ไหม...
เมื่อผมไปถึง เธอไม่ได้อยู่ตรงนั้น! ผมเริ่มถอดใจ หากไปที่องค์พระ(ในนครปฐมนะครับ) คงหากันเจอยาก และเดินกลับมาที่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนโดยมีคลองขั้น ซื้อนมจืดที่แสนจืดชืด และหาร้านอาหารแถวนั้น แต่สายตาผมยังคงจับจ้องไปที่ประตูโรงเรียน ผมเริ่มตั้งความหวังใหม่อีกครั้ง ผมคิด เธอคงยังไม่ออกมา...ขอให้มันเป็นอย่างนั้น...ช่าย!ขอให้เป็นอย่างนั้น...ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถิด...สายตาผมจับจ้องแต่ที่ประตู อาหารในจานหมดแล้ว... มันหมดแล้ว...มันหมดแล้ว...แต่เธอก็ยังไม่ออกมาสักที่ ผมเริ่มถอดใจอีกครั้ง หัวใจผมเริ่มดำดิ่งลงในความทุกข์ ทุกข์ที่อยาก ทุกข์ที่ไม่ได้ตามที่ต้องการ กลไกป้องกันตัวของผมเริ่มทำงานประมวลหาชุดความรู้ที่มีที่จะทำให้ตัวผมไม่จมกับความทุกข์เหล่า
และแล้วมันก็บอกกับผมว่าใช่ การเปลี่ยนทัศนคติในการมองโลกที่ได้จากหนังสือ “ร่องรอยความรู้สึก จากบันทึกของหัวใจ” ผมเริ่มคิด อืม!ถึงแม้ไปไม่ทันอย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่า เราอยากพบเขาขนาดไหน...(แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ผมหายเศร้าอยู่ดี)และผมเริ่มเดินไปที่ซอย7อีกครั้ง ไปเรียนพิเศษ แต่ผมก็ยังไม่อาจตัดใจได้ ผมหันกลับไปมองประตูโรงเรียนอีกครั้ง ภาวนาให้เธออยู่ตรงนั้น และสิ่งที่ผมเห็นก็คือ
เธออยู่ตรงนั้น...
ผมดีใจสุดขีด และหันหลังกลับทันที่ ผมค่อยเดิน กะว่าจะให้เจอกันที่ท่ารถเมล์พอดี (จะได้ดูเหมือนว่าบังเอิญ)ผมเริ่มว่าแผ่น แต่ถว่าการค่อยๆเดินของผมมันเร็วมากเกินไป ทำให้ผมไปถึงท่ารถเมล์ก่อน และดันมีรถเมล์มาพอดี โอ๊ย!ชีวิตทำไมมันโหดร้ายอย่างนี้ ดันมีคนที่รู้จักอยู่แถวนั้น ผมเป็นพวกแคร์ไปหมด กลัวเขามองเราไม่ดี(แล้วมันไม่ดีตรงไหนที่มีรถเมล์ว่างแล้วไม่ขึ้น) ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น แล้วผมก็ขึ้นไปบนรถเมล์ไป
รถเมล์ออกตัวอีกครั้ง เธอพึ่งมาถึงท่ารถเมล์
ผมเห็นร่างของเธอ
...ห่าง...
ออกไป
ออกไป
และออกไป....
ผมมานั่งนึกตอนอยู่บนรถเมล์ ทำไมกูต้องแคร์สายตาคนอื่นด้วยวะ เห็นไหมคลาดกันจนได้ ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ ทำไม่กูโง่อย่างนี้ กลไกป้องกันตัวทำงานอีกครั้ง อย่างน้อยเราก็ได้เรียนรู้ละวะว่า การที่เราแคร์สายตาคนอื่นมากเกินไปอาจทำให้เราผลาดโอกาสดีๆไป(ถึงแม้จะไม่ทำให้ผมหายเศร้าแต่ก็ทำให้ผมไม่ผิดพลาดเรื่องนี้อีก)
เมื่อไปถึงร้าน The Book Juneir ผมก็ลงจากรถเมล์เข้าไปในองค์พระผมไม่รู้ว่างานผลไม้จัดที่ไหนเพราะไม่เคยเข้าร่วมสักที่ เลยเดินวนรอบองค์พระ ไปหนึ่งรอบดูของข้างทางบ้างแต่ก็ไม่เจองานที่ว่าและก็ไม่เจอเธอ ผมเดินวนใหม่อีกรอบ และรอบนี้....ผมเจอเธอแล้วผมจึงวิ่งเข้าไปในงาน ผมรีบจนเกือบลืมให้ตั่วไป ผมเข้าไปร่วม เพื่อนๆแปลกใจที่ผมเข้ามา
ความคิดเห็น