ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LAST[shingeki no kyojin / Ereri]

    ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 9 - ความโกรธ

    • อัปเดตล่าสุด 19 มิ.ย. 57


    LAST

    Chapter 9 – ความโกรธ

     

     

    “ยังหาไม่เจออีกเหรอ?”เอเลนเอ่ยถามเพื่อนสนิทของตัวเองด้วยท่าทีเหนื่อยล้า น้ำเสียงแหบแห้งอย่างที่บอกว่าช่วง2-3วันมานี้ เขาไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เลย แม้แต่อาหารก็เอาเข้าปากน้อยมาก ทุกสิ่งอย่างทำให้แจนที่เคยเห็นสภาพของประธานที่มาดเนี้ยบตลอดเวลาแต่บัดนี้กลับกลายสภาพเป็นเหมือนหุ่นยนต์ยาจกเกรดต่ำ ก็ถึงกับต้องถอนหายใจด้วยความเป็นห่วง

    “นายไม่ได้นอนเลยใช่มั้ยเนี่ย? ฉันว่านาย...”

    “หาเจอรึยัง?”อีกฝ่ายตัดบท

    แจนสะอึกไปพักหนึ่งอย่างไม่รู้ว่าจะตอบเอเลนยังไงดี

    “ฉัน...จะไปเร่งทีมค้นหาให้ละกัน”ว่าแล้วก็รีบพุ่งตัวออกจากห้องทำงานของประธานบริษัทเพื่อทำตามที่ตัวเองบอก ทิ้งให้เพื่อนสนิทของตัวเองต้องนั่งกุมขมับในห้องคนเดียว...

    “บ้าจริง...”เขาสบถพึมพำ พลางใช้มือเสยผมสีน้ำตาลที่ปรกหน้าให้ออกไป

    ....เหนื่อย...

    เขาไม่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ ...ความรู้สึกที่เจ็บปวดแบบนี้ ครั้งสุดท้ายก็สมัยที่ยังเป็นหุ่นยนต์ชั้นต่ำที่ข้างถนน

    “คุณรีไวล์...ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ”เขาพึมพำเบาๆ “...หาแทบตายขนาดนี้ก็ยังหาไม่เจอ แสดงว่าไม่ได้แค่หลงทางธรรมดา..”

    ...ถึงจะไม่อยากให้มันเป็นแบบที่คิดไว้ก็ตาม แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าข้อสันนิษฐานว่ามนุษย์คนสุดท้ายของเขาถูกลักพาตัวไป ท่าจะเป็นจริงมากที่สุด...

    “ใครกัน?...”นั่นเป็นคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวเป็นล้านครั้ง สับสนวุ่นวายเมื่อรายชื่อของผู้ต้องสงสัยทั้งหมดปรี่เข้ามาในหัว

    เอลวิน สมิธ งั้นเหรอ?...

    หมอนี่คงเป็นคนที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดในบรรดาผู้ที่จับจ้องจะเอาสมบัติล้ำค่าของเขา

    แต่มันจะเป็นไปได้ไง ในเมื่อเมื่อวันนั้นเขาไม่ได้บอกใครเลยสักคนเดียวว่าจะพาคุณรีไวล์ออกมาเดินที่ข้างนอก ถึงในบริษัทเขาจะมีสายของผู้ชายคนนั้น แต่มันก็ไม่น่าจะคาบข่าวไปให้นายของมันได้?

    “ใครกัน..”เขากัดฟันกรอด รู้สึกโกรธตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องรีไวล์ได้อีกครั้ง

    ...อีกครั้ง...

    ราวกับมีอะไรบางอย่างแวบแปลบเข้ามาในหัว เหตุการณ์ในห้องน้ำเมื่อเดือนที่แล้ว...

    “ตั้งแต่วันที่ส่งนาฬิกาเถื่อนไปให้รัฐบาล...ทำไมยังไม่มีข่าวตอบรับเรามาเลย”ว่าแล้วร่างกายที่เคยเหนื่อยล้าถึงขีดสุดก็ตื่นขึ้นอย่างเต็มกำลัง เจ้าตัวใช้นิ้วแตะที่ขมับของตัวเอง พลางหลับตาลงเพื่อต่อสายไปหาคนของรัฐบาลกลาง

    ก่อนที่ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงของหุ่นยนต์สาวรับสายของเขา

    “สวัสดีค่ะ นี่คือสายด่วนของรัฐบาลกลาง ไม่ทราบว่าคุณเอเลน เยเกอร์ ประธานบริษัทMakingdear....”

    “ตอนนี้ผมกำลังรีบ แค่อยากจะถามเรื่องนาฬิกาเถื่อนที่ผมส่งไปให้ตรวจสอบเมื่อเดือนก่อนน่ะครับ ทำไมจนป่านนี้แล้วยังไม่ส่งข่าวคราวอะไรมาเลย”

    เพราะมัวแต่ยุ่งๆเรื่องงานวิจัย เลยไม่ได้สนใจมัน...อันที่จริงต้องบอกว่าเขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลยตะหาก...

    “เอ่อ....เรื่องนั้นเป็นเรื่องของฝ่ายในรัฐบาล...ซึ่งทางเราไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยุ่งเกี่ยว...คือพวกเขา...”

    เลิกพูดมากน่ารำคาญได้แล้ว!!! แค่บอกผมมาว่านาฬิกาถูกสร้างที่จุดตั้งที่ไหน! ทำได้ไม่ใช่เหรอ! พวกเก่งๆในรัฐบาลน่ะ แค่บอกมาว่าไอ้พวกห่าเหวนั่นมันอยู่ที่ไหนก็พอแล้ว!”เมื่อความอดทนมาถึงจุดสิ้นสุด การรักษามาดประธานบริษัทก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป เขาเอ่ยตะโกนใส่หญิงสาวอย่างก้าวร้าว ในเวลาแบบนี้เขาไม่สามารถจะทนรอทีมค้นหาของตัวเองได้อีกแล้ว

    “ค..ค่ะๆ ฉันจะต่อสายของคุณให้กับทหารระดับสูงฝ่ายในทันทีค่ะ!!!”เธอเอ่ยตอบด้วยความลุกลี้ลุกลน คงจะแอบกลัวกับน้ำเสียงทะมึนของอีกฝ่าย

    ทำไมถึงไม่นึกถึงเรื่องนี้ก่อนนะ!’ร่างสูงด่าตัวเองในใจ ขณะรอให้สาวคนนั้นต่อสายให้เขา

    ...นาฬิกาที่ทำให้โดยไม่คิดเงิน....

    ...นาฬิกาที่ทำให้เพราะอยู่กับบริษัทเดียวกับที่มนุษย์คนสุดท้ายพักอยู่...

    เอเลนมุ่นคิ้วด้วยคำถามมากมายที่รุมเร้าอยู่ในหัวสมองตัวเอง ณ ตอนนี้

     

     

     

    ทั้งๆที่เรื่องมันหนักหนาสาหัสขนาดนี้....แต่ทำไมรัฐบาลถึงไม่ออกหมายจับหรือประกาศอะไรออกมาเลย?

    แล้วเรื่องของคนทำนาฬิกานี่อีก....

     

     

     

    หรือในโลกที่ไร้มนุษย์เช่นนี้...จะมีอะไรบางอย่างที่ถูกปิดบังเอาไว้...

    ...............................................................................................................................

     

     

    เธอไม่ใช่มนุษย์คนสุดท้าย...”เสียงยานคางของชายแก่เรียกให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วกับประโยคที่ได้ยิน “อาจจะใช่...ถ้าพูดถึงความสมบูรณ์แบบที่สุดของการเป็นมนุษย์ แต่พวกเราที่อยู่ ณ ที่นี้ทุกคน ล้วนแล้วแต่เคยเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขเช่นเธอ...”

    รีไวล์หรี่ตามองผู้เฒ่าไม้ใกล้ฝั่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะไล่สายตาไปมองคนรอบข้างที่นั่งล้อมวงอยู่ในเต็นท์ขนาดใหญ่...ก่อนจะจบลงที่มิคาสะ หลานสาวของเขาเป็นคนสุดท้าย

    ...แต่ยัยตัวแสบคนนี้...ก็น่าจะยืนยันในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดได้ละนะ...

    “ทำไม...ทำไมพวกคุณถึงกลายเป็นหุ่นยนต์ได้”เขาเอ่ยถาม รู้สึกอยากรู้จนเนื้อเต้นไปหมด พอรู้ว่าบนโลกอันเต็มไปด้วยคอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์นี่...ยังมีเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่แสนโง่เขลาเช่นเขาอยู่อีก

    ...ถึงจะไม่เต็มร้อยก็เถอะ...

    ชายแก่ยื่นแขนที่ถูกเก็บอยู่ใต้ผ้าคลุมออกมาให้อีกฝ่ายเห็น แขนที่แต่เดิมเคยปกคลุมด้วยผิวหนังหย่อนยาน บัดนี้เต็มไปด้วยโลหะชิ้นเล็กชิ้นน้อย ท่อเล็กๆระโยงระยางค์ไปทั่ว ทุกอย่างถูกประกอบกันจนเป็นรูปเป็นร่างของแขนซ้ายธรรมดาๆ ถ้าสังเกตให้ดีๆจะเห็นได้ว่า ภายในท่อยางมีอะไรบางอย่างที่เล็กมากๆและเรืองแสงเป็นสีแดงอ่อนกำลังวิ่งวนไปมาราวกับลูกปรายในนั้น

    “นี่คือนาโนเทคโนโลยีที่แตกต่างจากที่พวกหุ่นยนต์ใช้ในการมีชีวิตขั้นพื้นฐาน...เพราะว่าเจ้าพวกนี้น่ะ...”พิกซิลยิ้มเบาๆ “มันมีชีวิต...”

    รีไวล์เลิกคิ้วอีกครั้ง คราวนี้ทำมันด้วยสีหน้าที่ราวกับจะบอกว่า ตาแก่นี่สมองเลอะเลือนไปแล้วแหงๆ

    และเพราะเห็นอีกฝ่ายทำหน้าทำตาเช่นนั้น ชายแก่จึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะต้องมานั่งกุมท้องแล้วร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด

    “สิ่งนี้ก็ทำหน้าที่เหมือนเซลล์ของมนุษย์...แต่จะใหญ่กว่าและทำงานซับซ้อนกว่ามาก...หลักการทำหน้าที่ก็เหมือนกับที่หุ่นยนต์มี จะต่างกันก็ตรงที่มันรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับเลือดเนื้อของเรา...กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความใกล้เคียงกับทั้งมนุษย์และหุ่นยนต์อย่างละครึ่ง...”

    ถึงได้กลายเป็นสีแดงสินะ...ชายหนุ่มครุ่นคิด พลางมองไปที่ท่อสีแดงอ่อนที่แขนของอีกฝ่าย

    “เธอรู้รึเปล่า ว่าทำไมตอนที่เธออกมาข้างนอก มิคาสะถึงรู้ตำแหน่งของเธอ...นั่นก็เพราะนาฬิกาวาร์ปเถื่อนเรือนหนึ่งที่เขาทำให้กับพนักงานบริษัทMaking Dear ...ลูกปรายพวกนี้ถูกป้อนคำสั่งให้ตามหามนุษย์คนสุดท้ายเช่นเธอ จริงๆความเป็นไปได้ว่ามันจะเจอเธอก็แล้วแต่สถานที่ที่เจ้าของนาฬิกาจะไป ตอนแรกเราก็ไม่หวังหรอกนะว่ามันจะเจอเธอมั้ย เพราะมันเป็นไปได้ยากมาก...แต่สุดท้ายก็เจอ....เจ้าลูกปรายสองสามตัวนั่นชอนไชเข้าไปในร่างของเธอและคอยบอกตำแหน่งของเธอแก่เราตลอด”ชายแก่ไอค่อกแค่กเล็กน้อย หลังพ่นน้ำลายออกมามากเกินไป “ดีจริงๆที่มันเจอเธอ...เพราะลูกปรายพวกนี้มันลอยอยู่ในอากาศได้เพียงไม่กี่วันเอง”

    เรื่องเมื่อตอนนั้น เป็นฝีมือของมิคาสะสินะนึกแล้วก็แอบโมโหไม่ใช่น้อย เรื่องกลายเป็นว่าเขาเกือบถูกข่มขืนเพราะฝีมือของหลานสาว...

    “ข้อเสียของมันคือไม่อาจจะอยู่ยงคงกระพันได้เหมือนกับหุ่นยนต์ สำหรับจักรกลจะให้อยู่เป็นร้อยเป็นพันปีก็ยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ในวัยที่ถูกตั้งค่าแต่แรกเริ่มได้ไปตลอดกาล...แต่สำหรับครึ่งมนุษย์ครึ่งหุ่นยนต์เช่นพวกเราในตอนนี้...ระยะเวลาไม่ทราบแน่ชัดเพราะมันไม่เหมือนกันในแต่ละคน...แต่ที่รู้แน่ๆคือยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไร ร่างกายเราก็เริ่มแก่ตัวลงเท่านั้น....แค่กๆๆ....มัน...ก็เหมือนกับตัวฉันนี่แหละ...โชคร้ายที่นาโนภายในตัวฉันทำงานรวดเร็วเกินไป เลยทำให้อายุก้าวกระโดดไปไกลกว่าคนอื่น”ว่าแล้วก็หันมามองกลุ่มคนนับสิบที่รายล้อมอยู่รอบตัวเขา...

    แล้วก็มาจบลงที่มิคาสะ เด็กสาวในร่างจักรกลหนุ่ม

    รีไวล์ที่มองตามสายตาของอีกฝ่ายก็ได้ทีนึกถึงเรื่องที่ค้างคาใจมาตั้งหลายวัน

    “แล้วมิคาสะล่ะ...ทำไมมิคาสะถึงมีร่างเป็นผู้ชายได้?”เขามุ่นคิ้วถาม

    “นั่นเพราะ...เป็นความต้องการของเจ้าตัวเอง”พิกซิสยิ้ม “แต่กระนั้น...เพราะมันฝืนกฎธรรมชาติไปมาก...ถึงจะได้เป็นผู้ชายสมใจอยาก แต่ก็ไม่อาจเป็นได้อย่างสมบูรณ์แบบ”รีไวล์เลิกคิ้วเมื่อได้ยินดังนั้น

    พิกซิสหัวเราะเสียงดังอีกครั้ง(ก่อนจะต้องมากุมท้องแล้วร้องครางอย่างเจ็บปวดเช่นเดิม)

    “ก็แบบ....เรื่องนั้นอ่ะนะ”ชายแก่ยิ้มกรุ่มกริ่ม ขณะที่มิคาสะทำหน้ามุ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ถึงจะถูกเรียกว่าเป็นผู้ชาย....แต่ก็ขาดสิ่งที่สำคัญที่สุดของการเป็นผู้ชายไป”

    ว่าแล้วรีไวล์ก็เผลอทำหน้าเหวอ ก่อนจะรีบไปมองตรงส่วนนั้นของมิคาสะอย่างลืมตัว

    ...จะว่าไป...มันแฟบ...

    “อ๋อ....อย่างงี้นี่เอง”ก็ยังดีละวะ เขาก็ไม่ค่อยอยากนึกภาพหลานสาวของตัวเองไปทำใครท้องด้วย...

    ...เอ้อ..ลืมไป หุ่นยนต์ทำใครท้องไม่ได้นี่หว่า...

    “แล้วทำไม...ถึงต้องพาตัวผมมาที่นี้?”คราวนี้ร่างเล็กเริ่มเข้าสู่ประเด็นของตัวเอง “ทำไมถึงมีคนบอกว่าผมเป็นสิ่งจำเป็นของการกลับมาอีกครั้งของมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ...แล้วก็ยังมีเรื่องที่ค้างคาใจผมอยู่ ว่าไอ้สิ่งที่คุณกำลังเป็นเนี่ย จุดเริ่มต้นมันอยู่ที่ไหนกันแน่?...”

    พิกซิสพยักหน้าให้กับคำถามของชายหนุ่ม พลางปากเหี่ยวย่นก็กำลังจะอ้าปากเพื่อเอ่ยบอกคำตอบ แต่ยังไม่ทันจะไขข้อข้องใจของรีไวล์ได้เสร็จ จู่ๆก็มีคนพุ่งเข้ามาในเต็นท์ด้วยท่าทีตื่นตระหนกสุดขีด

    “แย่แล้วครับ!!!”หุ่นยนต์ชายวัย13-14รีบบึ่งเข้ามากลางวง “สายในรัฐบาลบอกเรามาว่า กำลังมีทหารเข้าบุกมาที่นี้ครับ!!!

    “อะไรนะ!!! อุ๊บ!...แค่กๆๆ”ชายแก่ที่ทำท่าจะล้มหมอนนอนเสื่อจู่ๆก็ลุกพรวดขึ้นจากพื้น ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้นด้วยท่าทีเจ็บปวด ตอนไอค่อกแค่กก็มีเลือดกระเด็นออกมาจากปาก

    “แย่ละสิ ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ไปได้ ไหนคุณบอกว่าพวกรัฐบาลเป็นฝ่ายของเราไง?!”หุ่นยนต์หนุ่มคนหนึ่งลุกขึ้นตะโกนด่าชายแก่ ในขณะที่มิคาสะก็รีบลุกมาประคองพิกซิสแล้วหันมามองชายคนนั้นด้วยสายตาสุดโหด

    “ก็เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอไง! ว่าคนฝ่ายในส่วนใหญ่เป็นหุ่นยนต์ที่สนับสนุนพวกเรา...แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีพวกที่ยังไม่รู้ตัวตนของเราอยู่ และคงคิดจะต่อต้านอะไรก็ตามที่จะกบฏต่อรัฐบาลกลาง”มิคาสะเรียกให้หุ่นยนต์หญิงคนหนึ่งออกมาดูแลชายแก่เบื้องล่าง “แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะมาทะเลาะกันเอง...ฉันกับหุ่นยนต์ชายอีก5-6คนจะอยู่ถ่วงเวลาพวกทหารเอาไว้ ส่วนคนอื่นๆ....”ว่าแล้วก็ลองเช็คนาฬิกาวาร์ปที่ข้อมือของตัวเอง “บ้าเอ๊ย!....พวกนั่นวางสนามแม่เหล็กรบกวนระบบแล้ว คงไม่มีทางอื่นนอกจากต้องเดินออกจากชั้นใต้ดินไปเอง ยิ่งไปกว่านั้น...”มิคาสกัดฟันกรอด ก่อนจะหันมามองรีไวล์ที่กำลังทำสีหน้างงงวยกับสถานการณ์ “ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ต้องเสียพวกเราไปมากเท่าไร...ก็ต้องปกป้องมนุษย์คนสุดท้ายให้ได้!!!

     

    โครม!!!!

    เสียงระเบิดผนังของชั้นใต้ดินดังสนั่นไปทั่วทั้งลานกว้าง เรียกให้เหล่าหุ่นยนต์ไร้ไอดีทั้งหลายพากันแตกตื่น พวกเขาพยักหน้าให้ต่อกัน ก่อนที่หุ่นยนต์บางตัวจะรีบพุ่งตัวไปทางหลังเต็นท์เพื่อไปยังทางออกพิเศษจากชั้นใต้ดิน(ที่สร้างขึ้นเผื่อกรณีนี้โดยเฉพาะ) ขณะเดียวกัน หุ่นยนต์บางตัวก็ออกไปทางหน้าเต็นท์เพื่อเตรียมตัวถ่วงเวลาพวกทหาร

    ส่วนรีไวล์ที่พอจะรู้ตัวว่าตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะมานั่งเฉยๆก็รีบเดินเข้าไปหาชายแก่อย่างเร่งรีบ

    “ครั้งนี้...ครั้งนี้ต้องมีพวกเราที่ต้องสูญเสียไปเยอะแน่ๆ...”พิกซิสเอ่ยด้วยลมหายใจรวยริน “มิคาสะไม่จำเป็นต้องดูแลฉันอีกต่อไปแล้ว...ตอนนี้คนที่เธอควรปกป้องมากที่สุด...ก็คือรีไวล์”ว่าแล้ว ชายแก่ก็หันมาส่งยิ้มอ่อนโยนจากปากที่เปื้อนเลือดให้แก่ชายหนุ่มทั้งสอง

    ร่างเล็กรู้สึกถึงลางความตายที่ใกล้เข้ามาเยือนอีกฝ่าย...

    “....มัวยืนบื้ออยู่ทำไม....”เสียงทุ้มเย็นของมิคาสะทำให้ร่างเล็กชะงัก นัยน์ตาสีนิลเรียบนิ่งหันมามองเขาช้าๆ “รีบออกไปจากที่นี้เดี๋ยวนี้....ไปสิ!”ร่างสูงตวาดใส่ ก่อนจะรีบบึ่งไปหยิบเอาวุธทุกอย่างที่พอจะมีอยู่ในเต็นท์แล้วขนออกไปข้างนอกอย่างด่วน ใบหน้าหล่อหันมามองคนข้างหลังอีกครั้ง

    ...เป็นครั้งสุดท้าย

    “ไม่ว่าจะยังไง...ก็ห้ามหยุดวิ่งเด็ดขาด!!!

    หญิงสาวที่อยู่ใกล้ร่างเล็กก็ดูเหมือนจะรับรู้คำสั่งเป็นอย่างดี เธอรีบใช้พละกำลังที่เหนือกว่ามนุษย์ฉุดเอาคนที่ทำท่าจะไม่ทำตามที่อีกฝ่ายบอกให้รีบหนี

    “แต่จะให้ฉันไปทั้งแบบนี้เหรอ!”แบบที่ทำได้แค่เอาแต่หนี...”เธอเป็นหลานสาวฉันนะ ฉันไม่ยอมให้คนที่อายุน้อยกว่า แถมเป็นผู้หญิงมาปกป้องฉันหรอก!”เขาพยายามจะสะบัดมือที่กุมแน่นของหุ่นยนต์สาว แต่ไม่ว่าจะขัดขืนเพียงใด อีกฝ่ายก็ดูจะไม่ยอมโอนอ่อนให้ “ยัยมิคาสะเอ๊ย!!!!!”เขาเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนที่ร่างเล็กๆนั่นจะหายลับไปนอกเต็นท์...

    “ยัยอะไรเล่า ตาลุงเอ๊ย....”เขาพึมพำ “ตอนนี้ผมเป็นผู้ชายแล้วนะ”

    เสียงระเบิดยังคงดังกึกก้องไปทั่วทุกที่ กลุ่มฝุ่นกลุ่มควันค่อยๆลอยฟุ้งไปทุกรัศมี...หมอกควันสีน้ำตาลนั่นทำให้ทัศนวิสัยของทั้งสองฝ่ายลดลงมิใช่น้อย

    เสียงของทหารรัฐบาลค่อยๆดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อเริ่มปรากฏรูปร่างเป็นตัวเป็นตน เหล่ากลุ่มครึ่งมนุษย์ครึ่งหุ่นยนต์ก็รีบใช้สถานการณ์นี้เข้าลอบโจมตีในทันที! ทุกอย่างดูโกลาหลไปหมด เมื่อทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกันนัวเนีย

    ...กลุ่มทหารมีจำนวนเยอะกว่า....

    และฝ่ายของเขาคงเสียเปรียบได้ง่ายๆ

    มิคาสะมุ่นคิ้วด้วยความไม่พอใจ

    “ทั้งอาวุธ ทั้งกลุ่มคน....”คงโทษอะไรไม่ได้ อาวุธในยุคหุ่นยนต์ครองโลกมันหายากพอๆกับการพยายามงมเข็มในมหาสมุทร เพราะความสมบูรณ์แบบในอุดมคติของรัฐบาล เพราะนี่คือสิ่งที่จำกัดอาชญากรบนโลกของหุ่นยนต์...

    ....แต่กลับกลายเป็นการมอบความตายให้แก่พวกเขา...

    “บ้าเอ๊ย!”มิคาสะสบถ พยายามทุบเข้าที่ท้ายทอยของหุ่นยนต์ทหารที่ผ่านมาใกล้ๆ ด้วยเสื้อผ้ามอมแมมที่สีเกือบจะคล้ายกับกลุ่มฝุ่นควันนั่นเลยทำให้เขาพรางตัวจากศัตรูได้ดีเหลือเชื่อ

    ...ต้องถ่วงเวลาให้นานที่สุด....จนกว่าตาลุงนั่นจะ....!!!!

    “นายสินะ...ไอ้สุนัขขี้เรื้อนที่ใช้ฉายาว่า M น่ะ.....”

     

     

     

     

    “....อ๊ะ!”เขาชะงักฝีเท้าไปในทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มต่ำน่ากลัวจากข้างหลัง

    ถึงจะผ่านไปหลายร้อยปี...ถึงเสียงนั่นจะเต็มไปด้วยความน่ากลัว...

     

     

     

     

     

    แต่เขาก็ไม่เคยลืมเสียงของผู้ชายคนนี้...

     

     

     

    “ไม่เจอกันนานเลยนะ....เอเลน”มิคาสะเผยอรอยยิ้มที่มุมปาก อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีที่ได้เห็นผู้มีพระคุณแก่เขาในสมัยเด็ก

    ...แต่ว่า....

    “....อะไร?”เอเลนกลับหรี่ตามองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ ใบหน้าหล่อฉายแววงงงวย

    ปฏิกิริยาโต้ตอบที่ได้รับ ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่มิคาสะคาดเอาไว้

    “...ลืมไปแล้วสินะ”ก็ช่วยไม่ได้นิเนอะ...ในโลกของหุ่นยนต์แล้ว การได้พบกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆในวันนั้น จะกลับกลายเป็นผู้ชายตัวโตเต็มวัยแบบนี้ได้ไง.... “งั้น...ก็ช่างมันเถอะ!!!”เอ่ยลั่นพร้อมกับรีบคว้าเอาท่อนเหล็กยาวมาฟาดใส่อีกฝ่าย

    แต่เอเลนก็ใช้ความไวที่สั่งสมมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเลงโต้กลับใส่จนท่อนเหล็กที่ว่ามาตกอยู่ในมือของตัวเอง

    “ฉันไม่มีเวลามาเล่นปาหี่กับนายและพวกกบฏพวกนี้หรอกนะ....”เอเลนคำรามในลำคอ “แค่บอกมา....บอกมาว่า คุณรีไวล์อยู่ที่ไหน...แล้วฉันจะปล่อยนายไป”

    เด็กหนุ่มผมสีนิลเลิกคิ้วให้กับคำพูดนั้น...

    ปล่อยไปงั้นเหรอ?....ไม่ได้คิดจะช่วยพวกรัฐบาลเลยสินะ...

    ใช่...เขาแค่ต้องการสิ่งที่ต้องการเท่านั้น

    ...แต่โชคร้ายหน่อยที่ของที่อีกฝ่ายต้องการ เป็นสิ่งที่ลำค่าที่สุดของมนุษย์ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เช่นเขา...

     “...หึ”มิคาสะแสยะยิ้มนิดๆ... “รีไวล์น่ะเหรอ....ใครกันน่ะนั่น?”

    พลั่ก!!!!

    สิ้นวาจาเท็จ ท่อนเหล็กอันตรายก็เข้าฟาดใส่เต็มแรงที่หัวโลหะของเด็กหนุ่ม

    “ฉันถามว่า....”น้ำเสียงนั่นกดต่ำจนน่ากลัวสุดๆ “....คุณรีไวล์อยู่ที่ไหน!!!!!!!

     

     

     

     

    ....เอเลน?....

    ร่างเล็กชะงักฝีเท้าไปในทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนจากเบื้องหลัง ชายหนุ่มรีบเบือนหน้าไปทางต้นเสียงก่อนจะเบิกตากว้าง

    แม้จะมีทั้งเสียงระเบิด เสียงร้องตะโกน และเสียงโอดคราญจากความเจ็บปวด...

    แต่ไม่ผิดแน่...เสียงแบบนั้น

    “เอเลน!”เขาออกแรงดึงข้อมือของตัวเองเพื่อจะวิ่งกลับไปในสมรภูมิขนาดหย่อม โชคดีที่หุ่นยนต์หญิงมัวแต่ระวังทางข้างหน้าจนเผลอผ่อนแรงที่ใช้พันธนาการอีกฝ่าย ร่างเล็กพอกระชากตัวออกได้ ก็รีบวิ่งย้อนกลับไปด้านหลังทันที!

    ก็ไม่รู้หรอกนะ....ว่าทำไมต้องกลับไปที่นั้น...

    เขาอาจจะโดนลูกหลงจากสงครามพวกอมนุษย์จนต้องเสียชีวิตก็ได้...

    อาจจะโดนพวกรัฐบาลฆ่าตายข้อหาเป็นชนวนให้เกิดกบฏก็ได้...

    แต่สิ่งที่ทำให้เขายังคงเร่งฝีเท้าไปหาเด็กหนุ่มงี่เง่าคนนั้น แม้จะรู้ดีถึงภยันอันตรายที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้...

    ...อยากเจอ...

    “ไอ้หมาบ้าเอ๊ย!”ราวกับเป็นคำด่า แต่ที่ร้องเรียกออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย นั่นเป็นเพราะความสุขที่มิอาจจะอธิบายได้...

    รีไวล์รีบวิ่งอ้อมเต็นท์ที่ยุบไปด้วยการปะทะของทั้งสองฝ่าย ต้องขอบคุณกลุ่มควันที่พรางร่างเล็กๆของเขาได้อย่างดี

    “อยู่ไหนนะ....”เขาพึมพำ... “เอเลน...นายอยู่ที่น...”

    “นายพาเขาไปที่ไหน!!!

    ทางนั้น!

    ใบหน้าสวยปรากฏรอยยิ้มกว้าง เผลอลืมนึกถึงคำพูดที่อีกฝ่ายเอ่ย ว่ามันหมายถึงอะไร... ร่างเล็กรีบวิ่งไปหาคนที่เขาอยากเจอมากที่สุด อยากจะเห็นหน้าแล้วขยี้หัวของมันมากที่สุด อยากจะตบหน้ามันแล้วด่าทอที่ทำให้เขาหลงทางอยู่กลางเมือง

    และในทันทีที่เห็นแผ่นหลังของใครบางคนกำลังปรากฏอยู่ท่ามกลางกลุ่มควันสีน้ำตาล...

    ...ภาพของเอเลนกำลังเงื้อมท่อนเหล็ก หมายจะฟาดหลานสาวของเขาก็ปรากฏอยู่เต็มนัยน์ตาสีเทา...

     

     

     “อย่านะ!!!

     

     

     

     

    “คุณรีไวล์...”มือที่กำอาวุธชะงักค้างอยู่บนอากาศ ขณะที่นัยน์ตาสีเขียวใสก้มลงมองร่างเล็กด้วยความตกใจ รีไวล์เข้ามาขวางเหยื่อที่เขากำลังประทุษร้าย สองแขนอ้ากว้างเพื่อปกป้องหุ่นยนต์ที่กำลังหายใจรวยรินอยู่ที่พื้น...

    ...แต่เขาไม่ได้สนใจรายละเอียดเล่านั้น....

    เขาสนใจเพียงใบหน้าสวยเย็นชานั่น นัยน์ตาเรียวที่ชอบมองมาที่เขาด้วยความโกรธหรือรำคาญ ริมฝีปากเรียบบางที่มักจะแอบยิ้มเวลาที่เขาไม่รู้ตัว ท่าทางเย็นชาแต่แอบใจดีของคนปากไม่ตรงกับใจ...

    ....แล้วทำไมตอนนี้ คนคนนั้นที่เขาคิดถึงเหลือเกิน...

    ถึงได้กำลังถลึงตามองเขาด้วยความโกรธ?

    “คุณรีไวล์ครับ!”เอเลนร้องด้วยความดีใจ พยายามจะโผเข้ากอดร่างเล็กกว่า แต่อีกฝ่ายกลับยกมือขึ้นห้ามเขาในทันทีที่ขยับตัวเพียงนิดเดียว “....อะไรน่ะครับ?”

    ...กำลังปกป้อง...งั้นเหรอ?...

    ก็ดูเหมือนจะเป็นยังนั้นจริงๆ คนตรงหน้าเขากำลังจ้องมาที่เขาด้วยความโกรธ แถมมือข้างหนึ่งก็พยายามจะผลักดันให้หุ่นยนต์ที่หมอบอยู่ลุกขึ้น

    “บ้า...เอ๊ย...”มิคาสะพึมพำ รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แล่นแปลบอยู่ที่หัว กะโหลกคงร้าว... “ทำไม...ยังไม่หนีไปอีก...ตาลุงบ้าเอ๊ย”เขาอยากจะร้องไห้ให้กับความเจ็บที่แล่นพล่านอยู่นี่เสียจริง แต่ในเมื่อตอนนี้เขาเป็นผู้ชายที่มีหน้าที่อันยิ่งใหญ่ต้องรับผิดชอบ...เขาจะมานั่งโอดครวญเป็นผู้หญิงเหมือนสมัยก่อนไม่ได้แล้ว...

    เด็กหนุ่มพยายามฝืนตัวลุกขึ้น แต่ก็โดนมือของตาลุงที่ว่าฟาดเข้าอย่างแรงจนต้องล้มไปกองกับพื้นอีกที

    “แอ๊ฟ!!! ทำบ้าอะไรของลุงน่ะ!!!

    “เธอไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว! จะให้ฉันทนเห็นเธอตายเพราะปกป้องฉันรึไง!!!”เขาหันไปแว้ดใส่หลานสาวด้วยความโมโห ก่อนจะได้รับคำสบถเสียงดังเป็นการตอบโต้จากมิคาสะ “ห้ามทำแบบนั้นกับลุงอย่างฉันนะ!”ว่าแล้วก็ยกเรื่องอายุมาอ้างใส่

     

     

    เอเลนมองคนทั้งสองด้วยนัยน์ตาว่างเปล่า

    ...มันไม่เหมือนกับ...การลักพาตัว...

    “นี่มันเกิดอะไรขึ้น...”เอเลนคำรามเสียงต่ำด้วยความโมโห ยิ่งเห็นภาพของคนที่เขาเป็นห่วงแทบตายกำลังทำท่าทีสนิทสนมกับโจรลักพาตัว ก็ยิ่งทำให้อารมณ์เดือดเข้าไปใหญ่

    ...นี่เหรอ?...สิ่งที่เขาได้รับกลับมาหลังความกังวลมากมายที่มีต่ออีกฝ่าย...

    ในระหว่างที่บรรยากาศมาคุเริ่มปกคลุมขึ้นมาเรื่อยๆ เสียงของทหารรัฐบาลก็ร้องเฮกันขึ้นมา ซึ่งสามารถตีความหมายได้ไม่ยาก ว่าครึ่งหุ่นยนต์ครึ่งมนุษย์ พรรคพวกของมิคาสะได้พ่ายแพ้ลงแล้วแน่ๆ...

    ...เหลือแค่มิคาสะคนเดียว...

    “ได้ยินแล้วใช่มั้ย...แกน่ะ”เอเลนเอ่ยเสียงเย็นเฉียบ พลางเดินเข้าใกล้อีกฝ่ายโดยไม่สนใจการผลักไสของรีไวล์ เขาใช้แขนยกร่างทั้งร่างของรีไวล์ขึ้นพาดไหล่ ได้ยินเสียงร้องอุทานของคนตัวเล็กกว่าแต่ก็ทำเป็นไม่สนใจมัน “เอาเป็นว่าตอนนี้ ฉันได้ของของฉันคืนมาแล้ว...ส่วนนาย ฉันจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทหารพวกนั้น”ใบหน้าหล่อดำทะมึนน่ากลัวนั่น ทำให้มิคาสะที่เงยหน้ามองเขาอยู่ถึงกับชะงัก

    “ไม่....ไม่! เอาคืนมานะ”มิคาสะกัดฟันกรอด พยายามจะใช้แขนที่บิดเบี้ยวจากการถูกทุบด้วยท่อนเหล็กอย่างแรงไปคว้ากางเกงของคนที่กำลังจะเดินจากไป “เอาตาลุงนั่น....คืนมานะ อั่ก!!!

    เอเลนใช้เท้าเตะเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างไร้ความปราณี ใจจริงเขาอยากจะฆ่าหมอนี่ให้ตายไปเลยด้วยซ้ำ

    ....แต่ตอนนี้...คนที่เขาอยากจัดการมากที่สุดไม่ใช่หมอนั่น....

    คิดแล้ว นัยน์ตาสีเขียวก็เหลือบไปมองร่างเล็กที่พยายามดิ้นหนีจากพันธนาการของเขา

    โกหก

    ปลิ้นปล้อน

    แพศยา

    ผู้ชายคนนี้...ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกโสเภณีพวกนั้น

    ...คงทำกับหมอนั่นไปแล้วสินะ...ถึงยังมีสภาพดีอยู่แบบนี้...

    คิดแล้วก็พาลทำให้ความโกรธยิ่งลุกไหม้เข้าไปใหญ่ เอเลนกัดฟันกรอดพลางเผลอกระชับแขนของตัวเองจนร่างบางร้องโอดโอย

    “เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลยครับ...คุณรีไวล์”เอเลนแสยะยิ้มร้าย แม้นอีกฝ่ายจะมองไม่เห็นแต่ก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างสูง “ผมจะไม่อดทนรออีกต่อไปแล้ว....”

     

    ในขณะนั้นเองที่นาฬิกาวาร์ปเริ่มทำงาน ลำแสงสีฟ้าค่อยๆไหลออกเป็นสายพันทั้งคู่

     

    “ผมจะไม่....เห็นใจคุณอีกต่อไป”

     

    ไม่นะ....

    ทั้งน้ำเสียงแบบนั้น...คำพูดแบบนั้น

    มันคล้ายกับเอเลนที่เขาเจอในวันแรก...

     

     

    รีไวล์เริ่มรู้แล้ว ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้...

    เอเลนกระชับท่อนแขนจนแน่น ก่อนจะเปรยประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ...

     

     

     

     

     

    “และต่อจากนี้ไป...ความอ่อนโยนของผมจะสิ้นสุดลง”

    ...................................................................................................

    อ่า....อย่างที่เห็นค่ะ ว่าตอนหน้าเรทแน่นอน ไม่สับขาหลอก =w=;;;

    แต่เนื่องด้วยปัญหากลัวถูกแบนจากเด็กดี XDDD ตอนหน้าจะให้ส่งอีเมล์มา แล้วเราจะส่งตอนเรทไปให้ (ย้ำค่ะ ไปเม้นท์ขอเอาตอนหน้านะ ตอนนี้ไม่ต้อง และตอนหน้าจะมาแค่ทักทายนะคะเพราะเรทแรงๆทั้งตอนแน่นอน คงเอาลงไม่ได้ -/////-)

    ป.ล.1(อันนี้สำคัญ) สำหรับนักอ่านเงา....ไม่ต้องกลัวที่จะขอค่ะ ^O^  55555 ไรต์ไม่ว่ากัน แรกๆก็เครียดนะเรื่องไม่มีคนเม้นท์ แต่หลังๆแค่ยอดวิวขึ้นก็พอใจละ(แม้ว่าจะมีคนเปิดแต่ไม่อ่านก็ตาม 55555)

    ป.ล.2สำหรับคนที่รู้จักเฟสเราหรือตามเราอยู่ในเพจ Moo’YARD  จะส่งข้อความขอก็ได้นะ =w= ถ้าไม่สะดวกเรื่องเมล์ จะแนบไฟล์ไปให้

     

    >>>>>>>>>>>> แล้วเจอกันในอีกประมาณ 8-12 วันเน้อ ^ // q // ^ (ตารางเวลาไม่แน่นอนจริงๆ 5555)

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×