ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องแปลกเเต่จริง

    ลำดับตอนที่ #3 : 10อันดับสัตว์ที่ไม่น่ามีอยุ่ในโลก

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 53


    ไม่น่าเชื่อเลยว่าสัตว์ในอันดับต่อไปนี้จะมีอยู่จริงบนโลกของเรา เพราะรูปร่างของมันทั้งประหลาด น่ารัก น่าพิศวง ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน และนี้คือ 10 สัตว์พิศวงที่ไม่เชื่อว่ามันมีอยู่บนโลกของเรา





    อันดับ 10 Angora Rabbit


    กระต่ายพันธุ์ แองโกล่า ( Angora Rabbit ) เป็นกระต่ายขนยาวที่สุดในโลก ขนมีลักษณะอ่อนนุ่ม มีถิ่นกำเนิดมาจาก เมืองแองโกล่า ( Ankara ) ประเทศตรุกี ( Turkey ) เช่นเดียวแมงแองโกล่า, แพะแองโกล่า เป็นที่นิยมในประเทศฝรั่งเศสในยุคกลาง ปี ค.ศ.1700 และเข้ามาในอเมริกาประมาณปี 1900 กระต่ายแองโกล่าแบ่งออกได้เป็น 5 สายพันธุกระต่าย แองโกล่า สายพันธุ์อังกฤษ, กระต่ายแองโกล่า สายพันธุ์ฝรั่งเศส,กระต่ายแองโกล่า สายพันธุ์ไจแอนท์, กระต่ายแองโกล่า สายพันธุ์ซาติน นอกจากนี้ยังมีการแตกสายพันธุ์อีกมากมาย เช่น จีน, สวิส, ฟินแลนด์ กระต่ายพันธุ์แองโกล่าเหล่านี้ล้วนมีมีขนาดเล็กมาก อายุเฉลี่ย 5-7 ปี ต้องเลี้ยงในบ้านและดูแลอย่างดีและอ่อนโยนเพราะอายุไขสั้นอีกทั้งขนยาวถ้า ไม่ดีอาจรุงรัง ตอนนี้ยังไม่พบว่ามีขายทั่วไปในเมืองไทย



    อันดับ 9 Dumbo Octopus


    ปลาหมึก ดัมโบ้ หรือ Grimpoteuthis เป็นปลาหมึกน้ำลึกขนาดเล็กมากมีขนาดเมื่อโตเต็มวัย ประมาณ 20 เซนติเมตร มีร่างกายอ่อนนุ่ม และกึ่งโปล่งใมีลักษณะคลีบที่เหมือนใบหูใหญ่บนหัว (แต่ความจริง เป็นลำตัวไม่ใช่หัว) ทำให้ดูเหมือนตัวการ์ตูนช้างดัมโบ้จากจากการ์ตูนดังของดีสนีย์ (Walt Disney’s) คลีบใหญ่นี้มีประโยชน์ในการช่วยว่ายน้ำ การเคลื่อนที่ โดยใช้ครีบ และขยับหนวด ดันน้ำเข้าสู่ช่องดูดน้ำ เพื่อผลักดันน้ำออกมาเป็นไอพ่น พวกมันสามารถว่ายน้ำลอยขึ้นเหนือท้องทะเลได้เล็กน้อยเพื่อมองหาเหยื่อ จำพวก หอยทาก หนอน อื่นๆ สามารถค้นพบได้ทุกมหาสมุทรความลึกที่พบ ปลาหมึก ดัมโบ ประมาณ 100 - 5000 เมตร และเคยมีการค้นพบที่ความลึก 7000 เมตร



    อันดับ 8 Star Nosed Mole


    ตุ่นจมูกดาว เจ้าตุ่นชนิดมีหน้าตาแปลกประหลาด โดยลักษณะของจมูกที่บานออกเป็นแฉก ๆ คล้ายดาวซึ่งจมูกนี้มีหนวดรับสัมผัส (fleshy tentacles) ถึง 22 เส้นอยู่รอบรูจมูก ซึ่งปลายสัมผัสที่ "จมูก" รึ "ดาว" ของมันมีมากมายราวหนึ่งแสนจุดเลยทีเดียว ตุ่นจมูกดาว อาศัยอยู่ในบริเวณที่ราบลุ่มชื้น ทางเขตตอนเหนือของอเมริกา ตะวันออกของแคนนาดา ตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ รวมทั้งชายทะเลที่ไกลออกไปถึงตะวันออกเฉียงใต้ของจอร์เจียเมื่อโตเต็มวัยมัน มีความยาว ประมาณ 15 ถึง 20 เซนติเมตร หนักประมาณ 55 กรัม มีฟัน 44 ซี หากินด้วยการใช้กรงเล็บอันทรงพลังในการขุดคุ้ยดินลงในพื้นที่ชุมน้ำหรือ ตะกอนลำธาร หนวดอันมากมายรอบจมูกของมันจะคอยสอดส่องหาบรรดาเหยื่อ ไม่ว่าจะเป็น สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังตัวเล็กๆ ตัวอ่อน หนอน สัตว์จำพวกหอยและปลาหมึก รวมทั้งแมลงในน้ำ ประสาทรับสัมผัสอันว่องไวของเจ้าตุ่นตัวนี้ พิสูจน์ได้จากการที่มันสามารถจับเหยื่อเพื่อเขมือบลงท้องได้ในเวลาเพียง 120 มิลลิวินาที (และนี่ก็คือสถิติความเร็วสูงสุดในการระบุตำแหน่งและจัดการกับเหยื่อเคราะห์ ร้าย ไม่เพียงแต่บนบก ตุ่นจมูกดาวยังเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่สามารถดมกลิ่นใต้น้ำได้อีก ด้วย และด้วยความสามารถนี้เอง ทำให้มันครองตำแหน่งร่วมทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่กินเร็วที่สุดโลก, สัตว์ที่ว่องไวที่สุดในโลกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมชนิดแรกที่ดมกลิ่นหาเหยื่อใต้น้ำได้



    อันดับ 7 Narwhal


    นาร์วอลนั้นเป็นชื่อในภาษาเดนมาร์ก หมายถึงซากศพ (corpse whale) และหมายถึงวาฬสีเทาพันธุ์ที่มีลายจุดที่เห็นชัดเจน มีอายุยืนประมาณ 35 ปี พวกมันจะใช้ชีวิตในช่วงฤดูร้อนตามอ่าวแถบไฮอาร์กติกในประเทศแคนาดาและ กรีนแลนด์ ในฤดูหนาวนั้นเผ่าพันธุ์วาฬนาร์วอลซึ่งมีจำนวนกว่าห้าหมื่นตัวจะเดินทางไป ทางใต้ราว 1,400-2,000 กิโลเมตร เป็นระยะเวลาหกเดือนเพื่อใช้ชีวิตอยู่ในน้ำแข็งทึบที่อ่าวบัฟฟินและช่องแคบ เดวิส (บริเวณเกาะกรีนแลนด์-กองบ.ก.) โดยทั่วไปวาฬนาร์วอลจะเดินทางเป็นฝูงตั้งแต่ 15-30 ตัว แต่ก็มีผู้เคยสังเกตพบว่ามีวาฬจำนวน 1,000-2,000 ตัวที่อพยพมาพร้อมกันในช่วงฤดูร้อนคราวหนึ่ง



    วาฬนาร์วอลเป็นวาฬที่มีขนาดเล็กกว่าพันธุ์อื่นๆ โตเต็มที่จะมีขนาด ความยาวประมาณ 4-5 เมตร ตัวผู้มีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 1,200 กิโลกรัม ตัวเมียประมาณ 800 กิโลกรัม แต่มันเป็นวาฬชนิดเดียวที่มีเขี้ยวยาว เขี้ยวนี้เป็นฟันที่งอกออกมาจากขากรรไกรด้านบนผ่านมาทางริม ฝีปาก และมีลักษณะเป็นเกลียว คล้ายกับงาช้างที่พันเป็นเกลียวเหมือนเปียและมีปลายแหลม ส่วนใหญ่จะพบในตัวผู้ พ่อค้าชาวไวกิ้งในศตวรรษที่ 10 จะ ขายเขี้ยวของมันให้กับชาวต่างประเทศ โดยอ้างว่าเป็นเขี้ยวของตัวยูนิคอร์น ส่วนชาวยุโรปในยุคกลางเชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีอำนาจมนต์ขลัง



    อันดับ 6 Naked Mole Rats


    ตุ่น หนูไร้ขน เป็นสัตว์ไร้ขนเนื่องจากมันอาศัยอยู่ใต้ดินตลอดชีวิตเลยไม่จำเป็นต้องมีขน มากมาย มีผิวสีชมพู มีรอยเหี่ยวย่น อยู่อาศัยใต้พื้นดินเป็นกลุ่มมีนางพญาเป็นศูนย์กลาง แบ่งหน้าที่เหมือนแมลง โดยการขุดอุโมงค์โดยใช้ฟันหน้า คล้ายกับพวกตัวตุ่น และมีผิวหนัง หาง คล้าย หนูแต่ตามความแล้วมันอยู่ในตระกูลเม่น ( Porcupin ) , กระรอก , หนูตะเภา เป็นยอดนักขุดที่สามารถขุดผ่านคอนกรีตได้ มีอุโมงค์ใต้ดินกินอาณาบริเวณมากถึง 6 สนาม ฟุตบอล พื้นใต้ดินจะถูกเชื่อมโยงด้วยโครงข่ายอุโมงค์ มีหลายห้อง มีทั้งห้องเก็บอาหาร ห้องห้องนอน ห้องขับถ่าย ห้องเลี้ยงลูกอ่อนและมีนางพญาอยู่ร่วมกับลูกอ่อน สัตว์ชนิดนี้พบในทุ่งหญ้าเขตร้อยของแอฟริกาตะวันออก,ภายใต้ เช่นเอธิโอเปีย, เคนยา และโซมาเลีย



    อันดับ 5 African Pygmy Hedgehog


    หรือเม่นจิ๋ว สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กที่มีหนามแหลมทั่วลำตัว ถิ่น กำเนิดดั้งเดิม อยู่ในเขตร้อนเช่นแอฟริกา เอเซีย ใกล้เส้นศูนย์สูตร เป็นสัตว์ที่หากิน ในเวลากลางคืน ชอบเดินหากินไส้เดือน หนอน มดและแมลงต่าง ๆ ส่วนในตอนกลางวัน มักหลับนอน ตามโพรงไม้ หรืออุโมงค์ดิน ที่ขุดขึ้นมาเอง มีนิสัยรักสงบ รักสันโดษ เวลาตกใจ มักม้วนตัวเป็นก้อนกลม คล้ายลูกบอลหนาม หนามของเม่นแคระ ไม่ได้แหลมคมมาก ที่สำคัญ เม่นแคระเป็นเม่นชนิดเดียวในโลกที่ไม่สามารถสลัดขนที่หลังได้ ปัจจุบันเม่นแคระสามารถเพาะขยายพันธุ์ จนกลายเป็นสัตว์เลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเลี้ยงง่าย ซึ่งเม่นแคระที่เกิดในกรงเลี้ยง นิสัยบางอย่างของสัตว์ป่าก็จะขาดหายไป เช่น เม่นแคระบางตัวก็กินอาหารในเวลากลางวัน(มันเป็นสัตว์หากินในเวลากลางคืน) ชอบวิ่งวงล้อคล้ายกับหนูแฮมสเตอร์ ชอบอาบน้ำอุ่น ชอบให้คนจับอุ้มเล่น เวลาตกใจไม่ทำตัวกลม เป็นลูกบอลหนาม แต่ทว่ากลับวิ่งหนีแทน เป็นต้น



    อันดับ 4 Silky Anteater


    ตัวกินมดแคระมีถิ่นที่อยู่อาศัยที่ป่าดิบชื้นที่ทวีปอเมริกากลางและอเมริกา ใต้ เช่น ประเทศบราซิล และเม็กซิโก เป็นต้น มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cyclopes didactylus เป็นตัวกินมดที่มีขนาดเล็กที่สุดมีความสูงเพียง 30 - 40 เซนติเมตร น้ำหนักเพียง 200 - 500 กรัม มีอายุเฉลี่ยแค่ 2 ปี ตัว มีขนสีน้ำตาลทองจมูกสั้น มีหางยาวและแข็งแรงไว้สำหรับพันกิ่งไม้เพื่อปืนปายอย่างง่ายดาย(พวกมันชอบ อาศัยอยู่บนต้นนุ่นมาก) มันมีกรงเล็บเท้าหน้าที่แข็งแรงมาก เพื่อเกาะต้นไม้และป้องกันตัวจากศัตรู ตัวกินหมดแคระมีสายตาไม่ดี แต่มีประสาทการดมกลิ่นและการได้ยินที่ดีมาทดแทน ในช่วงเวลากลางคืน ตัวกินมดแคระจะนอนหลับอยู่บนต้นไม้ และออกหากินเวลากลางคืนในหนึ่งคืนมันจะกินมดมากกว่า 8,000 ตัว โดยแลบลิ้นที่ยาวและมีสารเหนียวเข้าในรังมด เจ้ามดโชคร้ายจะติดสารเหนียวๆ ของลิ้นตัวกินมดแคระออกมา หากมันหามดกินไม่ได้ บางครั้งก็จะกินแมลงอื่นๆ เช่น เต่าทอง เป็นสัตว์รักสันโดษชอบอยู่เพียงลำพังหรือไม่ก็อยู่กับคู่ของมันเท่านั้น มันจะผสมพันธุ์ในช่วงฤดูร้อนและตั้งท้องนาน 5-6 เดือน และเลี้ยงดูลูกอยู่ในรังบนโพรงต้นไม้ จนกระทั่งอายุ 9 เดือน ลูกตัวกินมดแคระก็จะแยกตัวออกจากพ่อแม่ และหากินเองตามลำพัง ปัจจุบันเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ทำให้เราพบเห็นตัวมันน้อยมาก



    อันดับ 3 Sea Pig


    หมูทะเลหรือแตงกวาทะเล มีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Scotoplanes พบได้ตามพื้นมหาสมุทรแปซิฟิก , มหาสมุทรแอตแลนติก และมหาสมุทรอินเดีย ที่ความลึกมากกว่า 1,000 เมตร เป็นสัตว์ในตระกูล ปลิงทะเล(sea cucumber) ที่มีลักษณะอ้วนกลม ผิวสีชมพู มีปากที่คล้ายจมูกหมู มีระยางที่อยู่บริเวณส่วนท้อง ที่ทำหน้าที่คล้ายขา ใช้ในการคลานบนพื้น สามารถฟองตัวให้ใหญ่ขึ้น จนกลม คล้ายหมู จึงทำให้เป็นที่มาของ หมูทะเล(Sea Pig) อาหารที่มันกินส่วนใหญ่จะเป็นพวกเศษซากพืช ซากสัตว์ ที่ปะปนอยู่ในโคลนของพื้นทะเล



    อันดับ 2 Glass Squid


    หมึกแก้ว หรือ Cranchiidae เป็น ปลาหมึก ตาโตขนาดใหญ่และลักษณะของตาจะแตกต่างกันออไปแล้วแต่ชนิดของมัน รูปร่างบวมกลมยาวเหมือนซิการ์ หนวดเล็ก ขนาดตั้งแต่ 10 เซนติเมตรไปจนถึง 3 เมตร จุดเด่นคือตัวมันใสมากๆ จนเห็นภายในเลยก็ว่าได้ ทำให้มันสามารถพรางตาหลบสัตรูหรือหาอาหารก็ได้ พบอยู่ในทะเลลึกเกือบทั่วโลก อาหารของมันคือแพลงก์ตอน



    อันดับ 1 Pacific barreleye fish


    ปลาบาร์เริลอายแปซิฟิก (Pacific barreleye fish) หรือ (Macropinna microstoma) พบในในน้ำลึกมากกว่า 2000 ฟุต ( 600 เมตร ) บริเวณเขตน่านน้ำ แคริฟอร์เนียกลาง ( California's central coast )บริเวณที่แสงอาทิตย์ส่องลงไปไม่ถึง มีหัวเป็นโดมโปร่งใสมีขนาดลำตัวยาวประมาณ 6 นิ้ว ( 15 เซ็นติเมตร ) บริเวณส่วนหน้าที่เห็น 2 จุดเล็กนั้นไม่ใช่ตาแต่เป็น อวัยวะรับกลิ่น จุดเด่นคือส่วนหัวด้านบนที่โปร่งแสงจนเห็นอวัยวะภายในคล้ายช่องคนขับเครื่อง บินรบ ( fighter-plane cockpit ) ส่วนลำตัวนั้นไม่โปร่ง พวก มันกินปลาตัวเล็กๆ รวมทั้งแพลงตอนเป็นอาหาร และเนื่องจากปลาชนิดนี้มีลำตัวสีดำ แถมยังสามารถลอยนิ่งๆ ใต้ท้องทะเลอันมืดมิด ทำให้บางครั้งเหยื่อไม่ทันสังเกต จึงตกเป็นอาหารอันโอชะของพวกมันได้อย่างง่ายดาย อย่าง ไรก็ดี บริเวณส่วนหัวที่โปร่งใสของปลาชนิดนี้ เต็มไปด้วยของเหลวใสและเป็นอะไรที่เปราะบางมาก ด้วยเหตุนี้เวลาที่นักวิจัยพยายามใช้แหจับพวกมันขึ้นมาศึกษา ส่วนหัวของพวกมันจึงมักถูกทำลายก่อน และเมื่อไหร่ก็ตามที่หัวใสๆ ของมันถูกทำลายหรือแตกออก ดวงตาของพวกมันก็จะทะลักออกมาตามแรงดันของน้ำลึก และทำให้พวกมันตายในที่สุด….ด้วยเหตุนี้ ในอดีตที่ผ่านมาจึงยังไม่เคยมีนักวิจัยคนไหน จับปลาชนิดนี้เพื่อศึกษาแบบละเอียดได้เลย



    เครดิต Mthai
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×