คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ออกจากบ้านหลังเก่าสู่โลกใบใหม่(100%)
Chapter 4
วันรุ่งขึ้น เมื่อแสงอันอบอุ่นของดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอน
ของไอโอลีและเฟนเดลเลีย เสียงนกร้องขับขานเจื้อยแจ้วรับวันใหม่ เด็กทั้งสองก็เริ่มรู้สึกตัว ความ
เหนื่อยอ่อนจากเมื่อวานได้คลายลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อพวกเธออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็พากันเดิน
ลงไปข้างล่าง
"อะ...อรุณสวัสดิ์ค่ะ คะ...คุณหนู"พนักงานต้อนรับพูดเสียงสั่น
ไอโอลีก็พอจะรู้สาเหตุที่ทำให้พี่สาวกลัวจึงได้แต่ยิ้มตอบกลับไป เธอไม่ได้คาดคิดว่า
เหตุการณ์เมื่อวานจะทำให้คนอื่นๆกลัวพวกเธอขนาดนี้
"โอ...คุณหนูทั้งสอง มาทานข้าวเช้าเถอะค่ะ เมื่อวานคงเหนื่อยมากสินะคะ " พี่เลี้ยงของ
เธอเดินเข้ามาหาเธออย่างรีบเร่ง พวกเธอค่อนข้างแปลกใจเมื่อเห็นว่าพี่เลี้ยงนั้นไม่ได้
กลัวพวกเธอ
แต่ก่อนจะเอ่ยปากถาม พี่เลี้ยงกลับเร่งเธอให้เดินเข้าไปในห้องอาหารเสียก่อน "เร็วเข้าเถอะ
ค่ะ" พวกเธอก็ได้แต่เดินตามด้วยความงุนงง
-ทำไมป้าคาเรนต้องรีบขนาดนี้นะ-เฟนเดลเลียคิด
และระหว่างที่พวกเธอกำลังทานข้าวเช้าอยู่นั่นเอง คาเรนก็ตัดสินใจเอ่ยปากขึ้นอย่างจริงจังว่า
“คุณหนูคะฟังนะคะ หนีเถอะค่ะ!”
“หนี...อะไรคะ” เฟนเดลเลียถามอย่าง งงงวย
“คือ...เมื่อวานป้าได้ยินคุณหนูใหญ่ โทรสั่งให้คนมาจับตัวคุณหนูของป้าไปไว้ที่อื่น...
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่แสนห่างไกล เขาอ้างว่าคุณหนูไม่มีผู้ปกครองแล้ว... คือหมายความว่านาย
ท่านไม่อยู่น่ะค่ะ”คาเรนพูดตอบเสียงเศร้า
“สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ห่างไกล ?” เฟนเดลเลียทวนประโยคเสียงสูง
“แล้วถ้า...พวกหนูจะหนีไปจริง จะหนีไปที่ไหนได้ล่ะคะ” ไอโอลีถามอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อทั้งชีวิต
ของเธอก็เติบโตมาในที่แห่งนี้เท่านั้น
“มันช่างประจวบเหมาะเหลือเกินที่มีคุณผู้ชายคนหนึ่ง ต้องการรับเลี้ยงคุณหนู เมื่อเขาทราบข่าวเข้า
ก็ออกปากทันทีเลยค่ะ ดูท่าทางเขาเป็นคนที่มีฐานะดีคนหนึ่งนะคะ เขาเป็นแขกที่พักอยู่ที่โรงแรม
เราเองค่ะ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามตอนนี้ก็มีแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้นค่ะ เรามี่ทางเลือกอื่นแล้วแต่ถ้า
คุณหนูมีปัญหาอะไรก็กลับมาที่นี่ได้เสมอนะคะ ป้าจะไม่ไปไหน... ออกเดินทางเย็นนี้เลยนะคะเอา
แค่ของที่จำเป็นเดี๋ยวป้าช่วยจัด”คาเรนอธิบาย
“คือ...” ระหว่างที่พวกเธออึกอักอยู่นั่นเอง ก็มีเสียงผู้ชายพูดแทรกเข้ามา
“เดี๋ยวผมพูดกับพวกแกเองครับ” เมื่อพวกเธอหันไปมองก็พบผู้ชายที่ดูภูมิฐานยืนอยู่ หน้าทางเข้า
ห้องอาหาร เขามีผมสีเทาเข้ม สูงรูปร่างสมส่วน สวมแว่นตาดำ อายุประมาณสักสามสิบต้นๆ
ไอโอลีและเฟนเดลเลียก็ไม่รอช้า พวกเธอลงมืออ่านอดีต และอนาคตของผู้ชายคนนี้
ทันทีเหมือนที่พวกเธอทำเมื่อเจอคนแปลกหน้าทุกครั้ง แต่พวกเธอก็ต้องเบิกตากว้าง
อย่างตกใจ พวกเธอหันมามองหน้ากันและเห็นอีกฝ่ายตกใจเช่นเดียวกับตน จึงทำให้รู้
ว่ามันมาจากสาเหตุเดียวกันแน่นอน คือ พวกเธอไม่สามารถมองเห็นอดีตหรืออนาคตของเขาได้
เลย!!!
“งั้น
ป้าออกไปก่อนนะคะ คุยกับเขาดีๆล่ะ”คาเรนก็เดินเลี่ยงออกไปจากห้อง
แต่คำพูดพวกนั้นแทบจะไม่ได้เข้าไปในโสตประสาทของทั้งสองเลย เพราะตอนนี้ในหัวมี
แต่คำว่าทำไม...ทำไมกันถึงมองไม่เห็น... ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเลยที่จะมองไม่เห็น แม้แต่
อนาคตของพวกเธอเอง แม้แต่จะเป็นภาพเบลอๆซึ่งแทบไม่เห็นอะไรแต่ก็ถือว่าเห็น
แต่นี่...ไม่เห็นอะไรเลยจริงๆเหมือนกับว่าพลังของพวกเธอได้หายไปโดยสิ้นเชิง มันว่างปล่าว
ผู้ชายคนนั้นเริ่มพูดกับเด็กทั้งสองคนแบบยิ้มๆ
“พวกเธอคงสงสัยล่ะสิว่าทำไม”เขาหยุดหายใจก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลว่า
“ถึงมองอดีตกับอนาคตของฉันไม่เห็น...” ทันทีที่เขาพูดจบ พวกเธอก็เหมือนจะพูดอะไรไม่ออก
ทำไมคนๆนี้ถึงรู้ความลับนี้ได้ หรือว่าคุณปู่จะบอกให้เขาฟัง?
แล้วเขาก็ก้าวเดินมาข้างหน้าเด็กทั้งสองคนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างโต๊ะอาหารทางด้านข้างของห้องอาหาร
ไอโอลีและเฟนเดลเลียไม่ได้คิดที่จะวิ่งหนีหรือหวาดกลัวแต่อย่างไรเพราะคนตรงหน้านั้นมีแต่
บรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นมิตรแผ่ออกมาอยู่ตลอดเวลา เขามาหยุดตรงหน้าของเด็กทั้งสองและย่อ
ตัวลงเพื่อให้ระดับสายตานั้นเท่ากัน ก่อนที่จะค่อยๆถอดแว่นดำออกเผยให้เห็นดวงตาสีเทาหมอกดู
อบอุ่นคู่หนึ่ง เมื่อถอดแว่นแล้วก็เห็นได้ว่าเขาเป็นคนที่หน้าตาดีมากคนนึง ผมสีเทาเข้มไม่เป็นทรงของเขาก็ทำให้เขาดดีอย่างไน่เชื่อ
เขามีดวงหน้าเกลี้ยงเกลาคมเข้มดุจชายชาตรีที่อยู่ในชนชั้นสูง แม้จะมีริ้วรอยบ้างแต่นั่นก็ไม่ทำให้เขาดูแย่ลงแต่อย่างใดกลับ
เพิ่มเสน่ห์ของเขาเสียอีก
ตาสีเทาหมอก?? ตั้งแต่เธออยู่ที่นี่มา มีคนต่างชาติมาพักก็หลายคนแต่ไม่มีใครตาสีเทาหมอก
เหมือนกับตาของเฟนเดลเลียที่เป็นสีม่วงอ่อนเป็นสีนัยน์ตาที่ไม่เหมือนใคร และอีกอย่างที่เธอสนใจ
ก็คือดวงตาคู่นั้นมันเปล่งประกาย เจิดจ้า ทรงพลัง เมื่อใครได้สบตาก็ต้องหลบตา...เหมือนเธอ...
“พวกหนูเคยได้ยินไหมที่ว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ นี่ไงล่ะหน้าต่างบานสำคัญของ
ฉัน เพราะฉะนั้น...กลับบ้านเถิด...คุณหนูทั้งสอง ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับพวกหนูหรอกนะ พวกหนูคงรู้ตัว
ดีว่าพวกหนูนั้นแตกต่างจากคนทั่วไป... แต่สำหรับฉันแล้วไม่เลย...เราเหมือนกันและมาจากที่
เดียวกัน บ้านเกิดที่แท้จริงที่มีเพียงแห่งเดียว ”
มันเป็นเรื่องที่ยากไม่ใช่เล่นเลยที่เด็กอายุเพียงเก้าขวบต้องมารับรู้และตัดสินใจอะไรแบบนี้
แต่เพียงชั่วอึดใจเท่านั้น เสียงเล็กๆสองเสียงกลับเอ่ยขึ้นพร้อมกันอย่างแผ่วเบา “ค่ะ...”
พวกเธอเห็นความคล้ายคลึงบางอย่างในตัวเขาคนนี้ เขามีบรรยากาศที่ไม่เหมือนคนทั่วไป ไม่ได้น่า
กลัว แต่ก็ไม่ธรรมดา...ปลอดภัย...คุ้นเคย...
“คุณรู้จักกับคุณปู่ใช่ไหมท่านบอกคุณเรื่องพวกหนูและมาช่วยใช่ไหม? แล้วพ่อกับแม่หนูล่ะ? ท่าน
เป็นใคร? หนูจะได้เจอพวกท่านไหม?”ไอโอลีถามอย่างมีความหวัง เขาส่ายหน้า “ฉันไม่รู้จักปู่ของ
เธอหรอกนะ เรื่องพ่อแม่พวกหนูน่ะ นั่นเป็นคำถามที่พวกหนูต้องค้นหาคำตอบด้วยตนเอง”
“หมายความว่ายังไงคะคำถาม...ให้ตนเอง?” เฟนเดลเลียทวนคำอย่างไม่ค่อยเข้าใจ อาจเป็นเพราะ
เธอยังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจศัพท์ยากๆ แต่ในเวลาต่อมาเธอก็เข้าใจมันอย่างแจ่มแจ้ง
เขาส่ายหน้าเป็นทำนองว่าไม่พูดเรื่องนี้ต่อ ก่อนริมฝีปากของชายตรงหน้าคลี่ยิ้มอันอบอุ่นออกมา
ก่อนแนะนำตัวเอง “เมอดาส เซเรย์ ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการอีกครั้ง จากนี้ไป..จะเป็นชีวิตที่
พวกเธอสมควรมีมาตั้งแต่ต้นเสียที”
เมื่อพูดจบเมอดาสก็กำลังหันหลังกลับออกไป ก่อนจะพูดอย่างนึกขึ้นได้“อ้อ! เจอกันอีกทีตอนเย็น
นะ ทำสิ่งที่ต้องทำที่นี่ให้เรียบร้อยเพราะพวกเธออาจไม่ได้กลับมาอีกแล้วก็ได้” เขายิ้มบางๆก่อน
เดินออกไปและทิ้งให้ไอโอลีกับเฟนเดลเลียอยู่ในห้องอาหารตามลำพัง ไม่นานนักพี่เลี้ยงก็วิ่งเข้า
มาในห้องอาหารอย่างเร่งรีบ
“คุณหนูไม่เป็นไรนะคะ? เห็นว่าตอบตกลงแล้ว? รีบขึ้นห้องเถอะค่ะป้าจะไปเตรียมของ ระวังอย่าให้
พวกคุณหนูใหญ่เขาเห็นตัวล่ะเดี๋ยวก็ได้เรื่องอีกพอดี”ป้าคาเรนดุแกมกำชับ แล้วก็พาพวกเธอขึ้น
ห้องไป
พวกเธอไปที่หลุมศพคุณปู่อีกครั้งและในครั้งนี้เฟนเดลเลียเป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อนว่า
“คุณปู่คะ...หนูต้องไปแล้วนะคะ ขอให้คุณปู่อวยพรให้หนูด้วยนะคะ แล้วหนูจะกลับมาเยี่ยมค่ะ”
“ลาก่อนค่ะ...คุณปู่...”เสียงเล็กๆที่อยูข้างๆบอกคำลา ก่อนที่ทั้งสองจะก้มลงวางดอกไม้สีขาวไว้
ตรงหน้าหลุมศพ
หนึ่งวันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเสียจริงสำหรับเมอดาส เขาไม่นึกเลยว่าเด็กทั้งสองคนจะมี
ความเข้มแข็งขนาดนี้ เวลาที่เขารอคอยมาแสนนานก็อาจจะใกล้เข้ามาแล้ว อนาคตที่เต็ม
ไปด้วยอุปสรรคของพวกเธอก็คงยากลำบากไม่น้อย ตัวเขาเองได้รับคำสั่งจากหัวหน้าตระกูล
ใหญ่ทั้งสองให้มาพาตัวเด็กทั้งสองกลับไปบ้าน เขารอข่าวนี้มานาน...แต่อย่างไรเสียหน้าที่นี้มันต้อง
เป็นของเขาอยู่แล้ว... เป็นมาตั้งแต่ต้น... หลังจากนี้ชาวบ้านคงลือกันให้ทั่ว ว่าเป็นความผิดพลาด
ครั้งใหญ่ของสองตระกูลหลังจากที่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ตระกูลที่ไม่ถูกกันอย่างนี้
กลับมีทายาทสายตรงที่หายสาบสูญไปเหมือนกันทั้งคู่ แถมเมื่อตรวจสอบพบแล้วยังมาอาศัยอยู่
ด้วยกันอีก พวกเขาไม่รู้หรอกว่าของที่ยิ่งต่างกันมากเท่าใดก็จะยิ่งดึงดูดเข้าหากันมากขึ้นเท่านั้น
แต่กระนั้นเขาก็ยังหวังว่าความบาดหมาดหมางของทั้งสองตระกูลที่เสมือนแก้วที่ร้าวทั้งใบอาจถูก
หล่อหลอมขึ้นใหม่ โดยธิดาแห่งความหวังทั้งสองก็เป็นได้...เมื่อถึงเวลาที่ฟันเฟืองแห่งโชคชะตา
ของโลกถูกผลักดันให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอีกครั้ง...เมื่อถึงเวลานั้น..หน้าที่ของเราก็จะเสร็จสมบูรณ์
แอ๊ด... ท่ามกลางหิมะที่ตกหนัก ประตูหลังของโรงแรมก็เปิดออกอย่างเงียบๆ ร่างเล็กๆสอง
ร่างกับร่างท้วมอีกหนึ่งร่างรีบก้าวออกมาแล้วยืนรออยู่หน้าประตู ลมจากหิมะนั้นทำเอาร่างเล็กสั่น
สะท้าน เสื้อฮูดสีฟ้าของพวกเธอปลิวไสวตามแรงลม สักพักหนี่งก็มีรถสีดำราคาแพงคันหนึ่งมาจอด
เทียบอยู่ใกล้ๆ แก๊ก...ประตูรถเปิดออก คนที่ออกมาไม่ใช่ใครอื่นเมอดาสนั่นเอง เขายังคงสวมแว่น
ดำเหมือนเดิม เขารีบเดินมาหาเด็กทั้งสองและพาพวกเธอเข้าไปในรถ ในรถนั้นเป็นเบาะหนังนุ่มลื่น
และอากาศในนี้ก็อุ่นกว่าข้างนอกมากเพราะเครื่องฮีทเตอร์
“คุณหนูคะ โชคดีนะคะ” พี่เลี้ยงพูดเบาๆก่อนจูบลาที่หน้าผากมนของทั้งสอง เสียงปิดประตูรถดังขึ้น
ก่อนที่รถจะแล่นออกไปและทิ้งรอยล้อไว้ตามทางเป็นรอยยาว หิมะที่ตกลงมาก็ค่อยๆปิดรอยล้อรถ
และเลือนหายไปในไม่ช้า ผู้ที่เฝ้ามองก็ได้แต่ทอดถอนใจอย่างเศร้าโศก หวังว่าที่ฉันทำลงไป จะ
เป็นสิ่งที่ถูกต้องนะ...
เมื่อพวกเธอขึ้นรถมาเท่านั้นก็ได้กลิ่นหอมแปลกๆโชยมาติดจมูก เมอดาสเริ่มออกรถไปอย่าง
ช้าๆ บ้านที่เคยเป็นบ้านของพวกเธอ...ในตอนนี้เธอต้องจากมันไปและไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไหร่
บ้านที่เติบโตมาพร้อมกับคนที่รักและห่วงใย ถึงจะต้องจากไปแต่ความทรงจำทั้งหมดจะไม่เลือน
หายไป -ถึงกายจะจากไปแต่จิตวิญญาณยังคงอยู่กับเราเสมอ หากเรายังคงจดจำ...เขาคน
นั้นจะยังคงมีตัวตนอยู่ตราบนานเท่านาน...- นั่นคือคำสอนที่คุณปู่สอนเสมอ และคุณปู่จะยังคงมี
ตัวตนอยู่ตลอดไปในหัวใจของพวกเธออย่างแน่นอน
“การเดินทางครั้งนี้ยังอีกยาวไกลนัก หลับไปเสียก่อนเถิด คุณหนู” เมอดาสหันมาพูดกับพวกเธอที่
นั่งอยู่เบาะหลัง ไอโอลีเอียงคออย่างไม่ค่อยเข้าใจภาษาที่ใช้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้ง่วงอย่างนี้
เมื่อหันไป เฟนเดลเลียก็หลับไปซะแล้ว อาจเป็นเพราะเราใช้พลังมากไป อาจเป็นเพราะกลิ่นหอม
อ่อนๆนี่ อาจเป็นเพราะอากาศอุ่นๆ อาจเป็นเพราะ... แล้วเธอก็ผล็อยหลับไปบนเบาะรถนุ่มๆที่แล่น
ผ่าอากาศไปด้วยความเร็วสูง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณผู้อ่านทุกๆท่านนะคะที่ติดตาม
ปล.อย่าลืมเมนต์ด้วยน้าาา ^0^
ความคิดเห็น