"ท่านแม่มาแล้ว"
หลี่เฉิน สังเกตุเห็นมารดาของตนเดินเข้ามายังหมู่บ้านแต่ไกล ก็รีบวิ่งไปต้อนรับนางอย่างรวดเร็ว แต่คราวนี้ตัวมันกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งเยาะ ๆ แทนเพราะมันกลัวว่าจะเป็นเหมือนกันกับคราวก่อน ตอนที่พรวดลุกขึ้นจากเตียงจนต้องตัวลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า นั่นเอง
"ท่านแม่ เป็นอย่างไรบ้างเหนื่อยไหม" หลี่เฉิน กล่าวถามนางด้วยความห่วงใย พร้อมกับช่วยแบกตะกล้าที่ใส่ผักไปขายยังตลาดในเมืองลิขิตฟ้า
"นิดหน่อยเอง พักเดี๋ยวเดียวก็หาย ว่าแต่เราเหอะ.....กินอะไรหรือยัง"
"ยังเลยครับท่านแม่ ข้าหิวมากเลย ท่านแม่ทำของอร่อย ๆ ให้ข้ากินหนอ่ยนะ ๆ ๆ "
"เจ้าละก็ อ้อนได้ตลอดเวลาเลยนะ "
"แฮ่ะ ๆ ๆ "
สองคนแม่ลูกเดินกลับบ้านไปพราง พูดคุยหยอกเย้ากันไปพราง เมื่อมาถึงบ้านแม่ของหลี่เฉินก็ทำกับข้าวให้ตัวมันได้กินสมใจและเมื่ออิ่มแล้ว หลี่เฉิน ก็ขอออกไปเดินเที่ยวเล่นข้างนอกหมู่บ้าน
"ท่านแม่ ข้าไปก่อนนะ"
"รีบกลับบ้านก่อนจะมืดนะลูก"
"ข้าทราบแล้วท่านแม่"
หลี่เฉิน เดินออกจากหมู่บ้าน ก็เดินเลี้ยวออกไปทางด้านข้างของหมู่บ้าน ซึ่งเป็นเขตเชิงเขาสูงชัน ซึ่งเมื่อ หลี่เฉิน เดินมาถึงก็มุ่งหน้าเดินขึ้นไปตามไหล่เขาทันที จุดหมายของเขาก็คือ น้ำตก ที่อยู่ช่วงกลางของเขาลูกนี้
"ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย แม้แต่นิดเดียว มันดีอย่างนี้นี่เอง การมีวรยุทธ"
เมื่อมาถึงบริเวณน้ำตก หลี่เฉิน ก็ถอดเสื้อผ้ากระโดดลงไปเล่นน้ำทันที
"ตูม ! "
"อ่าาาา ....โย้วว สดชื่นจริง ๆ "
เมื่อเล่นน้ำได้สักพักจนพอใจแล้ว หลี่เฉิน ก็กลับขึ้นมาจากน้ำ และหยิบเอาคัมภีร์เทวะออกมาอ่านท่องจำ แม้เนื้อหาในคัมภีร์มีไม่มากมายนักในตอนแรก แต่บัดนี้กลับแตกต่างออกไปจากเดิมนั่นก็คือ หน้ากระดาษเปล่า ๆ สิบกว่าหน้าที่เหลือนั้นได้ปรากฏตัวอักษรขึ้นมาเต็มทั้งสิบหน้า โดยที่ หลี่เฉิน นั้นไม่ได้รู้มาก่อนเลยว่า ก่อนหน้านี้นั้น มันเป็นเพียงกระดาษเปล่า ๆ
หลี่เฉิน เปิดอ่านจนหมดเล่ม ก็กลับไปเริ่มอ่านหน้าแรกใหม่อีกครั้ง ทำแบบนี้จนท่องจำได้หมดแล้ว หลี่เฉิน ก็เก็บไว้ในเสื้อจากนั้นก็เริ่ม ร่ายรำกระบวนท่าพื้นฐานจนครบทุกกระบวนท่า ซึ่งตัวมันในยามนี้มีสมาธิอยู่กับการร่ายรำกระบวนท่าจนเข้าสู่ภวังค์การฝึกยุทธ ซึ่งตัวมันในยามนี้ ไม่รับรู้เหตุการที่เกิดขึ้นรอบกายเลยแม้แต่น้อย มันเพียงร่ายรำกระบวนที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่อย่างนี้จนตะวันล่วงลับขอบฟ้าลง พร้อมกับการตื่นจากภวังค์การฝึกยุทธพอดี
"ฟู่ววว"
"มืดแล้วเหรอเนี่ยะ คงต้องรีบกลับบ้านแล้ว ป่านนี้ท่านแม่คงกำลังเป็นห่วงอยู่"
กล่าวจบ หลี่เฉิน ก็รีบวิ่งกลับบ้านด้วยความรวดเร็ว ซึ่งเมื่อออกมาจากบริเวณป่าแล้ว หลี่เฉิน ก็ต้องยืนตะลึงกับภาพของหมู่บ้านของมันนั้น บัดนี้ ได้กลายเป็นทะเลเพลิงไปแล้ว
"......"
"ท่านแม่" หลี่เฉิน ตะโกนเรียกหาแม่ของตนเองพร้อมกับกระโดดพุ่งไปยังบ้านของตนเองอย่างรวดเร็ว และเมื่อมาถึงมันก็ต้องทรุดเข่าลงกับพื้นอย่างแรง
"ท่านแม่ ลูกขอโทษ ใครช่างโหดเหี้ยมเยี่ยงนี้ มันเป็นใคร"
"ฮือ ๆ ๆ....อ๊ากกกกกกกกกกกกกก"
เสียงร้องไห้ของ หลี่เฉิน ดังก้องไปทั่วบริเวณที่เต็มไปด้วยทะเลเพลิง ที่บัดนี้ไม่มีใครเหลือรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว
"เป็นเพราะข้า มัวแต่ฝึกวิชาในคัมภีร์เทวะ บ้าบอนี่ ท่านแม่เลยต้องตาย ข้าไม่ต้องการมันอีกแล้ว"
หลี่เฉิน ล้วงเอาคัมภีร์เทวะออกมาแล้วขว้างใส่กองไฟที่กำลังลุกโชนตรงหน้าของตนเองทันที ตัวมันในตอนนี้ ได้ตัดสินใจแล้วว่า จะไม่ขอฝึกวิชาในคัมภีร์เล่มนี้อีกจึงได้เผาทิ้งไปเพราะมันคิดว่า สาเหตุที่มันมัวแต่ฝึกวิชาจนไม่ได้อยู่ช่วยเหลือแม่ของตนเอง ทำให้มันในยามนี้ รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
หลี่เฉิน นั่งคุกเข่าอยู่ตรงนี้ตลอดทั้งคืนจนเวลารุ่งเช้า ท้องฟ้าก็โปรยปรายเม็ดฝนลงมายังหมู่บ้านของมันที่บัดนี้ไม่มีเหลือแม้แต่หลังเดียว แต่ตัวหลี่เฉินกลับไม่ได้ลุกหนีไปจากจุดเดิมแม้แต่น้อย มันยังคงคุกเข่าอยู่ตรงนั้น จนเวลาใกล้เที่ยงวัน ฝนก็หยุดตก
"ท่านแม่ ลูกขอโทษ"
"ลูกขอโทษ"
"ลูกขอโทษ"
หลี่เฉิน กล่าวคำเดิม ๆ อยู่อย่างนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมา
.......................................
ณ เมืองลิขิตฟ้า
บนกำแพงสูงใหญ่ของเมืองลิขิตฟ้า มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังยืนมองทอดสายตาออกไปยังที่อยู่ของหมู่บ้านของ หลี่เฉิน ซึ่งคนกลุ่มนี้เฝ้ามองตั้งแต่เห็นมีกลุ่มควันไฟจนกระทั่งมอดดับลงไป
"พวกเจ้า พบเจอมันหรือไม่"
"ขออภัยท่านประมุข พวกเราค้นจนทั่วหมู่บ้านแล้ว ไม่พบเจอคัมภีร์เลยแม้แต่น้อย"
คนที่ถูกเรียกว่าประมุข หันหน้ามองไปยังชายแก่คนหนึ่ง ที่ตอนนี้กำลังสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
"ไหนเจ้าบอกว่า ของอยู่ที่เจ้าเด็กหนุ่มในหมู่บ้านแห่งนั้น "
"ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าพูดความจริง เด็กหนุ่มนั่น อยู่ที่หมู่บ้านหลังนั้นจริง ๆ"
"ไปแก้ตัวกับยมบาลเอาก็แล้วกัน"
พลึบ !! เมื่อบุคคลลึกลับได้ทะยานร่างหายลับไปกับความมืด ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่หัวของชายแก่นั้นได้หลุดออกจากบ่าทันที
"เก็บกวาดให้สะอาด แล้วตามกลับไปสำนัก"
"รับทราบ"
คนที่เป็นหัวหน้าสั่งการลูกน้อง จากนั้นก็พุ่งทะยานหายไปกับความืดทันที
................................................
ทางด้านหลี่เฉินที่ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ที่เดิมตลอดมาจนถึงตอนนี้ ก็ยังคงไม่ได้ลุกขึ้นยืนไปไหน จนกระทั่งรุ่งเช้าอีกวัน
หลี่เฉิน ลุกขึ้นไปโกยดินตรงบริเวณที่เคยเป็นบ้านของตนเอง ขึ้นเป็นกองดินขนาดย่อม จากนั้นก็เดินเลือกหาท่อนไม้มาปักไว้เป็นป้ายชื่อหลุมศพของมารดาตนเอง โดยที่ตัวมันใช้เลือดแทนหมึกในการเขียนชื่อป้านหลุ่มศพ
"ท่านแม่ ลูกอกตัญญู ชาติหน้าลูกจะขอเกิดมาเป็นลูกท่านอีกครั้ง และจะเป็นคนปกป้องท่านไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก"
หลังจากกล่าวจบ หลี่เฉิน ก็ก้มลงคำนับหลุ่มศพ แล้วจึงลุกขึ้นยืนและหันหลังเดินจากไป โดยที่ตัวมันเอง ก็ไม่รู้ว่าจะที่ไหน แต่ที่แน่ ๆ ทิศทางที่มันเดินไปนั้นไม่ใช่ทิศทางที่จะเข้าไปยังเมืองลิขิตฟ้า อย่างแน่นอน
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ไม่ค่อยสมหตุสมผลเลย ปุบปับแม่ตายในกองเพลิงซะงั้น จริงๆไม่น่าให้ท่านแม่ตายเลยอุตส่าห์เลี้ยงลูกโตมาอย่างยากลำบากขนาดนี้ อีกอย่างลูกยังไม่ได้บอกแม่เลยนะว่าฝึกยุทธได้ ยังไม่ได้ทำอะไรเพื่อแม่ หรือมีความสุขกับความสำเร็จของลูกเลย เฮ้อ มันรนทดไปไหม ร้อยวันพันปีไม่มีใครหาซื้อคัมภีร์เทวะ ไฉนมีคนมาถามหา พอไม่เจอเผาหมู่บ้านสังหารคน แถมยังสังหารคนขายหนังสือปิดปาก เอาน่าลองลุ้นตามต่อไปอีกตอน หุหุ