รักวุ่นวุ่น ในงานกีฬาสี - รักวุ่นวุ่น ในงานกีฬาสี นิยาย รักวุ่นวุ่น ในงานกีฬาสี : Dek-D.com - Writer

    รักวุ่นวุ่น ในงานกีฬาสี

    เรื่องนี้เรื่องแรกฝากด้วยนะคะ

    ผู้เข้าชมรวม

    71

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    71

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    3
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  7 เม.ย. 58 / 15:14 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

      “ เอาล่ะนะ  ตอนนี้เราตกลงแล้วจากทั้งสามห้องที่รับผิดชอบงานกีฬาสีสีฟ้า  ห้องเราได้รับหน้าที่คุมกีฬานะ ”

              เสียงหัวหน้าห้องพยายามประกาศแก่สมาชิกในห้อง  ถึงแม้ว่าจะมีคนฟังไม่ถึงครึ่งก็ตาม  ก็ตามนั้นแหละห้องเราก็คงต้องรับหน้าที่อย่างอื่นไม่ไหว  ถ้าต้องรับพวก ทำสแตนเชียร์  หรือ  ขบวนสีก็คงมีหวังเละเทะแน่  ก็นะสภาพในห้องผมนะหรอเดียวจะอธิบายคร่าวแล้วกันนะ  ในห้องนี้มีผู้ชายซะส่วนใหญ่ทำให้บรรยากาศในห้องค่อนข้างคึกขื้น  แต่บางทีมันก็มากเกินไป  ส่วนใหญ่ผู้ชายในนั้นก็ค่อนข่างเอาดีทางกีฬา  แน่นอนว่าเข้าเรียนบ้างไม่เรียนบ้าง  อีกส่วนเป็นพวกที่เรียนปานกลางค่อยช่วยเหลือกิจกรรมพวกผู้หญิงบางเป็นครั้งคราวแต่แน่นอนขึ้นกับอารมณ์ของพวกเขา  แล้วก็ยังมีผู้ชายอีกนิดหน่อยที่มักจะโดนให้ช่วยกิจกรรมเสมอ  แน่นอนที่ผมอธิบายมานี้คุณคงคิดว่าผู้หญิงในห้องของผม  คงต้องเป็นเหมือนนางฟ้าแน่นอนใช่ไหมล่ะพวกเขาคงต้องเหมือนสมบัติประจำห้อง  แต่มันติดอยู่ที่ว่าบางครั้งโรคความจริงกับความฝันมันแต่กัน  มีคนที่หน้าดีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น  ส่วนที่เหลือนะหรอ  พูดมากเสียงดังไม่มีความเป็นอิสตรีเอากันซะเลย  ส่วนผมนะหรอผมพึ่งย้ายมาจากโรงเรียนแน่นอนว่าไม่มีสิทธิ์ออกปากเสียงอะไรในห้องเท่าไหร่นักในห้อง  ผมจึงมักจะโดนจับยัดให้ทำกิจกรรมเสมอและดูเหมือนครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน

      “ งานคราวนี้ทุกคนต้องช่วนกันนะเราจะแจกงานให้ทุกๆคนได้เท่ากัน ”

      ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีนะซิ

      “ เอาล่ะนะ  พวกมะพร้าว( พวกเอาดีทางกีฬา ) ฉันจะให้พวกนายทั้งหมดคุมกีฬาฟุตบอลทุกประเภทนะ ”

      “ ส่วน เอก  ปัน บอม ไปคุมแบตนะ  โอม  เมฆ  ไอซ์  ไปคุมกรีฑา ” 

      โอเคเราคุมกรีฑากีฬายอดฮิต  ออผมบอกทุกคนยังว่าผมชื่อ เมฆ

       “ ปลื้ม  มาร์ค  กฤต  คุมแฮนบอลนะ ”

      “ ส่วนที่เหลือฉัน  กับพวกผู้หญิงคุมเองพรุ่งนี้เราจะเรียกน้องมาประชุม  แล้วหาตัวนักกีฬา ”

      ผมก็กลับปกติเหมือนทุกทีและหวังว่าทุกอย่างมันจะผ่านไปได้ด้วยดี  แต่เช้ารุ่งขึ้นความจริงอันแสนโหดร้ายก็มาเยือนพวกผม  เมื่อทางโรงเรียนไม่ได้ให้ตารางการแข่งขันกีฬามาพวกผมที่ต้องคัดตัวนักกีฬาค่อนข้างมีปัญหามากเพราะไม่รู้ประเภทและจำนวนคนแข่งที่แน่ชัดของกีฬาแต่ละประเภท  แถมรุ่นน้องต่างพากันไม่ยอมลงแข่งกีฬา  บางคนลงแข่งก็หาคนคุมกีฬาที่ลงไม่ได้ ( ข้อนี้คงโทษใครไม่ได้นอกจากพวกพี่ๆ ) ผมนี้กับกุมขมับทุกอย่างวุ่นวายไปหมด

      “ พี่ค่ะๆ  แฮนบอลลงไหนหรอค่ะ ”

      “ เออ  แปปนะครับ ”  โชคดีนะที่ผมสนิทกับปลื้ม และ มาร์ค  แต่ปัญหาคือมันหายหัวไปไหนกันวะ

      “ เออ  น้องครับ  น้องลงชื่อไว้ในนี้ก่อนได้ไหม ”

      “ ได้ค่ะ ” 

      เด็กสาวคนนั้นตอบพร้อมส่งยิ้มให้ทันไหนนั้นความคิดในหัวผมก็พุดขึ้นมานางฟ้าชัดๆ  เออ ผมก็ไม่รู้ว่ากล้าคิดไปได้ยังไงรุ่นน้องนะโว๊ย  เมฆใจเย็นไว้  เราไม่ใช้โลลิค่อนนะเพื่อน  หลังจากที่เธอเดินจากไปผมก็มองดูชื่อของเธอก่อนที่จะดึงสติตัวเองเข้าสู่ความวุ่นวายอีกครั้งกับการหานักกีฬา

      หลังจากนั้นไม่นานพวกเราก็เลิกการประชุมสีครั้งแรก

      “ ปลื้ม  เอานี้น้องพวกนี้อยากลงแข่งแฮนบอล ”

      “ อ่าๆ ขอบใจ ”

      หลังจากนั้นผมก็ยุ่งกับการหานักกีฬาของผมกับการคัดตำแหน่งวิ่งพวกแถมไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่นเลยเว้นแต่

      “ เมฆ  ช่วยพวกฉันหน่อยดิวะ ”

      “ ช่วยอะไรวะ ปลื้ม ”

      “ ช่วยกูซ้อมเด็กแฮนบอลหน่อยดิ ”

      “ ของกูยังไม่เสร็จดีเลย ”

      “ มึงก็ให้ไอ้ โอมกับ ไอ้ไอซ์  คุมไปดิ  นะช่วยกูเถอะ ”

      “ อ่าๆ  ถ้าว่างจะไปนะ ”

      ผมตอบให้มันแบบผัดๆไปกะว่าอีกเดียวมันก็คงลืม  แต่ไอ้เรามันก็คนดีซะด้วยไม่ช่วยก็คงไม่ได้  ล้อเล่นจริงๆผมก็แค่ไม่อยากผิดคำพูดไม่ว่ากับใคร  ผมค่อยๆเดินไปที่ซ้อมของพวกแฮนบอลสีของผม  ใจหนึ่งก็อยากช่วยอีกใจกูก็ขี้เกียจเหลือเกินเอาเถอะเรา  ในที่สุดผมก็ไปพบไอ้ปลื้มจนได้

      “ โอ้เมฆ  มาแล้วกะ ”

      “ อ่า  มีไรให้ช่วยวะ ”

      “ ก็อย่างที่เห็นมึงช่วยสอนแฮนบอลให้พวกน้องผู้หญิงม.ต้นหน่อยดิ ”

      ผมหันไปมองตามนิ้วมือของไอ้ปลื้มแต่ผมก็ต้องสะดุดเมื่อผมเห็นไอ้เอก  ที่กำลังพยายามสอนพวกรุ่นน้องอยู่

      “ ไอ้เอกก็มาช่วยแล้วนิ ”

      “ แค่มันคนเดียวไม่ไหวหรอก  ถือว่าช่วยกันเถอะนะ ”

      “ เฮ้ยยย  เอาวะ  เอาก็เอา ”

      ผมเดินเดินไปหาไอ้เอกที่กำลังสอนรุ่นน้องให้วิ่งกระโดดชู้ทำแต้ม  แต่ดูเหมือนน้องเขาจะยังทำไม่ได้เรื่องนั้นแหละนะ

      “ เอกถึงไหนแล้ววะ ”

      “ ก็อย่างที่เห็นนั้นแหละ  น้องเขายังจับลูกไม่มันเลย ”

              ถึงตรงนี้ผมล่ะเหนื่อยใจไอ้เราก็ใช่ว่าจะเป็น  กติกาตูยังไม่ค่อยรู้เลยครับ  รู้แค่ว่ามันก็คล้ายๆกับบาสเพียงแต่เปลี่ยนจากชู้ลงห่วง  เป็นเคี้ยวบอลให้เข้าโกลแทน  แถมยังเล่นบาสก็ใช้ว่าจะเก่งพึ่งหัดได้เดือนสองเดือนเอง

      “ เราให้น้องเขาฝึกรับส่งลูกก่อนไหม ”

      “ อืม  ตูก็ว่างั้น ”

      ผมกับเอกลงมัตติเดียวกันให้น้องเขายืนเป็นวงกลมแล้วส่งรับบอลกันก่อน  แต่ก็แน่นอนผลออกมาเป็นไปแบบที่ทุกคนคาดการไว้ได้ว่าไม่ได้เรื่อง  ให้ระหว่างที่ผมกับเอกนั่งกุมขมับอยู่นั้นมันก็มีบ้างอย่างเคลื่อนที่เข้ามาแน่นอน  มันไม่ใช่ยูเอฟโอแน่นอน  แล้วก็ไม่ใช่อะไรที่ไร้สาระอยากก้อนเมฆด้วย   ทุกคนหน้าจะเดากันออกใช่ไหม

      “ พี่ค่ะระวังงงงง !!!

              ใช่แล้วมันคือลูกแฮนบอลนั้นองและที่แน่ๆตอนนี้มันโดนหน้าผมเต็มๆ 

      “ เป็นอะไรรึเปล่าค่ะ ”

      “ ออ  เปล่าครับไม่เป็นไร ”

              ผมยืนส่งลูกแฮนบอลกลับให้น้องเขาทั้งที่ยังมึนตึบ  แต่แทนที่น้องเขารับไปแล้วจะไปซ้อมต่อเขากับยังยืนอยู่ที่เดิม

       “ เอ๊  พี่นี้เอง ”

      ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นก่อนจะเห็นรุ่นน้องคนที่มาขอลงชื่อกับผม

      “ ออ  น้องนี้เอง ”

      “ แล้วพี่มาทำอะไรหรอค่ะ  ไหนว่าไม่ได้คุมแฮนบอลไง ”

      “ ก็พอดีมีคนขอให้มาช่วยนะ ”

      “ หรอ  งั้นหนูขอฟากตัวด้วยนะโค้ช  หนูชื่อ... ”

      “ ฝน ”  ผมพูดแทรกขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

      “ รู้ชื่อหนูด้วยหรอ ”

      “ ก็นะพอดีก็มีคนมาลงแฮนบอลที่พี่คนเดียวนี้น่า  เอาล่ะพี่ชื่อ  เมฆนะ  ไปซ้อมปะเพื่อนรออยู่ ”

      “ อะไรกัน  เมฆ  คิดจะจีบรุ่นน้องหรอเพื่อน ”

      “ พูดบ้าอะไรของแก  เอก ”

      “ ก็ไม่เห็นเป็นไร  นี่หว่า  กินเด็กเป็นอมตะนะโว๊ย ”

      “ ยังไม่หยุดอีก  เดียวน้องเขาก็เข้าใจผิดหรอ ”

      “ ไปบอกไอ้ปลื้มนี้กว่า  เมฆกินเด็ก  เมฆกินเด็ก ”

      “ จะหาเรื่องกันใช่ไหม ”

              โชคดีที่ตอนที่ไอ้เอกมาพูดฝนไปซ้อมแล้วเพราะเราเองบางทีก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เรามาช่วยเพราะเพื่อนหรืออะไรกันแน่   เอาเถอะหลังจากนั้นผมก็มาอยู่ช่วยซ้อมแฮนบอลซะส่วนใหญ่จนสนิทกับรุ่นน้องเขาทุกคนถึงจะไม่ได้ซ้อมจนโหดเทพแม่งขิงๆ  แต่เราก็คงพอไปได้แล้วถ้าเทียบกับตอนแรกน้องเขาก็พัฒนาขึ้นมากเลยละ

              ในที่สุดพวกเราก็ได้ลงแข่งนัดแรกของเราพวก  เจอกับสีเขียวเหลือเชื่อว่าเราทำได้ดีเกินคาดเราชนะเรียกได้ว่าขาดรอยเลยทีเดียว  เเต่ปัญหามันอยู่ที่รอบต่อไปสามชิกตัวหลักคนหนึ่งในทีมต้องไปแข่งกีฬาให้รร.แถมอีกฝ่ายเป็นสีชมพู่  ซึ่งรวมนักกีฬาบาสไว้เกือบทั้งทีมไม่สงสารกูเลย  แถมหนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งที่ไม่ได้เป็นนักกีฬาบาสก็จริงแต่ตัวใหญ่กว่าผมที่เป็นเด็กผู้ชายม.ปลายซะอีกเอาเข้าไปจะไว้ไหมเนี่ย  ถึงจะไม่ได้หวังให้เป็นแชมป์แต่ลึกเราก็อยากให้พวกน้องเขาเข้าไปได้ลึกกว่านี้  เอาเถอะอยู่ที่น้องเขาล่ะนะ

      “ พี่เมฆเอาไงดี  ไอ้แปม ก็ไม่อยู่ ”

      “ เอาน่าพวก ซ้อมด้วยกันทุกคนนะไม่ได้ซ้อมคนเดียว ”

      “ ใช่แล้วเมฆพูดถูก  ถ้าไม่ลองให้ถึงที่สุดก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าผลจะเป็นยังไง ”

      “ เอาล่ะ  แผนของเราคือ  หลังสาม  กลางหนึ่ง  ด้านหน้าอีกสอง ”

      “ กองหลังตำแหน่งเดิม  กลางแก้มพี่ฝากด้วย ” 

      “ แต่ด้วยคราวนี้  เหนื่อยหน่อยนะช่วยกันให้ได้  ถ้าได้บอลรีบส่งบอลให้แนวหน้าแล้วช่วยเขาบุกด้วย ”

      “ กองหน้าจำไว้อีกฟากจะใช่แผนบุกสี่เหลือกองหลังไว้สองคน  ให้รีบคว้าโอกาสให้ได้ ”

      “ ทำไมเราไม่เน้นบุกละค่ะ ”

      “ พี่ไม่อยากยอมรับแต่เราบุกสู้เขาไม่ไหว้  จำไว้แค่แต้มเดียวก็ชนะได้ขอให้ได้หนึ่งลูก ”

      “ จำไว้ถ้าสำเร็จเราจะเปลี่ยนเป็นเล่นเยือนเกม  กันให้ดีที่สุดบุกเมื่อมีโอกาส  โอเคไปได้ ”

              ถึงผมจะบอกแผนแบบนั้นไปแต่ก็ใช่ว่าจะได้ผล  ผ่านไปสิบนาทีแรกไม่มีใครทำประตูได้แถมกองหลังที่ตัวใหญ่เท่าบ้านเท่าเมืองยังไม่ลงเราต้องทำแต้มให้ได้  แต่ดูเหมือนแผนผมได้ผลในที่สุดเราก็ยิงเข้าหนึ่งลูก  แต่เพราะลูกนั้นทำให้อีกฟากเอาตัวปัญหาลง   ฝั่งเราทำแต้มเพิ่มไม่ได้แถมยังถูกตีเสมอ  กองหลังบ้างคนกับกลางเริ่มไม่ไหวแล้ว  ส่วนฝนที่พร้อมเล่นการไหวตอนนี้ก็ป่วยอยู่  ผมต้องรีบเปลี่ยนคนเข้าแทน  หมดครึ่งแรกเกมนั้นยังสูสีแต่อีกฝ่ายมีตัวสำรองมากกว่าถ้ายื้อนานๆคงไม่ไหวแต่ปัญหามันเพิ่มเริ่ม  โกลของเรานิ้วซ้นจนเล่นต่อไม่ได้แถมทีมเราไม่มีโกลสำรองซะด้วย

      “ ฝนลงเป็นโกลหน่อยไหวไหม ”

      “ ค่ะพอไหว ”

              แต่อย่างที่รู้กันยังไงโกลเราคงไม่ไหว  เปลี่ยนตัวลงไปยังไม่ถึงสามนาทีเราก็โดนนำจนได้ ผมดูเหตุการณ์ต่อไปจนตอนนี้  3-1 ฝั่งเราคงกันไม่ไหวแล้วจริงๆ

      “ กรรมการของเวลานอกครับ ”

      “ เอาล่ะเราคงเห็นแล้วว่าเราคงกันไม่อยู่แน่ ”

      “ พี่ขอเปลี่ยนแผน ”

      “ บุกไปเลยสี่คน  หลังเหลือสองพอ ”

      “ แล้วถ้าโดนยิงอีกล่ะค่ะ ”

      “ ฟังนะตอนนี้เราไม่มีอะไรจะเสียเเล้ว  เล่นให้เต็มที่พยายามเล่นโซนของอีกฝ่ายไว้ ”

      “ ถ้าเราเล่นแต่โซนฟากเขาได้เขาก็บุกมาไม่ได้ ”

              ดูเหมือนแผนพิเรนของผมได้ผลเรายิงได้อีกหนึ่งประตู  แต่ว่าสุดท้ายเราก็ตามอีกฝ่ายไม่ทันเกมจบลงที่สกอร์ 3-2  เราแพ้

      “ เอาล่ะทุกคนทำได้ดีแล้วเราไปพักที่แสตนเชียร์กันเถอะนะ ”

              ผมหันหลังยังไม่ทันเดินพวกน้องๆก็พากันร้องไห้  ชิบหายล่ะตรูไม่เคยปลอบใครซะด้วยกรรมแท้  แล้วตรูจะทำไงดีล่ะเนี่ย

      “ เอาน่าอย่าร้องสิ  เราทำดีที่สุดแล้ว ”

      เยี่ยมดีมากเอก  นายโซโลเลยโชคดีที่ผมไม่ได้พูดออกไป  ถ้าพูดมีหวังโดนด่าเละแน่

      “ แต่ว่า  เพราะหนูรับบอลไม่ได้ ”

      “ อย่าโทษตัวเองสิ ”

      เอกยิ้มเอามือลูบหัวฝน  ก่อนที่ฝนจะเริ่มหยุดร้องไห้

      “ ฝนพี่เห็นแกเดินแปลกๆตั้งแต่ตอนลงแข่งแล้วมันอะไรรึเปล่า ”

      “ ก็เจ็บนิดหน่อยค่ะ ”

      “ งั้นมาเดียวพี่พาไปเต็นพยาบาล ”

              ทันใดทีฝนขึ้นขี่หลังเอกไปผมกลับรู้สึกใจหายแปลกๆ  ทั้งอึดอัดและกระวนกระวาย  ผมแถมอยากไปเดินไปหยุดแต่ก็มีรุ่นน้องคนอื่นยังร้องไห้อยู่  สุดท้ายผมก็ทำได้แค่บ่อยสองคนนั้นไป  และ  ค่อยๆรอให้รุ่นน้องคนอื่นหยุดร้องไห้ไปเอง

      หลังจากนั้นไปนานทุกคนก็เข้าร่วมพิธีปิดงานกีฬาสีนี้   แล้วแยกย้ายกันกลับบ้านส่วนผมก็รอช่วยคนอื่นเก็บข้าวของ  ในระหว่างนั้นผมก็มองไปเห็นฝนกำลังนั่งซึมอยู่คนเดียว  ผมเลยเดินเข้าไปหา

      “ ไงยังเสร้าไม่หายอีกหรอ ”

      “ ก็นิดหน่อยค่ะ ”

      “ ไม่ต้องโทษตัวเองขนาดนั้นก็ได้ ”

      “ พี่ผิดเองที่ให้เราลงไปเล่นตำแหน่งนั้น ”

      “ ไม่หรอค่ะ ”

      “ แต่จริงๆตอนนี้หนูไม่เป็นอะไรแล้ว ”

      “ แล้วนั่งหงอยทำไม ”

      “ พี่คิดว่า...ถ้าหนู.... ”

      “ ถ้าอะไร ”

      “ ถ้าหนูชอบพี่เอก  จะผิดไมค่ะ ”

      “ จริงๆแล้วหนู.......................... ”

              ผมไม่รู้ว่าฝนพูดว่าอะไรต่อจากนั้น  ผมแค่รู้ว่าผมรู้สึกเหมือนโดนอะไรสักอย่างตีแสกเข้าที่หน้า เหมือนถูกต่อยเข้าที่ค้างสับสนและมึงงงไปหมด   แล้วทำไมผมต้องรู้สึกอะไรแบบนี้  ฝนก็แค่รุ่นน้องที่มาซ้อมแฮนบอลเท่านั้น  จบวันนี้ก็จะไม่ได้เจอกันอีกแล้วแท้ๆ

      “ ไม่เห็นเป็นไรนิความรักมันบังคับกันได้ด้วยหรอ ”

      “ แต่ว่าถ้าเขาปฏิเสธละ ”

      “ อย่ายอมแพ้ซิ  เล่นนะถ้ายังไม่จบก็ไม่รู้นะว่าใครจะชนะ ”

      “ ไม่หลอกค่ะ  อย่างวันนี้พี่ก็รู้นิค่ะว่าเราจะแพ้ ”

      “ ไปที่สนามบาสสิ ”

      “ เอะ  ทำไมละค่ะ ”

      “ ไอ้เอกชอบไปเล่นตอนเย็นที่นั้นทุกวันนะ ”

      “ พี่ไม่ได้ฟังเลยรึไง ”

      “ ฟังสิก็เพราะฟังนั้นแหละ  ถึงวันนี้ทีมเราจะแพ้  ไม่สิถึงวันนี้ฝนจะแพ้หรือโดนปฏิเสธ ”

      “ แต่ว่า  ก็ไม่มีใครที่โทษหรือทอดทิ้งฝนเลยสักคนนะ ”

      “ อีกอย่างถ้าฝนอกหักมาเมื่อไหร่  พี่ก็จะคอยให้คำแนะนำข้างสนามอยู่ตรงนี้เสมอ ”

      “ เพราะรุ่นพี่นะมีไหวให้เวลาต้องมาหาคนปรึกษาไม่ใช่หรือไง ”

      ฝนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มพูด

      “ ขอบคุณนะค่ะ  พี่เป็นทั้งโค้ชแล้วก็รุ่นพี่ที่ดีที่สุดเลย  หนูขอตัวก่อนนะ ”

              ฝนลุกขึ้นเดินไปสนามบาส  บ่อยให้ผมนั่งอยู่ตรงเก้าอี้คนเดียวผมทิ้งให้ตัวเองอยู่คนเดียวสักพัก  เพราะผมคงอยากพักจากงานกีฬาสี  ไม่สิคงเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มากกว่าสุดท้ายเรามันก็...เป็นได้แค่รุ่นพี่ละนะเอาล่ะผมคงไม่ไปหาน้ำใบบัวบกกินซะหน่อยซะแล้วสิ

       

      - จบ -

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      "รับวิจารณ์นิยาย By เล่ห์ดาริกา"

      (แจ้งลบ)

      ก่อนอื่นนะคะต้องขอบอกว่า เราขอวิจารณ์กันตรงๆถ้าหากว่าแรงไปประการใดต้องขออภัย เรื่องแรกที่อยากจะติคือ...เรื่องคำผิดค่ะ...ผิดหลายคำเลยค่ะ เช่นคำว่า โรคความจริง คือว่า มันเป็น โลกความจริงรึเปล่าคะ? และการบรรยายนะคะ มันพลาดตรงที่การสนทนาค่ะน่าจะมีการบรรยายว่าใครเป็นฝ่ายพูดค่ะเพราะมันทำให้สับสนได้ ส่วนเรืองการสื่อความหมายในเรื่องสั้นนี้นั้น เรามองภาพรวม ... อ่านเพิ่มเติม

      ก่อนอื่นนะคะต้องขอบอกว่า เราขอวิจารณ์กันตรงๆถ้าหากว่าแรงไปประการใดต้องขออภัย เรื่องแรกที่อยากจะติคือ...เรื่องคำผิดค่ะ...ผิดหลายคำเลยค่ะ เช่นคำว่า โรคความจริง คือว่า มันเป็น โลกความจริงรึเปล่าคะ? และการบรรยายนะคะ มันพลาดตรงที่การสนทนาค่ะน่าจะมีการบรรยายว่าใครเป็นฝ่ายพูดค่ะเพราะมันทำให้สับสนได้ ส่วนเรืองการสื่อความหมายในเรื่องสั้นนี้นั้น เรามองภาพรวมเราว่าดีนะ แต่จะดีกว่านี้ถ้าหากว่ามันมีต่อไปอีก คือ...มันน่าจะมีการหักมุมบ้างค่ะ อย่างเช่น ฝนได้คบกับพี่เอก หรือว่าบางที อาจจะหักมุมมารักพระเอกอะไรประมาณนี้ค่ะ เราอาจจะวิจารณ์ไม่เก่งนะ แต่เราวิจารณ์เท่าที่เราเห็นค่ะ   อ่านน้อยลง

      เล่ห์ดาริกา | 12 เม.ย. 58

      • 0

      • 0

      คำนิยมล่าสุด

      "รับวิจารณ์นิยาย By เล่ห์ดาริกา"

      (แจ้งลบ)

      ก่อนอื่นนะคะต้องขอบอกว่า เราขอวิจารณ์กันตรงๆถ้าหากว่าแรงไปประการใดต้องขออภัย เรื่องแรกที่อยากจะติคือ...เรื่องคำผิดค่ะ...ผิดหลายคำเลยค่ะ เช่นคำว่า โรคความจริง คือว่า มันเป็น โลกความจริงรึเปล่าคะ? และการบรรยายนะคะ มันพลาดตรงที่การสนทนาค่ะน่าจะมีการบรรยายว่าใครเป็นฝ่ายพูดค่ะเพราะมันทำให้สับสนได้ ส่วนเรืองการสื่อความหมายในเรื่องสั้นนี้นั้น เรามองภาพรวม ... อ่านเพิ่มเติม

      ก่อนอื่นนะคะต้องขอบอกว่า เราขอวิจารณ์กันตรงๆถ้าหากว่าแรงไปประการใดต้องขออภัย เรื่องแรกที่อยากจะติคือ...เรื่องคำผิดค่ะ...ผิดหลายคำเลยค่ะ เช่นคำว่า โรคความจริง คือว่า มันเป็น โลกความจริงรึเปล่าคะ? และการบรรยายนะคะ มันพลาดตรงที่การสนทนาค่ะน่าจะมีการบรรยายว่าใครเป็นฝ่ายพูดค่ะเพราะมันทำให้สับสนได้ ส่วนเรืองการสื่อความหมายในเรื่องสั้นนี้นั้น เรามองภาพรวมเราว่าดีนะ แต่จะดีกว่านี้ถ้าหากว่ามันมีต่อไปอีก คือ...มันน่าจะมีการหักมุมบ้างค่ะ อย่างเช่น ฝนได้คบกับพี่เอก หรือว่าบางที อาจจะหักมุมมารักพระเอกอะไรประมาณนี้ค่ะ เราอาจจะวิจารณ์ไม่เก่งนะ แต่เราวิจารณ์เท่าที่เราเห็นค่ะ   อ่านน้อยลง

      เล่ห์ดาริกา | 12 เม.ย. 58

      • 0

      • 0

      ความคิดเห็น

      ×