คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : 长沟落月 ท่านพี่อย่าเย็นชากับข้านักเลย เล่ม 1 : ห้า ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม
长沟落月
ท่านพี่อย่าเย็นชากับข้านักเลย
เล่ม 1
เขียน ฉางโกวลั่วเยวี่ย (长沟落月) , แปล ซิงซือ
หนังสือ 5 เล่มจบ , วางจำหน่ายรูปแบบ E-Book
ลงตัวอย่างทดลองอ่าน 40-50%
ห้า
ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม
[ต้นฉบับยังไม่ผ่านการพิสูจน์อักษร อาจพบคำผิดอยู่บ้าง]
เสวี่ยเจียเยว่ถึงกับตะลึงไปครู่หนึ่ง
ดูเหมือนว่าเอ้อร์ยาเจ้าของร่างเดิมในอดีตก็เคยเข้าไปในห้องของเสวี่ยหยวนจิ้งเช่นกัน
ดังนั้นเสวี่ยหยวนจิ้งจึงไม่ชอบที่การที่นางเข้าไปในห้องเขา
กว่าที่เสวี่ยเจียเยว่จะได้สติเอ่ยปากขอโทษ
กลับพบว่าเสวี่ยหยวนจิ้งถือหม้อเดินออกไปแล้ว
ภายใต้แสงแดดอันอบอุ่น
แผ่นหลังของเขากลับดูซูบผอมและโดดเดี่ยว
เมื่อเสวี่ยเจียเยว่เห็นเขาเดินออกไปไกลแล้ว
นางจึงก้มหน้าลงพลางยิ้มบาง
เสวี่ยหยวนจิ้งมีอคติต่อนางมากเกินไป
ความรู้สึกเช่นนี้มันก็ยากนักที่จะขจัดออกไป แต่ไม่เป็นไร
ชีวิตหลังจากนี้ยังยาวนานนัก นางจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เช่นนี้แน่นอน
นางให้กำลังใจตนเองอยู่ในใจ
ก่อนจะหันกลับไปหยิบไม้กวาดด้ามยาวที่พิงอยู่ข้างกำแพงมากวาดลานบ้าน
เมื่อกวาดลานบ้านจนสะอาดสะอ้านแล้ว
จึงนำผ้าขี้ริ้วมาเช็ดถูเครื่องเรือนภายในบ้าน
และที่เน้นทำความสะอาดที่สุดก็คือครึ่งห้องที่ตนอาศัยอยู่ เมื่อเก็บของที่วางระเกะระกะไปส่วนหนึ่งแล้ว
ภายในห้องจึงดูสะอาดเป็นระเบียบขึ้นมาไม่น้อย
ไม่นานนางก็เหลือบไปเห็นขวดที่ทำจากดินเผาขวดหนึ่งวางอยู่ในกองสิ่งของที่ระเกะระกะนั้นโดยบังเอิญ
แม้ว่าปากขวดจะแตกออกเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ ทว่านางก็ยังนำมาเช็ดทำความสะอาดอย่างประณีต
เมื่อเช็ดเสร็จแล้วจึงนำน้ำมาใส่ประมาณครึ่งขวด
หลังจากนั้นจึงหักกิ่งไม้ของต้นท้อในลานบ้านมาใส่ขวด
ขวดดินเผาโบราณสีเทาอ่อนที่เรียบง่าย
เข้ากับดอกท้อสีชมพูอ่อนยิ่งนัก เมื่อมองก็ทำให้รู้สึกสบายใจไม่น้อย
เมื่อนางทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงเงยหน้ามองไปด้านนอกเรือน
เห็นแสงอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้าแล้ว
นางจึงรีบไปที่ห้องครัวทำอาหารเย็นตามคำสั่งของซุนซิ่งฮวาทันที
ในชีวิตหนก่อนมารดาของนางได้ตายไปแล้ว
ส่วนบิดาของนางจึงแต่งงานใหม่ แม่เลี้ยงของนางปฏิบัติต่อนางไม่ดีเท่าไรนัก
เรื่องตบตีหรือด่าทอให้อดข้าวอดน้ำจึงเป็นเรื่องปกติ ภายหลังตาและยายของนางจึงทนดูไม่ได้
มาก่อเรื่องวุ่นวายถึงในบ้านของบิดาตน ก่อนจะพานางกลับไปอยู่กับพวกเขา
แต่กระนั้นก็ต้องขอบคุณแม่เลี้ยงจอมขี้เกียจของนาง
เพราะเรื่องทำกับข้าวกับปลาภายในบ้านล้วนเป็นนางที่รับผิดชอบ
ดังนั้นนางจึงชำนาญในเรื่องเช่นนี้เป็นอย่างดี
อิงตามกับข้าวที่ซุนซิ่งฮวาทำเมื่อตอนเที่ยงนี้
เสวี่ยเจียเยว่นำข้าวฟ่างที่แช่เอาไว้มาล้างด้วยน้ำสะอาด
ก่อนจะนำมันใส่ลงไปในหม้อพร้อมกับเทน้ำลงไปครึ่งหนึ่ง เมื่อปิดฝาลงน้ำก็เริ่มเดือด
ในขณะที่นางเติมฟืนเข้าไปในเตา นางก็ตอกไข่ลงถ้วยไปด้วย
ช่วงนี้เป็นฤดูแห่งการกินผักขึ้นฉ่ายพอดี
ตะกร้าด้านข้างยังมีผักขึ้นฉ่ายกำเล็กๆ กำหนึ่งอยู่ในนั้นด้วย
เสวี่ยเจียเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนจะเด็ดใบของขึ้นฉ่ายออกมาพร้อมกับหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วใส่ลงไปในไข่ที่ตอกไว้
เพิ่มเกลือลงไปเล็กน้อย และคนให้เข้ากันก่อนจะวางเอาไว้ด้านข้าง
แท่นเตาโดยทั่วไปของชาวนามักจะมีหม้อใบใหญ่สองใบ
ใบแรกจะใช้เพื่อต้มข้าว ส่วนอีกใบจะใช้เพื่อผัดผัก
ก่อไฟขึ้นภายในเตาที่มีหม้อใบใหญ่ใบนั้นวางอยู่
เมื่อหม้อร้อนได้ที่แล้วจึงนำน้ำมันงาลงไปเล็กน้อย
ก่อนจะนำไข่ไก่ที่ผสมด้วยผักขึ้นฉ่ายลงไปทอดจนกลายเป็นแผ่นไข่ทอด
ทว่านางตั้งใจเหลือเอาไว้บางส่วน
นางไม่ได้เทไข่ลงหม้อจนหมดตั้งแต่แรก แต่นางเทลงไปเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น
ใช้ไม้พายโกยไข่ลงไปในหม้อ เมื่อไข่สุกได้ที่แล้วจึงตักใส่ลงไปในจาน
และในตอนนี้ข้าวฟ่างที่อยู่อีกหม้อก็เริ่มเดือดขึ้นแล้ว
ทำให้ได้ยินเสียงเดือดปุดปุดดังขึ้นในหม้อใบนั้น
ไอน้ำสีขาวลอยตลบอบอวลขึ้นภายในห้องครัวไปกว่าครึ่ง
เมื่อเสวี่ยเจียเยว่เห็นดังนั้น
จึงรีบนำถ้วยดินเผาเนื้อหยาบใบหนึ่งออกมาจากตู้ถ้วยชาม แล้วนำไปล้างทำความสะอาด
ก่อนจะเปิดฝาหม้อออกแล้วตักใส่จนเต็มถ้วยใบนั้น จึงได้โจ๊กข้าวฟ่างที่เข้มข้นเป็นอย่างมาก
จากนั้นนางก็นำทอดไข่ใส่ขึ้นฉ่ายที่ทำเมื่อสักครู่นี้ขึ้นมากิน
วันนี้ทั้งวันนางได้กินแค่โจ๊กข้าวฟ่างที่มีข้าวฟ่างอยู่ในนั้นเพียงเล็กน้อย
ท้องของนางมันร้องเพราะความหิวโหยตั้งนานแล้ว ตามที่ซุนซิ่งฮวาทำเช่นนั้นกับนาง
จึงรู้ชะตากรรมแล้วว่าข้าวเย็นในวันนี้นางก็คงได้กินเพียงโจ๊กข้าวฟ่างที่ไม่เข้มข้นถ้วยหนึ่งเช่นกัน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ฉวยโอกาสที่หาได้ยากยิ่งกินจนตัวเองอิ่มท้องจะดีกว่า
ในขณะที่ท้องกำลังหิวอย่างที่สุดมีหรือจะสนว่ามันจะลวกปากหรือไม่
อีกทั้งนางก็กังวลว่าเสวี่ยหย่งฝูและซุนซิ่งฮวาจะกลับมา
ดังนั้นนางจึงต้องกินให้เร็วที่สุด ในขณะที่นางกินข้าวอยู่นั้น
หูของนางก็ต้องฟังเสียงการเคลื่อนไหวภายนอกไปด้วย
เมื่อกินไข่และโจ๊กข้าวฟ่างเสร็จแล้ว
นางจึงรีบล้างถ้วยและตะเกียบให้เรียบร้อย และนำมันไปวางไว้ในตู้ถ้วยชามเช่นเคย
ส่วนไข่ที่ปรุงแล้วและโจ๊กข้าวฟ่างที่เหลือ...
เสวี่ยเจียเยว่จึงตักน้ำกระบวยหนึ่งมาใส่ไข่ที่ปรุงแล้วและใส่ลงไปในหม้อโจ๊กข้าวฟ่าง
ทำเช่นนี้ซุนซิ่งฮวาถึงจะดูเรื่องปริมาณไม่ออก
ในชีวิตหนก่อนนางก็ทำเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง
สามารถพูดได้เลยว่าไม่ว่าจะเป็นแม่เลี้ยงคนไหนก็ร้ายกาจเหมือนกันหมด
แน่นอนว่าเมื่อมีแผนการเจ้าเล่ห์มาก่อน ก็ย่อมมีแผนการโต้ตอบกลับไปเช่นนั้น
มีการเพิ่มไฟเข้าไปในเตาอย่างต่อเนื่อง
โจ๊กข้าวฟ่างก็สุกได้ที่แล้ว ผัดไข่ใส่ขึ้นฉ่ายก็เสร็จแล้ว
หมั่นโถวธัญพืชก็อุ่นแล้ว เมื่อเสวี่ยเจียเยว่ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูลานบ้าน
นางจึงรีบวิ่งไปเปิดประตู
จากนั้นจึงเห็นซุนซิ่งฮวาอยู่ด้านนอก เสวี่ยหย่งฝูก็ยืนอยู่ข้างๆ นาง
ส่วนเสวี่ยหยวนจิ้งก็ยืนห่างออกไปสองสามก้าวด้านหลังของพวกเขา
พลางเอียงหัวเล็กน้อย ราวกับกำลังทอดตามองไปยังภูเขาสีเขียวขจีที่กำลังทอดยาวออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา
ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังอัสดง
จึงเผยให้เห็นลำคอเรียวยาวที่สง่างามของเขาออกมาชัดเจนยิ่งขึ้น
ผิวขาวราวกับกระดาษซวนจื่อก็ไม่ปาน
เสวี่ยเจียเยว่ดึงสายตาที่กำลังมองเขากลับมา
เมื่อได้ยินเสียงของซุนซิ่งฮวา “ฟ้ายังสว่างโร่เช่นนี้ เหตุใดเจ้าถึงปิดประตูลานบ้าน?
ทั้งยังใส่กลอนอีก? หรือจะมีเสือวิ่งเข้ามากินเจ้าหรืออย่างไร?”
ในชนบทหากมีคนอยู่ในบ้าน
ก็มักจะไม่ปิดประตูเรือนและประตูลานบ้าน หากปิดล่ะก็
คนในหมู่บ้านก็ต้องหัวเราะเจ้าที่ปิดประตูตอนกลางวันแสกๆ เพราะเหตุใดเล่า
หรือมีเรื่องอะไรที่ไม่อาจบอกผู้ใดกัน?
ทว่าในอดีตเสวี่ยเจียเยว่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่
แม้ว่าต่อมานางจะย้ายไปอยู่ในชนบทเล็กๆ กับตายายของนาง
แต่เพราะความเคยชินเมื่อเข้าประตูมาแล้วก็ต้องปิด อีกอย่างก็เพิ่งจะมาอยู่ที่นี่
นางจึงอยากจะระมัดระวังเอาไว้เสียหน่อย หากไม่ปิดประตูลานบ้านนางย่อมไม่มีทางสบายใจ
แต่คำที่ซุนซิ่งฮวาก่นด่านางนั้น
นางก็ไม่ได้โต้เถียงอันใด
แม่เลี้ยงในชาติที่แล้วของนางมีนิสัยคล้ายกับซุนซิ่งฮวาไม่น้อย
ไม่ชอบให้คนที่ทำตัวกระด้างกระเดื่องกับตน หากทำเช่นนั้น
เกรงว่าต้องถูกด่าหรือไม่ก็ต้องถูกตีสักยกแน่นอน หากแต่ถ้าไม่ทำเช่นนั้น นางก็จะด่าเพียงสองสามประโยคแล้วปล่อยมันผ่านไป
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ยอมให้ซุนซิ่งฮวาบ่นด่านางไปจะดีกว่า
ถึงนางจะเถียงหัวชนฝาอย่างไร ก็สู้ซุนซิ่งฮวาไม่ได้อย่างแน่นอน
แม้จะบอกว่ามีเพียงความกล้าหาญเท่านั้นถึงจะเอาชนะทุกอย่างได้
ทว่าอันดับแรกก็ต้องแน่ใจก่อนว่าตนคือคนที่มีความกล้าหาญผู้นั้น
มิเช่นนั้นหากรู้ทั้งรู้ว่าตนไม่สามารถต่อกรกับคู่ต่อสู้ได้
แต่ก็ยังจะวิ่งเข้าใส่แล้วปล่อยให้คู่ต่อสู้เอาชนะตนได้
เช่นนั้นก็ต้องเรียกว่าคนโง่เขลาแล้ว
หากรอคิดบัญชีของวันนี้ตอนที่ตนมีความสามารถมากพอแล้วมันจะไม่ดีกว่าหรือ?
ล้างแค้นสิบปีก็ยังไม่สาย
ความหมายของประโยคนี้ก็คือ ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังมีความหวังเสมอ
เสวี่ยเจียเยว่หรี่ตาลงไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกไป
ปล่อยให้ซุนซิ่งฮวาก่นด่านางพลางเดินเข้าไปในลานบ้าน
ในขณะที่เสวี่ยหย่งฝูเดินตามหลังนางไปก็มองเสวี่ยเจียเยว่ด้วยสายตาตื่นตกใจ
จากนั้นจึงเอื้อมมือจะไปสัมผัสใบหน้าของนาง
เสวี่ยเจียเยว่รู้สึกเบื่อหน่ายยิ่งนัก
นางถอยหลังไปสองก้าวอย่างเงียบๆ เพื่อหลบหลีกมือของเสวี่ยหย่งฝู
ทว่าเสวี่ยหย่งฝูกลับไม่ได้สังเกต
แล้วถามนางไปด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสระผมล้างหน้าด้วยหรือ? ช่างดูสะอาดสะอ้านเสียจริง”
ก่อนหน้านี้เสวี่ยเจียเยว่ได้เช็ดผมจนแห้งแล้ว
นางครุ่นคิดครู่หนึ่ง หากนางจะรวบผมมัดเลยก็ย่อมทำไม่ได้
จะปล่อยผมตลอดเวลาก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้
สุดท้ายจึงต้องถักเปียสองข้างไล่ละลงมาที่บ่าของตน
แต่แม้ว่าเรื่องอาหารการกินของเจ้าของร่างเดิมนั้นจะไม่ดีเท่าไรนัก
แต่หลังจากเส้นผมถูกสระจนสะอาดสะอ้านแล้วกลับดำขลับและนุ่มสลวยยิ่ง
แม้แต่เสวี่ยเจียเยว่ยังไม่กล้าจะเชื่อว่าเส้นผมของนางจะงดงามได้ถึงขนาดนี้
เสวี่ยหย่งฝูมองพิจารณาเสวี่ยเจียเยว่อย่างละเอียด
ก่อนจะเรียกซุนซิ่งฮวา “เจ้ามาดูนี่หน่อย เอ้อร์ยาสระผมล้างหน้าแล้ว ดูสะอาดสะอ้านไม่น้อยเลย
พอมองดูดีๆ แล้ว หน้าตาของนางก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เลยนะ
เหตุใดเมื่อก่อนข้าถึงไม่เคยสังเกตเห็นเลยเล่า?”
ในที่แห่งนี้
คนมักจะพูดคำว่าหน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ซึ่งก็หมายถึงการชมว่าหน้าตางดงามนั่นเอง
ท่าทางของเสวี่ยหย่งฝูราวกับได้พบของล้ำค่าอย่างกะทันหันก็ไม่ปาน
หัวเราะคิกคักอยากจะเอื้อมมือไปดึงผมเปียของเสวี่ยเจียเยว่
แต่กลับถูกเสวี่ยเจียเยว่หลบไปเสียก่อน
ในขณะเดียวกันก็รู้สึกยิ่งเบื่อเขาขึ้นมาเรื่อยๆ
พอเงยหน้าขึ้นมา
ก็พบว่าเสวี่ยหยวนจิ้งกำลังมองมาที่นางด้วยสายตาเย็นชา ดูไม่ออกเลยว่าเขากำลังรู้สึกอะไรอยู่กันแน่
ทว่าซุนซิ่งฮวากลับไม่พอใจยิ่งนัก
นางเดินเข้ามาสองสามก้าว
มองเสวี่ยเจียเยว่อย่างละเอียด ก่อนจะกล่าวอย่างเย้ยหยัน
“พระอาทิตย์วันนี้คงออกทางทิศตะวันตกแล้วกระมัง คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะสระผมด้วย?
ทั้งยังล้างหน้าล้างตาจนสะอาดสะอ้านอีกด้วย? ข้าจำได้ว่าเจ้าเหมือนจะไม่ได้สระผมมาเกือบครึ่งปีแล้วกระมัง?
ล้างหน้าทุกครั้งก็อย่างกับแมว ขี้เกียจจนต้องเอาน้ำลายตัวเองมาล้างหน้า”
เมื่อนางกล่าวจบ
เสวี่ยเจียเยว่ก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของเสวี่ยหยวนจิ้ง
สายตาที่เย็นชามองมาที่นางนั้นมีความสงสัยปะปนอยู่ด้วย
นี่เป็นเรื่องปกติอย่างมาก
เพราะแม้แต่นางก็ยังสงสัยในร่างกายของตนเช่นเดียวกัน
หลังจากซุนซิ่งฮวาบ่นว่านางเสร็จก็ดึงเสวี่ยหย่งฝูเข้าไปในเรือน
พร้อมกับเรียกนาง “เจ้าจะยืนนิ่งเป็นสากอยู่ตรงนั้นเพื่ออะไร?
เข้ามายกกับข้าวหมั่นโถวสิ หรือว่าข้าดำนาทั้งวันเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดแล้ว
ยังต้องกลับมาปรนนิบัติคุณหนูใหญ่อย่างเจ้าอีกหรือ?”
เสวี่ยเจียเยว่รู้สึกว่าซุนซิ่งฮวาปฏิบัติต่อลูกสาวแท้ๆ
ของตนราวกับเป็นศัตรูคู่แค้นอย่างไรอย่างนั้น
ถึงอย่างไรนางก็เพิ่งข้ามภพมาได้สองวัน แต่นางก็ไม่เคยเห็นสีหน้าดีๆ
ของซุนซิ่งฮวาแม้แต่ครั้งเดียว และก็ไม่เคยได้ยินคำพูดดีๆ ออกมาจากปากนางสักคำ
นางกลืนคำพูดนี้ลงไปอย่างเงียบๆ
จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องครัว
กับข้าวและหมั่นโถวต่างก็ถูกนางยกมาวางไว้บนโต๊ะ
แต่โจ๊กกลับไม่ใช่นางที่เป็นคนตัก
ซุนซิ่งฮวาตักโจ๊กใส่ถ้วยใบหนึ่งเสร็จ
ก็หยิบถ้วยอีกใบหนึ่งมาปิดถ้วยใบนั้นเอาไว้
ก่อนจะเทน้ำในนั้นออกมาให้ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว เสวี่ยเจียเยว่ที่ยืนดูอยู่ข้างๆ
อดถอนหายใจอย่างเหลืออดขึ้นมาในใจไม่ได้
โจ๊กสองถ้วยที่ถูกรินน้ำออกมาจนกลายเป็นข้าวแห้งแล้วก่อนหน้านี้
ซุนซิ่งฮวานำอีกถ้วยให้แก่เสวี่ยหย่งฝู ส่วนอีกถ้วยก็เก็บไว้ให้ตัวเอง
ส่วนเสวี่ยเจียเยว่และเสวี่ยหยวนจิ้งน่ะหรือ ก็ยังคงเป็นน้ำโจ๊กเหลวๆ
ที่ไม่เข้มข้น พอให้คนมองเห็นเม็ดข้าวฟ่างได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ยังดีที่ตอนแรกเสวี่ยเจียเยว่แอบกินโจ๊กที่อัดแน่นด้วยข้าวฟ่างกับทอดไข่ไปแล้ว
ดังนั้นนางจึงรู้สึกเฉยๆ กับโจ๊กที่มีข้าวฟ่างอยู่เพียงน้อยนิดในถ้วยตรงหน้านี้
นางแอบเหลือบมองเสวี่ยหยวนจิ้ง ช่างดีจริงๆ เพราะใบหน้าของเขาเฉยชากว่านางมากนัก
แทบไม่รู้เลยว่าคนผู้นี้รู้สึกหิวหรือไม่
เสวี่ยเจียเยว่ยกถ้วยขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆ
กินโจ๊กเข้าไปอย่างช้าๆ ไม่นานนางก็ได้ยินซุนซิ่งฮวาเอ่ยถาม
“เมื่อครู่นี้เจ้าไม่ได้ขโมยกินใช่หรือไม่?”
เสวี่ยเจียเยว่ส่ายหัว
ทว่าซุนซิ่งฮวากลับดูไม่เชื่อนางอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะหยิบกุญแจไขเข้าไปในห้อง
ตรวจดูข้าวฟ่างที่บรรจุอยู่ในกระสอบและไข่ไก่ที่วางอยู่ในถังไม้ครู่หนึ่งถึงได้เดินออกมา
พร้อมกับเอ่ยถามเสวี่ยเจียเยว่
“เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าโจ๊กข้าวฟ่างในวันนี้มันพิเศษกว่าทุกวัน?
เจ้าไม่ได้ขโมยกินจริงๆ หรือ?”
เสวี่ยเจียเยว่มองดูตะเกียบที่แทบจะวางในถ้วยไม่ได้ของซุนซิ่งฮวา
โจ๊กที่อัดแน่นไปด้วยข้าวฟ่างขนาดนั้นจะไม่พิเศษได้เยี่ยงไร
ก่อนจะส่ายหัวปฏิเสธตามเดิม
หากยอมรับแล้วล่ะก็
เกรงว่าต้องถูกตีถูกด่าอย่างแน่นอน ตอนนี้จะตีนางให้ตายอย่างไรนางก็ไม่มีทางยอมรับ
ซุนซิ่งฮวากำลังจะถามนางอีก
แต่ก็ได้ยินน้ำเสียงไม่พอใจของเสวี่ยหย่งฝูดังขึ้น “พอได้แล้ว
ถ้าเจ้าไม่สงสัยว่าคนนี้ขโมยกินก็สงสัยว่าคนนั้นขโมยกิน ต่อไปตอนที่เจ้าออกจากบ้านก็ใส่ของพวกนี้ไปข้างนอกกับเจ้าด้วยเลยสิ”
เมื่อกล่าวจบ
ก็หันสายตามามองทางเสวี่ยเจียเยว่
แต่สายตาของเขากลับไม่มีความรำคาญอยู่ในนั้นเลยแม้แต่น้อย
“ทอดไข่ใส่ขึ้นฉ่ายจานนี้ช่างอร่อยยิ่งนัก”
เสวี่ยหย่งฝูพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่นานหลังจากนั้น จึงพูดขึ้นมาอีกประโยคว่า
“อร่อยกว่าแม่ของเจ้าทำเสียอีก”
เสวี่ยเจียเยว่หันกลับไปมองซุนซิ่งฮวา
ก็เห็นว่าสีหน้าของนางไม่ค่อยจะดีนัก
นางต้องไม่พอใจกับประโยคนี้เป็นอย่างมากแน่นอน
แต่มีอะไรสำคัญเล่า
เมื่อเสวี่ยเจียเยว่คิดถึงความโชคร้ายของซุนซิ่งฮวาที่จะได้พบเจอ
หัวใจของนางมีความสุขก็พอแล้ว
พอหันกลับไปก็เห็นสายตาเย็นชาของเสวี่ยหยวนจิ้ง
นางเองก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา เพียงก้มหน้าก้มตากินโจ๊กต่อไป
#ท่านพี่อย่าเย็นชากับข้านักเลย
อัปเดตตอนใหม่ วันเว้นวัน เวลา 15.00
น.
ติดตามข่าวสาร
ความคิดเห็น