คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เรือหาปลา
คิมหันต์หลับสนิทไปแล้วหลังทานมื้อค่ำและอาบน้ำชำระร่างกาย เหลือแต่เธอที่ยังคงนั่งอ่านเอกสารอยู่คนเดียวตรงโซฟากลางห้องนอน รวิศราพักสายตาไปจากการอ่าน เธอเดินไปดึงผ้าห่มให้น้องชาย
“เป็นหนุ่มไวจริงนะ อีกหน่อยคงบวชให้แม่ได้แล้ว” เธอยิ้มให้กับคนที่หลับไม่รู้เรื่อง เมื่อพูดถึงการบวชทำให้เธอคิดถึงหลวงลุง ก่อนมารวิศราไปกราบลาหลวงลุงที่วัดเพื่อขอพร
“โยมไปคราวนี้ คงได้ความรู้กลับมาด้วยนอกจากไปช่วยเขาหาความจริงให้กับคนที่เขาไม่อยู่แล้ว หลวงลุงไม่ต้องบอกให้ว่าให้รวิตั้งใจทำงาน ปกติโยมรวิก็เป็นคนมุ่งมั่นกับทุกงานตั้งแต่แต่โยมยังเด็กอยู่แล้ว”
“หนูเป็นห่วงหลวงลุงค่ะ ถ้ายังไงหนูให้เพื่อนหมอมาตรวจหลวงลุงทุกอาทิตย์นะคะ”
“สังขารคนเราพอถึงเวลามันก็จะไปของมันเอง ต่อให้รักษาก็คงยื้อไว้ไม่ได้นาน ไม่ต้องเป็นห่วงหลวงลุงหรอกนะ หลวงลุงไม่เป็นอะไร แค่คนแก่เท่านั้น โยมเถอะ รักษาตัวให้ดี”
“ค่ะ รวิจะดูแลสุขภาพตัวเอง แม่ก็ห่วงหนูเหมือนกัน”
‘หลวงลุงไม่ได้หมายถึงร่างกาย หากแต่จิตใจต่างหาก”
“แต่หนูก็ไม่มีเรื่องอะไรน่าเครียดนะคะ งานก็ธรรมดาค่ะ ก็มีบ้าง หลวงลุงไม่ต้องเป็นห่วงหนูเหมือนกันนะค่ะ”
หลวงลุงไม่ได้บอกอะไรต่อ ท่านมองหลานสาวอย่างมีเมตตา “การไปครั้งนี้ของโยม
โยมต้องพบกับเพื่อนเก่า โยมต้องหนักแน่นเข้าไว้ มีสติใช้ธรรมะเข้าช่วย จำไว้นะโยม ความดีและการไม่จองเวรต่อกัน ยุติกรรมลงได้”
รวิศราไม่เข้าใจที่หลวงลุงบอกเท่าไร แต่เธอก็จำคำสอนของหลวงลุงปฏิบัติมาตลอดแทบจะเท่าอายุยี่สิบกว่าปีของเธอ เธอเป็นคนเก่งและแสนดีเป็นที่รักใคร่ของบรรดาเพื่อนร่วมงาน และเป็นโชคหรือความบังเอิญ นักวิจัยทางด้านเนื้อเยื่อและพันธุกรรมทั่วทั้งเอเชียมีเป็นร้อยคนแต่เธอเป็นคนไทยคนเดียวที่ได้รับคัดเลือกร่วมงานครั้งนี้ พิสูจน์พระศพมัมมี่โบราณกว่าร้อยร่างในสุสานกษัตริย์อียิปต์
เธอยังไม่รู้สึกง่วงนอน จึงออกมาเดินเล่นท่าน้ำที่ยื่นออกไปจากริมฝั่ง บรรยากาศแม่น้ำไนล์ในเวลาล่วงเลยพลบค่ำไปแล้วกำลังสบาย แม้สายลมเย็นจะพัดต้องผิวกายบางช่วงอาจทำให้รู้สึกสะท้านขึ้นมาบ้าง หญิงสาวกระชับผ้าคลุมไหล่แนบตัวมากขึ้น มองออกไปยังสายน้ำมืดมิดเบื้องหน้า พร้อมทั้งหายใจเอาความสดชื่นบริสุทธิ์เข้าไปด้วย ปลดปล่อยความกังวลใจออกไปได้บ้าง ที่จริงเธอปฏิเสธไม่ต้องการจะมาเพราะเป็นห่วงครอบครัว แต่แม่ของเธอต้องการให้รวิศรามีอนาคตและโอกาสที่ดี เธอจึงต้องทำตัวเป็นลูกที่ดี เวลาแค่ปีเดียว ทำงานจนลืมวันคืนไม่นานก็ครบเอง
“เอ๊ะ ใครนะมาล่องเรือเล่นเวลานี้” เธอออกประหลาดใจที่แลไปเห็นแสงไฟเป็นจุดเล็กๆกลางแม่น้ำ ยืนมองมันจนกระทั่งเรือลอยเข้ามาหา หยุดห่างจากหญิงสาวระยะประมาณหนึ่งเมตรเห็นจะได้
“ลุงคะ ออกมาหาปลาหรือคะ ได้เยอะไหม” รวิศราทักทายตามประสา หากแต่คนที่นั่งในเรือซึ่งหันหลังให้ไม่ได้ตอบกลับมา เขายังคงนั่งนิ่งแข็งทื่ออยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีทึบ นี่ถ้าแสงไฟจากบริเวณนี้ไม่สว่างพออาจคิดว่าเป็นกองผ้าขยุกหนึ่ง เมื่อเธอเห็นว่าเขาไม่ได้อยากจะเสวนาด้วย หรือคนที่นี่อาจไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัว เธอก็ไม่ควรจะเสียมารยาท
“งั้น ฉันไม่รบกวนแล้วนะคะ สงสัยเสียงอาจดังไป ปลาเลยหนีหมด ขอตัวก่อนค่ะ” เธอหันหลัง จะกลับเข้าไปในบ้าน
“ข้าไม่ได้มาหาปลา ข้ามารอคน”
รวิศราชะงักฝีเท้าหันหลังกลับมา คนหาปลาที่เธอเข้าใจแต่แรกค่อยยืนขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมหันมาหาเธอ ผ้าคลุมตัวยาวเลื่อนไหลลงกองที่พื้น เธอมองตาค้างด้วยคิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นชายหนุ่มผมยาวสยาย และที่น่าแปลกประหลาด การแต่งกายและบุคลิกหน้าตาดูไม่ค่อยเหมือนคนท้องถิ่นแถวนี้ เขากล้าเปลือยส่วนบนซึ่งมีเพียงผ้าผืนเดียวพาดเอาไว้ท่ามกลางอากาศเย็นเยือก ส่วนด้านล่างนุ่งผ้ายกพื้นสีเขียวเข้มสวมเครื่องประดับที่เธอรู้สึกเหมือนได้ดูหนังโบราณสักเรื่องหนึ่ง
“รอคน ใครคะ” เธอถาม แต่ไม่รู้เหมือนกันทำไมถึงได้ถือวิสาสะเรื่องของคนอื่น
“รอคนรักของข้า เจ้าไง เนเฟอร์ ข้าเฝ้ารอเจ้ามานานเหลือเกิน”
“รอฉันหรือ” น้ำเสียงสูง คิ้วเข้มโค้งขมวดเข้าหากัน ” ขอโทษค่ะ คุณคงเข้าใจผิดไปแล้ว เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วฉันไม่ได้ชื่อเนเฟอร์ คุณจำผิดคนแล้ว”
รอยยิ้มอ่อนละมุนผุดอยู่บนดวงหน้าสละเสลาราวรูปปั้น เธอรู้สึกเหมือนกันว่าผู้ชายคนนี้หน้าตาดีทีเดียว แต่เวลานี้ตอนนี้ เขาเป็นผู้ชายแปลกหน้าและเธอก็เป็นผู้หญิงคนเดียว ชะรอยเกิดคนในเรือคิดอะไรไม่ดีขึ้นมาจะทำยังไง
“ฉันคงต้องไปแล้วค่ะ สักพักคนที่คุณรอคงมา แต่ไม่ใช่ฉันแน่นอน”
“ข้าไม่มีลืมเจ้าไปได้ ไม่ว่านานแค่ไหน เจ้าก็คือเนเฟอร์ของข้าตลอดไป มาเถอะ เนเฟอร์ ข้ารอเจ้านานมากแล้ว” เขายื่นมือออกมารอรับหญิงสาว หากแต่เธอมองอย่างลังเลทั้งที่จริงวริศราไม่ต้องใส่ใจคนๆ นี้ด้วยซ้ำ เพราะคิดแต่แรกว่าตานี่คงจะเพี้ยนไปแล้ว แต่เพราะเหตุใด...
รวิศราก้าวเท้าไปข้างหน้า เสียงเรียกจากข้างในหัวใจเธอบอกให้เธอทำเช่นนั้น มือเรียวบางเอื้อมออกไปเพื่อสัมผัสมือของคนที่พร่ำบอกว่ารอคอยหญิงที่รักมาโดยตลอด เสียงขับกล่อมเป็นท่วงทำนองลอยจากที่ไกลลิบ อ่อนหวานและแฝงด้วยความเศร้า
“รักข้าเป็นเช่นสายน้ำไนล์ ไม่มีเวลาใดเลยจะเหือดแห้งลงได้ แม้ทรายจะหลอมกายข้ารวมกัน จิตวิญญาณข้าก็จะรอเจ้าเพียงผู้เดียว”
รวิศราจมอยู่ในความฝันอันยาวนานเหมือนชั่วนิรันดร หากเป็นแค่เพียงเสี้ยวนาที ที่ใจเธอสะกดตัวเองว่า เธอคือเนเฟอร์ที่เขาเฝ้ารอ ขณะกำลังจะก้าวไปอีกหนึ่งก้าว อีกเพียงปลายนิ้วก็จะถึงกัน มือหนึ่งรวบเอวจากด้านหลังดึงร่างบอบบางลงไปนอนหงายกับพื้น
“ว้าย!!”
“โอ้ย....”
“บ้าฉิบ จะฆ่าตัวตายหรือไงหรือถึงได้จะโดดลงในน้ำ”
รวิศรารู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงร้องดังซึ่งเป็นเสียงของผู้ชาย แล้วเธอก็กำลังนอนทับตัวใครบางคนอยู่ เธอรีบลุกขึ้นทันที
“ฉันนี่นะจะฆ่าตัวตาย แล้วคุณล่ะเป็นใคร”
เขาลุกขึ้นยืนตาม ชี้มือไปทางด้านหลังเธอ “แล้วไอ้ที่อยู่นั่นนะ มันอ่างน้ำหรือไงครับ นี่มันแม่น้ำไนล์นะ ผมเห็นคุณกำลังจะหย่อนตัวลงไป หรือคุณอุตริอยากจะเล่นน้ำตอนอุณหภูมิสิบห้าองศา”
“ฉันไม่ได้จะพิเรนไปเล่นน้ำ ฉันเพียงแต่..” เธอหันหลังกลับไป พบเพียงสายน้ำมืดดำสนิท
“เรือ.....” รวิศรางุนงง เรือหาปลาลำนั้นหายไปไหน ในเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ยังอยู่ตรงนี้อยู่เลย
“เรืออะไรครับ ผมเห็นแต่คุณคนเดียว”
“แต่เมื่อกี้ ฉันเห็น..เอ่อ ช่างมันเถอะ” รวิศราไม่อยากสาวความต่อ เพราะเธอเริ่มไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เห็นเป็นเพียงภาพหลอนคิดไปเองหรือมีเรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้นในโลกนี้อย่างเช่นพวกภูตผีวิญญาณ พาลทำให้อีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองเธออยู่คิดว่าเธอเสียสติไปแล้ว แต่เดี๋ยว !ผู้ชายคนนี้หน้าตาคุ้นๆ
“เอ๊ะ คุณใช่คนที่ตัวใหญ่ๆ แล้วเป็นลมที่มหาวิหารหรือเปล่าคะ”
การิมเสียหน้าเล็กน้อยที่ถูกทักแบบนี้ แต่เขาก็ตอบกลับไปด้วยเสียงราบเรียบ
“คุณคือคนที่ช่วยผมเอาไว้นั่นเอง ผมชื่อการิมครับแล้วคุณ..” เขาแนะนำตัว ลุ้นว่าเธอจะบอกชื่อเธอกลับบ้างไหม แล้วก็ไม่ผิดหวัง
“รวิศราค่ะ คงเรียกยากหน่อยหนึ่ง ฉันมีอีกชื่อหนึ่งว่านาตาเชีย น่าจะออกเสียงง่ายกว่า”
“คุณเป็นลูกครึ่งหรือครับ”
“ค่ะ พ่อฉันเป็นคนแถบนี้ แต่ท่านเสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก ฉันไปเติบโตเมืองไทย ”
“มิน่าล่ะครับ ดูคุณไม่ค่อยเหมือนคนไทยที่ผมเคยรู้จัก แล้วนี่คุณมาทำอะไรดึกดื่นคนเดียว มันอันตราย”
“ฉันมาเดินเล่นค่ะ บ้านพักฉันอยู่ถัดไปสองสามหลัง ขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยฉันไว้ ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“ผมไปส่งคุณดีกว่า คุณเป็นผู้หญิงคนเดียว คงไม่ปลอดภัย บ้านพักผมอยู่เลยจากคุณไปไม่ไกลเป็นทางผ่านพอดี’
“ แต่ฉันเกรงใจค่ะ ไม่เป็นไร ใกล้ๆ แค่นี้ ฉันกลับเองได้”
“คุณไม่ไว้ใจผมหรือครับ”
“ไม่ค่ะ คือฉัน.. “ เธอตอบไม่ถูกเหมือนกัน “ได้ค่ะ เราเดินไปด้วยกันก็ได้ ” ก็ดีเหมือนกัน รวิศราคิด เรือหาปลาที่จู่ๆ อันตรธานหายไปทำให้เธอรู้สึกหวาดๆเหมือนกัน
“คุณมาท่องเที่ยวหรือทำงานครับ” การิมได้โอกาสหาเรื่องคุยกับหล่อน
“มาทำงานค่ะ แต่ยังไม่ถึงเวลา เลยหาเรื่องเที่ยวก่อน ”
“คนเดียวหรือ...” การิมอยากรู้เหมือนกันว่าเธอมากับใคร สวยน่ารักแบบนี้มีเจ้าของหรือยัง รวิศราเหมือนจะรู้ทันความคิดอีกคนแอบยิ้มขำ ตานี่เจ้าเล่ห์ไม่เบา “กับเพื่อนค่ะ แต่เขาหลับไปแล้ว”
“อ่อ” การิมห้ามปากตนเองได้ทันก่อนที่จะละลาบละล้วงเกินไปกว่านี้ แม้จะอยากรู้ก็ตามว่าเพื่อนหญิงหรือเพื่อนชาย
“ถึงแล้วค่ะ ขอบคุณอีกครั้ง ราตรีสวัสดิ์นะคะ แล้วบางทีเราอาจเจอกันพรุ่งนี้”
“ครับ ฝันดีนะครับ” เขาก้มตัวให้เธอ รวิศรากลับเข้าไปในบ้าน เตรียมตัวเข้านอน เธอแอบเปิดม่านหน้าต่างดูชายหนุ่มเดินเลยผ่านบ้านพักเธอไป แอบหัวเราะน้อย ๆ
“คนบ้าอะไร ตัวเท่าหมีควายดันเป็นลม” แต่คิดอีกทีถ้าไม่ได้เขามาช่วยไว้ คงจมน้ำตายไปแล้ว
เธอนึกถึงชายหาปลาคนนั้นที่ไม่ได้บอกว่ามาหาปลา แต่มารอหญิงคนรัก แล้วก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงเรียกเธอว่าเนเฟอร์ ที่สำคัญเขาหายไปไหนในเวลาเพียงชั่วพริบตา อะไรทำให้เธอคิดก้าวลงในลำน้ำไนล์ตามเสียงเรียกร้อง ถ้าเป็นบ้านเธอเขาเรียกว่าวิญญานคนตายจะพาตัวไป หรือว่าจะจริง
“นี่เราโดนผีหลอกหรือ ”
รวิศราขนลุกซู่เมื่อรู้สึกเช่นนั้น แม้มันจะผ่านไปแล้ว แต่อดผวาไม่ได้ ก่อนนอนจึงได้สวดคาถาชินบัญชรที่หลวงลุงเคยสอนให้ท่องแต่เด็ก เอาไว้ปกป้องตนเองจากอำนาจลี้ลับที่มองไม่เห็น
การิมกระเด้งตัวเองเมื่อเสียงนาฬิกาปลุกดังก่อนเวลาตื่นปกติเล็กน้อย รีบจัดการกับร่างกายอย่างรวดเร็วเพื่อจะได้ออกไปรอพบเธอ แต่เมื่อไปถึงหน้าบ้านพักเธอแล้ว ก็พบบ้านที่ปิดสนิท ไม่มีใครอยู่ จึงรู้สึกผิดหวัง
“ไปไหนแต่เช้า ” เธอบอกมากับเพื่อน โดยที่เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าเป็นเพื่อนหญิงหรือชาย หรืออาจเป็นคู่แต่งงานที่มาฮันนี่มูนกัน เขากำลังแอบชอบคนมีเจ้าของอยู่หรือเปล่า หน้าขายหน้าเสียจริง
การิมเอ๋ย ตัดใจเสียเถิด มาช้ากว่าครึ่งก้าวอีกตามเคย
สนามบินนานาชาติกรุงไคโร รวิศรามาส่งคิมหันต์กลับเมืองไทยด้วยเที่ยวบินตอนเย็น ก่อนหน้านั้นทั้งสองพากันออกไปเที่ยวและซื้อของฝากกลับไปยังแม่และเพื่อนๆ ที่เมืองไทย
“คิม พี่ฝากดูแลแม่บ้างนะ อย่าเอาแต่เถลไถลเหมือนเคย แม่คงเหงาเพราะพี่ไม่ได้อยู่ด้วย”
“รู้แล้วน่า ผมจะไปไหนได้ล่ะ โทรตามตลอดยี่สิบสี่เลย พี่ไม่ต้องห่วง ช่วงนี้ผมคงต้องเตรียมอ่านหนังสือกวดวิชาเพราะจะเอนทรานซ์แล้ว คงเอาเวลาไปเที่ยวไหนไม่ได้”
“คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว”
“แล้วกัน นึกว่าจะเห็นใจกันบ้าง แล้วพี่จะเริ่มทำงานพรุ่งนี้เลยหรือพี่วิ”
“ก็คงงั้น เขาจ้างมาทำงานนี่ ไม่ใช่มาเล่น ไปได้แล้ว นี่เครื่องบินจะออกแล้ว”
“บายๆ ครับพี่” คิมหันต์กระซิบข้างหูพี่สาว “ทำงานเอาเงินเยอะๆ มาให้ผม แต่เอาเขยมาผากแม่แทนนะครับ ผมจะได้เป็นอิสระเพราะมีคนมาแทนแล้ว”
รวิศราอยากจะหยิกแขนคิมหันต์ที่พูดจาทะลึ่งแก่แดด แต่หนุ่มน้อยไวกว่ารีบก้าวหนีไปยังช่องทางออก พร้อมทั้งยิ้มทำหน้าทะเล้นใส่ให้ก่อนจะไปขึ้นเครื่อง
บ่ายคล้อยของอีกวันต่อมา หลังจากรวิศราใช้เวลาว่างยามเช้าหมดไปกับการจัดเอกสาร เพื่อเตรียมเข้าประชุมมอบหมายงานสำคัญและพบทีมงานครั้งแรกของเธอ รวิศราไปตรงเวลาเสมอ สถานที่นัดหมายเป็นหอประชุมในพิพิธภัณฑ์ไคโร ทีมงานโครงการนี้ได้เรียกผู้เชี่ยวชาญจากหลายเชื้อชาติมารวมกัน แล้วเขามองเธอเป็นหนึ่งในนั้นด้วยซึ่งแม้แต่ตัวรวิศราเองก็แทบไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะเป็นผู้ถูกเลือก
“ผมยินดีต้อนรับทุกคนในฐานะผู้อำนวยการโครงการ เราจะร่วมมือกันให้งานนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และผมขอแนะนำผู้ช่วยของผมอีกคน เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านเนื้อเยื่อและมีความรู้ทางไอยคุปย์วิทยาเป็นอย่างดี ไรอัน เคลล์ ” เสียงปรบมือต้อนรับผู้เข้ามาใหม่ในห้อง ชายหนุ่มชาวผู้ดีอังกฤษมายืนอยู่ตรงหน้าทีมงานวิจัย รวิศราตะลึงงัน
“ไรอัน คุณ” เธอรู้จักเขาดี ยิ่งกว่าคนแค่เคยพบกัน หากเขาเป็นอดีตคนรัก แล้วก็เข้าใจอีกอย่างหนึ่งแล้วว่าทำไม ดร.เชลลิสถึงเลือกเธอ
“สวัสดีครับทุกคน ผมใคร่จะบอกทุกคนว่า ผมยินดีมากได้รับเกียรติจากดร.เชลลิส ให้เป็นหนึ่งในงานครั้งสำคัญในชีวิตของผม หวังว่าเราจะไปกันได้ดี ” เป็นคำทักทายแรกจากชายอดีตคู่รักของรวิศรา ไรอันเปรยตามมาทางเธอ หญิงสาวก้มหน้าหลบ อดีตเจ็บปวดจนไม่อยากจะคิดถึงมัน
“คราวนี้ โครงการเราจะขาดคนสำคัญไม่ได้เด็ดขาด นั่นก็คือผู้ออกทุนวิจัยให้เรา กองทุนมูริค ผมจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก คุณการิม ไอวาส ซีอีโอแห่ง ไอวาส เอ็นจิเนียริ่ง”
เสียงปรบมือดังมากกว่าครั้งแรก ทุกคนพร้อมใจลุกขึ้นต้อนรับ หากครั้งนี้ รวิศราเองก็คิดไม่ถึง โลกมันนอกจากกลมแล้วถูกหดให้เล็กลงไปอีกเท่าตัว เพราะเขาคือคนที่ช่วยเหลือเธอเมื่อคืนนี้
“เอาล่ะ เราจะมาดูเนื้องานกัน ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยดับไฟลงด้วย เราจะต้องขึ้นฉายสไลด์ให้ดู”
การประชุมวางแผนงานดำเนินไปจนเกือบจะห้าชั่วโมง จบท้ายด้วยการเชิญทุกคนร่วมมื้อค่ำด้วยกัน อาหารแบบบุปเฟ่ถูกสั่งตรงจากโรงแรม พร้อมแชมเปญ หากเธอไม่ได้อยากจะรับเครื่องดื่มมึนเมาเวลานี้
“เจอกันอีกแล้วนะครับ คุณนาตาเชีย ผมก็คิดไม่ถึง เมื่อตอนเห็นชื่อคุณในหน้ารายงานก่อนนี้สักสองชั่วโมง ไม่อยากจะบอกเลยว่าผมดีใจมากแค่ไหน ผมคิดว่าจะไม่ได้พบคุณอีกแล้ว ”
“เช่นกันค่ะ ยินดีที่ได้ร่วมงานกัน แหมฉันน่าจะรู้แต่แรกนะคะ ว่าคุณคือเจ้านายของฉันอีกคน”
“แปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรือครับ ”
“อ้าว การิม คุยอะไรกับสาวสวยคนเก่งประจำทีมของผม” ดร.เชลลิสเดินมาคู่กับไรอันที่พยายามส่งสายเชื่อมมาให้เธอ รวิศราเบือนหน้าไปทางอื่น ไม่ใช่เพราะคิดจะหลบหรือแอบซ่อนร่องรอยความเสียใจ เธอไม่มีทางร้องไห้ให้กับผู้ชายไร้หัวใจคนนี้อีกแล้ว
.”นาตาเชียเธอเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมทึ่งตลอดเวลา เป็นลูกศิษย์คนเก่งของเพื่อนของผมเอง ”
“ใช่ครับ เธอทำให้ทุกคนในคลาสคาดไม่ถึงเลยทีเดียว”
“ขอบคุณสำหรับคำชม ฉันน่าจะเขินจนต้องไปหาที่ซ่อนตัวก่อนดีกว่า ขอตัวสักครู่นะคะ”
พอบอกกล่าวกับชายต่างวัยทั้งสามแล้ว หญิงสาวรีบเดินผลักจากไปทันที ก่อนที่จะทนไม่ไหว ไรอันเดินตามเธอไป ส่วนการิมแม้จะอยากตามไปดูเพราะมองจากสีหน้าท่าทางดูแล้วเธอไม่ค่อยสบายใจบางอย่าง แต่ก็ถูก เชลลิสรั้งตัวไว้ก่อน
“นาตาเชียคุณจะหนีผมไปไหนอีก” มือแข็งแกร่งคว้าข้อมือหญิงสาวเอาไว้ รวิศราบิดจนหลุดออกมา เชิดหน้าใส่ วงหน้ายาวรีเฉยชา
“ทำแบบนี้อย่าคิดว่าจะเป็นผลดีไรอัน ฉันไม่มีวันใจอ่อนอีกแล้ว พอกันที คุณใช้อำนาจหน้าที่ของคุณทำให้ฉันต้องมาที่นี่ ถ้าฉันรู้แต่แรกฉันคงปฏิเสธ”
“ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องทำแบบนี้ ผมถึงไม่ให้ดร. บอกอะไรต่อ นาตาเชีย คุณก็รู้ว่าที่เห็นมันไม่เป็นความจริง เรายังมาเริ่มต้นกันใหม่ได้”
“จำไว้นะคะ ฉันจะย้ำอีกครั้ง เราไม่มีวันจะเหมือนเดิมกันได้อีกต่อไป” รวิศราหมุนตัวเดินหนี แต่ไรอันขวางหน้าเอาไว้ หญิงสาวผลักอกออกไปอย่างแรงจนอีกฝ่ายที่ไม่ทันตั้งตัวเซถลาออกไป ก่อนจะตะโกนใส่
“ออกไปจากชีวิตฉัน”
ความคิดเห็น