ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : หวัดกับปัญหา
คุณเชื่อไหมว่าคนที่ดูแข็งแรงอย่างฉันดัน เป็นหวัด^^; และฉันก็เกลียดมันมากๆเลยด้วย 
ไม่ว่าจะเป็นการเฝ้าระวังไม่ให้น้ำมูกไหลหยดลงบนกระดาษสมุดที่คุณกำลังบรรจงเขียน>_< 
การจามโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้สิ่งที่ไม่พึงประสงค์เลอะเทอะ>o<  รวมถึงการกินอาหารอย่างไม่อร่อยสักนิดT_T 
ตอนนี้ฉันเริ่มเข้าใจและเห็นใจโจอี้ขึ้นมาทันที
“ฮัด..ชิ้ว OTO”  การจามของฉันมีพลังมากพอที่จะทำให้กระดาษที่กองเพนินอยู่เติมโต๊ะเรียนกระจายไปทุกทิศทุกทาง
“ถ้าเธอไม่สบายก็ควรหยุดเรียนนะ”  เสียงที่คล้ายจะนุ่มนวลดังขึ้น  ฉันเน้นแล้วนะว่าคล้ายจะ
“ไม่เป็นไรค่ะ  หนูเรียนไหว”  ฉันยิ้มตอบไปอย่างเชือดเฉือน  น้ำเสียงอู้อี้จนเกือบฟังไม่รู้เรื่อง
“ครูไม่สนว่าเธอจะเรียนไหวหรือเปล่า  ครูแค่กลัวว่าเธอจะทำให้เพื่อนไม่สบายตามไปด้วย”
โอ๊ยคำพูดของครูไลไลช่างบาดลึกเสียจริ๊งง >O<
   
          ในที่สุดฉันจึงต้องยอมจำนนกับคำพูดของครูไลไล ด้วยการหยุดเรียนจนกว่าจะหายจากหวัด 
แม่ไม่ยอมเข้าใกล้ฉันและยังสั่งไม่ให้ฉันเข้าใกล้เด็กๆ TOT
“นี่แม่ขา  ไม่ไล่หนูไปกินนอกบ้านเลยล่ะคะ”
“โถลูกรัก  แม่ไม่ทำอย่างนั้นหรอกลูก” แม่ตอบพร้อมยิ้มกว้างๆให้ฉัน
“แล้วที่แม่ให้หนูมานั่งตรงนี้ทำไมคะ”  ฉันชี้ลงบนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กๆที่อยู่ตรงหน้าฉัน  และแม่จัดไว้เป็นที่พิเศษสำหรับฉัน
“โอ๋ๆ  แม่ทำแบบนี้ไม่นานหรอกลูก แค่จนกว่าลูกจะหายจากหวัดนั่นแหละจ้ะ”
แม่ใจร้ายฉันคิดอย่างนั้นแล้วรีบโซ๊ยทุกอย่างลงท้อง  เสร็จแล้วฉันก็ขึ้นห้องทันที
“ฮัด..ชิ้ว  โว้ย เมื่อไหร่จะหายซักที” ฉันแสดงอาหารหงุดหงิดเต็มที่ >^<
“จึ้ก จึ้ก  ตายซะหวัดบ้า>=<” ฉันระบายอารมณ์หงุดหงิดโดยการเขียนคำว่าหวัดใส่กระดาษ  แล้วเอาไปแปะเป็นเป้า  ใช้ลูกศรเขวี่ยงใส่
สนุกไปอีกแบบ
“ชิเมโจด๊าย..ชิเมโจด๊าย..” เสียงเรียกเข้าที่ไม่พึงประสงค์ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นโดยพี่หมา
“โหล  มีไร -o-” น้ำเสียงอู้อี้ออกจากปากฉันอย่างไม่สบอารมณ์
“นั่นใครอ่ะ” เสียงจากปลายสายทำให้ฉันยิ่งฉุน
“นายโทรมาหาใครก็คนนั้นแหละ  คนยิ่งอารมณ์เสียๆอยู่” ฉันพูดใส่โทรศัพท์และวางสายไป
คนโรคจิต โทรมาทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเป็นเบอร์ใคร
“ชิเมโจด๊าย..” โทรศัพท์ดังขึ้นโดยเบอร์เดิม
อารายอีกว้า O_o
“หาเรื่องหรือไง  ฉันไม่มีอารมณ์เล่นกับนายนะ” ฉันตะคอกใส่ด้วยความโกรธ
“ทำไมไม่มาโรงเรียน เป็นอะไร”  เสียงปลายสายถามขึ้น
คนที่จะรู้ต้องเป็นคนในโรงเรียนแน่ๆ
“เรื่องของฉัน” ฉันตอบพร้อมๆกับนึกอยู่ว่าผู้ชายในโรงเรียนที่รู้จักฉันมีใครบ้าง
“ฉันพอรู้แล้วว่าเธอเป็นหวัดจากเสียงสูดน้ำมูกฟืดฟาดของเธอ  และที่เธอกวนฉันเมื่อกี้ได้เห็นดีกันแน่” เค้าพูดจบแค่นั้นและวางสายไป 
ฉันกลัวจะตายเหอๆ
แต่ที่รู้ตอนนี้ฉันนอนไม่หลับอ่า  หายใจไม่ออก  ฉันกลัวนะว่าถ้าฉันหลับไปแล้วเกิดหายใจไม่ออกตายขึ้นมาจะทำยังไง 
ฉันไม่อยากตายด้วยโรคหวัดหรอกนะ T^T
          ในที่สุดและในที่สุดความทรมานอันยาวนานก็สิ้นสุดลง  ฉันหายดีเป็นปลิดทิ้ง 
ฉันเดินบนสนามหญ้าของโรงเรียนอย่างมีความสุข ^O^
“หนูๆ  เข้ามาทำไมวันนี้หยุดเรียนนะ”  เสียงภารโรงคนหนึ่งทำให้ความสุขที่มีเมื่อครู่หายไป
อาไรนะหยุดหรอ  หน้าแตกยับเยิน >o<
“ขอบคุณค่ะ”  ฉันรีบวิ่งทันทีด้วยความอาย
“ว่าแล้ว เธอต้องมาเก้อในวันนี้” ฉันพยายามคิดว่าชายเมื่อครู่ที่ฉันเดินผ่านเป็นอากาศแล้วเชียว 
ไม่รู้จะปล่อยคลื่นเสียงออกมาทำไม -_-
“อะไรอีกล่ะ” ฉันถามเมื่อหันไปพบว่าเป็นนายโทกิ
“เดี๋ยวนี้ดังแล้วหยิ่งหรอ“  โทกิยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ฉัน
“ดังบ้าดังบออะไรของนาย”  ฉันไม่ค่อยเข้าใจที่เขาพูดเท่าไหร่นัก  แต่ฉันก็เดินหนีทันที  ฉันไม่ชอบยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนั้นของเขาเลย
ชักกลัวขึ้นมาแล้วล่ะสิ>^<
   
          วันต่อมาฉันเริ่มไปโรงเรียนแต่เช้าด้วยความมั่นใจว่าไม่ไปเก้ออีกแน่นอน 
เด็กในโรงเรียนยังคงร่าเริงเหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็นการจับกลุ่มคุยกัน 
ฉันรู้สึกว่าประเด็นเด่นๆที่คนถกเอามาพูดจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสัตว์ปีก
“หวัดดี  มิโกะ” ฉันทักขึ้นเพราะเห็นว่าหล่อนจ้องหน้าฉันแปลกๆ
“ไอคิดยังไงเกี่ยวกับสัตว์ปีก”
เหยี่ยวข่าวห้องเราใช้ได้เลยแฮะ  ถามเรื่องเด่นประเด็นดังซะด้วย
“ก็น่ารักดีนี่ “  ฉันตอบสั้นๆแค่นั้น  แค่นั้นจริงๆ  แต่ไม่รู้ทำไมหลายๆคนถึงมองมาที่ฉันนัก -_-
“ฉันเห็นด้วยกับเธอนะ  จริงๆแล้วเป็ดก็ดูหน้ารักเหมือนกัน”  ยายโทรโข่งเดินมาจับมือและพูดกับฉัน 
งงโว้ย OoO
“อ่ะให้  ถ้าผมรู้ว่าไอชอบผมคงซื้อให้ก่อนหน้านี้แล้ว”  นายจอดถือตุ๊กตาตัวใหญ่สีเหลืองอ๋อยส่งมาให้ฉัน 
ฉันหันตุ๊กตาไปมาถึงรู้ว่าเป็น ตุ๊กตารูปเป็ด  บัดนั้นสายตาทุกคู่จ้องมองมาที่ฉัน
ช้านนน  อยากจะบ้าตาย  ทุกคนเป็นอะไรกานหมด TOT
ฉันหันไปเจอคาเอะ  ฉันรู้สึกดีขึ้นมาทีเดียว ฉันรู้ว่าคาเอะต้องเข้าใจฉันมากกว่าใครๆ 
และคงอธิบายว่านักเรียนหลายๆคนเป็นอะไรกันไปหมด
“หวัดดี คาเอะ” ฉันเริ่มการสนทนา  คาเอะมองมาที่ฉันด้วยสายตาลุกเป็นประกาย 
“แหม เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานไม่บอกกันเลยนะว่าชอบเป็ด”
เหอๆคาเอะก็เป็นไปกะเขาด้วยหรอเนี่ย T^T
   
          และฉันมาเข้าใจเรื่องทั้งหมดเมื่อเห็นกระดาษแผ่นหนึ่ง  ไม่สิ เกือบร้อยแผ่นตามที่ต่างๆในโรงเรียน
มีใจความว่า ชิไอ ปี1 ห้อง2  ชอบเป็ด ถึงกับใส่กางเกงในลายเป็ดน้อย -  ฉันอ่านแค่นั้นแล้วแทบเดือด
ฉันรู้ว่าใครเป็นคนทำและฉันต้องแก้แค้น O^O
ฉันเดินดุ่มๆไปยังห้องของนายโทกิทันทีด้วยความโมโห
“ปึง..” เสียงมือของฉันกระแทกลงบนโต๊ะข้างหน้านายโทกิอย่างแรง  จนดึงความสนใจของคนในห้อง 
โชคดีที่พี่หมาไม่อยู่ ^^;
“นายจะเอายังไงกับฉัน” หมอนี่ทำให้ฉันรู้สึกอายแทบแทรกแผ่นดินหนีผู้คน
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าจะต้องเห็นดีกัน”  โทกิตอบอย่างเรียบๆ แทรกรอยยิ้มของผู้ชนะ
ที่แท้เบอร์โทรศัพท์ปริศนานั่นก็คือนายโทกินี่เอง -_-
“ก็นายบอกจะเก็บเป็นความลับ และฉันก็คิดว่านายน่าจะรักษาคำพูดได้ดีกว่านี้นี่” ฉันทวงคำพูดเขา  และนั่นก็ทำให้เขาอึ้งไปเล็กน้อย
“ขอโทดนะที่ทำรุนแรงไป” โทกิพูดคล้ายๆสำนึกผิด
“ขอโทด..นายคิดว่าแค่นี้เรื่องจะจบหรือไง” 
ฉันไม่อยากนึกถึงตอนที่โดนใครต่อใครล้อว่าเป็ดน้อยเลยโถ่ ToT
“งั้นเธอก็แกล้งมาเป็นแฟนฉันสิ  คนน่ะจะสนใจข่าวใหม่และลืมเรื่องเป็ดน้อยไป  พอถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกที เผื่อเธอติดใจชอบฉันขึ้นมาจริงๆ”  โทกิพูดอย่างทีเล่นทีจริง  แต่ฉันก็รู้สึกวาบๆอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่มีทาง  ฉันไม่มีทางเป็นแฟนของนายไม่ว่าจะแกล้งหรือจริงก็ตาม” ฉันพยายามตะคอกเสียงเพื่อกลบความอาย 
แต่รู้สึกจะดังเกินไป เพื่อนของเขาหันมามองเราและหัวเราะกัน
“เธอทำให้ฉันเสียหน้า” ขณะที่เขาพูดฉันสังเกตเห็นว่าหน้าของเขาแดงผิดปกติ
สมน้ำหน้า ^o^
ทันใดนั้นเสียงออดดังขึ้นซึ่งนั่นเป็นสัญญาณว่าฉันจะควรเข้าห้องเรียนได้แล้ว  เมื่อฉันกำลังจะก้าวออกจากห้องของโทกิ 
ก็มีมือมือหนึ่งดึงแขนฉันไว้
ไม่ว่าจะเป็นการเฝ้าระวังไม่ให้น้ำมูกไหลหยดลงบนกระดาษสมุดที่คุณกำลังบรรจงเขียน>_< 
การจามโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้สิ่งที่ไม่พึงประสงค์เลอะเทอะ>o<  รวมถึงการกินอาหารอย่างไม่อร่อยสักนิดT_T 
ตอนนี้ฉันเริ่มเข้าใจและเห็นใจโจอี้ขึ้นมาทันที
“ฮัด..ชิ้ว OTO”  การจามของฉันมีพลังมากพอที่จะทำให้กระดาษที่กองเพนินอยู่เติมโต๊ะเรียนกระจายไปทุกทิศทุกทาง
“ถ้าเธอไม่สบายก็ควรหยุดเรียนนะ”  เสียงที่คล้ายจะนุ่มนวลดังขึ้น  ฉันเน้นแล้วนะว่าคล้ายจะ
“ไม่เป็นไรค่ะ  หนูเรียนไหว”  ฉันยิ้มตอบไปอย่างเชือดเฉือน  น้ำเสียงอู้อี้จนเกือบฟังไม่รู้เรื่อง
“ครูไม่สนว่าเธอจะเรียนไหวหรือเปล่า  ครูแค่กลัวว่าเธอจะทำให้เพื่อนไม่สบายตามไปด้วย”
โอ๊ยคำพูดของครูไลไลช่างบาดลึกเสียจริ๊งง >O<
   
          ในที่สุดฉันจึงต้องยอมจำนนกับคำพูดของครูไลไล ด้วยการหยุดเรียนจนกว่าจะหายจากหวัด 
แม่ไม่ยอมเข้าใกล้ฉันและยังสั่งไม่ให้ฉันเข้าใกล้เด็กๆ TOT
“นี่แม่ขา  ไม่ไล่หนูไปกินนอกบ้านเลยล่ะคะ”
“โถลูกรัก  แม่ไม่ทำอย่างนั้นหรอกลูก” แม่ตอบพร้อมยิ้มกว้างๆให้ฉัน
“แล้วที่แม่ให้หนูมานั่งตรงนี้ทำไมคะ”  ฉันชี้ลงบนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กๆที่อยู่ตรงหน้าฉัน  และแม่จัดไว้เป็นที่พิเศษสำหรับฉัน
“โอ๋ๆ  แม่ทำแบบนี้ไม่นานหรอกลูก แค่จนกว่าลูกจะหายจากหวัดนั่นแหละจ้ะ”
แม่ใจร้ายฉันคิดอย่างนั้นแล้วรีบโซ๊ยทุกอย่างลงท้อง  เสร็จแล้วฉันก็ขึ้นห้องทันที
“ฮัด..ชิ้ว  โว้ย เมื่อไหร่จะหายซักที” ฉันแสดงอาหารหงุดหงิดเต็มที่ >^<
“จึ้ก จึ้ก  ตายซะหวัดบ้า>=<” ฉันระบายอารมณ์หงุดหงิดโดยการเขียนคำว่าหวัดใส่กระดาษ  แล้วเอาไปแปะเป็นเป้า  ใช้ลูกศรเขวี่ยงใส่
สนุกไปอีกแบบ
“ชิเมโจด๊าย..ชิเมโจด๊าย..” เสียงเรียกเข้าที่ไม่พึงประสงค์ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นโดยพี่หมา
“โหล  มีไร -o-” น้ำเสียงอู้อี้ออกจากปากฉันอย่างไม่สบอารมณ์
“นั่นใครอ่ะ” เสียงจากปลายสายทำให้ฉันยิ่งฉุน
“นายโทรมาหาใครก็คนนั้นแหละ  คนยิ่งอารมณ์เสียๆอยู่” ฉันพูดใส่โทรศัพท์และวางสายไป
คนโรคจิต โทรมาทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเป็นเบอร์ใคร
“ชิเมโจด๊าย..” โทรศัพท์ดังขึ้นโดยเบอร์เดิม
อารายอีกว้า O_o
“หาเรื่องหรือไง  ฉันไม่มีอารมณ์เล่นกับนายนะ” ฉันตะคอกใส่ด้วยความโกรธ
“ทำไมไม่มาโรงเรียน เป็นอะไร”  เสียงปลายสายถามขึ้น
คนที่จะรู้ต้องเป็นคนในโรงเรียนแน่ๆ
“เรื่องของฉัน” ฉันตอบพร้อมๆกับนึกอยู่ว่าผู้ชายในโรงเรียนที่รู้จักฉันมีใครบ้าง
“ฉันพอรู้แล้วว่าเธอเป็นหวัดจากเสียงสูดน้ำมูกฟืดฟาดของเธอ  และที่เธอกวนฉันเมื่อกี้ได้เห็นดีกันแน่” เค้าพูดจบแค่นั้นและวางสายไป 
ฉันกลัวจะตายเหอๆ
แต่ที่รู้ตอนนี้ฉันนอนไม่หลับอ่า  หายใจไม่ออก  ฉันกลัวนะว่าถ้าฉันหลับไปแล้วเกิดหายใจไม่ออกตายขึ้นมาจะทำยังไง 
ฉันไม่อยากตายด้วยโรคหวัดหรอกนะ T^T
          ในที่สุดและในที่สุดความทรมานอันยาวนานก็สิ้นสุดลง  ฉันหายดีเป็นปลิดทิ้ง 
ฉันเดินบนสนามหญ้าของโรงเรียนอย่างมีความสุข ^O^
“หนูๆ  เข้ามาทำไมวันนี้หยุดเรียนนะ”  เสียงภารโรงคนหนึ่งทำให้ความสุขที่มีเมื่อครู่หายไป
อาไรนะหยุดหรอ  หน้าแตกยับเยิน >o<
“ขอบคุณค่ะ”  ฉันรีบวิ่งทันทีด้วยความอาย
“ว่าแล้ว เธอต้องมาเก้อในวันนี้” ฉันพยายามคิดว่าชายเมื่อครู่ที่ฉันเดินผ่านเป็นอากาศแล้วเชียว 
ไม่รู้จะปล่อยคลื่นเสียงออกมาทำไม -_-
“อะไรอีกล่ะ” ฉันถามเมื่อหันไปพบว่าเป็นนายโทกิ
“เดี๋ยวนี้ดังแล้วหยิ่งหรอ“  โทกิยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ฉัน
“ดังบ้าดังบออะไรของนาย”  ฉันไม่ค่อยเข้าใจที่เขาพูดเท่าไหร่นัก  แต่ฉันก็เดินหนีทันที  ฉันไม่ชอบยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนั้นของเขาเลย
ชักกลัวขึ้นมาแล้วล่ะสิ>^<
   
          วันต่อมาฉันเริ่มไปโรงเรียนแต่เช้าด้วยความมั่นใจว่าไม่ไปเก้ออีกแน่นอน 
เด็กในโรงเรียนยังคงร่าเริงเหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็นการจับกลุ่มคุยกัน 
ฉันรู้สึกว่าประเด็นเด่นๆที่คนถกเอามาพูดจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสัตว์ปีก
“หวัดดี  มิโกะ” ฉันทักขึ้นเพราะเห็นว่าหล่อนจ้องหน้าฉันแปลกๆ
“ไอคิดยังไงเกี่ยวกับสัตว์ปีก”
เหยี่ยวข่าวห้องเราใช้ได้เลยแฮะ  ถามเรื่องเด่นประเด็นดังซะด้วย
“ก็น่ารักดีนี่ “  ฉันตอบสั้นๆแค่นั้น  แค่นั้นจริงๆ  แต่ไม่รู้ทำไมหลายๆคนถึงมองมาที่ฉันนัก -_-
“ฉันเห็นด้วยกับเธอนะ  จริงๆแล้วเป็ดก็ดูหน้ารักเหมือนกัน”  ยายโทรโข่งเดินมาจับมือและพูดกับฉัน 
งงโว้ย OoO
“อ่ะให้  ถ้าผมรู้ว่าไอชอบผมคงซื้อให้ก่อนหน้านี้แล้ว”  นายจอดถือตุ๊กตาตัวใหญ่สีเหลืองอ๋อยส่งมาให้ฉัน 
ฉันหันตุ๊กตาไปมาถึงรู้ว่าเป็น ตุ๊กตารูปเป็ด  บัดนั้นสายตาทุกคู่จ้องมองมาที่ฉัน
ช้านนน  อยากจะบ้าตาย  ทุกคนเป็นอะไรกานหมด TOT
ฉันหันไปเจอคาเอะ  ฉันรู้สึกดีขึ้นมาทีเดียว ฉันรู้ว่าคาเอะต้องเข้าใจฉันมากกว่าใครๆ 
และคงอธิบายว่านักเรียนหลายๆคนเป็นอะไรกันไปหมด
“หวัดดี คาเอะ” ฉันเริ่มการสนทนา  คาเอะมองมาที่ฉันด้วยสายตาลุกเป็นประกาย 
“แหม เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานไม่บอกกันเลยนะว่าชอบเป็ด”
เหอๆคาเอะก็เป็นไปกะเขาด้วยหรอเนี่ย T^T
   
          และฉันมาเข้าใจเรื่องทั้งหมดเมื่อเห็นกระดาษแผ่นหนึ่ง  ไม่สิ เกือบร้อยแผ่นตามที่ต่างๆในโรงเรียน
มีใจความว่า ชิไอ ปี1 ห้อง2  ชอบเป็ด ถึงกับใส่กางเกงในลายเป็ดน้อย -  ฉันอ่านแค่นั้นแล้วแทบเดือด
ฉันรู้ว่าใครเป็นคนทำและฉันต้องแก้แค้น O^O
ฉันเดินดุ่มๆไปยังห้องของนายโทกิทันทีด้วยความโมโห
“ปึง..” เสียงมือของฉันกระแทกลงบนโต๊ะข้างหน้านายโทกิอย่างแรง  จนดึงความสนใจของคนในห้อง 
โชคดีที่พี่หมาไม่อยู่ ^^;
“นายจะเอายังไงกับฉัน” หมอนี่ทำให้ฉันรู้สึกอายแทบแทรกแผ่นดินหนีผู้คน
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าจะต้องเห็นดีกัน”  โทกิตอบอย่างเรียบๆ แทรกรอยยิ้มของผู้ชนะ
ที่แท้เบอร์โทรศัพท์ปริศนานั่นก็คือนายโทกินี่เอง -_-
“ก็นายบอกจะเก็บเป็นความลับ และฉันก็คิดว่านายน่าจะรักษาคำพูดได้ดีกว่านี้นี่” ฉันทวงคำพูดเขา  และนั่นก็ทำให้เขาอึ้งไปเล็กน้อย
“ขอโทดนะที่ทำรุนแรงไป” โทกิพูดคล้ายๆสำนึกผิด
“ขอโทด..นายคิดว่าแค่นี้เรื่องจะจบหรือไง” 
ฉันไม่อยากนึกถึงตอนที่โดนใครต่อใครล้อว่าเป็ดน้อยเลยโถ่ ToT
“งั้นเธอก็แกล้งมาเป็นแฟนฉันสิ  คนน่ะจะสนใจข่าวใหม่และลืมเรื่องเป็ดน้อยไป  พอถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกที เผื่อเธอติดใจชอบฉันขึ้นมาจริงๆ”  โทกิพูดอย่างทีเล่นทีจริง  แต่ฉันก็รู้สึกวาบๆอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่มีทาง  ฉันไม่มีทางเป็นแฟนของนายไม่ว่าจะแกล้งหรือจริงก็ตาม” ฉันพยายามตะคอกเสียงเพื่อกลบความอาย 
แต่รู้สึกจะดังเกินไป เพื่อนของเขาหันมามองเราและหัวเราะกัน
“เธอทำให้ฉันเสียหน้า” ขณะที่เขาพูดฉันสังเกตเห็นว่าหน้าของเขาแดงผิดปกติ
สมน้ำหน้า ^o^
ทันใดนั้นเสียงออดดังขึ้นซึ่งนั่นเป็นสัญญาณว่าฉันจะควรเข้าห้องเรียนได้แล้ว  เมื่อฉันกำลังจะก้าวออกจากห้องของโทกิ 
ก็มีมือมือหนึ่งดึงแขนฉันไว้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น