ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Melody ลำนำคีตกวี ภาค ปกรณัมผู้เฝ้าดู

    ลำดับตอนที่ #1 : Melody Chapter Intro

    • อัปเดตล่าสุด 24 มิ.ย. 58


     


       Melody Chapter Intro

     




    แซ่กๆ แซ่กๆ ฟุบ
              เสียงแตกของไม้จากการถูกเผาไหม้ดังแว่วสะท้อนก้องไปทั่วป่ายามค่ำคืน กองไฟกองเล็กๆถูกก่อขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการให้ความอบอุ่นแก่บุคคลสองคนและสามตัวในค่ำคืนที่น้ำค้างลงหนัก

             มือหยาบกร้านคว้ากิ่งไม้ข้างๆตัวก่อนจะโยนเข้าไปในกองไฟเพื่อเพิ่มความแรงของไฟก่อนที่มันจะมอดดับ ก่อนจะเสมองไปอีกด้านของกองไฟที่มีร่างของผู้ร่วมเดินทางของตน

             “คิกๆ มิโม อย่าเลียสิ มันจั๊กจี้นะ ฮ่าๆ พอๆ” เสียงเล็กของเด็กวัยสี่ขวบปีที่หัวร่อกับสัตว์เลี้ยงของตน ดวงตาสีฟ้าครามทอประกายระริกเมื่อต้องแสงจากกองไฟข้างหน้า เบื้องหลังของเด็กน้อยเป็นร่างของสัตว์ขนาดใหญ่ที่คนแถบนี้นิยมใช้ในการเดินทางและบรรทุกของอย่าง ลามิน่า สัตว์ในแถบอากาศหนาวที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคณะเดินทางเพราะมันสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศต่างพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว เด็กน้อยซุกตัวเข้าไปใกล้ตัวของลามิน่าอีกหน่อยเมื่อรู้สึกถึงลมหนาวที่พัดมา

    ชายวัยกลางคนมองภาพนั้นอย่างเอ็นดูก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้าที่พร่างพราวด้วยดวงดาวนับล้านดวง

             “คืนนี้อากาศหนาวนะลูก ลูกจะเข้านอนก่อนก็ได้นะ น้ำค้างท่าจะลงหนักมาก” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกสายตาจากเด็กน้อยให้หันมามองผู้เป็นบิดา

             “ข้าจะเฝ้ายามเป็นเพื่อนท่านพ่อ ท่านแม่บอกว่าอย่าปล่อยให้ท่านพ่อออกไปไหนคนเดียว เดี๋ยวจะไปมีอิหนู” เด็กน้อยกล่าวอย่างไร้เดียงสาเรียกเอาเสียงหัวเราะจากชายวัยกลางคนได้เป็นอย่างดี

             “ฮ่าๆ แม่เจ้านี่สอนอะไรแปลกๆอยู่เรื่อยเลย แล้วที่พูดมานี่รู้ความหมายมั้ยล่ะนั่น” ร่างสูงลุกขึ้นยืนเพื่อเดินไปหาลูกชายของตน

    เด็กน้อยเอียงคอจ้องผู้เป็นพ่อก่อนจะเอ่ย “ไม่รู้ครับ”

    “ไว้เจ้าโตกว่านี้เจ้าก็รู้เองล่ะ” ว่าพลางลูบหัวลูกชายไปพลาง

             ดวงตาสีฟ้าครามสองคู่ต่างจ้องมองกองไฟตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่ต่างกัน เด็กน้อยจ้องมองกองไฟตรงหน้าแล้วคิดว่าตนจะต้องโตเร็วๆให้ได้ด้วยความไร้เดียงสา ส่วนชายวัยกลางคนจ้องมองกองไฟด้วยอาการเหม่อลอย

     


             เลยเวลามาครึ่งค่อนคืน เด็กน้อยถูกส่งเข้านอนไปพร้อมกับสัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่จับได้ระหว่างทาง ร่างสูงนั่งเฝ้ายามดังเช่นทุกคืนที่ผ่านมา มันจะเป็นดังเช่นคืนก่อนๆหากไม่มีแขกยามวิกาลมา


    พรึ่บๆ พรึ่บๆ


             เสียงกระพือปีกอย่างเงียบเชียบบินเข้ามาใกล้ แต่ก็ไม่พ้นประสาทสัมผัสของชายวัยกลางคนที่ต้องฝึกฝนมานานเพื่อปกป้องชีวิตของตนเองและลูกน้อย มือหนาเตรียมร่ายเวทย์ มืออีกข้างคว้าท่อนไฟมาถือไว้ ดวงตาสีฟ้าครามส่องประกายวาวโรจน์อย่างเตรียมพร้อม

             “ใจคอเจ้าคิดจะยิงเวทย์ใส่ข้าเชียวหรือ สหาย” เสียงแหบแห้งดังขึ้นอย่างไร้ที่มา แต่เขารู้ดีว่าผู้ที่มาเป็นใคร ดวงตาสีฟ้าครามลดประกายลงพร้อมๆกับคลายเวทย์ที่ตนร่ายไว้ในใจ ท่าทีของชายวัยกลางคนดูผ่อนคลายลงมาก

             “ถ้าท่านไม่มาพบข้าเกือบสิบปีแล้วโผล่มาแบบปุบปับกว่านี้ละก็ ข้าสาบานว่าจะเอาทุกอย่างที่ข้าร่ำเรียนมาประเคนใส่ท่านทันทีเลยล่ะ ให้ตาย หัวใจจะวาย ลูกข้ากำลังหลับอยู่นะ” ชายวัยกลางคนอดบ่นออกมาไม่ได้

    “แหม คิดถึงข้าก็ไม่บอก” เสียงแหบเอ่ยอย่างหยอกล้อ

    “คิดถึงจนอยากจะฆ่าให้ตายเลยล่ะ” เขาบ่นอุบอิบ “มาทีไรมีงานให้ข้าทุกที”

    “งานน่ะใช่ แต่ไม่ใช่สำหรับเจ้า” ร่างเงาเดินออกมาจากความมืด

             หน้ากากแบบผู้สูงศักดิ์สีดำมืดไร้ประกายแม้จะส่องกระทบกับกองไฟ ปิดปังใบหน้าครึ่งบนจนมิด ดวงตาสีเงินยวงทอประกายอย่างจริงจัง ดวงหน้างามรับกับเส้นผมสีเงินเป็นประกาย เขาสงสัยมานานว่าบุคคลตรงหน้านี้เป็นเพศอะไรกันแน่ ดวงหน้างาม หากร่างสูงโปร่งภายใต้ผ้าคลุมนั่นกลับดูหนากว่าเขามากนัก แถมเสียงแหบแห้งนั่นก็เป็นสัญลักษณ์ว่าบุคคลผู้อยู่ตรงหน้าเขานี้มีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปี!!

    “จะกี่ทีกี่ทีข้าก็ไม่ชินกับร่างนี้ของท่านซักที”


    พรึ่บ!


             สิ้นเสียงคล้ายสะบัดผ้า แขกยามวิกาลก็กลายเป็นเพียงอีกาสีดำตัวหนึ่งเท่านั้น

             “ชินกับร่างนี้กว่า ว่างั้นเถอะ” เสียงดังขึ้นจากอีกาตัวนั้นทั้งที่ปากของมันไม่ขยับ ร่างตัวจ้อยกระพือปีกบินไปเกาะตรงเสาขอบเต็นท์

    “อืมๆ ต้องแบบนี้สิถึงจะสมเป็นท่านหน่อย อีกาผู้ส่งสาร

    “เข้าเรื่องเถอะ ข้าไม่ได้มีเวลาทั้งคืนมาให้เจ้าถอนหงอกหรอกนะ”

    “ยอมรับแล้วสินะว่าที่หัวเงินๆนั่นมันหงอกขาวชัดๆ”

    “หากเจ้าไม่หยุดพล่ามข้าจะฟ้องเมียเจ้าว่าเจ้าแอบไปมีอิหนูกี่คน”

    “..ข้าน้อยผิดไปแล้วขอรับท่าน”

    “......”


             ทั้งสองฝ่ายต่างเงียบ เสียงจิ้งหรีดเรไรร้องขับขานท่ามกลางพงไพรดังแทรกขึ้นมา น้ำค้างยามดึกที่ลงหนักกว่าเมื่อหัวค่ำมากนักทำให้อากาศยิ่งหนาวมากกว่าเดิม ดวงจันทร์ที่เคยสุกสกาวค้ำฟ้า บัดนี้ถูกเมฆหนามาบังไว้บางส่วน

             “เวลามาถึงแล้ว เจ้าเด็กเหลือขอ งานครั้งนี้หาใช่ของเจ้า แต่เป็นของลูกเจ้า” เสียงแหบแห้งดังจากอีกาผู้ส่งสาร

             “เขา....ยังไม่พร้อม” ราวกับโลกทั้งใบพังทลายเมื่อรู้ว่าดวงใจของเขากำลังจะไป ทำงาน ที่เขาเคยทำ เขารู้ดีว่ามันจะเป็นยังไง แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป จะมาตอนไหนก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ช่วงเวลาที่เมโลเดียจะครบรอบ1000ปีที่ก่อตั้งอาณาจักร

             “เจ้าก็จงทำให้เขาพร้อม ให้เขารู้เท่าที่เขาสามารถรู้ได้ ให้เขาทำ เท่าที่เขาสามารถทำได้ และ...”

    “อย่าให้เขารู้ว่าเขาเป็นใคร/อย่าให้เขารู้ว่าเขาเป็นใคร ....ข้ารู้” สองเสียงเอ่ยพร้อมกัน

             “ครั้งนี้ ข้าหวังว่ามันจะจบลงด้วยดี พันปีที่ผ่านมามันไม่ได้น่าอภิรมย์หรอกนะเจ้าหนู เมโลเดียเคยสงบสุขยังไง เจ้าจงจำไว้ให้ดี เมื่อเด็กน้อยของเจ้าพร้อมเมื่อไร เมโลเดียจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”

    “มันจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ย......ข้าหมายถึงผนึก”

             “จนกว่าจะถึงเวลา มันจะไม่เป็นอะไร” อีกาน้อยยกหัวขึ้นมองดวงจันทร์ ที่บัดนี้ถูกเมฆหมอกบดบังแสงไปซะหมด “จงเตรียมพร้อมให้ดี ครั้งนี้มีตัวแปรที่คาดไม่ถึงโผล่เข้ามาด้วย ทั้งฝั่งเรา และฝั่ง นาง

     


    เมโลเดีย แดนดินที่สงบสุขซะจนเขาเคยนึกหวาดกลัวว่ามันจะเป็นเช่นนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน

    กาลเวลาหมุนผ่านเลยไปพันกว่าปี มันก็ยังคงเป็นเช่นนั้นเสมอมาจนเขาคลายความกังวลลง

    แต่โชคชะตามักมาอย่างไม่คาดฝัน ท่ามกลางเปลือกนอกอันสงบสุข แต่เนื้อในเริ่มปริแตก

    ความสูญเสียเมื่อครั้งเก่าก่อนจะกลับมา

    ความเศร้าโศกที่กัดกินผู้คนกำลังจะคืนชีพ

    ครั้งนี้เขาไม่อาจเข้าร่วมในประวัติศาสตร์ แต่คนที่เข้าร่วมกลับเป็นลูกชายของเขา

     

     

    ประวัติศาสตร์เก่าก่อนที่เคยถูกบันทึกไว้กำลังหวนกลับมา

    บทละครชีวิตบทใหม่กำลังเริ่มบรรเลง

    หนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ที่ถูกเลือนหายจะกลับมาอีกครั้ง

    นักแสดงแห่งประวัติศาสตร์ทั้งแผ่นดินกำลังรออยู่

    ม่านละครบทใหม่เบิกขึ้นแล้ว

     

    ข้าจะรอชมอย่างใจจดใจจ่อนะเจ้าเด็กเหลือขอเบอร์สอง

     

    Melody ลำนำคีตกวี ภาค ปกรณัมผู้เฝ้าดู



    ทำไมเด็กดีลงนิยายยากกว่าเดิมอีกอ่ะ -.- แก้ในworldไม่พอ 

    ยังต้องมานั่งเคาะนั่งจัดฟ้อนต์ในเว็บอีก

    ไรเนี่ยยยยยย ตอนยาวๆไม่ต้องมานั่งเคาะมือหงิกเลยเหรอ?

    เอาเด็กดีแบบเดิมของข้าคืนมาาาาาาาาา!!!!!

    #ก็แค่เสียงบ่นของคนกากไอที U.U

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×