ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LAST[shingeki no kyojin / Ereri]

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 - การประมูล

    • อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 57


    LAST

    Chapter 1

    Warning:มีการใช้คำศัพท์ที่เรียกมนุษย์กับหุ่นยนต์ + เรื่องนี้เอเลนอายุมากกว่า 15ปี เราเลยให้เด็กมีส่วนสูงที่มากกว่าเดิมค่ะ :D

     

    คนเยอะเกินไปแล้ว...

    นั่นเป็นความคิดแรกที่เข้ามาในหัวของเอเลน เขาเคาะนิ้วลงกับที่วางแขนของเก้าอี้เบาะนวมด้วยความกังวล ขณะกวาดมองจำนวนคนในโรงละครขนาดใหญ่

    สถานที่จัดการประมูลครั้งนี้คือที่โรงละครเก่าสมัยกลาง ณ ประเทศฝรั่งเศส ที่ๆซึ่งจำนวนหุ่นยนต์ทหารของรัฐบาลกลางหนาแน่นมากที่สุดเป็นอันดับสองรองจากอเมริกา ทางรัฐบาลได้เชิญชวนบริษัทผลิตหุ่นยนต์เพื่อวัตถุประสงค์พิเศษทั่วโลกมาร่วมงานการประมูลครั้งนี้ทั้งหมด ซึ่งดูจากจำนวนทั้งหมดที่ว่าคือมีเพียง 100 บริษัททั่วโลก ทว่าจำนวนหุ่นยนต์ในโรงละครครั้งนี้กลับมีเยอะกว่านั้นถึง20เท่า

    “อย่าบอกนะว่า การประมูลนี้เป็นแบบเปิดที่ปล่อยให้ใครๆเข้ามาชมก็ได้”แจนที่มาเป็นเพื่อนประธานบริษัทของตัวเองกระซิบเบาๆ “รัฐบาลมีแจ้งเรื่องนี้มั้ย?”

    “มี”เอเลนมุ่นคิ้ว ทำสีหน้าอึดอัดกับบรรยากาศรอบข้าง “แต่ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้”เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ถึงแม้หุ่นยนต์จะไม่ใช้ก๊าซออกซิเจนในการดำรงชีพ แต่กลิ่นของความแน่นขนัดก็ทำเอาเขาอยากลบโปรแกรมระบบประสาทจะแย่ “นี่ทหารที่เฝ้าอยู่หน้าโรงละครไม่ได้ตรวจดูคนเข้างานเลยรึไงกัน? กลิ่นของพวกหุ่นประป๋องตามถังขยะเริ่มโชยมาแล้วเนี่ย”ว่าพลางใช้นิ้วถูที่ปลายจมูกอย่างขยะแขยง

    “...เออว่ะ”แจนชักสีหน้าแหย “ฉันก็ชักได้กลิ่นแล้ว”

    เอเลนถอนหายใจ ถ้าไม่ติดว่างานนี้มันสำคัญมากถึงมากที่สุดแล้วล่ะก็ เขาคงไม่มาร่วมงานประมูลที่มีกลิ่นสาบของสนิมกับน้ำมันหรอก

    สำคัญมากยังไงน่ะเหรอ?

    มันเป็นเพราะสัญญาที่รัฐบาลทำไว้กับบริษัทผลิตหุ่นยนต์เพื่อวัตถุประสงค์พิเศษทั่วโลกยังไงล่ะ สัญญาที่ว่า หากบริษัทใดผลิตหุ่นยนต์ที่สร้างความพึงพอใจและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในบรรดาบริษัททั้งหมด หุ่นยนต์ที่ทำงานที่บริษัทนั้นทั้งหมดจะได้รับสิทธิพิเศษสุดจากรัฐบาล(ถามว่า ทำไมรัฐบาลถึงต้องให้ประโยชน์พวกเราน่ะหรือ? ไม่เอาน่า นี่มันเศรษฐศาสตร์ขั้นพื้นฐานเลยนะ เมื่อคนเรามีแรงจูงใจที่จะทำอะไรบางอย่าง สิ่งนั้นย่อมมีผลลัพท์ที่ดีกว่าการทำอย่างไร้จุดหมาย) สิทธิพิเศษที่ว่านั้นมีหลายอย่าง เช่น เรื่องเงินทุนที่รัฐบาลจะสรรหามาให้มากกว่าเดิมถึงเท่าตัว สิทธิในการอัพโหลดโปรแกรมเถื่อนโดยไม่ถูกหมายหัวจากรัฐบาล(ข้อนี้เป็นอะไรที่แจนอยากได้มากที่สุด) และการยกอำนาจให้อยู่เหนือบริษัททั้งปวง สำหรับเขาแล้ว สิทธิประโยชน์ข้อหลังเป็นแรงผลักดันให้เขามาที่นี้มากที่สุด เพราะเป็นเวลามากกว่าร้อยปีแล้ว ที่บริษัท Making Dear ต้องตกเป็นรองให้บริษัท Rosie Rose บริษัทสัญชาติอังกฤษ ซึ่งเคยฉ้อโกงบริษัทอื่นๆมาหลายต่อหลายครั้ง เช่น การแอบซื้อตัวบุคคลฝีมือดีในทีมพัฒนาของบริษัทที่จีน การแอบแฝงหนอนบ่อนไส้ไว้ในบริษัทที่กรีนแลนด์ อินเดีย และสิงคโปร์(โชคดีที่บริษัทของเขารับทำงานเฉพาะหุ่นยนต์สัญชาติเยอรมันเท่านั้น จึงหายห่วงจากภัยอันตรายนี้ได้)

    เด็กหนุ่มคิดแล้วก็เผลอหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งเยื้องจากเขาไปทางด้านซ้ายสามที่นั่ง

    เอลวิน สมิธ หุ่นยนต์อัจฉริยะเบอร์ 2109 สัญชาติอังกฤษ อายุ 34 ปี เขาเป็นประธานและตัวแทนบริษัทในการประมูลครั้งนี้ สำหรับเอเลนแล้ว ผู้ชายท่าทางดูเป็นมิตรคนนี้คือศัตรูตัวฉกาจที่อันตรายที่สุดในบรรดาตัวแทนจากบริษัททั้งหมด ดูจากหน้าตาอาจนึกว่าเป็นหุ่นยนต์เจ้าชาย รูปร่างสูงใหญ่ ไหล่กว้าง ใบหน้าหล่อเหลาคมแกร่ง ผมสีทอง ตาสีฟ้าน้ำทะเล แต่เมื่อใด ที่ใครก็ตามได้รู้จักนิสัยของชายคนนี้แล้วจะรู้ได้ในทันทีว่าผู้ชายคนนี้ ...เป็นเจ้าชายจอมปลอมชัดๆ! เนื้อแท้แล้วเขาเป็นเจ้าเล่ห์ หน้าซื่อใจคด เลวร้ายพอที่จะเปรียบเทียบกับโวลเดอมอร์ในหนังสักเรื่องหนึ่งของมนุษย์เมื่อประมาณ 700 ปีก่อน

    เอเลนหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์ ยิ่งเห็นใบหน้ามั่นใจที่คิดว่าตัวเองจะชนะการประมูลนั่นแล้ว เขายิ่งไม่พอใจใหญ่

    ....แต่ก็ยอมรับว่าเขาเป็นคนมีความสามารถจริงๆ...เขาคิด

    “แต่ก็อย่าหวังว่านายจะชนะเสมอไป...เอลวิน สมิธ”พลางพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    แล้วไม่กี่นาทีต่อมานั้น ม่านสีแดงเก่าๆที่เขรอะไปด้วยคราบสีน้ำตาลแห้งกรังตรงปลาย(สมมติฐานว่าเป็นคราบเลือดของมนุษย์ที่หลงเหลือจากสงคราม ในตอนนั้น พวกเขาใช้โรงละครเป็นแหล่งหลบภัยเร่งด่วน)ก็ค่อยๆเลิกขึ้นช้าๆ หุ่นยนต์ทุกตนที่รอดูการปรากฏตัวของมนุษย์คนสุดท้ายต่างพากันเงียบกริบ พวกเขาจับจ้องไปที่กลางเวทีเป็นจุดเดียว สำหรับจักรกลที่เกิดหลังสงครามเช่นพวกเขาส่วนใหญ่แล้ว นี่คือโอกาสทองที่สุดที่จะได้เจอกับสายพันธุ์ผู้ให้กำเนิดตัวเป็นๆ

    .....แล้วทันใดนั้นเอง ม่านก็เลิกขึ้นจนสุด...

     

     

    มนุษย์...ดูไม่ต่างไปจากเราเลย...

    ก็ไม่แปลก ในเมื่อต้นแบบของพวกเขาก็คือสิ่งมีชีวิตที่อยู่ ณ ตรงกลางเวทีนั่นเอง...

    เอเลนกำลังจ้องมองมนุษย์คนที่ว่าด้วยความเคลือบแคลงสงสัย ร่างบางตัวเล็กนั่นยิ่งดูตัวเล็กเข้าไปใหญ่ เมื่อเจ้าตัวกำลังนอนราบลงกับพื้น ท่าทางของชายคนนั้นดูอ่อนแรง แขนขาอ่อนเปลี้ยอย่างเห็นได้ชัด เอเลนหันเหสายตามามองที่ใบหน้าขาวซีด ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าเย็นชาที่ดูเหมือนจะพยายามปั้นให้ดูน่ากลัว ซึ่งมันดูออกได้ไม่ยากเลยว่าทำเพื่อกลบเกลื่อนความหวาดหวั่นชัดๆ

    น่ารักนั่นเป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของเด็กหนุ่ม

    ทันใดนั้นเอง พิธีกรสาวจากรัฐบาลกลางก็เดินเข้ามากลางเวที พร้อมๆกับการปรากฏตัวของจอทีวีแก้วขนาดใหญ่ 2 จอ ที่โผล่มาขนาบข้างเวทีจากทางด้านบน หุ่นยนต์สาวยิ้มกว้างก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกางเกงสูทเข้ารูปเพื่อคว้าเอาวัตถุทรงกลมเล็กๆออกมา เธอโยนเจ้าสิ่งนั้นขึ้นฟ้า ปรากฏว่ามันสามารถลอยบนอากาศได้อย่างน่าอัศจรรย์ ใช่แล้ว มันคือหุ่นยนต์ถ่ายภาพเคลื่อนที่นั่นเอง

    มันลอยเข้ามาใกล้ชายหนุ่มร่างเล็กเพื่อถ่ายทอดภาพสู่ทีวีจอแก้วทั้ง2 ยิ่งมันซูมภาพเข้าไปที่ใบหน้าอ่อนแรงของมนุษย์คนนั้นมากเท่าไร เสียงฮือฮาจากหุ่นยนต์ทั่วทั้งโรงละครก็เพิ่มมากขึ้น

    “ว้าว...”แจนสะอึกเล็กน้อย ขณะเหม่อมองใบหน้าขาวซีดบนจอทีวีแก้ว “ดูๆไปแล้ว...ผู้ชายคนนั้นก็สวยใช้ได้เลยนะ...”เขากลืนน้ำลาย ก่อนจะไล่สายตาเพื่อสำรวจร่างกายที่ถูกปกคลุมด้วยเสื้อทีเชิ้ตสีดำยาวเพียงตัวเดียว ซึ่งนั่นแทบไม่ช่วยอะไรเลย ในเมื่อเสื้อตัวนั้นมันยาวแค่ปิดขาอ่อนของเขา แล้วยิ่งประกอบด้วยท่านอนตะแคงสุดเซ็กซี่นั่นอีก...

    “แจน เก็บน้ำลาย”เอเลนสั่งเมื่อเห็นอาการ เป็นเอามากของแจน “เราอาจจะไม่ประมูลเขาก็ได้...ถ้าเขาไม่ใช่มนุษย์จริงๆ”

    “ห...หา!”แจนร้องเสียงหลง “ก็..ก็จะไม่ใช่ได้ยังไงกัน ในเมื่อ...”

    “เราอาจถูกแหกตาจากรัฐบาลกลางก็ได้”เอเลนหรี่ตาลง ก่อนจะเพ่งมองดูสิ่งมีชีวิตบนเวทีอย่างราวกับจะมองให้ทะลุถึงเนื้อใน เขากำลังมองหาจุดแตกต่างระหว่างผู้ชายคนนั้นกับหุ่นยนต์อย่างเขา “ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ก็เถอะว่าพวกเขาจะทำไปเพื่ออะไร”

    แจนกำลังจะโต้แย้ง แต่ไม่ทันจะเอ่ยปากพูด ก็มีเสียงกระหึ่มดังมาจากที่นั่งท้ายๆ ซึ่งเป็นที่นั่งของคนดูทั่วไปไม่ใช่ตัวแทนจากบริษัทเพื่อการประมูล แจนรีบหันไปตามต้นเสียงทันที ก่อนจะเห็นบรรดาหุ่นยนต์หลายตนกำลังถกเถียงกันด้วยสีหน้าไม่พอใจ

    “นั่นไม่ใช่มนุษย์!”เสียงของหุ่นยนต์เพศชายโพล่งขึ้น ท่าทางน่าจะเป็นหุ่นยนต์รุ่นเก่าที่ถูกสร้างขึ้นมากว่า600ปี เขาตะโกนอย่างสุดเสียงจนคนทั้งโรงละครได้ยิน “ดูยังไงก็ไม่เห็นจะแตกต่างจากพวกเราเลยสักนิด! ไอ้รัฐบาลจอมหลอกลวงเอ๊ย!”เขาสบถอย่างหยาบคาย ก่อนจะถุยน้ำลายลงพื้น

    สิ้นเสียงกัมปนาทนั่น หุ่นยนต์ตัวอื่นๆก็เริ่มพยักเพยิดด้วยความเห็นด้วย พวกเขาลุกฮือกันตะโกนด่ารัฐบาลด้วยคำหยาบมากมาย บางคนถึงขั้นตะโกนด่ากันพัลวันจนฟังไม่ได้ศัพท์

    เหตุการณ์ราวฝูงนกแตกรังยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพิธีกรหน้าเวทีเผยรอยยิ้มกว้างอย่างไม่เป็นมิตร หล่อนเอ่ยประโยคถัดมาด้วยน้ำเสียงระดับกลาง แต่ก็ดังพอจะทำให้ทุ่นยนต์ทุกตัวชะงักเสียงไปทันที

    “นั่นถือว่าเป็นการก่อกบฏ หรือเปล่าคะ?”

    “...”

    ...เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ และอานุภาพของมันก็รุนแรงพอจะรูดซิบปากของหุ่นยนต์ทั่วทั้งโรงละครได้ ทุกคนพร้อมใจกันนั่งลงอย่างรวดเร็ว เร็วเสียจนบางคนเกือบล้มหัวคะมำ

    ...ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่า การถูกตราหน้าว่าเป็น กบฏ ...เพราะเมื่อใดก็ตามที่รายชื่อของคุณถูกส่งไปถึงรัฐบาลกลาง(ซึ่งแน่ใจได้เลยว่าไม่มีทางส่งช้าแน่ๆ)ด้วยหัวข้อตัวบะเอ้งว่า กบฏ  สิ่งสุดท้ายที่คุณจะได้เห็นจะเป็นภาพดำมืดจากการลบไอดีออนไลน์ คุณจะกลายเป็นแค่ไอ้เศษกระป๋องไร้ค่าที่ไม่มีทางสร้างคุณค่าอะไรให้แก่โลกใบนี้เลย

    .....เหมือนกับเผ่าพันธุ์เก่าที่เคยครอบครองโลกสีฟ้าดวงนี้....

    “ขอบคุณที่ให้เกียรติกันนะคะ”สาวเจ้ายิ้มร่า พลางกระชับชุดสูทสีดำให้เข้าที่ก่อนการแนะนำตัว “ดิฉัน ฮันจิ โจเอะ จักรกลอัจฉริยะเบอร์ 3100 สัญชาติรัสเซีย จะมาเป็นพิธีกรในการประมูล มนุษย์คนสุดท้ายตลอดคืนนี้ค่ะ”ว่าเสร็จ ฮันจิก็ย่างก้าวเข้ามาใกล้ สินค้าในการประมูล ที่นอนหายใจอ่อนแรงอยู่บนเวทีอย่างช้าๆ ก่อนจะก้มลงคุกเข่าแล้วใช้มือของตนกระชากเส้นผมสีนิลของชายหนุ่มขึ้นมา

    “อึก!”เขาร้องเบาๆด้วยความเจ็บ

    “ชายคนนี้...เป็นมนุษย์คนสุดท้ายอย่างแท้จริง”เธอว่า ก่อนจะชักบางสิ่งบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อ เธอชูสิ่งที่เรียกว่า มีดสั้น ขึ้นฟ้า ขณะที่วัตถุจิ๋วทรงกลมจะลอยมาถ่ายภาพของในมือหล่อนใกล้ๆ “ฉันจะพิสูจน์ให้คุณดูเอง”เธอดึงศีรษะของชายผิวขาวให้มาซบลงตรงไหล่ แล้วดึงเอามือขาวอ่อนเปลี้ยของเขาขึ้นมา หล่อนมองใบหน้าซีดเผือดของมนุษย์ข้างตัวครู่หนึ่ง “ขอโทษทีนะ”

    ...ทันใดนั้นเอง สิ่งมีคมอันตรายนั่นก็บรรจงกรีดเนื้อขาวๆตรงกลางฝ่ามืออย่างไร้ความปราณี...

    “โอ๊ย!!!”ชายหนุ่มร้องลั่น พยายามจะดันหุ่นยนต์เพศหญิงออกจากตัว แต่เรี่ยวแรงของมนุษย์ที่เพิ่งฟื้นจากการนิทรามากว่า 700 ปีน่ะหรือจะสู้หุ่นยนต์ได้ ขนาดมนุษย์ที่ร่างการแข็งแรงดียังไม่อาจต้านแรงของจักรกลได้เลย

    ฮันจิจงใจกดมีดผ่าเป็นทางยาว จนมือขาวๆนั่นถูกแต้มไปด้วยสีแดงของเลือดสดๆ ร่างเล็กของผู้ถูกประทุษร้ายสั่นเทิ้มไปด้วยความเจ็บปวดที่แล่นเป็นริ้วๆบนมือซ้าย บาดแผลที่หล่อนทำคงลึกพอดู

    “ให้อภัยฉันนะ ฉันกะแรงให้เหมาะกับมนุษย์ไม่ถูกจริงๆ”หล่อนกระซิบที่ข้างหูขาว เธอยิ้มให้ชายหนุ่มที่หันมาทำหน้ายักษ์ใส่ ก่อนจะหันเหความสนใจจากเขามาที่คนดู “ดิฉันต้องขอโทษจริงๆนะคะ ที่ทำให้สินค้าการประมูลมีริ้วรอย...แต่นี่ก็เป็นวิธีที่จะพิสูจน์ให้พวกคุณเห็นได้ชัดเจนที่สุด!”เธอยิ้มกว้างขณะกวาดมองผู้ชมทั้งหลาย รู้สึกสะใจที่ได้เห็นสีหน้าตอนนี้ของทุกคน พวกเขากำลังนิ่งอึ้งอย่างเงียบงัน พลางจ้องมองไปที่ของเหลวข้นอย่างไม่กะพริบตา

    “นั่นมัน...”เอเลนเผลออุทาน เขาเหม่อมองมือเปื้อนสีแดงนั่นด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง

    ...นี่....นี่คือสิ่งที่มนุษย์เรียกว่า เลือดสินะ....

    นี่ล่ะหนึ่งในความแตกต่างของมนุษย์และหุ่นยนต์...

    “อย่างที่พวกคุณรู้!”ฮันจิประกาศ “ยามที่หุ่นยนต์เช่นเราบาดเจ็บ บาดแผลของเราจะสมานกันเองอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเพราะนาโนเทคโนโลยีในผิวเรา...แต่สำหรับมนุษย์แล้ว เมื่อถูกทำให้มีบาดแผล ผิวของของพวกเขาไม่สามารถฟื้นฟูได้รวดเร็วเท่า แล้วยังมีของเหลวนี่”เธอใช้นิ้วกดไปที่บาดแผลที่เต็มไปด้วยเลือด พลางไม่สนใจเสียงคำรามของคนเจ็บ “สิ่งที่เผ่าพันธุ์เมื่อ 700 ปีก่อนเรียกว่า เลือด ...นี่เป็นการพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นไงคะ...ธรรมชาติของมนุษย์ไม่เหมือนกับของเรา ร่างกายของพวกเขาถูกหล่อเลี้ยงด้วยสิ่งนี้!”ฮันจิเอ่ยลั่นอย่างตื่นเต้น ก่อนจะหันมามองคนที่ซบอยู่ตรงไหล่เธอด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย รู้สึกเสียดายนิดๆที่ต้องเสียผู้ชายคนนี้ไปกับการประมูล แต่ว่าเธอก็ไม่มีสิทธิ์จะโต้แย้งความต้องการของรัฐบาลกลางอยู่ดี “ในเมื่อทุกคนไร้ข้อสงสัยกันแล้ว ...ฉันก็ขอเริ่มเปิดการประมูลเดี๋ยวนี้ค่ะ!!!

     

    ..................................................................................................................................

    “แย่แล้ว!เอเลน”แจนทำหน้าแหย เมื่อมองเลขหลักล้านบนจอแก้วที่มีแต่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ

    หลังจากการประมูลผ่านมากว่า10นาทีได้ บริษัทผลิตหุ่นยนต์เพื่อวัตถุประสงค์พิเศษจากทั่วทุกมุมโลกต่างไม่มีใครยอมใคร

    ดุเดือดกว่าที่คาดไว้เยอะเลย เอเลนเริ่มเหงื่อตกกับสถานการณ์ตรงหน้า ก่อนจะได้ยินเสียงจากตัวแทนบริษัทประเทศจีนพูดว่า ‘15ล้าน

    เอเลนกลืนน้ำลาย เขาจะไม่ยอมแพ้อยู่แค่นี้หรอก!’คิดแล้วก็ชูป้ายหมายเลขของตัวเองขึ้นมาพลางประกาศเสียงกร้าว

    19 ล้าน ซีลเลน(หน่วยเงินตราที่ใช้กันในยุคหุ่นยนต์ครองโลก)!

    สิ้นตัวเลขนั้น บางบริษัทก็เริ่มเงียบเสียงไป...

    19 ล้าน ซีลเลน จากหมายเลข 4 บริษัท Making dear สัญชาติเยอรมัน! มีใครจะให้สูงกว่านี้มั้ยคะ?”ฮันจิเอ่ยอย่างร่าเริง รู้สึกสนุกสนานกับการประมูลครั้งนี้เหลือเกิน แตกต่างจากบรรดาตัวแทนทั้งหลายที่กำลังทำหน้าหน้าดำเคร่งเครียดอยู่

    เอลวิน สมิธที่นั่งเงียบอยู่นาน ในที่สุดก็ชูป้ายขึ้นเป็นครั้งแรก

    22 ล้าน ซีลเลน”เขาเอ่ยด้วยเสียงเนิบนาบ ราวกับตัวเลขที่เสนอไปไม่ได้สูงค่าอะไรเลย

    เอเลนหันควับไปมองต้นเสียงด้วยสีหน้าตกใจ เขาคำรามในลำคอเสียงดัง เมื่อเห็นชายหนุ่มผมทองหันมาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้

    22 ล้าน! จากหมายเลข 11 บริษัท Rosie rose สัญชาติอังกฤษค่ะ! มีใครให้สูงกว่านี้มั้ย? มีอีกมั้ย?!

    เสียงซุบซิบจากหลายบริษัทเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พอๆกับเสียงจอแจของคนดูที่ไม่เกี่ยวอะไรกับการประมูล พวกเขากำลังตกตะลึงกับจำนวนเงินที่อังกฤษทุ่มไปอย่างไม่รู้สึกรู้สา

    ไม่มีทางชนะเลย...คงมีจะต้องยอมแพ้เท่านั้น นี่เป็นความคิดของตัวแทนเกือบทุกบริษัท

    ...แต่ตัวแทนจากเยอรมันไม่คิดอย่างนั้น

    24 ล้าน!

    สิ้นเสียงประกาศก้อง เอลวินหันมามองหน้าเอเลนอย่างรวดเร็ว(ซึ่งเร็วพอๆกับแจน) สีหน้าที่เคยคงไว้ซึ่งหน้ากากเสแสร้งตลอดเวลาเริ่มปริแตกด้วยแววตาตื่นตะหนก

    สงสัยฉันจะประเมินเด็กนี่ต่ำไปร่างสูงคิดพลางมุ่นคิ้ว จากใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง

    30 ล้าน”เอลวินยกป้ายขึ้นด้วยท่าทีสงบนิ่ง เขายังคงน้ำเสียงเนิบนาบ ไม่ทุกข์ร้อนตามเดิม

    30 ล้านเหรอ! บ้าไปแล้ว!!! หุ่นยนต์ผู้ดีพวกนั้นมีเงินไว้ผลาญเล่นรึไง!!”แจนช็อกขณะมองตัวเลขที่ผุดขึ้นบนจอแก้ว เขาหันมามองเอเลนที่ใบหน้าซีดเผือด “เราคงต้องยอมแพ้แล้วนะ....เอเลน!

    เอเลนหรี่ตาลงอย่างชั่งใจ

    ...นี่เขาต้องยอมจริงๆเหรอเนี่ย......

    30ล้าน! จาก Rosie rose ครั้งที่1!...มีใครจะสู้อีกมั้ย?”ฮันจิกวาดมองไปทั่วทั้งโรงละครที่เงียบกริบไปตั้งแต่ได้ยินคำว่า ‘30’ ไม่มีใครเลยเหรอคะ?”เธอยิ้ม “30ล้านครั้งที่2! มีใครให้สูงกว่านี้มั้ย?”เหมือนเดิม...บรรยากาศยังคงสงบราวกับป่าช้า

    เอลวินหันมาเหล่มองเอเลนแวบหนึ่ง เขาทำเสียงหึในลำคออย่างดูถูก

    ....เอเลนกำมือแน่น....

    30ล้านครั้งที่....”

    50ล้าน!!!!!!!”เอเลนตวาดกร้าวพลางยืนขึ้นชูป้ายหมายเลขอย่างมั่นใจ แจนหันมามองเจ้านายอย่างรวดเร็วเสียจนคอแทบหัก รู้สึกเหมือนสมองจักรกลของตนจะแฮงก์ไปชั่วคราวหลังได้ยินคำว่า ‘50’

    “ห....ห้าสิบล้าน...”ฮันจิอุทานเสียงแผ่ว

     ทุกคนหันไปมองเอเลนเป็นตาเดียวด้วยสีหน้าแบบเดียวกันหมด พวกเขาจ้องมองเด็กหนุ่มด้วยนัยน์ตาเบิกโพลง อ้าปากค้าง....รวมทั้งเอลวิน สมิธ ผู้ไม่เหลือแม้แต่ซากหน้ากากบนใบหน้า...

    “ม....มีใครให้สูงกว่านี้มั้ยค่ะ?”ฮันจิถามอีกครั้ง ทั้งๆที่ในใจก็รู้คำตอบเป็นอย่างดี “ถ...ถ้าเป็นแบบนั้น...50ล้าน! ขายให้แก่ Making dear!!!”สิ้นคำตัดสินชี้ขาดการประมูล ทุกคนก็ลุกขึ้นปรบมือให้กับความทุ่มเทของเด็กหนุ่มเยอรมันทันที ...อันที่จริง ก็ไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้นซะทีเดียวหรอก แต่เสียงชื่นชมที่ถาโถมมาให้เขาราวกับคลื่นสึนามินี้ มีสาเหตุมาจากความะใจmuj Rosie rose  บริษัทที่พวกเขาต่างเกลียดชังกันได้พ่ายแพ้ในการประมูลครั้งนี้

    และแน่นอน ในจำนวนคนที่ลุกขึ้นปรบมือให้เอเลน....เอลวิน สมิธ ไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น...

    “ช...ชนะแล้ว”แจนเข่าแทบทรุดลงกับพื้น ยามเมื่อนึกถึงจำนวนเงินที่หายแวบไปกับตา ร่างกายของเขาก็แทบจะแปรสภาพเป็นของแข็งกึ่งเหลว

    “ใช่...ในที่สุด ชัยชนะครั้งแรกของบริษัทเรา”เอเลนยิ้มกว้าง ทั้งๆที่ในใจแอบด่าตัวเองอยู่ไม่น้อย ที่ดันโง่เง่า ยอมทุ่มเงินมหาศาลอย่างเกินความจำเป็นเพียงเพื่อแลกกับชายหนุ่มตัวเล็กๆคนหนึ่ง

    หวังว่าการได้มนุษย์คนสุดท้ายมาจะคุ้มกับสิ่งที่ต้องแลกไปนะเอเลนถอนหายใจ ก่อนจะเดินขึ้นบนเวทีพร้อมกับแจน เพื่อไปรับสิ่งที่กำลังจะกลายมาเป็น ของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ

    “ยินดีด้วยนะ หนุ่มน้อย เธอนี่ใจป้ำซะจริง!”ฮันจิหันมาจับมือเขา เขย่าแรงๆด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่สาวเจ้าจะกะพริบตาให้อย่างชื่นชม “เอ้า! นี่รางวัลแห่งชัยชนะของเธอ”ว่าแล้วก็ลงมืออุ้มรางวัลที่ว่าขึ้นมาอย่างแรงเสียจนอีกฝ่ายตัวลอยหวือ ทีแรกชายหนุ่มในอ้อมแขนเธอก็ประท้วงเสียงดัง พยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุม “แหมๆ...อย่าอายไปเลยน่า รีไวล์ผู้หญิงอุ้มผู้ชายไม่ใช่วัฒนธรรมที่น่าแปลกสำหรับหุ่นยนต์หรอก”

    รีไวล์หันมาทำตาขวางใส่หล่อน  พลางคำรามอยู่ในลำคอด้วยความโกรธ

    “เขาชื่อว่ารีไวล์”ฮันจิบอกเอเลน “ระหว่างนี้เขาจะเดินไม่ได้สักพัก มันเป็นผลจากการถูกเสมือนแช่แข็งน่ะ เพราะกล้ามเนื้อไม่ได้ถูกใช้งานมานาน เธอต้องทำกายภาพบำบัดให้เขาสักระยะ แล้วมันจะดีขึ้น”หล่อนบอกด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะส่งคนในอ้อมแขนแก่เอเลน“ข้อดีของมัน คือเราไม่ต้องวิ่งไล่จับพ่อหนุ่มคนนี้”

    เอเลนหัวเราะเบาๆ

    “ไม่มีปัญหาครับ ผมจะจัดการทุกอย่างเอง”เอเลนขอบคุณสาวเจ้า แล้วรับตัวของรีไวล์เข้ามาในอ้อมอกแข็งแกร่งในท่าเจ้าสาว ที่แรกคนตัวเล็กกว่าดิ้นพล่านอย่างขัดขืน

    ไม่ๆๆ!!! นี่มันน่าอายกว่าให้ผู้หญิงอุ้มอีกนะเฟ้ย!’รีไวล์คิดด้วยใบหน้าซีดเผือดพลางพยายามใช้มือดันอีกฝ่ายออก แต่เขาก็ต้องหยุดดิ้นทันทีเมื่อมือใหญ่ของเด็กหนุ่มกระชับร่างกายของเขาให้แน่นขึ้น แน่นเสียจนเขาเผลอคิดว่ากระดูกคงหักไปแล้ว

    “อย่าพยายามดีกว่าครับ”เอเลนกดเสียงต่ำ ก้มลงมองคนในอ้อมแขนด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง “ผมเสียเงินก้อนโตไปเพื่อให้ได้คุณมา คิดว่าผมจะปล่อยคุณให้หนีไปงั้นเหรอ?”

    สิ้นประโยค คนร่างเล็กก็มุ่นคิ้วอย่างไม่พอใจกับคำพูดที่ทำเหมือนเขาเป็นสินค้า แต่ก็ยอมหยุดพยศเพราะรับรู้ได้ถึงความจริงใจในน้ำเสียงทุ้มนั่น

    เอเลนถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะหันมามองแจนที่กำลังจ้องขาเรียวงามด้วยสายตาหื่นกระหาย

    “แจน ถอดเสื้อนอกของนาย....แล้วเอามาคลุมขาของสุภาพบุรุษท่านนี้หน่อย ฉันอุ้มเขาทั้งๆที่ใส่แค่เสื้ออย่างเดียวไม่ได้หรอก”เอเลนเอ่ยพลางเน้นหนักตรงคำว่าสุภาพบุรุษเพื่อเรียกสติของเพื่อนเพศเดียวกัน

    แจนเก็บปากทันทีที่ได้ยินดังนั้น เขาเลิ่กลั่กถอดเสื้อสูทชั้นนอกออก แล้วบรรจงวางผ้าสีดำเนื้อดีบนขาขาวๆของรีไวล์

    รีไวล์มองแจนด้วยสีหน้าหยะแหยง

    “แล้ว...พวกนายจะวาร์ปกลับเยอรมันเลยใช่มั้ย?”ฮันจิโพล่งขึ้นมาหลังจากหัวเราะกับท่าทางของรีไวล์ที่มีต่อแจน

    เอเลนพยักหน้าให้เป็นคำตอบ ขณะที่รีไวล์มองหน้าของฮันจิสลับกับคนที่อุ้มตัวเขาอย่างงงๆ

    ในยุคสมัยของหุ่นยนต์ครองโลกนี่ ไร้ซึ่งยานพาหนะใดๆทั้งสิ้น ไม่มีรถยนต์ ไม่มีเครื่องบิน พวกหุ่นยนต์ในยุคสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการเดินทางนานขนาดนั้น พวกเขาสร้างนาฬิกาวาร์ปที่แค่เพียงกำหนดจุดหมายปลายทาง ก็สามารถวาร์ปไปในที่ต่างๆที่ต้องการได้ ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของมันคือ การจะวาร์ปได้ต้องมีสิ่งที่เป็นจักรกลติดตัวไปด้วย (เช่น เราจะวาร์ปไม้ซุงธรรมดาๆไม่ได้ ต้องมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดไปด้วยถึงจะเป็นผล)

    “ฝากขอบคุณรัฐบาลสำหรับของทดลองที่สุดแสนวิเศษด้วยนะครับ”เอเลนว่า

    ฮันจิยิ้มก่อนรับคำ

    เขากระชับคนตัวเล็กในอ้อมแขนให้แน่นขึ้น เขาไม่รู้หรอกนะว่าสำหรับมนุษย์ด้วยกัน หากทำท่าทางแบบเดียวกับที่เขาทำ จะคิดว่าคุณรีไวล์ตัวหนักรึเปล่า แต่สำหรับหุ่นยนต์เช่นเขาตอนนี้ คนในอ้อมแขนดูเบาหวิวซะเหลือเกิน

    ...ชักอยากรู้เรื่องราวของมนุษย์มากกว่านี้แล้วสิ....

    ว่าแล้วก็สั่งให้ลูกน้องที่มองมนุษย์ในอกเขาตาละห้อยให้จัดการหมุนนาฬิกาวาร์ปที่ข้อมือของตนเอง เอเลนแอบเหล่ไปมองที่นั่งของผู้ชมครู่หนึ่ง รู้สึกสะใจอย่างมากที่เห็นชายหนุ่มผมทองนามเอลวิน สมิธ กำลังมองเขาด้วยสีหน้าโกรธเคือง(ไม่รู้ว่าใช่รึเปล่า แต่อย่างน้อยเขาก็คิดแบบนั้น)

    “ฝาก-ไว้-ก่อน-เถอะ”เอลวินขยับปากทำเป็นคำพูด

    เอเลนหยักยิ้มที่มุมปากขณะที่ลำแสงที่ฟ้ากำลังไหลห่อหุ้มไปทั่วร่าง(สัญญาณของการวาร์ป) ก่อนหน้าที่คนทั้งสามจะหายแวบไปกับตา เอเลนก็หันมาขยับปากพูด ตอกกลับใส่เอลวินอย่างแรง

    ไอ้-ขี้-แพ้

    ............................................................................................................................

    เวลา 23:07 . ณ บริษัท Making dear ประเทศเยอรมัน

    “โอ๊ย!!”รีไวล์อุทานลั่นเมื่อตัวเองถูกโยนลงบนเตียงอย่างไม่ใยดี

    “ขอโทษครับ”เอเลนเอ่ยปัดๆ “มนุษย์นี่อ่อนแอจังนะครับ ผมกะแรงด้วยไม่ถูกเลย”เขาว่าเชิงดูถูก ก่อนจะยิ้มรับสายตาน่ากลัวจากรีไวล์

    “เฮ้ย เอเลนเพลาๆหน่อยสิวะ!”แจนตวาด ก่อนจะหันมามองคนบนเตียงอย่างพยายามดูว่าอีกฝ่ายมีบาดแผลตรงไหนรึเปล่า “ตอนอยู่ที่อังกฤษเมื่อกี้ก็โดนมีดกรีดไปแล้ว ตอนนี้ก็โดนนายจับทุ่มอีก ไม่รู้ว่าช้ำไปถึงไหนแล้วเนี่ย”

    “แค่นี้ อย่านึกว่าจะทำอะไรฉันได้”รีไวล์ค้านเสียงเย็น รับไม่ได้ที่ถูกกล่าวหาว่าอ่อนแอ เขายันตัวลุกขึ้นจากเตียง(ที่แข็งราวกับกับหิน)เพื่อให้ตัวเองลุกขึ้นนั่ง“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกนายเป็นใคร...หรือเป็นตัวอะไร แต่ปล่อยฉันไปซะ ไม่งั้นพวกนายได้กลายสภาพเป็นศพแน่ๆ”

    สิ้นประโยค เอเลนก็หลุดหัวเราะออกมาทันที

    “โห...นี่มนุษย์คนสุดท้ายบนโลกใบนี้...เป็นนักเลงหรอกหรือเนี่ย?”เขาพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน ก่อนจะถอดเสื้อนอกของชุดสูทและเนคไทสีดำออก โยนมันให้แจนที่รับเสื้อผ้านั่นด้วยใบหน้างงงวย “นายออกไปได้แล้ว”

    แจนหันควับมามองเอเลน เตรียมพร้อมจะโต้แย้งอีกฝ่าย แต่ยังไม่ทันจะเปิดปากเอ่ยก็โดนนัยน์ตาสีเขียวถลึงใส่อย่างน่ากลัว

    “โอเคๆ! รับทราบแล้วครับ เจ้านาย!”เขาจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่โดนจ้องด้วยนัยน์ตาแบบนั้น เขาโดนอีกฝ่ายซ้อมเสียจนสมองจักรกลของเขาพัง(ซึ่งเขาไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่2แน่ๆ) แจนรีบก้าวเท้าฉับๆออกจากห้องนอนของเจ้านายตนทันที ก่อนจะปิดประตูใส่ดังปังอย่างรีบร้อน

    “ตัวกขคไปซะได้ก็ดี”เอเลนถอนหายใจ ก่อนทิ้งตัวลงบนเตียงแข็งๆอย่างแรง รีไวล์สะดุ้งน้อยๆ แอบตกใจที่เห็นเตียงที่เขาคิดว่าหนาราวกับทำด้วยอิฐยุบลงไปตามน้ำหนักของชายร่างสูง “อุดอู้อยู่ในโรงละครเสียตั้งนาน เหนื่อยชะมัด”เขาหลับตาลงช้าๆ

    รีไวล์มุ่นคิ้ว มองใบหน้าหลับพริ้มด้วยความชั่งใจ  ....ตอนนี้มีคำถามมากมายกำลังวิ่งวนอยู่ในหัวของเขา ตั้งแต่เขาตื่นขึ้นมาจากการนิทรา จู่ๆก็โดนคนที่แรงหนักยิ่งกว่าช้างมาจับตัวไป ถูกพาไปที่โรงละครเก่าที่ดูเหมือนจะเพิ่งผ่านสงครามมาหมาดๆ แล้วยังจะนี่อีก การประมูลสินค้า? หุ่นยนต์? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?!...

    มันเกิดอะไรขึ้นกับอนาคตของพวกเรากันแน่!!!!

    เขารู้สึกเหมือนหัวกำลังระเบิด

    รีไวล์กัดริมฝีปากของตนอย่างแรง เขาไม่ชอบใจตัวเอง ณ เวลานี้เลย ทั้งๆที่สถานการณ์ตอนนี้มันชวนให้หนี แต่ขาเจ้ากรรมทั้งสองดันใช้งานได้ไม่คล่องพอจะหนีอีกฝ่ายไปได้...เขาควรจะทำยังไงดี?

    “อย่าพยายามคิดที่จะหนีเลยครับ”เสียงทุ้มดังขึ้นดักความคิดของร่างบาง รีไวล์หันควับไปมองชายหนุ่มที่เขาคิดว่าหลับไปแล้วด้วยสีหน้าตื่นตะลึง

    “นี่นาย....!

    “ผมอ่านใจคุณไม่ได้หรอก”เอเลนหัวเราะ เขาลืมตาตื่นขึ้นช้าๆ ก่อนจะเสหน้าไปมองใบหน้าขาวของรีไวล์ “หุ่นยนต์อย่างพวกเราทำแบบนั้นไม่ได้ ผมแค่เดาเอาน่ะ...ดูจากสถานการณ์ของคุณแล้ว ก็ต้องคิดที่จะสู้หรือไม่ก็หนี....แต่ดูจากความอ่อนแอนี่แล้ว ก็ต้องคิดที่จะหนีอยู่แล้ว”

    รีไวล์กำมือแน่น รู้สึกอยากตะบันหน้าอีกฝ่ายให้เละโทษฐานสบประมาทตัวเขา

    “....ฉันขอยืนยันคำเดิม”เขาพูดช้าๆ พยายามควบคุมโทสะของตัวเอง “ไม่งั้นฉันจะ...”

    “ฆ่าผมเหรอ?”เด็กหนุ่มหัวเราะ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลงบนเตียง “มนุษย์ผู้แสนจะอ่อนแอเช่นคุณ?...ผมว่าคุณแตะต้องแม้แต่ปลายเล็บของผมไม่ได้ด้วยซ้ำ”

    สิ้นประโยคนั้น รีไวล์ก็พุ่งเข้าหาเอเลนทันที ร่างบางยกกำปั้นขึ้นหวังจะได้ชกใบหน้าหล่อของเด็กหนุ่ม แต่มนุษย์หรือจะสู้หุ่นยนต์ได้...ด้วยความไวกว่า เอเลนยกมือจับกำปั้นขวาเปื้นเลือดของอีกฝ่าย ก่อนจะใช้มืออีกข้างออกแรงผลักร่างเล็กนั่นเบาๆ แต่ก็แรงมากพอจะทำให้รีไวล์ล้มลงบนเตียงอย่างหมดท่า

    “อึก! ไอ้บ้าเอ๊ย....อ๊ะ!”รีไวล์ร้องลั่นอย่างเจ็บใจ หวังจะลุกขึ้นสู้อีกครั้ง แต่ก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อใบหน้าหล่อเข้มของเอเลนเข้ามาประชิดหน้าเขา เสียจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่รดบนแก้ม ร่างสูงใช้ตัวหนักๆของตนทาบทับอีกฝ่ายจนขยับตัวไม่ได้

    เอเลนจ้องมองนัยน์ตาสีเทานั่นครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆเลื่อนสายตาลงไปที่ริมฝีปากบางสีชมพู ที่กำลังเผยออกเล็กน้อยเพราะความตกใจเมื่อครู่

    “รู้อะไรมั้ยครับ?...”เอเลนกระซิบแผ่ว จ้องมองกลีบปากสีอ่อนนั่นอย่างกระหาย “สำหรับยุคหุ่นยนต์ครองโลก....คนที่มีผิวอ่อนนุ่มกว่าหุ่นยนต์เพศหญิงตั้ง10เท่า....เช่นคุณ....”เขาว่าก่อนจะใช้มือหยาบข้างหนึ่งค่อยๆเข้าไปลูบไล้ที่เนื้อหนังใต้ผิวผ้า

    รีไวล์เริ่มสังหรณ์ถึงสถานการณ์เลวร้าย ใบหน้าของเขาซีดเผือด เนื้อตัวเริ่มสั่นเมื่อมือข้างนั้นของเอเลนเริ่มๆเลิกขึ้นมาบนหน้าอกเขา รีไวล์อยากจะถีบอีกฝ่าย อยากจะชกหน้าหล่อๆนั่นให้แหลก อยากจะดิ้นหนีออกจากการพันธนาการนี่ซะ แต่ร่างกายของหุ่นยนต์บนตัวไม่ให้โอกาสที่จะดิ้นหนีแก่เขาเลยสักนิด

    “อย่า....”เสียงรีไวล์เริ่มพร่า นัยน์ตาเริ่มปรากฏน้ำใสๆ เขาไม่ใช่คนขี้แย แต่ในภาวะที่ไม่ว่ายังไงก็เห็นแต่   ‘ความพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แบบนี้ มันทำให้เขาไม่อาจจะต้านอารมณ์กลัวจับใจนี้ได้เลย

    เอเลนยิ้มให้กับใบหน้าของคนเบื้องล่าง

    “ร้องไห้แบบนั้น...มันมีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นนะครับ”ร่างสูงเริ่มหอบหายใจถี่ เขาไม่เคยรู้สึกถึงความ อยาก เท่านี้มาก่อน ผิวของชายคนนี้นุ่มเกินกว่าจะบังคับตัวเองไม่ให้ลูบไล้ หน้าของเขาสวยเกินกว่าจะไม่มอง ร่างกายของเขาอุ่นเกินกว่าจะไม่พยายามกอด....และริมฝีปากนั่น....

    ไม่ทันที่จะคิดต่อ เอเลนก็ก้มลงจูบอีกฝ่ายทันที จนรีไวล์ร้องอุทานลั่นเพราะแรงกดที่รุนแรง

    หนี! ต้องหนี!’รีไวล์คิด พยายามหันหน้าออกจากจุมพิตร้อนแรง แต่ลิ้นสากที่ไล้วนเข้ามาในช่องปากสีหวานของเขาก็ดุดันร้อนแรงเสียจนสูบเอาแรงที่เดิมมีอยู่น้อยนิดไปจนหมด

    เอเลนเกี่ยวกระหวัดลิ้นของตนอย่างกระหาย ราวกับไม่เคยแตะต้องริมฝีปากอ่อนนุ่มและหอมหวานเท่านี้มาก่อน

    เพียงครู่เดียว เอเลนก็ผละออกจากริมฝีปากร้อนๆสีชมพู เขาลอบมองใบหน้าแดงซ่านเปื้อนน้ำตาด้วยราคะที่โหมกระหน่ำ ยิ่งจ้องมองสีหน้าเย้ายวนที่อีกฝ่ายไม่ตั้งใจทำเท่าไร ความรู้สึกอยากจะกระชากเสื้ออีกฝ่ายออก อยากจะกระทำอีกฝ่ายอย่างรุนแรงก็มากขึ้น

    “ผม...จะไม่อ่อนโยนให้หรอกนะ”

    จบประโยค นัยน์ตาสีนิลของรีไวล์ก็เบิกกว้าง

    เขาต้องหนี!!!

     

     

     

    ........................................................................................................................

    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!

    อีนี่ตายจมกองเลือดอย่างสงบแล้วค่ะ -///////-

    (เขียนเอง อายเอง มาอ่านตวจทานอีกทีก็รู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก อร๊ายยยยยย ฉันเขียนอะไรลงปายยยยยยยยยยย อ๊อก!

    กำลังคิดอยู่ว่าตอนหน้าเรทดี ไม่เรทดี? .....?????

     

    ป.ล. เรื่อง A callous Beauty เดี๋ยวมาอัพนะค่ะ ขอใช้เวลาพิมพ์นิดนึง 5555

    ป.ล.2 รู้สึกเพื่อนในเด็กดีน้อยมาก 555 ใครอยากแอดเราแอดได้นะ สถิติตอนนี้มีอยู่1คน XD

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×