ลำดับตอนที่ #23
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : สุดยอดภาพถ่ายสัตว์ลึกลับ
อันดับ 20
ถ่ายที่ Loch Ness วันที่ 21 พฤษภาคม 1977
รูปนี้ถ่ายโดย Shiels ที่เขาหยิบกล้องถ่ายรูปในที่ขณะที่ตั้งแคมป์บริเวณทะเลสาบ Loch Ness จากนั้นเขาก็เห็น Nessie โผล่หัวมาอย่างชัดเจน ด้วยสะดุ้งตกใจและตื่นเต้นเลยถ่ายรูปมันได้ ก่อนที่มันก็หายไป จากนั้นภาพถ่ายนี้ก็เป็นที่รู้จักแพร่หลายแก่สาธารณะในฐานะเป็นภาพถ่ายที่ใสที่สุดชัดเจนที่สุดของ Nessie ก็ว่าได้ แน่นอนภาพนี้ก็ให้ผู้เชี่ยวชาญดูตามระเบียบ แต่ไม่สามารถระบุได้ บางคนก็ว่ามันเหมือนนากมากกว่า(นากบ้านไหนคอยาวขนาดนี้ฟ่ะ)บางคนก็ว่า Shiels เป็นคนลวงโลกและมีเทคนิคถ่ายภาพเก่งซะด้วย แต่ถึงอย่างไรถ่ายนี้ทำมีส่วนให้เกิดธุรกิจผู้ล่าสัตว์ประหลาด ตามล่าหา Loch Ness ในเวลาต่อมา
(http://en.wikipedia.org/wiki/Loch_Ness_Monster)
อันดับ 19
ถ่ายที่?? 7 สิงหาคม 1972
มีการค้นพบ Nessie โดยคณะของดอกเตอร์ Robert Rines ของสถาบันวิทยาศาสตร์ ได้ใช้กล้องถ่ายรูปถ่ายใต้น้ำซึ่งถ่ายจากระยะไกล ผลคือสิ่งที่ปรากฏคือครีบกว้างของสัตว์ที่ชนิดหนึ่ง ที่บ่งบอกไม่ได้ว่าเป็นของแมวน้ำหรือปลาวาฬ หรือสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์พันธุ์ใหม่ที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อน ซึ่งภาพค่อนข้างใสและชัดเจนพอสมควร และภาพนี้ก็เผยแสดงที่สาธารณะในเวลาต่อมา
ภาพนี้ถึงขั้นให้ NASA มาตรวจสอบด้วยซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ขยายรูปภาพให้เด่นชัด และสถาบันทีมวิทยาศาสตร์มาช่วยดู ผลสุดท้ายสรุปได้ว่าเป็นภาพถ่ายครีบกว้างของแมวน้ำ(แมวน้ำบ้านไหนครีบแบบนี้เนี้ย) หรือปลาวาฬมากกว่าจะเป็น Nessie
(http://www.youtube.com)
อันดับ 18
ถ่ายที่ทะเลสาป Loch Ness ปี ค.ศ.1972
รูปถ่ายวีดีโอ Nessie โดยคนถ่ายอยู่ระหว่างการเดินทางใต้น้ำโดยเรือดำน้ำ
(http://paranormal.about.com)
อันดับ 17
ถ่ายที่ทะเลสาป Loch Ness ปี ค.ศ.1972
ไม่ทราบตัวผู้ถ่าย ภาพถ่าย Nessie เป็นรูปของสัตว์ประหลาดที่กำลังเคลื่อนที่ไปยังเหนือผิวน้ำ และปากของมันเปิด และภาพนี้ยังไม่มีการพิสูจน์ว่ามันเป็นของจริงหรือของปลอม
http://paranormal.about.com)
อันดับ 16
ถ่ายที่ทะเลสาป Loch Ness ปี ค.ศ. 1970
ภาพนี้ถ่ายโดย Searle อดีตกัปตันกองทัพเรือ เขาถึงขั้นปลักหลักอาศัยอยู่ใน Loch Ness หวังจะเห็นNessie และก็ได้เห็นสมใจ เขาถ่ายรูปของมันเพียบ แต่ภาพถ่ายจำนวนมากมายNessie ส่วนมากมักถูกผู้เชี่ยวชาญสับวิจารณ์แหลกว่าเป็นของปลอม จนกระทั้ง ภาพถ่ายล่าสุดของเขา รูปสัคตว์คอยาวกำลังจะดำน้ำ ซึ่งรูปนี้นักวิจารณ์ไม่สามารถถูกพิสูจน์ว่าเป็น Nessie ตัวจริงหรือไม่(หลายคนบอกว่ามันเหมือนลำต้นต้นไม้ที่ลอยมากกว่า) อย่างไรก็ตาม Searle ก็มีชื่อเสียงในฐานะคนถ่ายรูป Nessie มากที่สุดในโลก เขาตาย ใน ปี 2005
(http://www.scotland-calling.com/loch-ness-monster.htm)
อันดับ 15
ถ่ายที่ทะเลสาป Loch Ness ปี ค.ศ. 1960,
วิศวกร aeronautical Tim Dinsdale ได้ใช้กล้องขาวดับจับภาพสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่เคลื่อนไหวบนผิวน้ำอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่ามันเหมือนเรือบดมากกว่า แต่มีบางคนเถียงว่านี้ไม่ใช้เรือบด เพราะเรือบดที่ไหนจะไม่เร็วและเคลื่อนไหวได้สลับซับซ้อนขนาดนี้
http://en.wikipedia.org/wiki/Loch_Ness_Monster)
อันดับ 14
ถ่ายที่ทะเลสาบ lochวันที่ 29 กรกฎาคมภาพ ปี ค.ศ. 1993
ถ่ายโดย MacNab ผู้จัดการธนาคารค่อยๆหายไป ที่จับภาพถ่ายของบางสิ่งการเคลื่อนย้ายผ่านน้ำของ loch ใกล้ปราสาท Urquhart ซึ่งต่อมารูปถ่าย MacNab ก็กลายเป็นภาพถ่ายสัตว์ประหลาดในทะเลสาบที่ใช้เทคนิคซับซ้อนแต่งภาพมากที่สุด(ในสมัยนั้น) โดยภาพนี้ได้ให้ผู้วิจัย Roy Mackal ดู เขาค้นพบความแตกต่างว่ารูปภาพมีรอยลบของภาพ และมีการ ปริ้นให้เป็นรูปใหม่ลงบนภาพ แต่กระนั้นก็ไม่มีหลักฐานมากพอที่จะสรุปได้ว่าภาพของ MacNab เป็นของจริงหรือของปลอม
http://www.scotland-calling.com/loch-ness-monster.htm)
อันดับ 13
ถ่ายที่ทะเลสาบ Stuart วันที่ 14 กรกฎาคม 1951
Lachlan Stuart เจ้าหน้าป่าไม้ ถ่ายรูปสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่กำลังพ้นผิวน้ำด้วยอาการตื่นเต้นตกใจ ในบริเวณเขตน้ำตื้นบริเวณชายหาด ซึ่งดูจากภาพจะแตกต่างจาก Nessie แห่งทะเลสาบ Loch Ness มาก เพราะสัตว์ประหลาดของ Lachlan Stuart มีรูปร่างแบนยาวๆ ซึ่งภาพนี้โดนสับและโดย ในหนังสือของ Richard fiere จนกระทั้ง Stuart ออกมาสารภาพว่ารูปนี้เป็นรูปเขาเมคขึ้นซึ่งตัวสัตว์ประหลาดทำจากหญ้าแห้งสำหรับให้สัตว์กินปกปิดด้วยผ้าชุบน้ำมันมามัดห่อจนเป็นรูปร่างอย่างที่เห็นในภาพ ซึ่งกว่าที่เขาจะสารภาพก็ปาไปสิบกว่าปี จนคนอื่นเชื่อว่าภาพนี้เป็นของจริงไปแล้วหลายราย
(http://www.scotland-calling.com/loch-ness-monster.htm)
อันดับ 12
ถ่ายที่ทะเลสาบ Loch Ness วันที่19เมษายน1934
ภาพถ่ายนี้คือมีชื่อเสียงที่สุดของ Nessie อีกทั้งมันเป็นของปลอมอีกด้วย เมื่อคนถ่ายภาพนี้คือ นายพัน Robert Wilson Christain (90) สารภาพก่อนสิ้นใจเพราะโรคร้ายใน ปี ค.ศ.1993 ว่าเขาใช้เรือดำน้ำของเล่น และเอาหัว Nessie ปลอมซึ่งทำจากส้นรองเท้าของลูกชายเขา มาสวม และเอาไปว่ายในทะเลสาบจากนั้นก็ถ่ายรูปดังกล่าว
(http://www.scotland-calling.com/loch-ness-monster.htm)
อันดับ 11
ถ่ายที่ทะเลสาบ Loch Ness วันที่ 12 พฤศจิกายน 1933
ถ่ายโดย Hugh ในขณะที่เขากำลังเดินหลังจากโบสถ์ซึ่งตอนนั้นหมอกลงมา จากนั้นเขาก็พลันเห็น วัตถุมีชีวิตหนึ่งความกว้างยาวค่อนข้างใหญ่? กำลังเล่นน้ำ กับกับหมอกในทะเลสาบ โชคดีเขามีกล้องถ่ายรูป จากนั้นก็เริ่มจับถ่ายสิ่งที่เขาพบ ซึ่งรูปถ่าย Nessie รูปนี้ ถูกกล่าวขวัญอย่างมากในฐานะหลักฐานแห่งการถ่ายรูปสัตว์ประหลาด Nessie รูปแรกของโลก
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญออกความเห็นว่า รูปนี้มันดูเหมือนภาพถ่ายของสุนัขที่กำลังบิดเบี้ยว คาบไม้และว่ายน้ำมากกว่า (หมาบ้านไหนมันเล่นน้ำตอนอากาศหนาวฟ่ะ
อันดับ 10
ถ่ายที่ทะเลสาบ Okanagan-Ogopogo-This
เป็นภาพถ่ายภาพยนตร์ของ Edward Fletcher โดยรูปเป็นสัตว์ขนาดใหญ่เหมือนงูกำลังว่ายเลื้อยไปมาบนผิวน้ำ ถูกถ่ายลงจากบนเนินเขาสูงกว่าชายหาด ซึ่งต้อนนำฟิล์มและนำมาขยายอีกที่หนึ่ง
อันดับ 9
ถ่ายแบบภาพยนต์ที่ ทะเลสาบ Okanagan - Ogopogo
ในปี ค.ศ. 1968 โดย Arthur Folden ใช้กล้อง 8mm จับภาพสิ่งมีชีวิตลึกลับได้ แม้ช่วงนั้นจะมีหมอกลงจัดมากแต่กล้องก็สามารถจับภาพสัตว์ประหลาดที่คาดว่ามีความยาวกว่า 50-70 ฟุตได้ โดยเจ้าสัตว์นี้ว่ายน้ำเร็วพอสมควร และมี ดำน้ำ และโผล่พื้นผิวน้ำ และโผล่หัวและหางออกมาด้วย แม้ภาพนี้จะถ่ายในปี 1968 แต่กว่าจะมีการเผยแพร่ก็ปาไปปี 1970 เพราะ Arthur Folden กลัวคนอื่นหัวเราะเยาะ จนกระทั่ง1970 เขาก็เอาฟิล์มม้วนนี้ให้นายกเทศมนตรีได้ดู จึงออกมาเผลแพร่ต่อภายนอกในที่สุด ซึงผลตอบรับไม่ดีนัก แต่กระนั้นผู้เชี่ยวชาญยอมรับว่าภาพนี้น่าจะเป็นของจริงเพราะไม่มีรอยแก้ไขใดๆ ทั้งสิ้นในตัวฟิล์มนี้
อันดับ 8
ไม่ทราบสถานที่ถ่าย
ถ่ายในปี ค.ศ. 1980 โดยฟิล์ม Thal Film-Larry Thal โดยกลุ่มของนักท่องเที่ยวได้เห็นสิ่งมีชีวิตลึกลับในทะเลสาบ จึงใช้กล้องเพื่อจับภาพการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตนั้น ซึ่งฟิล์มนี้แสดงถึงการการเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาด และความเร็วของมัน รวมไปถึงโครงร่างเมื่อมองจากผิวน้ำด้วย
อันดับ 7
รูปนี้ถ่ายที่ทะเลสาบแชปเปลน(Champlain) ประเทศสหรัฐ เดือนกรกฎาคม 1977
ไม่ใช้รูปถ่ายเนสซี(มันมีชื่อแชมป์) แต่ผมชอบมันมากเป็นพิเศษ ถ่ายโดยแซนดรา แมนซี (Sandra Mansi)จากรัฐคอนเนคติกัด วันนั้นเธอกับลูกไปเที่ยวทะเลสาบทางชายฝั่งตะวันออก ทันใดนั้นเธอก็เห็นตัวอะไรบางอย่างคล้ายไดโนเสาร์คอยาวขนาดยักษ์ ลอยกระเพื่อมอยู่ห่างจากฝั่งอยู่ประมาณ 150 ฟุต(45เมตร) เลยใช้กล้องโกดักอินสตาเมติคถ่าย และเธอก็เก็บรูปนี้ไว้ไม่กล้าบอกใครเพราะกลัวคนอื่นว่าเธอบ้า จนกระทั้ง 4 ปี ต่อมา เธอเลยยอมเอารูปนี้ไปให้หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์และ NBC TV เอาภาพนี้ไปลง และปัจจุบันนี้ภาพนี้ก็ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม
อันดับ 6
ถ่ายในเนินเขาของแคลิฟอร์เนียทางเหนือ
ถ่ายในปี ค.ศ. 1977 ภาพถ่ายนิ่งจากกล้อง 16mm โดยมาร์ค Ivan Marx โดยถ่ายรูปบิ๊กฟุตแบบจะๆ นี้ได้ที่เนินเขาของแคลิฟอร์เนียทางเหนือ ก่อนที่มันจะกระโดดนี้หายเข้าไปในป่า ซึ่งภาพนี้เป็นที่กล่าวถึงอย่างมากจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญสัตว์ลึกลับวิทยา
อันดับ 5
ถ่ายที่บริเตน แคนาดา
ถ่ายโดยผู้ชายคนงานโคลัมเบียคนหนึ่งที่ Sooke บริเตนในฤดูหนาวของปี ค.ศ. 2006 ระหว่างมีพายุหิมะ เขาสังเกตบางสิ่งบนถนน. มันคือ บิ๊กฟุต หรือ Sasquatch สัตว์ลึกลับ ด้วยความตื่นเต้น เขาหยิบกล้องและทำการบันทึกภาพเป็นวีดีโอสั้นได้
อันดับ 4
ไม่รู้สถานที่ถ่าย
ถ่ายในปี ค.ศ 1992 หรือ1993 โดย Annette Crews ถ่ายจาก 10 ไมล์ โดยเธอคิดว่าตอนแรกเธอจับรูปภาพของหมี...จนกระทั่งเธอเห็นว่ามันกำลังเดินอย่างลงเขาบนสองขามากกว่าเดินสี่ขาอย่างที่หมีทำกัน โชคร้าย กล้องถ่ายรูปไม่มีการทำให้ภาพที่ได้ไม่ชัดมากนัก
อันดับ 3
ถ่ายใน ปีค.ศ. 1997 โดยกัปตันพนักงานดับเพลิงในพื้นที่เขตฟลอริด้า Everglades นอกจากนี้หลังจากถ่ายภาพมันเสร็จแล้ว ก็มีการค้นพบ รอยเท้าของมันที่ทิ้งไว้ตามพื้นดินอีกด้วย(ใครดูครั้งแรกคงนึกว่าเป็นรูปถ่ายผี)
http://theshadowlands.net/bf.htm
อันดับ 2
ภาพถ่าย The Silver Star Mountain
ถ่ายโดยโดย Gifford Pinchot เจ้าหน้าที่ ป่าแห่งชาติ เมื่อวันที่ 17พฤศจิกายน 2005 ถือได้ว่าภาพนี้เป็นภาพถ่ายบิ๊กฟุตที่ดีที่สุดเท่าที่มีการถ่ายภาพบิ๊กฟุตมา เพราะชัดเจนมากๆ( ตรงวิวนะไม่ใช้ตัวบิ๊กฟุต)
อันดับ 1
และแล้วก็มาถึงอันดับสุดท้ายของเราครับ กับวลีอมตะที่ว่า “ผมไม่มองเห็นซิปของเจ้าบิ๊กฟุตนี้เลย(ว่ะ)” จากผู้เชี่ยวชาญที่มองภาพนี้เพราะคิดว่ามันไม่ใช้ของจริง
แน่นอนภาพนี้ของปลอมครับ แต่กล่าวจะจับได้ก็ผ่านไปหลายปีทีเดียว
นายโรเจอร์ แพตเตอร์สัน เขาอ้างว่าพบมันในวันที่ 20 ต.ค. ปี ค.ศ. 1967 กำลังเดินกร่างสองขาไปตามร่องลำธารในป่าตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ความสูงของมันราว 2 เมตร และน้ำหนักเฉียด 130 กก. เขาถ่ายภาพจากระยะห่าง 40 เมตร เป็นความยาวฟิล์มนานถึง 39 วินาที ซึ่งเมื่อนำออกมาฉายเปิดเผย ก็สร้างความตื่นตะลึงให้ชาวโลกโดยทั่วกัน
แต่มีผู้หนึ่งซึ่งมีความกังขาในฟิล์มม้วนนี้ เขาเป็นนักหนังสือพิมพ์นามว่า คาร์ล คอร์ฟ โดยคอร์ฟได้พยายามแกะรอยข้อเท็จจริงและตรวจตรา ภาพที่เห็นจากวีดิโออย่างละเอียดอยู่นานหลายปี
"ผมกำลังหาซิบอยู่ด้านหลังอยู่น่ะ เพราะไม่มีไม่มีสัตว์โลกตัวไหนหรอกที่มีขนเฟอร์เป็นแนวอย่างนี้" คอร์ฟว่า
อีกผู้หนึ่งซึ่งค้นคว้าหาความจริงในเรื่องนี้คือ นายไคลด์ ไรน์เก้ ในช่วงปี 1970 เขาทำงานอยู่ในบริษัท ANE ซึ่งจัดจำหน่ายฟิล์ม เขาระบุว่า แพตเตอร์สันก็เป็นลูกจ้างคนหนึ่งของบริษัทในตำแหน่งช่างภาพ และได้รับคำสั่งจากผู้บริหารบริษัทให้สร้างหนังบิ๊กฟุตขึ้น เพื่อโปรโมตฟิล์มแก่เหล่าผู้นิยมท่องไพร!
ไรน์เก้อธิบายว่า ไอ้ตีนโตในฟิล์มของแพตเตอร์สันนั้น มิใช่อะไรอื่น หากแต่เป็นมนุษย์ร่างใหญ่ที่สวมชุดวานร ไรน์เก้บอกด้วยว่า มนุษย์คนนั้นชื่อ เจอร์รีย์ รอมนีย์ เพื่อนสนิทคนหนึ่งของประธานบริษัท
ขาสูงตั้งเกือบเจ็ดฟุตร่างใหญ่มากน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 115 กก.
และที่น่าเชื่อก็คือ รอมนีย์นั้นเคยแสดงเป็นตัวเด่น ในหนังเรื่องหนึ่งของ ANE ในปี ค.ศ.1972 มาแล้ว ลักษณะท่าทางเดินในหนังที่เขาแสดงนั้น ละม้ายคล้ายคลึงกับลีลาการย่างก้าวของไอ้ตีนโตในฟิล์มของแพตเตอร์สันมาก
ผู้สันทัดกรณีด้านการถ่ายทำได้วิจารณ์ว่าไอ้ตีนโตของแพตเตอร์สันนั้น เอาหนังกอริลลามาสวมมีการสร้างรอยตีนปลอมแล้วก็ถ่ายทำให้เบลอๆแค่นี้ก็สำเร็จ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หนังสั้นๆแค่ไม่ถึง 40 วินาทีนี้ ได้ทำเงินมหาศาลให้แก่บริษัท ANE ส่วนแพตเตอร์สันเสียชีวิตใน ค.ศ.1972
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น