คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 5 - เด็ก
LAST
Chapter 5 – เด็ก
WARNING : หวังว่าจะรู้นะ ว่าเตือนเพราะอะไร J
“ด...เดี๋ยว!!! รอก่อน!!!”รีไวล์พยายามดิ้นหนีจากสัมผัสหนักๆที่รุกเร้าเข้ามาที่ลำคอขาวของตัวเอง ร่างบางพยายามเอี่ยวตัวหนีจากพันธนาการอันแข็งแกร่ง แต่แขนที่รั้งอยู่ที่เอวช่างกอดเขาแน่นเสียจนไม่อาจขยับท่อนล่างได้เลย “เอเลน!!! เดี๋ยว!!!”
“ก็บอกว่าพร้อมแล้วไม่ใช่เหรอไง?”เสียงทุ้มต่ำเอ่ยคำราม มันเต็มไปด้วยความโกรธและราคะ ผสมปนเปจนรีไวล์ไม่อาจแน่ใจได้ว่าที่อีกฝ่ายกำลังทำรุนแรงแบบนี้มันเพื่ออะไรกันแน่ แต่ยังไม่ทันที่สมองจะค้นหาคำตอบได้ทัน มือหยาบอีกข้างก็กระชากเอากางเกงของร่างเล็กออก
“เอเลน ฟังก่อน!!!”เขากลัวเหลือเกิน...อีกฝ่ายรุนแรงมากกว่าเมื่อตอนครั้งแรกที่เจอกันอีก
แต่ร่างสูงไม่คิดจะฟังคำท้วงติง ใบหน้าหล่อก้มลงพรมจูบไปทั่วขาอ่อนสีขาวซีด เรียกให้เจ้าของขาเรียวยาวต้องเผลอครางกระเส่าเสียงหวาน ยิ่งปากนั้นกดจูบหนักๆที่ผิวนุ่ม เสียงก็ยิ่งร้องดังมากขึ้น
‘ร้อน...’เอเลนคิด
“อึก!...”ร่างเล็กพยายามกัดปากตัวเอง พยายามกล้ำกลืนเสียงที่เล็ดลอดออกมาเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ใจ แต่ดูเหมือนเอเลนจะรู้เลยเบนเป้าหมายจากต้นขามาเป็นริมฝีปากที่เริ่มซึมเลือดของรีไวล์แทน “อืมม!!!...”
ลิ้นเย็นๆดุนดันเข้าไปในโพรงปากร้อนๆ ทำให้ร่างบางกระตุกด้วยความเย็นฉับพลันที่เข้ามาในกลีบปาก รีไวล์พยายามจะเชิดหน้าขึ้นเพื่อหนีลิ้นหยาบอันแสนอุกอาจ แต่เอเลนก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้ทำตามใจตัวเอง ยิ่งรีไวล์ดิ้นหนี เขาก็ยิ่งรุกรุนแรงมากขึ้น มือหยาบใหญ่ที่ยังคงพันธนาการเอวไว้อย่างแน่นหนาเริ่มเพิ่มหน้าที่อย่างอื่นด้วยการเลื่อนไปนวดกลึงก้นสีขาวเนียนนุ่ม
“อย่าเพิ่ง!! อ๊ะ อึก...”รีไวล์ร้องห้ามเมื่อหลุดออกมาจากปากของอีกฝ่ายได้ แต่นัยน์ตาสีเขียวที่จ้องมองมาที่เขาอย่างไม่วางตาก็ไม่ได้ฉายแววโอนอ่อนตามคำขอเลย มันยังคงเต็มไปด้วยความโกรธที่พลุ่งพล่าน...
...จนไม่อาจเห็นราคะในนัยน์ตานั้นอีกแล้ว...
เอเลนเลิกตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะยกขาขาวทั้งสองข้างมาพาดที่ไหล่ตัวเอง อาจเป็นเพราะความเหนื่อยอ่อนจากอะไรหลายๆอย่างตั้งแต่เช้ายันบ่ายก็เป็นได้ รีไวล์จึงรู้สึกว่าแรงกายตอนนี้ช่างอ่อนเปลี้ยเสียเหลือเกิน
นัยน์ตาสีเขียวเบนออกจากใบหน้าสวย พลางใช้นิ้วเย็นๆของตัวเองไปไล้วนอยู่ตรงร่องก้นจนร่างเล็กสะดุ้งโหยง
เอเลนเลียริมฝีปาก
แล้วทันใดนั้นเอง ร่างทั้งร่างของรีไวล์ก็ถูกยกให้นอนคว่ำ
“ไม่!”ความกลัวที่เดิมมีอยู่แล้วยิ่งก่อตัวเพิ่มขึ้นไปอีก เขารู้แล้วว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น
....ทั้งๆที่ตัดสินใจแล้ว....
...ทั้งๆที่คิดว่าตัวเองจะฝืนใจทำจนเสร็จ....
.แต่มัน!.....แต่มัน!...
แบบนี้มันไม่ใช่ที่หวังไว้!!!!
แหมะ.....
“ร้องไห้เหรอ?”เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาที่ข้างหู
ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่ร่างสูงเลื่อนใบหน้ามาใกล้เขา
“เอ๊ะ?”ร่างเล็กเลิกคิ้ว ก่อนจะสังเกตได้ว่าหมอนที่ตัวเองซุกอยู่มันเริ่มเปียกชื้นด้วยน้ำตาที่หลั่งออกมาจากใบหน้าของตัวเอง รีไวล์ยังคงมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
แม้ว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี้ นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาร้องไห้
...แต่ครั้งนี้เขากลับร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด...
เอเลนมองเสี้ยวหน้าด้านข้างนั้นด้วยใบหน้านิ่งสงบ
“....ผมคิดว่า...ผมได้คำตอบแล้ว”เอเลนเอ่ยเสียงแผ่ว ก่อนจะยกตัวขึ้นจากร่างของมนุษย์คนสุดท้าย มือใหญ่ที่เคยทำหน้าที่กอบกุมเอวอย่างแน่นหนา เลื่อนมาหยิบเอาผ้าห่มสีขาวที่หล่นอยู่ข้างเตียงมาคลุมร่างที่สั่นเทาของรีไวล์
“?”คนได้ผ้าห่มหันมาทำสีหน้ามึนงง ก่อนจะได้รับรอยยิ้มบางๆจากคนตัวสูง
“...ผมรอได้”
และนั่นก็เป็นประโยคสุดท้าย
...ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเดินออกจากห้องไป...
...................................................................................................(แล้วจะขึ้นwarningทำเพื่อ - -*)
“แล้ว....”แจนเดาะลิ้นด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ พลางจ้องมองไปที่ประธานบริษัทของตัวเองด้วยความสมเพช “นายก็เลยย้ายมานอนที่นี้ คืนนี้เนี่ยนะ!!!!????”
เอเลนถอนหายใจ
“เฮ้อ...ก็มันรู้สึกแปลกๆนี่น่า ถ้าให้มองหน้าคุณรีไวล์ตรงๆตอนนี้...ฉันทำไม่ได้วะ”นัยน์ตาสีเขียวฉายแววเศร้าๆเมื่อพูดตอบแจน เขาก้มหน้าซุกลงกับหมอนใบใหญ่ที่หยิบมานั่งกอดที่พื้นข้างเตียง
ส่วนแจนที่นั่งอยู่บนเตียงก็ก้มลงมองเพื่อนอย่างระอา
“แต่จะยังไงก็ตาม...ห้องอื่นก็มีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องมานอนห้องฉันวะ?”แจนร้องโวยวาย
ตามปรกติแล้ว ในตึกของบริษัท Making Dear จะมีสามชั้นที่ไว้สำหรับพนักงานที่ไม่มีที่อยู่อาศัยข้างนอก(ถ้าคนไหนมีจะห้ามอยู่) ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าชั้นบนสุดของตึกจะเป็นชั้นสำหรับประธานบริษัทคนเดียว
...อ่อ...ต้องพูดว่าเป็นชั้นของประธานบริษัทกับมนุษย์คนสุดท้ายแล้วนี่น่า...
“ผู้หญิงในชั้นก็มีเยอะแยะ พวกนั้นน่ะ ยอมพลีกาย ถวายเตียงให้นายนอนฟรีๆเลยด้วยซ้ำ”
“หา?...ทำไมฉันต้องยอมไปคลุกคลีกับพวกจักรกลเพศหญิงกิ๊กก๊อกนั่นด้วยกัน?”เอเลนมุ่นคิ้ว พลางหันหน้ามามองแจน “ที่นายไม่อยากให้ฉันนอนนี่น่ะ....คงไม่ใช่ว่ามีอะไรปิดบังอยู่ใช่ม่ะ?”เขาหรี่ตามองอีกฝ่าย
แจนสะดุ้งโหยงเมื่อถูกอีกฝ่ายสงสัย เขาเริ่มทำสายตาล่อกแล่กก่อนจะพยายามแก้ตัวแล้วหลบสายตาคมกริบของเอเลน
“หา?...อ่า....มันไม่ใช่...เอ่อ...ฉันไม่มีอะไรพิรุธสักหน่อย!!!”ใบหน้าหล่อนั่นปรากฏรอยสีแดงจางๆขณะพูด ทำให้เอเลนที่เห็นท่าทีแบบนั้นก็เผยอยิ้มขึ้นมา
“ฉันก็ยังไม่ได้พูดว่านายมีพิรุธเลยนะ”เอเลนลุกขึ้นจากพื้นแล้วคลานขึ้นมาหาเพื่อนบนเตียง
“ฮะ...เฮ้ย!!! ทำอะไรน่ะ!!!!”ชายผมสีชาร้องตะโกนเสียงดัง เมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็ค่อยๆเลื่อนหน้ามาหาใบหน้าของตัวเอง “ถ...ถอยไปเลยนะ!!!!” ตอนนี้แก้มที่เป็นสีชมพูของเขาก็เริ่มขึ้นสีเข้ม
“จริงๆแล้ว...”เอเลนยิ้มเจ้าเล่ห์ “ดูๆไป นายก็หน้าตาดีเหมือนกันนะเนี่ย...”ว่าแล้วก็ใช้มือตัวเองลูบไล้ที่ใบหน้าหล่อของอีกคน
ขนของแจนลุกพรึ่บกันอย่างทั่วหล้า
“ม่ายอาววววววววว!!!!!!! หัวใจของพี่แจนคนนี้มีแต่น้องอาร์มินคนเดียววววววว”แจนร้องแหกปากอย่างสติแตก รีบใช้มือปัดป่ายดันอีกฝ่ายให้ออกห่างตัว
ส่วนเอเลนพอได้ยินดังนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ก่อนจะล้มลงไปขำกลิ้งกับเตียง
“ว่าแล้วเชียว!!!! 555555555”ใบหน้าหล่อเริ่มปรากฏน้ำตาใสๆ เอเลนใช้นิ้วชี้หน้าแจนอย่างขำขัน “ว่าแล้วเชียวว่าขาวลือที่พวกผู้หญิงคุยกันต้องเป็นจริง...นายกับอาร์มินใช่มั้ย 555555555 ?”ว่าแล้วก็หัวเราะกลิ้งต่อไปจนเกือบตกเตียง “แล้ว...แล้วนี่อะไร? นึกว่าฉันจะทำอะไรนายเหรอแจน!!! 5555555”
แจนที่พอได้ยินดังนั้น หน้าที่เคยขึ้นสีเรื่อก็แปลงร่างเป็นหน้าของม้าพิโรธทันที
“ไอ้เอเลน!!!!!”ก่อนจะพุ่งเข้าไปหาคนผมสีน้ำตาล หมายจะเสยคางมันสักทีสองที
“ก็เอาเซ่!!!!!!”อีกฝ่ายก็บ้าจี้ตาม เข้าตะลุมบอน เตะต่อยกันอย่างเมามันส์ เอเลนเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ว่าความสนุกที่ได้คลุกคลีอยู่กับเพื่อนเก่ามันมากมายแค่ไหน
ร่างสูงเปล่งเสียงหัวเราะออกมาสนั่น...
“นี่แจน วันนี้ฉัน....เอเลน!!!!”เสียงหวานร้องลั่นเมื่อพบว่าภายในห้องสีขาวของแฟนหนุ่มกลับมีการปรากฏตัวของร่างสูง ผู้มีอำนาจสูงสุดของบริษัท
อาร์มินยิ่งหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเอเลน
“ท..ท...ทำไม!! ทำไมเอเลนถึงมาอยู่ที่นี้ได้กันล่ะ?!”
เอเลนหัวเราะ ในขณะที่แจนเพียงยิ้มแห้งๆ
“เอาน่าๆ...ไหนๆก็มาแล้ว ก็นอนด้วยกันสามคนนี่แหละ!”ว่าแล้วเอเลนก็ใช้แขนคล้องคอของแจน เรียกเสียงโวยวายจากหนุ่มผมสีชาได้อย่างดี
“แกนั่นแหละ!!! ออกไปจากห้องเดี๋ยวนี้!!!!!!!”
..........................................................................................................................
“...ก็อย่างที่ว่าแหละ...”อาร์มินว่า “ถึงแม้ทีมวิจัยจะเหลือไม่ถึงครึ่ง แต่ถ้าเราได้รับความร่วมมือจากมนุษย์คนสุดท้ายแล้วล่ะก็ ฉันว่าโอกาสที่เราจะรักษาลำดับบริษัทน่าจะไม่ยากเกินความสามารถ”
เอเลนใช้มือลูบคางครู่หนึ่งอย่างครุ่นคิด ก่อนจะมุ่นคิ้วเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อบ่ายวันนี้
“พรุ่งนี้เช้าฉันจะลองคุยกับเขาดู....กะว่าจะพาเขาไปที่ทีมในวันพรุ่งนี้”
อาร์มินที่หลังฟังคำตอบเสร็จก็เลิกคิ้วนิดๆ
“พูดจริงอ่ะ? ตอนแรกฉันนึกว่านายจะเก็บเขาเอาไว้ไม่ให้ใครได้เห็นเขาซะอีก ก็ไหนบอกว่าจะเป็นคนลงมือทำการวิจัยเอง? ให้คนอื่นทำจะดีเหรอ?”
“ฉันไม่ได้จะให้คนอื่นทำซะหน่อย!”เอเลนทำหน้าตึงเมื่อลองคิดภาพตัวม็อบสักคนกำลังทำมิดีมิร้ายกับคนของเขา “ยกเว้นเรื่องเซ็กส์อันเป็นการวิจัยสูงสุดที่ ‘ฉัน’ จะเป็นคนทำเพียงคนเดียว นอกนั้นฉันจะให้พวกนายทำ....ก็อย่างว่าแหละนะ รายงานที่ฉันสำรวจผิวของเขาครั้งก่อน มันคงทำให้เห็นผลได้ไม่ดีนักถ้าพวกทีมวิจัยไม่ได้ลองสัมผัสตัวของมนุษย์คนสุดท้ายด้วยตัวเอง”
“....แสดงว่าจะอยู่เฝ้า?”
“ต้องถามด้วยเหรอ?”
เท่านั้นแหละ แจนก็ถึงกับทำหน้าเหยเก
“ นายเป็นประธานบริษัทนะโว้ยยย ไม่ใช่พวกตำแหน่งปลาซิวปลาสร้อยที่จะหาเรื่องอู้ได้ง่ายๆ เรื่องคุ้มกันมนุษย์คนสุดท้ายน่ะ ฉันว่านายมอบหมายหน้าที่ให้คนอื่นดีกว่า”แจนเถียงอย่างรำคาญ รู้สึกว่าประธานบริษัทของตัวเองช่างเอาแต่ใจจนน่าชวนหัวเสียเหลือเกิน
“ฉันไม่ไว้วางใจใครทั้งนั้นแหละ”เอเลนมุ่นคิ้วจนจะผูกเป็นโบว์ “เรื่องงานมันเป็นหน้าที่ที่ฉันต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว จะอยู่ดึกเพื่อทำงานต่อก็ช่าง ยังไงฉันก็ไม่ยอมเสี่ยงให้คนที่มีประโยชน์สูงสุดต่อบริษัทของเราต้องโดนทำร้ายหรอก”ว่าเสร็จก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า
...พูดถึงเตียง...
วันนี้คุณรีไวล์นอนคนเดียว...จะเป็นอะไรมั้ยนะ? เตียงจะแข็งเกินไปรึเปล่า?
....แต่ไม่มีเขาอยู่ด้วย...คุณรีไวล์คงจะสบายใจกว่า....
“อาร์มิน”เอเลนถอนหายใจ “เรื่องเตียงที่สั่งให้ทำให้เสร็จภายในคืนนี้น่ะ....เสร็จรึยัง?”
“อ่อ...อันนั้นน่ะเหรอ เสร็จแล้วล่ะ”ร่างบางตอบ พลางล้มลงกับเตียงนอนเพื่อจะนอนด้วย “จะยกไปให้พรุ่งนี้นะ”
“อืม...”ร่างสูงถอนหายใจอีกครั้ง รู้สึกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวลในวันนี้มันช่างยืดยาวและหนักหนาเสียเหลือเกิน
“ถ้าเครียดก็นอนพักเถอะ”อาร์มินยิ้มหวานให้เพื่อนสนิท พลางใช้มือบางลูบหัวสีน้ำตาลของเอเลนเบาๆ หวังจะให้อีกฝ่ายรู้สึกสบาย หัวโล่งจากเรื่องเครียดๆเสียบ้าง
....
“นี่ลืมไปแล้วใช่มั้ยว่ายังมีฉันอยู่ในห้อง”แจนแทบจะกรีดร้องไม่เป็นภาษา เมื่อเห็นเพื่อนสนิททั้งสองกำลังทำท่าทำทางราวกับเป็นคู่รักหวานแหววที่หวานเลี่ยนซะยิ่งกว่าคู่รักตัวจริงอย่างเขา
เอเลนนอนข้างซ้าย...
อาร์มินนอนข้างขวา...
“เห็นใจคนที่นอนอยู่ตรงกลางบ้างสิฟะ!!!!!”
แล้วทั้งเอทั้งอาร์ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังสนั่น รู้สึกสะใจที่ได้แกล้งเพื่อนหน้าม้าของตัวเอง
...............................................................................................................................
‘ถ้าเข้าไป จะทำหน้ายังไงดี?’
นั่นเป็นคำถามที่วนเวียนอยู่ในใจของเอเลนมาตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วแล้ว...ใช่ ครึ่งชั่วโมง เพราะภาระที่จะต้องพาคนตัวเล็กไปหาทีมวิจัย แต่เหตุการณ์เมื่อวานนี้ก็ทำให้เขารู้สึกเข้าหน้าอีกฝ่ายไม่ติดยังไงไม่รู้ ทั้งๆที่มีฐานะที่อยู่เหนืออีกฝ่ายอย่างเห็นๆ แต่เขากลับกลัวว่าคุณรีไวล์จะเกลียดเขาซะอย่างนั้น
“เมื่อวานเรา...คงไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุหรอกมั้ง”เขาพึมพำ แต่ก็ยังวิตกกังวลไม่ใช่น้อย ร่างสูงจึงยังยืนแช่อยู่หน้าห้องนอนของตัวเองอย่างปลงๆ...
จนกระทั่ง
พลั่ก!!!
“อ๊ะ!!!!”หน้าอกกว้างรู้สึกเหมือนโดนอะไรบางอย่างกระทบเข้าอย่างจัง นัยน์ตาสีเขียวฉายแววงุนงงครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มลงมองวัตถุ...เอ่อ...มนุษย์คนสุดท้ายที่วิ่งเข้ามาซบอกเขา
“เมื่อคืนนายหายไปไหนมา!”ร่างเล็กเงยหน้ามองเด็กหนุ่มด้วยนัยน์ตาดุ พลางใช้มือบีบแขนเหล็กของอีกฝ่าย
“เอ๋?...อ่า...เอ่อ”เอเลนรู้สึกเหมือนกล่องเสียงถูกทำลาย หัวสมองดูมึนงงเมื่อเห็นท่าทีโกรธเคืองของอีกฝ่าย แต่พอจับสัมผัสได้ว่าร่างกายของร่างเล็กกำลังสั่นเทาอยู่ เขาก็เริ่มจะเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย
รีไวล์กำลังกลัว...
...กลัวจะเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายนั้นอีกครั้ง...
เอเลนยิ้มบางๆเมื่อพบว่ารอยคล้ำใต้ตาของอีกฝ่ายมันดูเข้มขึ้นอย่างชัดเจน
‘กลัวมากเลยสินะ’
มือใหญ่เอื้อมไปลูบศีรษะสีนิลเบาๆ...
“ขอโทษครับ...”เอเลนยิ้มกว้าง พลางจ้องมองใบหน้าสวยที่ดูโทรมไปนิดหน่อยอย่างอ่อนโยน “ผมลืมไปว่าเมื่อวานคุณเจอกับอะไรมา...เมื่อคืนคงนอนไม่ค่อยหลับเลยสินะ”พอพูดเสร็จ อีกฝ่ายก็รีบหลบสายตาอย่างรู้ตัวว่าโดนจับได้
“ม...ไม่ได้กลัวนะ!!!”รีไวล์สะบัดมืออกจากแขนของอีกฝ่ายทันที พลางเดินกลับเข้าไปในห้องนอน ไม่ยอมสบตากับร่างสูงอีก “ที่ฉันนอนไม่หลับเพราะเตียงแข็งๆของนายต่างหาก!!!!”
เอเลนหัวเราะเมื่อสังเกตเห็นสีแดงๆที่หลังหูและหลังคอของร่างเล็ก
“ว่าแต่...ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว...คุณยังไม่กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ?”ร่างสูงเดินมาวางเสื้อผ้าที่จะให้รีไวล์เปลี่ยนบนเตียง ก่อนจะใช้มือมาวางที่ไหล่ของอีกฝ่าย “เดี๋ยวเช้านี้ผมจะพาคุณไปหาทีมวิจัยนะครับ”
“ทีมวิจัย?”รีไวล์เลิกคิ้ว ก่อนที่ในที่สุดจะยอมหันมามองหน้าเอเลน
“ใช่ครับ...ในเมื่อตอนนี้จำนวนทีมวิจัยของบริษัทน้อยลง ประสิทธิภาพในการทำงานก็น้อยลงไปด้วย หากคุณให้การช่วยเหลือพวกเรา ผมว่ามันน่าจะอุดช่องว่างที่หายไปได้...คุณจะยอมช่วยพวกเรามั้ยครับ?”ก็ไม่รู้ว่าเขาจะถามทำไม ทั้งๆที่คนคนนี้มาที่นี้ได้ด้วยการทุ่มเงินมหาศาลของเขา ‘สิ่งของ’อันล้ำค่านี้ ไม่มีสิทธิมีเสียงที่จะปฏิเสธความต้องการของเขา หรือแม้แต่จะมีสิทธิที่จะออกความเห็นอะไรทั้งนั้น
....แล้วทำไมเขาต้องมาถามความสมัครใจของอีกฝ่ายด้วย?....
เพราะเขาเป็นคนดีรึเปล่า?
....เอ่อ คิดว่าไม่นะ....
รีไวล์มองเขาด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ พลางมือก็เผลอกอดไหล่ของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ราวกับพยายามสร้างบาเรียป้องกันความคิดชั่วร้ายที่อีกฝ่ายอยากจะยัดเยียดให้เขาทำ
“ไม่ได้ให้ช่วยแบบนั้นครับ!”เอเลนรีบไขข้อเข้าใจผิดของอีกฝ่ายทันที รู้สึกไม่ดีเลยที่ดันทำให้รีไวล์คิดถึงเรื่องเลวร้ายอีกครั้ง “แค่ให้พูดคุย และมีการแตะเนื้อต้องตัวนิดหน่อย..เอ่อ...หมายถึง สำรวจผิวเนื้อเหมือนที่ผมทำวันนั้นไงครับ จะไม่ให้มีอะไรเกินเลยแน่นอน ผมจะคอยเฝ้าระวังไว้ ไม่ต้องกลัวเลยครับ!”
รีไวล์เลิกคิ้ว เกือบจะหลุดปากถามไปแล้วว่า ‘พูดจริงนะ?’ แต่มาคิดอีกที ถ้าพูดแบบนั้นไป มันจะฟังดูเหมือนพวกผู้หญิงอ่อนแอกำลังเรียกร้องการปกป้องจากแฟนหนุ่มเลย
ซึ่งเขาไม่ใช่ผู้หญิง
และหมอนี่ก็ไม่ใช่แฟนเขา
“...ฉัน!...ฉันไม่ได้กลัวสักหน่อย...”รีไวล์พยายามกดเสียงให้ต่ำลง พลางพยายามปรับสีหน้าให้ดูเข้มขึ้น เพราะเขารู้สึกว่าสองสามวันที่มาอยู่ในโลกใหม่อันแสนน่ากลัวแห่งนี้ เขาทำตัวอ่อนแอมากเกินไปแล้ว “ทีมวิจัยใช่มั้ย?...ได้ ฉันจะให้การช่วยเหลือแก่เจ้าพวกนั้น ส่วนนาย...จะเฝ้าหรือไม่เฝ้าก็แล้วแต่จะทำ”ว่าแล้วก็เดินกะเผลกๆ ไปคว้าเอาเสื้อผ้าใหม่แล้วตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำทันที
เอเลนลอบยิ้มบางๆ
“ปากไม่ตรงกับใจ”
.................................................................................................................................
“ก็อย่างที่แนะนำตัวไป”ร่างสูงยิ้มหวานพลางเอื้อมมือไปกอดไหล่คนตัวเล็กกว่าไว้แน่น “คุณรีไวล์จะให้การช่วยเหลือเราทุกอย่าง...ในการวิจัย”
ส่วนจักรกลจากพวกทีมวิจัยก็จ้องมองมนุษย์คนสุดท้ายที่ยืนอยู่ข้างประธานบริษัทด้วยความตื่นเต้นระคนแปลกใจ อันที่จริงพวกเขามีความรู้สึกที่อยากจะระเบิดออกมามากกว่านี้ แต่เจ้าของมือที่บีบแน่นอยู่ตรงหัวไหล่ของคนที่ล้ำค่าที่สุดแห่งยุคไซบอร์ก กำลังจ้องเขม็งมาที่พวกเขาด้วยใบหน้ายิ้ม ‘อำมหิต’อันแสนเยือกเย็น ที่ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เห็นจำต้องเสียวสันหลังวาบ
‘....นี่กำลังเปิดตัวมนุษย์คนสุดท้าย หรือกำลังเปิดตัวว่าที่ภรรยากันแน่วะ?...’นั่นเป็นเสียงที่ดังก้องอยู่ในใจของทุกคน
“และเนื่องจากเขาคนนี้มีค่ามากสำหรับพวกเรา ฉัน....ซึ่งอาจจะพูดแทงใจดำพวกนายไปหน่อย แต่ไม่ไว้ใจใครก็ตามในบริษัท ด้วยความนั้น ฉันจึงต้องมาอยู่เฝ้ามนุษย์คนสุดท้ายด้วยตัวเอง”เขาว่าพลางยิ้มกว้าง ได้ยินเสียงเดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์จากคนข้างตัว
รีไวล์มุ่นคิ้วอย่างไม่พอใจที่มีเงาตามตัวอย่างไอ้เด็กหื่นนี่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกโล่งใจสุดๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ห่างจากเขาไปไหน
“งั้น! เรามาเริ่มการวิจัยกันเลย!!!”
สิ้นคำประกาศก้องของผู้มีอำนาจสูงสุดของบริษัท ความกระหายในการทดลองก็โหมกระหน่ำใส่ทีมวิจัยทั้ง 190 คนทันที!
“คุณรีไวล์ครับ ผมขอจับผิวต้นแขน...”
“เมื่อกี้มีคนจับไปแล้วตั้งสองคน ไปถามเอาจากคนก่อนหน้านี้สิ”เอเลนคว้ารีไวล์มากอดแล้วเบี่ยงร่างเล็กหลบจากมือที่กำลังจะคว้ามาจับ
รีไวล์เลิกคิ้ว
“คุณรีไวล์ครับ ผมขอลูบเส้นผม...”
“มือนายดูไม่น่าจะสะอาดพอที่จะจับผมของเขาได้นะ ไม่รู้เหรอว่าเส้นผมของมนุษย์น่ะบอบบางแค่ไหน”ว่าแล้วร่างสูงก็ใช้มือดันหัวรีไวล์ให้เอาหน้ามาซบอก ได้ยินเสียงร้องแง่งๆขู่ใส่เขาแต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ
รีไวล์ถอนหายใจ
“คุณรีไวล์ค่ะ ขอฉันสัมผัสนิ้ว...”
“นี่! ถ้าเธอเผลอใช้แรงมากเกินไปจนทำให้นิ้วเขาหักล่ะ!!! ไม่อนุญาต!!!”เอเลนสะบัดเสียงพลางใช้มือใหญ่ทั้งสองกุมมือของอีกฝ่ายไว้ แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเต็มที่
รีไวล์เริ่มมุ่นคิ้ว
“คุณรีไวล์ครับ ขอผมลูบผิวหลังคอ...”
“ที่นั้นสงวนให้ฉันคนเดียว!”ว่าแล้วก็ซุกหน้าลงกับซอกคอหอม ได้กลิ่นหอมหวานจากสบู่ที่อีกฝ่ายใช้
รีไวล์คำรามในลำคอ
“คุณรีไวล์ครับ ผมขอลูบขาอ่อน”
“ไม่ได้โว้ย!!! ตรงนั้นมัน.....”
“โว้ยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!”ร่างบางผุดลุกจากอ้อมกอดหึงหวงของร่างสูง ก่อนจะหันมาแว้ดใส่อีกฝ่ายเสียงดัง
“ค...คุณรีไวล์?”เอเลนแอบผงะไปด้านหลังด้วยความตกใจ ใบหน้าเขาเริ่มจะปรากฏความกลัวแล้วเมื่อสังเกตเห็นรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากคนตัวเล็ก
“อะ-ไร-ของ-นาย-กัน!!!!!”รีไวล์ขึ้นเสียง พลางจ้องหน้าเด็กหนุ่มด้วยแววตาโมโหสุดขีด “นี่ฉันอุตส่าห์ให้ความร่วมมือเต็มที่!!!! แต่นายกลับ...กลับมาทำตัวเป็นเด็กหวงของเล่นเนี่ยนะ!!!!”เขาแว้ดใส่พลางกอดอก ทำให้เอเลนที่แต่ก่อนเอาแต่ข่มอีกฝ่ายอย่างเหนือกว่า ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหดเล็กลง แถมยังกลายร่างเป็นหมาตัวใหญ่ที่หูลู่ลงเพราะกำลังโดนเจ้าของดุ
ส่วนทีมวิจัยทั้งหมดทั้งมวล บ้างก็พยักหน้าหงึกๆอย่างเห็นด้วยกับสิ่งที่รีไวล์พูด บ้างก็อึ้งกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของประธานบริษัทตัวเอง บ้างก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังสนั่นพสุธาที่ได้เห็นท่าหมาหงอยของผู้มีฐานะสูงกว่า
“ก็ผม!....ผมก็แค่!....”เอเลนรู้สึกอยากเถียงใจจะขาด ไม่ชอบเลยเวลาอีกฝ่ายกลายร่างเป็นยักษ์แบบนี้ แต่ก็โดนนัยน์ตาสีเทาคมกริบส่งรังสีฆาตกรมาตัดบทเสียก่อน เสียงที่กล้าจะท้าทายก็พลันเงียบในบัดดล
“นายนี่เด็กสุดๆเลย! โคตะระจะเด็กเลย!!!”รีไวล์พ่นลม ก่อนจะเชิดหน้าใส่อีกฝ่ายเมื่อพูดประโยคต่อมา “ต่อจากวินาทีนี้ไป ฉันจะให้ความร่วมมือแก่ทีมวิจัยของนายทุก-อย่าง! และนายไม่ต้องมาห้าม มาหวงอะไรฉันอีกเลยนะ!!! นั่งรออยู่ตรงนี้แหละ!!!!”
สิ้นเสียงกัมปนาท เอเลนก็ถึงกับสะอึกไปชั่วขณะ เขาพยายามจะคว้าแขนร่างเล็กที่กำลังจะเดินจากไป แต่ก็โดนสายตานับร้อยคู่ที่จ้องมาทางเขาเป็นตาเดียวกำลังบังคับให้เขา ‘รอ’ ตามที่ ‘เจ้าของ’ สั่ง
เจ้าหมาน้อยผู้มีศักดิ์เป็นถึงประธานบริษัทก็ทำหน้าหงอยๆ ก่อนจะต้องจำใจกลับไปนั่งรออยู่ตรงที่เดิม
“รอ”รีไวล์ทิ้งท้าย ก่อนจะเดินหายลับไปในหมู่มวลจักรกลผู้กระหายจะทำการทดลองอีกครั้ง(โดยครั้งนี้ไม่มีหมาขัดขวางอีกแล้ว)
เอเลนที่มองตามอีกฝ่ายจนหายลับ รู้สึกไม่พอใจ
เขาทำแก้มป่องราวๆกับเด็กๆ
“ก็มันหวงนิ!!!!”
...................................................................................................................................
ว้ายๆๆๆๆๆๆๆ >___________<
ทุกคนอย่าโกรธไรต์นะคะ เรื่องWarning ข้างบน 5555555 คือเราปูเนื้อเรื่องมาแบบนี้จริงๆ ไม่กะจะให้รีไวล์โดนตอนนี้หรอกเน้อ เผอิญมันยังไม่สะใจพอ -w- ถถถถถถฟ์
และเราก็คิดว่าเด็กมันก็อ่อนโยนพอจะไม่ทำค่ะ(แล้วตอนที่สองมันหมายความว่ายังไงยะ!?)
ป.ล.1 เราเพิ่งรู้นะ ว่าม้ามาจากประเทศฝรั่งเศส 5555 ดันเขียนว่ามาจากเยอรมัน เดี๋ยวมาแก้ให้นะคะ
ป.ล.2 ตอนนี้ไม่มีภาพแถมนะ ขี้เกียจ 55555
ป.ล.3 บางคนอาจสงสัยว่าทำไมตอนแรกๆ เราเขียนย่อหน้าหนึ่งยาวมากๆ ยาวแบบขี้เกียจอ่านกันไปเลย แต่ทำไมตอนหลังๆเนื้อความย่อหน้าหนึ่งมันน้อยลง...ไม่ใช่เพราะไรต์ขี้เกียจนะคะ 555 แต่เพราะไดอาล็อกที่มากขึ้น ทำให้บทบรรยายต้องน้อยลงตามค่ะ ช่วงหลังมันเป็นบทที่ต้องคุยกันมากขึ้น บทบรรยายปูมหลังจึงไม่ค่อยโผล่มาแล้วเพราะเราถือว่าได้ปูประวัติของตัวละครมาแล้ว เพราะฉะนั้นวางใจได้ว่าไรต์ไม่ได้ใกล้จะดองฟิคทั้งสองเรื่องค่ะ
เพราะเรายังไม่ดองค่ะ! :D (แต่อาจจะอัพช้า อิอิ)
>>>>>>>>>>>>>>>>> เอเรริ ฟอร์เอฟเวอร์!!!!!! (ไทยสาดดดด 5555)
ความคิดเห็น