ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ความผิด(แก้บทพูด+แก้คำผิด)
ตื่นตอนเที่ยงเพราะไม่ได้นอนทั้งคืน หิวชะมัด...เมื่อล้างหน้าเสร็จผมลงไปหาแจ๊ค ซึ่งเขาก็ยังวาดรูปอยู่ที่เดิมไม่กวนน่าจะดีกว่า...
"อรุณสวัสดิ์....หรือว่าสวัสดีตอนบ่ายดีล่ะ:)"
นี่ผมว่าผมเงียบแล้วนะ มันไปรบกวนสมาธิเขารึเปล่าเนี้ย...
"โทษที ไม่ได้ตั้งใจจะกวนนะ"
"คิดมากน่า ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรให้นายเลย:)"
รูปที่แจ๊ควาดเป็นรูปเดียวกับที่เขาวาดเมื่อวานตอนนี้มันดูดีขึ้นมากๆเลยเสียงวางพู่กันและจานสีเบาๆเตะหูก่อนแจ๊คจะเข้ามาหา ในขณะที่ผมกำลังชงกาแฟในครัว
"ไปหาอะไรกินข้างนอกไหม?"
"นายวาดรูปเสร็จแล้วเหรอ?"
"ฮะๆยังหรอก ฉันวาดเพื่อรอนายตื่นนั่นแหละเราจะได้ไปหาอะไรกินกัน เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง^^"
ใจดีจังแฮะ ให้เงินเดือนแล้วยังเลี้ยงอาหารเช้าอีก
"ก็ดีนะ"
กริ้ง!
เสียงกระดิ่งดังขึ้นเมื่อเราเปิดประตูเข้าร้านไป ทันทีที่เข้าร้านแจ๊คถอดหมวกทรงสูงของเขาออก ผมเองก็ฮูดเช่นกัน ในWhitechapel* แจ๊คบอกว่าร้านนี้อร่อยที่สุดแล้วและผมเชื่อเขาเพราะผมเองก็พึ่งมาลอนดอนครั้งแรก
"นายอยากลองพายร้านนี้ไหม?"
"จะเอาของหวานให้แล้วเหรอ?"
"ฮะๆ ชาวต่างชาติก็มักจะคิดว่าพายเป็นของหวานนะแต่มันเป็นของคาวได้ อยากลองไหม?"
"...."
มันเป็นพายเนื้อวัว....อร่อยแฮะถึงจะชินกับอาหารเนปาลมากกว่าแต่อาหารที่นี่ก็ไม่เลว
"นายชอบรึเปล่า?"
"อือ"
ของแจ๊คเป็นขนมปังเบค่อนและไข่เขาทานได้ช้ามากผมทานเกือบจะหมดแล้วเขาก็ยังทานได้ครึ่งเดียวอยู่เลย อาจจะเป็นเพราะผมชินกับการกินอาหารในค่ายทหารไปแล้ว อาหารที่นั่นมันห่วยแตกและมีเวลากินที่จำกัด ครั้งสุดท้ายที่ได้กินของอร่อยก็คงจะเป็นอาหารฝีแม่ถ้าไม่รวมมื้อนี้ที่แจ๊คเลี้ยง
"นายกินเร็วจังนะ"
ใช่...ผมรู้ เร็วมาก
"โทษทีมันเสียมารยาทรึเปล่า?"
"หึ เปล่าหรอก:)"
"ตอนอยู่ที่ค่ายทหาร จะกินอาหารแต่ละมื้อมันจำกัดเวลาน่ะก็เลยชินกับมันไปซะแล้ว"
แจ๊คผงกหัวเพื่อบอกว่าเขาเข้าใจเพราะปากเข้าไม่ว่างตอบ
"นายเอาแต่วาดรูป ไม่เบื่อเลยเหรอ?"
ผมถามตอนที่เขากลืนอาหารในปากไปแล้ว รอยยิ้มมีเสน่ห์ถูกส่งมาให้ก่อนจะตอบอย่างเป็นมิตร
"เบื่อสิ...เบื่อมากเลยล่ะ"
นี่ผมคิดไปเองหรือว่าน้ำเสียงเขามันเย็นยะเยือกแปลกๆเวลาที่เขาพูดแบบนั้น
"แล้วนายทำยังไงตอนที่เบื่อเหรอ?"
"ฮะๆ ก็เดินเที่ยวล่ะมั้ง"
แจ๊คกินเสร็จ เขาจิบน้ำ เช็ดปากแล้วหยิบหมวกขึ้นมาสวม มารยาทอย่างงาม เข้...
"นายมาเดินเที่ยวด้วยกันหน่อยไหมฉันเบื่ออีกแล้ว^^?"
แน่นอนผมก็ต้องไปอยู่แล้วเพราะมันเป็นงานในการคุ้มกันเขา
"เคยทำผิดกฏหมายมาก่อนรึเปล่า?"
ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆคนข้างๆก็เริ่มบทสนทนาแบบนั้นขึ้นมา
".....ไม่นี่"
แน่นอนว่าใครๆก็ต้องโกหกอยู่แล้วจะให้ผมพูดว่า ตอนนั้นเป็นทหารเนปาลมันรายได้น้อยก็เลยรับจ้างทำงานสกปรกให้ประเทศอื่นบ้างเพราะเห็นแก่เงิน มันก็ไม่ใช่นี่ถูกไหม? แต่ก็เพราะว่าอยากเลิกทำงานสกปรกนั่นแหละถึงได้ยอมเข้าร่วมเกมบ้าๆนั่น
"นายถามทำไม?"
ผมถามคืนบ้างแจ๊คยักไหล่ก่อนจะยิ้มแห้งๆ
"แค่ชวนคุย...อันที่จริงฉันเคยนะ"
"นายทำอะไรล่ะ?"
"ก็ซื้อของในตลาดมืดน่ะ"
"หึ ไม่กลัวฉันบอกคนอื่นรึไง"
ผมถามพลางทำหน้าเจ้าเล่ห์เป็นการหยอกเขาเล่นๆ เจ้าตัวส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม
"ฉันไว้ใจนายนะ นายดูเป็นคนดี"
"...."
ไอ้หมอนี่ โคตรติ๋มเลย ผมเนี้ยนะน่าไว้ใจ?
"ไว้ใจคนอื่นง่ายไปแล้ว"
เราเดินไปตามทางระหว่างนั้นผมก็ฟังเสียงของแจ๊คที่ฮัมเพลงอยู่ตลอดจนกระทั่งเราเดินผ่านโบสถ์ที่ดูคุ้นตาเอามากๆสำหรับผม...
"....."
โบสถ์นั่น...
...เหมือนทุกอย่างมันหยุดนิ่งไปหมด ผมจำโบสถ์แดงนี่ได้นะแต่ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่...
"....หืม?"
แจ๊คหันมามองผมที่อยู่ๆก็หยุดนิ่งไปและจ้องโบสถ์นี่ไม่ละสายตา เขาเอียงคอด้วยท่าทีติ๋มๆของเขาก่อนถามผมเสียงเรียบ
"นายดูหน้าซีดนะ"
"....."
"ว่าแต่...นายรู้จักโบสถ์นี่รึเปล่า...?"
เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกตื่นตระหนกเหมือนกินปูนร้อนท้อง เจอไอ้ฆาตกรนั่นก็แย่พอแลัวรอบนี้เจอทั้งโบสถ์นี่อีก นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรวะเนี้ย!?
"ก็...ตอนเด็กๆฉันมาทีนี่บ่อยนะ มันเคยสวยกว่านี้ ตอนนี้มันถูกทิ้งให้ร้างไปแล้ว:)"
"....ฉันขอเดิน...ไปรอบๆที่นี่ได้ไหม...คนเดียว"
"สนใจสินะ^^ งั้นอีกสามสิบนาทีเจอกันตรงนี้นะฉันจะไปแวะร้านตุ๊กตาแก้วที่หัวมุม"
ผมผงกหัวเมื่อแจ๊คเดินไปจนลับสายตา ก็ถึงเวลาเดินเข้าไปในโบสถ์นี่แล้วเริ่มสำรวจ มันดูเหมือนโบสถ์ปกติไม่มีที่แขวนคอไม่มีเครื่องถอดรหัส ไม่มีเลือดของเทรซี่ มาร์ธ่าหรือ....เฮเลน่า ป้ายหลุมศพเองก็ไม่ได้เก่าเหมือนตอนนั้น....
พอสำรวจด้านในโบสถ์มันดูสวยและปกติดีแต่มันไม่ปกติตรงชื่อบนป้ายหลุมศพสองอันนี้ตรงหลังโบสถ์นี่สิ
"....เวร..."
[Helena Adams]
หลุมศพของ....เฮเลน่า...
[Tracy Reznik]
พระเจ้า...เทรซี่....
พวกเธออยู่ในหลุมไปแล้ว....
การตายของเทรซี่และเฮเลน่าเป็นเรื่องที่ฝังใจผมมาตลอด....ฝันเห็นเห็นพวกเธอทรมาณทุกคืนแต่ก็ต้องมานั่งปลอบตัวเองว่ามันไม่ใช่ความผิดผม....และผมจะทำแบบนั้นอีกเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียสติไปมากกว่านี้
"...."
มะ...ไม่หรอก....มันไม่ใช่ความผิดผมซักหน่อย....ไม่ใช่...ไม่ใช่....
มันไม่ใช่ความผิดผมนะ...
"เธอร้องขอให้นายช่วยแทบตายเลยนะรู้ไหม?"
"!!!!"
เสียงกระซิบที่ข้างหูทำให้ผมถึงสะดุ้งแล้วล้มลง ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นร่างสูงใหญ่ของไอ้ฆาตกรนี่ก็คร่อมเอาไว้ก่อนจะล็อคมือจนไม่สามารถขยับได้ เคยคิดว่ามันจะเคลื่อนไหวในตอนกลางคืนให้ตายสิ!! ตอนนี้ต้องเปลี่ยนความคิดแล้วล่ะ! ผมไม่เคยรู้สึกตัวเลยเวลาที่มันเข้ามาใกล้ ไอ้โรคจิตนี่มันหายตัวได้รึไงวะ!? ในตอนนี้ร่างกายมันสั่นไปด้วยความกลัวและความโกรธปนกันมั่วไปหมด ผมหยิบมีดพกขึ้นมาไม่ได้ด้วยซ้ำ เวร!!!
"กะ...แก!?"
"ฮะๆๆ โกรธฉันขนาดเลยเหรอ?"
ถึงจะมองไม่เห็นหน้าเขาในตอนนี้แต่เดาว่ามันคงเยาะเย้ยผมอยู่แน่ๆ แม่งเอ้ย!!
"เฮ้อ...ตอนนั้นยัยตาบอดขอให้นายมาช่วย แหกปากจนน่ารำคาญเลยนะรู้ไหม:)"
"เพราะแกฆ่าเธอไม่ใช่รึไง!?"
ไม่ใช่....มันไม่ใช่ความผิดผม!
"หืม....เมื่อกี้แกว่ายังไงนะ? ฮ่าๆๆๆ!!!"
ผมกัดฟันไปด้วยความโมโหกับเสียงหัวเราะอันน่ารังเกลียดนี่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก
"แกหัวเราะอะไรวะ!!?"
"พระเจ้า แกมันน่าสมเพชสิ้นดี นี่แกโทษฉันเหรอ โทษฉันที่เป็นผู้ล่าน่ะนะ? หน้าที่นายต่างหากที่ต้องช่วยเธอ....ที่ทำอยู่ตอนนี้นายก็แค่พยายามไม่โทษตัวเอง โอ้ววว~ ใช่ไหมล่ะ? ฉันเดาถูกรึเปล่า?"
"หุบปาก....หุบปาก!!"
"โทษฉันให้มันได้อะไรขึ้นมาล่ะ? มันทำให้นายรู้สึกดีขึ้นใช่ไหม?"
"....หนวกหู!!"
"ฮ่าๆๆๆ!!! แกโทษทุกๆอย่างรอบๆตัวแกเพื่อให้ตัวเองดูสูงขึ้น แม้แต่เรื่องที่แกฆ่าเด็ก9ขวบ แกก็ยังจะโทษนายจ้างของแก ถามจริงๆเลยนะ"
ใบหน้าที่ถูกปกปิดโดยหน้ากากสีขาวยื่นเข้ามาใกล้ๆแล้วจะซิบข้างหูเพื่อบังคับให้ผมต้องฟังสิ่งที่มันพูดแม้ว่าจะไม่เต็มใจก็ตาม
"ทำไมตอนนั้นแกไม่สงสัยเลยล่ะ ว่าทำไมนายจ้างแกถึงไม่ลงมือทำงานง่ายๆแบบนั้นด้วยตัวเอง?"
"...."
"เร็วเข้าสิ~~ ตอบฉันหน่อยนะ~"
"...."
"หึ แกรู้อยู่แกใจว่างานที่แกทำมันสกปรก แต่แกมองข้ามมัน เพราะแกสนแค่เงิน แล้วยังมาเสร่ออยากจะเป็นคนดีเข้าร่วมเกมนั่นเพื่อล้างประวัติตัวเอง โดยหวังจะได้เริ่มต้นใหม่อย่างสวยหรู"
"...."
"ฉันพูดถูกไหม:)"
มันพูดถูก ในตอนนี้มันไม่ได้ล็อคร่างของผมไว้ด้วยซ้ำแต่ผมกลับไม่สามารถลุกขึ้นมาหยิบมีดแล้วสู้กับมันได้ ไม่ใช่ว่าผมไม่มีแรงแต่...
เป็นเพราะผมรู้ตัวแล้วว่าตัวเองไม่คู่ควรจะทำแบบนั้น ผมมันไม่คู่ควรกับชีวิตที่สวยหรูในหัวเลย...
"โอ้....นายร้องไห้ซะแล้ว โถ่ๆๆ"
"...."
"ฉันล่ะสงสารนายจริงๆ ไม่ต้องห่วงนะ....อีกเดี๋ยวฉันจะให้ในสิ่งที่นายสมควรได้เอง"
ไอ้ฆาตกรใช้มือเรียวเชิดคางผมขึ้นก่อนจะง้างกรงเล็บเตรียมตัดคอผมให้ขาด ในตอนนั้นแทนที่จะต่อสู้ผมกลับหลับตาลงแล้วน้อมรับในสิ่งที่ตัวเองสมควรได้....
ความตาย....
"....."
"ฮึก..."
"ไม่ดีกว่า....มันเบื่อเกินไป"
"...."
"ฉันว่าฉันรอดูนายทรมานดีกว่าที่จะเห็นนายตายไปเฉยๆ:)"
มันค่อยๆใช้กรงเล็บกรีดคอผมให้เป็นทางยาวก่อนจะลุกออกไป ปล่อยให้ผมนอนอย่างนั้น....
มันแค่ทำให้คอผมเป็นแผล...ไม่ได้ฆ่า...
ในตอนนี้ได้แต่คิดว่าควรจะดีใจรึเปล่าที่รอดกลับมา ผมนั่งมองหลุมศพที่สลักชื่อของเฮเลน่าและเทรซี่แล้วด่าตัวเองว่าไอ้งั้งๆอยู่นานจนกระทั้ง...
"เอ่อ....นายทำอะไรน่ะ?
น้ำตาที่คลออยู่ถูกเช็ดอย่างลวกๆก่อนจะคุยกับแจ็คโดยที่ไม่หันไปสบตาเขา
"ไง..."
การพยายามทำให้เสียงตัวเองไม่สั่นมันยากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่...
"นายร้องไห้?"
"เปล่า"
"เกิดอะไรขึ้น?"
"บอกว่าเปล่าไง!!"
"...."
"...."
ผมหายใจช้าๆก่อนจะลุกขึ้นแล้วหันไปหาเขาเพื่อขอโทษ
"ขอโทษที่ตะคอกนะ..."
แจ๊คยิ้มอย่างอ่อนโยนเขาเข้ามาใกล้ๆราวกับไม่ถือโทษอะไร
"ไม่เป็นไร.... :)"
"....."
"....."
"...นายอยากลองกอดคนที่ตัวเย็นๆอย่างฉันไหม? บางทีมันอาจจะช่วยได้"
ทันทีที่ร่างสูงอ้าแขนด้วยท่าทีติ๋มๆอย่างเขามักจะทำ ผมเอาหัวชนกับอกกว้างของแจ๊คก่อนที่เจ้าตัวจะโอบกอดผมเอาไว้ นั่นยิ่งทำให้บ่อน้ำตามันไหลราวกับเขื่อนแตก
"ฮึก..."
"ไม่เป็นไรแล้วนะ ฉันอยู่นี่:)"
มือเย็นเฉียบกำลังใช้ผ้าพันแผลพันรอบคอผมอย่างประณีประนอมไม่ให้มันแน่นเกินไปจนรัดคอผม
"...."
"ใครทำร้ายนายเหรอ?"
"....."
"ฉันรู้มันพูดยากนะ แต่ฉันแค่อยากจะช่วยนายบ้างก็เท่านั้น"
"....ขอบคุณ"
ผมสบตาคนตัวใหญ่ตรงๆแล้วพูดมันออกมา แจ๊คยิ้มอย่างสุภาพบุรุษมันดูอ่อนโยนและทำให้สบายใจเสมอ
"ไม่ใช่แค่เรื่องทำแผลให้นะ....หมายถึง--"
"ฉันรู้"
"อืม..."
*เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
Whitechapel คำนี้อ่านว่า ไวต์ ชา เปล ไรท์ไม่แน่ใจว่าเขียนคำนี้ในภาษาถูกรึเปล่าแต่ถ้าให้ตรงๆมันแปลว่าโบสถ์สีขาว ประเด็นคือWhitechapelเป็นย่านคนจนในLondon(ลอนดอน) ที่ในปี1888เกิดคดีJack The Ripper ขึ้น
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น