-...ใกล้ถึงขีดจำกัดของข้าแล้ว เฮือกก !...- หลี่เฉิน กระอักเลือดออกมาคำนึง ก่อนจะทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นอย่างหมดสภาพ
"เจ้านี่ แข็งแกร่งจริง ๆ"
หลี่เฉิน จ้องมองไปยังเสือโคร่งที่กำลังยืนหายใจหอบไม่ต่างกับตัวมันเช่นกัน ก่อนที่จะตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเพื่อสื่อสารกับเสือโคร่งตัวดังกล่าว
"เรามาจบการต่อสู้ครั้งนี้กันเถอะ"
ดูเหมือนว่าเสือโคร่งจะไม่เข้าใจคำพูดของ หลี่เฉิน สักเท่าไหร่ แต่จากการที่เห็น หลี่เฉิน ยันตัวลุกขึ้นมาและตั้งท่าเตรียมต่อสู้ มันก็พอจะเดาได้ว่า คำพูดเมื่อสักครู่นั้นหมายความว่าอย่างไร ตัวมันจึงได้พุ่งกระโดดเข้าโจมตี หลี่เฉิน อย่างรวดเร็ว
"จงตายไปซะ"
หลี่เฉินตะโกนพร้อมกับทะยานเข้าแลกหมัดกับเสือโคร่งอย่างบ้าคลั่งและเป็นอีกครั้ง ที่หลี่เฉิน มีไอปราณสีทองขอบสีฟ้า ห่อหุ้มร่างกายเช่นเดียวกันกับคราก่อน ตอนที่สู้กับ อสูรงูเกร็ดเงิน
-บูมมมมม ๆ ๆ ๆ ๆ-
แรงปะทะระหว่าง อสูรเสือโคร่งระดับปราณจักรพรรดิ กับ หลี่เฉิน ที่ตอนนี้พลังปราณเพิ่มสูงขึ้นเทียบเท่ากับผู้ฝึกฝนระดบปราณมหาราชนั้น ผลของมันได้สร้างแรงระเบิดออกไปโดยรอบ หลายครั้งติดต่อกัน เป็นวงกว้าง เศษดินเศษหินกระจัดกระจายขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงกว่า 5 เมตร ต้นไม้โดยรอบพังยับเยิน มีฝุ่นปกคลุมทั่วบริเวณการปะทะในรัศมีสิบเมตร โดยรอบ
และเมื่อฝุ่นได้จางหายไป เผยให้เห็นภาพของหลุมขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 เมตร มีก้นหลุมที่อยู่ลึกลงไปประมาณ 2 เมตร ที่ตอนนี้ได้มีร่างสองร่างนอนแน่นิ่ง ไม่ขยับเขยื้อนได้อีก หลี่เฉิน หมดสติทันทีหลังจากการปะทะอันรุนแรง ส่วนเสือโคร่งอยู่ในสภาพที่น่าเกลียดน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ร่างสัตว์อสูรระดับลมปราณจักรพรรดิที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษที่มันภูมิใจมาโดยตลอด บัดนี้กลับอยู่ในสภาพที่แหลกเละจากการโดนพลังปราณของหลี่เฉินแพร่ซึมเข้าไปยังเส้นปราณของมันและระเบิดออกมาอย่างรุนแรงจากข้างใน เป็นผลให้อวัยวะภายในและภายนอกต่าง ๆ กระจัดกระจายออกไปทั่วบริเวณภายในก้นหลุ่ม กลิ่นคาวเลือดลอยฟุ้งไปทั่ว
...........
"ที่นี่ที่ไหน ข้าตายแล้วอย่างนั้นรึ"
หลี่เฉิน ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ทันใดนั้นภาพรอบ ๆ ที่หลี่เฉินเห็นคือความมืดสนิทที่ล้อมรอบแสงสว่างอันน้อยนิดตรงจุดที่ตัวมันนอนอยู่ ทันใดนั้นเอง เขาก็มองเห็นภาพของชายหนุ่มสองคนที่มีใบหน้าคุ้นตาอย่างมากค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้นมา
"เป็นพวกท่านนั่นเอง...แต่ว่า ทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้ นึกว่าจิตวิญญาณพวกท่านแตกสลายไปในตอนนั้นแล้วเสียอีก" ที่แท้ภาพชายหนุ่มสองคนก็คือจอมยุทธ หมิงเทียน กับจอมยุทธ เหลาตง นั่นเอง
ไม่มีเสียงตอบกลับจากชายหนุ่มทั้งสอง แต่อย่างใด แต่หนึ่งในสองคนนั้น กลับก้าวมายังเบื้องหน้าของหลี่เฉิน แล้วก็ตั้งท่าคล้ายเตรียมจะฝึกร่ายรำกระบวนท่าของ วรยุทธ
"ท่าน หมิงเทียน ท่านจะสอนวรยุทธให้ข้าเหรอ"
ไม่มีเสียงตอบกลับแต่อย่างใด เขานิ่งอยู่ในท่าที่พื้นฐานการฝึกวรยุทธโดยไม่ขยับเขยื้อนใด ๆ หลี่เฉิน ที่เห็นว่า หมิงเทียน ไม่พูดด้วยก็รู้สึกเอะใจขึ้นมา จึงค่อย ๆ ยื่นมือเพื่อจะไปสัมผัสกับแขนของ หมิงเทียน
-วืดด-
ทันทีที่เขาคว้ามือลงตรงบริเวณแขนของ หมิงเทียน เขากลับคว้าได้เพียงอากาศเท่านั้น
"ข้าเข้าใจแล้ว นี่คงจะเป็นวรยุทธที่แท้จริงของคัมภีร์เทวะของพวกท่านทั้งสองนั่นเอง มิน่าถึงไม่เคยมีใครสามารถฝึกได้ในรอบหมื่นปีผ่านมา ฮ่า ๆ ๆ ช่างเข้าใจทำจริง ๆ"
ความจริงแล้ววรยุทธที่บันทึกใว้ในคัมภีร์เทวะ เป็นเพียงพื้นฐานทั่วๆ ไปสำหรับการเริ่มฝึกฝนวรยุทธ และเมื่อจิตวิญญาณทั้งสองได้เลือกหลี่เฉิน พวกเขาก็ใช้พลังสุดท้ายที่มีนั้น ใช้ไปกับการผนึกกระบวนท่าวรยุทธเอาใว้ในมิติเล็ก ๆ ในสมองของหลี่เฉินนั่นเอง แต่เนื่องจากที่ผ่านมา ตัวมันนั้น ไม่มีความคิดที่จะฝึกวรยุทธหลังจากที่บิดาและมารดาเสียชิวิต จึงไม่สามารถเปิดมิตินี้เข้ามาฝึกฝนได้ ตัวมันนั้น ได้แต่ฝึกฝนการโคจรลมปราณที่ได้ฝึกฝนมาก่อนหน้านี้เท่านั้น ไม่คิดอยากที่จะฝึกวรยุทธเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงจะแม้ว่าตัวมันมีความคิดที่จะเสาะหาตัวผู้ที่สังหารบิดาและมารดาของตนเอง แต่ก็ไม่ได้จิตใจที่แน่วแน่ในการจะฝึกวรยุทธแต่อย่างใด จนกระทั่งบัดนี้ ที่ตัวมันนั้น ได้เกิดมีจิตใจที่แน่วแน่ในการที่อยากจะฝึกวรยุทธ ภายหลังจากที่ได้ต่อสู้กับสัตว์อสูรในป่าอสูรบรรพกาล มิติดังกล่าวจึงได้เปิดออกและรับเอาจิตวิญญาณของ หลี่เฉิน เข้ามาฝึกฝน
"กระบวนที่ ๑ ฝ่ามือดาราคล้อยเงาสังหาร"
ทันใดนั้นเอง ภาพเงาของ หมิงเทียน ก็เอ่ยเสียงออกมา ทำลายบรรยากาศที่เงียบขึ้นมา และเริ่มร่ายรำกระบวนยุทธทันที หลี่เฉิน มองดูอย่างตั้งอกตั้งใจ พยายามจดจำให้ได้หมดทุกกระบวนท่า
.....
วิชาฝ่ามือดาราคล้อยเงาสังหาร
ฝ่ามือดาราคล้อยเงาสังหาร มีทั้งหมด 5 กระบวนท่า คือ
1.โยกย้ายดารา กระบวนที่ท่าที่ใช้สำหรับรับมือกับฝ่ายตรงข้ามที่จำนวนเยอะกว่า
2.ดาราคล้อย เป็นกระบวนท่าที่มีการเคลื่อนไหวโจมตีระยะประชิดตัว (จะใช้ควบคู่กับกระบวนท่าที่ 1)
3.มังกรธารา กระบวนท่านี้จะใช้โจมตีศัตรูโดยการ รวบรวมพลังปราณมาไว้ที่ฝ่ามือแล้วบีดอัดให้หนาแน่น จากนั้นจึงอัดกระแทกพลังปราณให้ออกไปด้วยความเร็วและรุนแรง ยิ่งรวบรวมพลังปราณไว้ที่ฝ่ามือและบีดอัดได้หนาแน่นเท่าไหร่ พลังการทำลายล้างก็จะมากเท่านั้น
4.เงาดาราสังหาร กระบวนท่านี้เป็นกระบวนท่าที่มีอนุภาพมากที่สุด ด้วยวิธีการรวบรวมลมปรารไว้ที่ฝ่ามือในลักษณะกระบี่ปราณขนาดยาวจากนั้นก็บีบอัดให้เล็กที่สุดบางที่สุด จนกคล้ายกับเส้นเอ็นโปร่งใสขนาดเท่าเข็ม เมื่อฟาดฟันมันออกไป สามารถตัดผ่าก้อนหินขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย มิต่างจากการตัดก้อนเต้าหู้
5.ดาราคล้อยอัสนีบาต กระบวนท่านี้ใช้สำหรับการโจมตีในวงกว้าง โดยวิธีการ กระจายพลังปราณด้วยพลังหยินหรือหยางก็ได้ แล้วบีบอัดให้อยู่ภายในวงจำกัดตามต้องการ จนเกิดเป็นลูกไฟหรือก้อนน้ำแข็งที่แหลมคม จากนั้นก็ขว้างใส่ศัตรูด้วยความเร็วสูงสุด จนกลายเป็นฝนดาวตกที่ทำลายล้างได้เป็นวงกว้าง
.....................................................
หลังจาก หมิงเทียนแสดงวรยุทธเสร็จสิ้นภาพของเขาก็ค่อย ๆ จางหายไป และชายหนุ่มอีกคนที่มีนามว่า เหลาตง ก้าวเท้าเข้า ตั้งกระบวนท่าต่อทันที พร้อมกับกระบี่ในมือ หนึ่งเล่ม
"วิชากระบี่เงาเทวะ" กล่าวจบภาพของ เหลาตง ก็เริ่มร่ายรำวิชากระบี่ทันที ซึ่งมีทั้งสิ้น 3 กระบวนท่าเช่นกัน
1.กระบวนท่าดารารัติกาล เป็นกระบวนท่าโจมตีที่ทรงพลัง รวดเร็ว รุนแรง เฉกเช่นดวงดาราที่แผ่พุ่งลงจากท้องฟ้าในยามรัติกาล ที่ศัตรูมองเห็นการเคลื่อนไหวของกระบี่ในช่วงต้นและจะสูญหายจากสายตาภายในพริบตาและโผล่ปรากฏอีกทีเมื่อคมกระบี่กำลังจะเชือดเฉือนเข้ากับร่างกายของศัตรู
2.กระบวนท่ามังกรเวหา เป็นกระบวนท่ามีการโจมตี รับ หลบหลีก ด้วยความว่องไว การเคลื่อนไหวเฉกเช่นกับ มังกร ที่กำลังแหวกว่ายกลางเวหา ที่ดูแล้วสวยงามยิ่งนัก แต่หากเข้าใกล้ อันตรายอาจถึงชีวิต
3.กระบวนท่าเงาเทวะสังหาร กระบวนท่านี้ เป็นเค้นพลังปราณมาใช้อย่างมหาศาล จนพลังปราณเอ่อล้นออกมาเป็นออร่าสีทองขอบปราณสีฟ้า และเคลื่อนท่าด้วยความรวดเร็วจนศัตรูมองเป็นเป็นภาพเงาติดตา ทุกย่างก้าวทุกการฟันกระบี่ลงไป สามารถตัดต้นไม้ได้โดยไม่เห็นร่องรอยของการตัด จนกว่าต้นไม้ต้นนั้นจะเริ่มเอนเอียงจึงจะปรากฏร่องรอยการตัด
แล้วก็เป็นเช่นเดิม เหลาตง เมื่อร่ายรำวิชากระบี่จบลงไป ภาพของเขาก็ค่อย ๆ จางหายไป เมื่อเหลือเพียงตัวคนเดียว หลี่เฉิน ก็เริ่มฝึกฝนทันที เนื่องจากตัวมันเอง กลัวว่าจะหลงลืม เพราะในตอนนี้ มันสามารถจดจำได้ทุกกระบวนท่า ทั้งวิชาฝ่ามือและวิชากระบี่ หากมันไม่รีบฝึกฝนเกรงว่าไม่ช้ามันคงจะหลงลืมไปจนหมดสิ้น
หลี่เฉิน ฝึกวรยุทธในห้วงมิติของตนเองจนสามารถทำได้ทุกกระบวนท่า อย่างคล่องแคล่ว พอจบท่าสุดท้าย ภาพของเขาก็ค่อยจางหายไปเช่นกัน เป็นเวลาเดียวกันกับที่ตัวของเขาในโลกปัจจุบัน ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากหมดสติไปเกือบ 1 ชั่วยาม
......................................
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
คือถ้ามีเงาให้มองเห็นแปลว่ามันช้าลงแล้วมือกระบี่สติดีๆที่ไหนจะมามืออ่อนตอนนั้น