ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โซเคนโย เลนยะ(ตีพิมพ์แล้ว)

    ลำดับตอนที่ #48 : เจอกันในเล่ม

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 954
      0
      28 ต.ค. 50



     http://daumbgm.nefficient.co.kr/mgbdamu/B0202721/B020272100106411.wma

    คำถามน้องแบงก์ 

    -แนะนำตัวกันหน่อย

      สวัสดีค่ะ B 13 s.t นะคะ ชื่อเล่นจริงๆ ชื่อว่า แบงค์ ค่ะ รู้สึกว่าในนิยายจะบอกชื่อจริงไปหมดแล้ว แต่จะแนะนำอีกทีนะคะ เพราะตอนนี้ปัจจุบันคงต่างจากอดีตแล้ว ตอนนี้ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยศิลปากรที่เดิมค่ะ คณะมัณฑนศิลป์ ภาควิชาประยุกต์ศิลป์ ปี 2 ค่ะ เลือกเอกปั้น ได้ทั้งปั้นดิน อ๊อกเหล็ก แกะหิน และอื่นๆที่ใช้แรงงานอีกมากมาย เตรียมเป็นสาวถึกเต็มที่(ปกติก็ถึกอยู่แล้วด้วยรูปร่างและนิสัย 555+) บังเอิญเป็นคนชอบงานลุยๆแล้วเวลาได้ปั้นดินมีความสุขและทำได้ดีเลยเลือกเรียนซะเลย แถมอยากทำเทคนิคอื่นๆด้วย รู้สึกงานใช้แรงงานเหมาะกับตัวเองมาก แต่ก็จะไม่ลืมเรื่องนิยายนะคะ ตอนนี้มีโปรแกรมเรื่องใหม่ด้วย แต่ไม่รู้จะได้ตีพิมพ์รึเปล่า หรือเสร็จเมื่อไหร่ก็ยังบอกไม่ได้ค่ะ มันแล้วแต่อารมณ์และเวลาด้วย รู้สึกตัวเองช่วงนี้จะอารมณ์ศิลปิน

     

    -งานอดิเรกนอกจากอ่านหนังสือและแต่งนิยายคืออะไรเอ่ย

     งานอดิเรกนอกจากการอ่านหนังสือและแต่งนิยาย ส่วยใหญ่ก็คือการวาดการ์ตูนค่ะ อันนี้ชอบมาก เริ่มชอบการวาดการ์ตูนมาก่อนการแต่งนิยายด้วยซ้ำ เพราะความจริงเป็นคนชอบอ่านการ์ตูนมากๆ อาจเข้าขั้นคลั่งกับการ์ตูนบางเรื่อง เคยประกวดการ์ตูนเรื่องของ BooM ตอนช่วงประมาณม.3 แล้วชนะ เป็นปลื้มมากกับชัยชนะครั้งนั้นเพราะเป็นครั้งแรกที่ส่งเข้าประกวดแล้วชนะในปีนั้นเลย แต่พอมาปีหลังๆขึ้นม.ปลายแล้วไม่ค่อยได้ทำเป็นเรื่องเป็นราวเลย เพราะเวลาน้อย หลังจากนั้นก็เลยใช้วิธีระบายโดยการพิมพ์เป็นนิยายแทน(ไม่คิดว่าจะได้ตีพิมพ์) ตอนนี้ก็พยายามพิมพ์นิยายและวาดการ์ตูนไปด้วยกัน แต่ช่วงนี้พยายามจริงจังกับการ์ตูนมากกว่านิยายหน่อย เพราะความจริงชอบการเขียนการ์ตูนมากกว่า แม้ในวงการการ์ตูนไทยบ้านเราจะยังแคบมากและเปิดโอกาสให้น้อยก็ตาม ส่วนงานอดิเรกที่ลองลงมาก็ชอบดูหนัง ดูแทบทุกแนวถ้าเป็นหนังฝรั่ง ส่วนถ้าขึ้นชื่อว่าการ์ตูนดูไม่จำกัดชาติค่ะ

     

    -ชอบอ่านหนังสือแนวไหน

      อย่างที่บอกไว้แล้วข้อข้างบนค่ะว่าชอบอ่านการ์ตูนมาก นิยายเลยไม่ค่อยได้อ่านมากนัก แต่เท่าที่เคยอ่านนิยายมาคิดว่าแนวที่ชอบอ่านรู้สึกจะเป็นแนวสยองขวัญกับแฟนตาซี ถ้าเป็นสืบสวนจะชอบดูหนังมากกว่าอ่าน ที่ชอบแนวสยองขวัญมีต้นเหตุจากการชอบอ่านเรื่องเล่าผีๆอย่าง90ช็อก ตอนเด็กๆซื้อทุกเล่มที่ออก หนังสือผีแนวประสบการณ์เล่าจะเยอะมาก(แต่ก็เป็นคนกลัวผีมาก ฮา) ก็อย่างที่ทราบกันค่ะเด็กๆส่วนใหญ่จะชอบเรื่องผีแทบทุกคน พอเริ่มจับนิยายอ่านเป็นเล่มจริงๆจังเลยไม่พ้นนิยายแนวสยองขวัญ ต่อมาก็เป็นแฟนตาซี แนวนี้บอกตรงๆว่าชอบอ่านอย่างเดียว ไม่คอยชอบดูหนังแนวนี้เท่าไหร่ เป็นคนที่ไม่ค่อยถูกกับหนังที่มีแสงสีเยอะๆ แต่ที่ชอบเป็นหนังสือเพราะสามารถจิตนาการภาพได้เองโดยไม่ต้องมีผู้กำกับหนังที่ไหนมาสร้างภาพที่ไม่ตรงกับจิตนาการให้ตัวเองดูแล้วผิดหวัง

     

    -หนังสือเล่มโปรด

      แม้จะอ่านการ์ตูนซะเยอะแต่ก็ยังพอมีหนังสือเล่มโปรดอยู่บ้าง ถ้าจะให้บอกว่าหนังสือเล่มโปรดคือเรื่องอะไรคงต้องยอนเวลากันเล็กน้อยเพราะหนังสือเรื่องนั้นค่อนข้างเก่ามาก แล้วเคยทำเป็นหนังมาแล้ว เรื่อง ม้าแสนรู้ ผู้ประพันธ์ แอนนา ซีเวล เป็นเรื่องชีวิตเของม้าสีดำที่มีจุดดาวสีขาวกลางหน้าผาก ชื่อว่า แบล็ก บิวตี้ เป็นหนังสือนิยายเรื่องแรกๆที่อ่านแล้วประทับใจ เพราะโดยส่วนตัวชอบเรื่องเกี่ยวกับสัตว์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และการถ่ายทอดชีวิตของม้าตัวหนึ่งที่ประสบเหตุการณ์ต่างๆ แม้มันจะไม่หวือหวาแต่ให้ความประทับใจและให้ความรู้สึกเหมือนเราเข้าใจชีวิตของสิ่งมีชีวิตหนึ่งมากขึ้น นักเขียนจับจุดเล็กๆมาเขียนได้อย่างน่าติดตามและให้อารมณ์กับความรู้สึกของม้าตัวหนึ่งได้ดีจนเราคล้อยตามได้  แล้วยิ่งได้ดูหนังเลยยิ่งตรึงในความรู้สึกมากขึ้น เลยถือเป็นหนึ่งในนิยายเล่มโปรด ส่วนอีกเรื่องที่ชอบคือเรื่อง พ่อมดแห่งออซผู้ประพันธ์ แอล. แฟรงก์ โบน ถือเป็นแฟนตาซีเรื่องแรกที่ได้อ่าน เป็นเรื่องที่สนุกมากและยังตรึงใจกับการผจญภัยของเด็กผู้หญิงกับหุ่นไล่กา หุ่นกระป๋อง สิงโต และหมาตัวเล็กๆอีกตัว มันเป็นอะไรที่ให้ความรู้สึกลงตัวบอกไม่ถูก ไม่จำเป็นต้องเป็นกลุ่มคนแบบแฟนตาซีสมัยใหม่ และต้องถือว่าจิตนาการของนักเขียนกว้างมาก ถ้าลองเอามาเทียบกับนิยายสมัยใหม่ตอนนี้ พ่อมดแห่งออซก็ยังถือว่ามีแนวเรื่องและจิตนาการมากกว่านักเขียนรุ่นใหม่ๆ(ทั้งไทยละเทศ)ด้วยซ้ำไป

     

    -นักเขียนที่ปลื้ม

      เป็นคนที่ไม่ได้ติดตามนิยายที่ชื่อนักเขียนเท่าไหร่น่ะค่ะ นักเขียนที่ปลื้มเลยระบุไม่ได้ อีกอย่างอย่างที่บอกไปข้างบนแล้วว่าติดการ์ตูนมากกว่า นิยายเลยไม่ได้อ่านมากนัก แต่ถ้าจะบอกว่าให้เป็นนักเขียนที่ค่อนข้างชอบแนวเรื่องของเขาแต่ไม่ถึงกับปลื้มเป็นพิเศษคงเป็นสตีเฟน คิง ความจริงไม่ค่อยได้อ่านนิยายเขานักแต่ส่วนใหญ่จะดูหนังที่เขาเป็นผู้ประพันธ์บทมากกว่า ความจริงกับนักเขียนท่านนี้มีหลายเรื่องเราผิดหวังกับตอนจบของเขา แต่ที่ค่อนข้างชอบเพราะชอบการผูกเรื่องของนักเขียนท่านนี้มาก ยิ่งโดยเฉพาะการวางโคลงเรื่องที่ซับซ้อนซ้อนเงื่อน และส่วนใหญ่นักเขียนจะชอบเล่นกับจิตใจ แนวคิด ประสาท ของมนุษย์ มีหลายเรื่องที่นักเขียนหักมุมได้แบบหักหลังคนอ่านอย่างแรง และบางครั้งซับซ้อนจนไม่เข้าใจ แต่สุดท้ายของเรื่องมันจะย้อนกลับมาถามตัวเราเองเสมอในแงมุมแปลกๆจนเราคิดไม่ถึง ถ้าจะให้บอกคิดว่าสำหรับสตีเฟน คิง เสน่ห์นิยายของเขาอยู่ที่ความลึกลับซับซ้อนของเนื้อเรื่องจนเราชื่นชมกระบวนการความคิดของเขามากกว่าตอนจบของเนื้อเรื่อง

     

    -กว่าจะมาเป็นโซเคนโย (แรงบันดาลใจหรืออะไรดลใจให้เขียน theme นี้)

      ก่อนหน้าเป็นหนังสือโซเคนโยมันเคยเป็นเนื้อเรื่องสำหรับวาดการ์ตูนมาก่อน(ก็คนมันชอบอ่านการ์ตูน) ได้แรงบันดาลใจมาจากการอ่านการ์ตูนและดูหนังมากกว่าชาวบ้าน และความจริงที่ตั้งใจไว้กับโซเคนโยสำหรับวาดการ์ตูนไม่ได้กะเอาสถานที่เป็นญี่ปุ่นด้วยซ้ำค่ะ แต่กะสร้างเมืองสร้างประเทศกันเองเลย แต่อยากที่ทราบกันนะคะว่าช่วงหลังไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนักเพราะขึ้นม.ปลายแล้ว และการวาดการ์ตูนเรื่องนี้นั้นคิดพล็อตเรื่องไว้ยาวมาก ยาวมากกว่าที่อยู่ในนิยายปัจจุบันนี้เยอะมาก ทำให้ไม่สามารถสร้างเรื่องนี้ออกมาในรูปแบบของการ์ตูนได้ ก็นานแหละค่ะกว่าจะได้พิมพ์เป็นนิยายแทนการวาดรูป แต่บังเอิญว่ามีเพื่อนที่เขาเล่นเว็บเด็กดีแล้วกำลังติดนิยายในเว็บนั้น ช่วงนั้นเพื่อนมันก็ค่อนมาเล่านิยายที่มันอ่านมาให้ฟังประจำ ช่วงแรกๆไม่ได้คิดอยากพิมพ์เป็นเรื่องเป็นราวอะไร ยังตั้งมั่นกับการวาดการ์ตูนเช่นเดิม แต่พอหลังๆเห็นคนในเว็บลงนิยายกันเยอะมากขึ้นเรื่อยๆเลยชักขันไม้ขันมืออยากแต่งบ้าง ลงไปสามตอนแรกแบบพิมพ์ผิดๆให้พรึบ แต่สุดท้ายก็มีคนมาโพสตอบ ครั้งแรกโพสแรกตื่นเต้นมากกับการแสดงความคิดเห็นของผู้อ่าน และอยากที่รู้ค่ะเมื่อมีกำลังใจส่งให้เราเราก็มีแรงจะเขียนต่อ พิมพ์ผิดๆถูกๆประจำ จนโดนผู้อ่านติแล้วติอีก รีไรท์ไปหลายรอบ ก่อนกลายมาเป็นโซเคนโยในปัจจุบัน

     

    -คำคมตอนต้นเรื่องในโซเคนโยได้แนวคิดมาจากไหน ปกติเป็นคนมองโลกในแง่มุมปรัชญาแบบนี้หรือเปล่า

       แนวคิดในโซเคนโยแต่ละบทมีมาจากหลายทางและหลายที่ค่ะ ส่วนใหญ่เกิดจากการสะสมจากการผ่านประสบการณ์ของตัวเองหรือคนอื่น หรือได้แนวคิดต่างๆจากการดูหนังอ่านการ์ตูนอ่านนิยาย แล้วสุดท้ายก็เอามาสรุปเป็นแนวคิดต่างๆในมุมต่างๆ โดยส่วนตัวเป็นคนมองโลกแบบง่ายๆแต่หลายมุมมองค่ะ ไม่ถึงกับต้องมีปรัชญาชีวิตอะไร

     

    -คิดว่าเอกลักษณ์หรือจุดเด่นของนิยาย B13 s.t คืออะไร

      เอกลักษณ์... อือ... ขอคิดนิดหน่อย... ความจริงคิดว่านิยายของตัวเองตอนนี้ไม่ได้ดีเด่จนไปแข่งกับชาวบ้านเขาได้ แต่ที่คิดว่าเป็นเอกลักษณ์น่าจะเป็นเนื้อหาที่ค่อนข้างเข้มข้น(ถ้าสังเกตให้ดีจะแถบไม่เห็นตัวละคนพักกินข้าวดื่มน้ำกันเท่าไหร่(เหนื่อยแทน)นะคะ) ชนิดสู้กันบทต่อบท กับการวางแผนต่างๆของตัวละคร และตัวนางเอกที่ไม่เหมือนชาวบ้าน

     

    -ชอบตัวละครใดในนิยายของตัวเองมากที่สุด

      ผอ.โยโค มิโนวะ ค่ะ ใจเย็น มีเหตุผล อารมณ์ดี ฉลาด มองโลกในแง่ดี ไม่เคยลืมความเป็นเด็ก ถ้าในโลกมีคนแบบนี้อยู่จริงๆคงรักตายเลย

     

    -เริ่มต้นเขียนนิยายตั้งแต่เมื่อไหร่

     ม.4 เทอม 2 ค่ะ

     

    -ขั้นตอนการแต่งนิยายแบบ B 13 s.t เริ่มจากอะไรก่อน

      ไม่มีอะไรมากค่ะ แต่ของ B 13 จะแปลกกว่าชาวบ้านนิดหน่อยตรงที่คิดตัวละครก่อน ก่อนค่อยมาดูว่าอยากว่างตัวละครตัวนี้ไว้ในบทแบบไหน และค่อยๆเริ่มวางโคลงเรื่องที่เข้ากับตัวละครตัวนี้ ก่อนมาย่อยรายละเอียดของเรื่อง และสร้างตัวละครใหม่ๆมาตามเนื้อเรื่องที่สร้างจากตัวละครหลักตัวแรก พยายามผูกเรื่องให้แน่นๆสร้างปมไว้เนินๆแล้วค่อยๆไปคลายที่ละปม และพยายามคิดเนื้อเรื่องให้จบก่อนมาย่อยเนื้อหา แล้วเนื้อเรื่องทั้งมันจะได้สอดคล้องกันไป

     

    -เคยเขียนนิยายแล้วหัวตีบตัน เขียนต่อไม่ออกหรือเปล่า แล้วทำอย่างไร

      ก็เหมือนนักเขียนท่านอื่นค่ะ พักผ่อน อ่านการ์ตูน ดูหนัง ให้หัวสมองมันปลอดโปร่ง เดี๋ยวไอเดียมันก็มาเอง เพราะถ้ายิ่งเค้นมันก็ยิ่งไม่ออก

     

    -คิดว่าจะเขียนภาคต่อของโซเคนโยไหม

      ไม่มีแน่นอนค่ะ เรื่องนี้ถือว่าจบบริบูรณ์แล้วค่ะ ตอนนี้ไม่มีทั้งไอเดียและอารมณ์จะเขียนโซเคนโยต่อแล้วล่ะค่ะ ถ้าฝืนเขียนต่อทั้งที่คิดเรื่องไว้แค่นี้ได้ตกม้าตายแน่ๆ

     

    -มีโครงการจะแต่งนิยายแนวอื่นไหม

      มีค่ะ ครั้งนี้เป็นแนวผจญภัย-ไซไฟ-แฟนตาซี และเป็นแฟนตาซีแบบแท้ๆ(ไม่ใช่นิยายโรงเรียนแน่นอน) ไม่แค่ผสมแบบโซเคนโย แต่ยังไม่แน่นอนว่าจะจบเมื่อไหร่ เพราะจะพิมพ์ไปเรื่อยๆเท่าที่จะมีเวลาและอารมณ์ และตอนนี้อยู่ในขั้นรวบรวมข้อมูลในการแต่งแม้จะแต่งได้บทกว่าๆแล้วก็ตาม

     

    -คิดอย่างไรกับคำว่า "นิยายในเน็ต”

      ก็เป็นเหมือนเส้นทางอีกทางที่มีไว้ให้ทุกคนที่อยากระบายอยากเขียนให้คนอื่นๆได้อ่านกัน(เพราะก็เป็นคนหนึ่งที่เอานิยายมาระบายในเน็ตเหมือนกัน) สำหรับนิยายในเน็ตถือว่าเป็นสิ่งที่เราสามารถเห็นอะไรหลายๆแนวได้มากกว่านิยายที่เป็นเล่มตามท้องตลาด(ความเห็นส่วนตัวนะคะ) เพราะมันจะมีอยู่หลากหลายรูปแบหลากหลายแนวมากกว่าตามแนวที่แต่ละคนแต่งขึ้น และคนที่แต่งก็เยอะมากซะด้วย บางเรื่องก็แปลกแหวกแนว บางเรื่องก็ซ้ำจำเจ หรือบางเรื่องก็มีคุณภาพจริงๆ มีหลากหลายอารมณ์ดี และไม่ยุ่งยากที่จะหาอ่าน ถึงแม้จะมีข้อเสียที่อาจโดนคนอื่นลอกไปง่ายๆ แต่ที่แน่ๆนิยายในเน็ตสำหรับ B 13 คือการเปิดโอกาสให้ใครหลายๆคนที่มุ่มมาในทางนี้ แม้ไม่ได้ตีพิมพ์ แต่ก็ได้สื่อให้คนอื่นได้รู้ถึงเรื่องราวต่างๆที่เราคิดขึ้นมา ได้บอกเล่าผ่านสื่อที่คนทั้งโลกเล่น

     

    -เป้าหมายในสองปีนี้

    เรียนให้จบ ได้เกรดดีๆ จะได้ต่อ ป.โทเลย

     

    -โตขึ้นอยากประกอบอาชีพอะไร (ตอนนี้ยังไม่โต ฮ่า)

      ใจจริงอยากเป็นนักเขียนการ์ตูนมากๆ ตอนนี้ก็ยังอยากเป็นและพยายามอยู่ แต่ก็คงเป็นได้แค่อาชีพเสริม(ถ้าได้เป็นจริงๆ) ส่วนอาชีพหลักอันนี้ต้องดูสายที่เรียนก่อนว่าจะมุ่งไปทางไหนดี

     

    -ความฝันของ B13 s.t

     เหมือนข้อข้างบนค่ะ เป็นนักเขียนการ์ตูน ถ้าฝันให้สูงขึ้นไปอีกคงอยากเป็นพวกที่สร้างเอนิเมชั่น อยากฟื้นฟูการ์ตูนที่เป็นเอนิเมชั่นแบบวาดที่วอล์ดิสนี้เคยทำ เพราะปัจจุบันนี้การ์ตูนออกมาเป็นกราฟฟิคคอมพิวเตอร์หมด ตอนแรกๆมันก็น่าสนใจดี แต่ตอนนี้มันเยอะมากจนการ์ตูนแบบวาดมันหายไป ทั้งที่ความจริงเราเติมโตมากับการ์ตูนแบบนั้น รู้สึกว่าการวาดที่ละแผ่นและสามารถทำให้มันขยับได้เหมือนคนจริงๆมันเจ๋งสุดๆไปเลย วอล์ดิสนี้เองก็เหมือนกัน ดูเหมือนตอนนี้เขาตามกระแสมากจนการ์ตูนขาดเสน่ห์ไปเลย(รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังบุกระดมอะไรรึเปล่า-_-“)

     

    -ถ้าพบปัญหาหรืออุปสรรคในการดำเนินชีวิตจะทำอะไรเป็นอันดับแรก

      ปรึกษาพี่สาวค่ะ บังเอิญเป็นคนที่สนิทกับพี่สาวมากๆ มีปัญหาอะไรก็โทรมาพี่สาวก่อน และค่อยมาพักผ่อนหาทางแกไขอย่างใจเย็น พูดง่ายๆพยายามทำให้เย็นๆไว้ทั้งใจและร่างกาย ปมปัญหามันจะคลายออกมาเอง และเราก็คอยๆตามแก้ พยายามอย่าเก็บไว้คนเดียว ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้อง อยากกรี๊ดก็กรี๊ด(อันนี้ยังไม่เคยทำ) เอาให้มันระบายออกมาให้ได้ ดีที่สุดหาคนเป็นที่ปรึกษาและระบายใส่ให้เขาหูชาไปเลย

     

    -คติพจน์ประจำใจ

      ก็ง่ายๆไม่ตามสุภาษิตใคร... ล้มได้ก็ต้องลุกขึ้นได้... จะว่าเป็นคติประจำใจก็คงไม่ใช่ น่าจะเรียกว่าเป็นคำที่ค่อยบอกตัวเองให้ทำให้ได้จริงๆมากกว่า

    -ฝากอะไรถึงผู้อ่าหน่อยจ้า

    ก็อย่างแรกก็ต้องขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามโซเคนโย และให้การสนับสนุนมาโดยตลอด(แม้เล่ม4จะออกช้าก็ตามTTwTT) ขอบคุณที่อุตสาห์รอให้โซเคนโยแต่ละเล่มออกมาและไม่ทอดทิ้งกันกลางทางนะคะ คงไม่มีอะไรบอกได้ดีไปกว่าขอบคุณทุกท่าน แม้แต่ผู้ที่มองหน้าปกนิยายเรื่องนี้และแค่ผ่านๆไป ส่วนนักอ่านคนไหนที่อยากเป็นนักเขียนบ้างก็ขอให้พรว่า... พยายาม มุ่งมั่น และต้องทำจริงๆนะ... ง่ายๆเลย อย่าบ่นแต่ปากว่าอยากเป็น อย่าเพ้อฝัน อย่าเอาแต่รอ อยากทำจงลงมือทำซะ ผลจะเป็นยังไงไม่ต้องไปสน ไม่ต้องกลัวว่าผลจะออกมาแย่หรือดี เพราะต้องท่องไว้ว่าถ้าไม่ทำ ไม่ว่าจะเป็นผลดีหรือแย่เราก็ไม่มีวันได้แน่นอน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×