ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เขาเป็นจิตกร(เพิ่ม1ฉาก+แก้คำผิด)
2ปีก่อน เนปาล19:46
"แล้วเป้าหมายคือ?"
ผมถามนายจ้างในขณะที่เช็ดมีดพกในมือเล่น เขาเป็นผู้จัดการบริษัทใหญ่จะธุระกิจอะไร ผมไม่สนหรอก
แต่เขามีงานในผมทำ และมีเงินจ่ายนั่นแหละ เหตุผลที่เรามานั่งคุยกันในบาร์เหล้าเล็กๆ เวลา1ทุ่มแบบนี้
"เด็กคนนี้ชื่อว่าไอริส เธออายุ9ขวบ"
เขาเอารูปเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักเรือนผมสีน้ำตาลให้ผมดู
"ฉันไม่ลงมือกับเด็ก"
ในขณะที่กำลังจะลุกเดินหนีหมอนี่ก็รั้งแขนผมเอาไว้
"เฮ้ยๆ ฟังก่อนสิ"
"....คุณมี2นาที"
"ฉันไม่ได้ให้นายฆ่าเธอ ฉันแค่ต้องการให้นายไปขโมยยาจากเด็กคนนั้นมาก็เท่านั้น"
"แค่ขโมยยาจากเด็ก9ขวบคุณทำเองไม่ได้รึไง?"
"ฉันจ่ายให้นายได้นะ"
"...."
เมื่อได้รายละเอียดของงานและราคาที่สมน้ำสมเนื้อผมก็เริ่มงานทันที เด็กคนนี้เป็นลูกสาวตระกูลดังอะไรกระเทือกนั่นแหละ เอาจริงๆคือผมสนแค่เงิน แล้วก็รู้แค่ว่าเธอมีบอดี้การ์ดสองคนคุ้มกันตลอดเวลา นั่นคงไม่ยากเกินไปสำหรับทหารรับจ้างผ่านสงครามอย่างผม
.
.
.
มัน...ง่ายกว่าที่คิด...
"ฮือๆ ใครก็ได้ค่ะ! ใครก็ได้!!"
"...."
การ์ดสองคนถูกฆ่าต่อหน้าต่อตาเด็กน้อยไอริส มันไม่สำคัญเท่าตอนนี้ขวดยาที่ว่านั้นมาอยู่ในมือผมเรียบร้อยแล้ว เมื่องานเสร็จก็ได้เวลาเผ่นแล้วล่ะ
"เอาคืนมานะ!!หนูต้องใช่มัน!"
"...."
เด็กนี่น่ารำคาญชะมัด เมื่อเธอเข้ามาดึงชายเสื้อสีชาเขียวผมผลักจนเด็กน้อยเซล้มลงกับพื้นแล้วเปิดหน้าต่างเพื่อเตรียมหนีแต่...
"เอาคืนมา--แค่กๆ!"
ในขณะที่กำลังจะหนีร่างของเด็กสาวก็ล้มลงพร้อมๆกับเสียงไอที่ดูทรมาณใจจะขาด ผมไม่รู้ว่าเด็กนี่เป็นอะไรแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องแคร์
"...."
แม่งเอ้ย....เด็กตัวเล็กๆกำลังดูทรมาณตรงหน้าผมนะ! แล้วคิดว่าผมจะเลือดเย็นถึงขนาดเดินหนีเธอได้เหรอ?
ไม่ไง!
"แค่กๆๆ...อ่อก!!"
"เฮ้ยๆทำใจดีๆไว้!"
"อึก!!"
ในตอนนั้นที่ผมรีบตรงเข้าไปดูอาการของเด็กน้อย เลือดกำเดาเธอไหลออกมาเป็นน้ำจนผมเริ่มรู้สึกว่าภารกิจที่ทำมันมีบางอย่างไม่ปกติแต่ก็สายเกินไปแล้ว เธอแน่นนิ่งไปแล้ว....หรือว่า...ยาที่ผมต้องขโมย....
"แกหลอกให้ฉันฆ่าเธอ!!"
"หา? หมายถึงอะไร?"
"เธอต้องการยานั่นทุกชั่วโมงเพื่อระงับอาการ นั่นแหละเหตุผลที่แกให้ฉันไปขโมยมันมา ใช่ไหมล่ะ!?"
"ใครบอกปกเรื่องนี้หรือสืบเอาเอง...แต่ช่างเถอะ รีบๆรับเงินแล้วก็ไปซะ"
"เรายังคุยกันไม่จบ!"
แกร๊ก!
เมื่อผมกำลังจะตรงไปฆ่ามันไอ้นายจ้างเฮงซวยนี่มันก็จ่อปืนมาที่ผม เวรเอ้ย...
"แกเป็นลูกจ้างที่ฝีมือดีนะ"
"...."
"แต่หมดประโยชน์แล้วว่ะ"
ปัง!
.
.
.
หึ...ยิงปืนไม่เป็นด้วยซ้ำแล้วยังจะมาทำกร่างอีก ผมดึงมีดออกจากคอไอ้เวรนี่แล้วทำความสะอาดคราบเลือดที่ติดอยู่ให้เรียบร้อย....ก่อนจะฉีกชายเสื้อตัวเองมาพันแผลที่ต้นแขนเพราะโดนกระสุนเฉี่ยว
เมื่อมาถึงห้องเช้าราคาถูกที่พักอยู่ ผมเปิดขวดเหล้านี่ออกแล้วยกมันขึ้นดื่ม เพื่อพยายามลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองเกลียด มานับดูซิมีอะไรบ้าง....
ผมเกลียดหมอนั่นที่มันหลอกให้ผมไปฆ่าเด็ก
ใช่! ไอ้นายจ้างสาระเลว มันสมควรตายและมันตายแล้ว
เยี่ยมไปเลย!
ต่อมาก็...
ผมเกลียดเด็กคนนั้นที่ทำให้ผมต้องมารู้สึกผิด...งานนี้มันเป็นงานสกปรก ผมรู้อยู่แล้วว่าควรจะใจแข็งเข้าไว้แต่... เวรเอ้ย...
เหล้าถูกกระดกลงคอเพิ่ม เพื่อที่จะทำให้ความรู้สึกผิดหายไป ผมดื่มให้ตัวเองลืมแต่...ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็ดีสิ...
เพล้ง!!
อาจจะเป็นเพราะเมา ผมฟาดขวดเหล้านี่ใส่กำแพงอย่างอารมณ์เสียก่อนทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
ผมเกลียดงานนี้...งานที่มือต้องเปื้อนเลือด
และท้ายที่สุดแล้ว...
ผมเกลียดตัวเอง...ที่เห็นแก่เงิน จนมาทำงานบ้าๆนี่
"....?"
อะไรล่ะนั่น พึ่งเห็นว่ามีอะไรอยู่ที่โต๊ะวางโคมไฟ จดหมายเหรอ?
ใช่...มันคือ....จดหมาย....
ในตอนที่เมาไม่ได้สติ ผมจดหมายนี่ไม่รู้เรื่องหรอก พึ่งได้อ่านในเช้าวันต่อมา มันเป็นจดหมายเชิญให้ไปร่วมเกมในคฤหาสน์
"...."
ตอนแรกผมคิดว่าเขาส่งผิด ผมเป็นคนนอกกฏหมายนะ คนส่งเขาจะรู้ที่อยู่ผมได้ยังไงกัน ถึงมันจะมีชื่อผมเขียนก็เถอะแต่ถ้ามี
คนรู้ตัวตนผมพวกเขาต้องส่งตำรวจมาจับผมแล้ว ในจดหมายฉบับนี้ ดูเหมือนคนเขียนจะรู้ว่าผมเป็นทหารรับจ้างที่ทำงานสกปรกมาเยอะแถมยังรู้อีกว่าผมไม่ได้อยากทำมัน
เกมงั้นเหรอ...
.
.
.
.
.
.
.
"ฉันจะไปช่วยเทรซี่ เธออยู่กับเฮเลน่านะ"
ผมบอกมาร์ธ่าให้ปกป้องคนตาบอดอย่างเฮเลน่าไว้ ซึ่งเธอก็ผงกหัวอย่างเข้าใจแน่นอนว่าทหารเรือมีความสามารถอย่างเธอรู้ตัวว่าควรจะทำอะไรก่อนอะไรหลัง และผมเชื่อใจเธอ
"กรี้ด!!"
เสียงกรี้ดดังลั่นมาจากในโบสถ์นั่นแปลว่าต้องรีบแล้ว ในตอนนี้ต้องใช้ความเร็วทั้งหมดวิ่งไปที่โบสถ์สภาพโทรมนั่นและมันทันพอดีกรงเล็บน่ากลัวนั่นฟาดเข้าใส่เทรซี่จนเธอล้มลงต่อหน้าผม
ต้องรีบดึงความสนใจไอ้หมอนั่นซะก่อนที่มันจะฆ่าเธอ...
"เฮ้ย! ไอ้งั่ง!!"
มันหันมาแล้ว....ไอ้ฆาตกรนั่น! เอาตรงๆคือผมไม่รู้ชื่อและไม่มีเวลาถามด้วย ประเด็นคือมันเลิกสนใจเทรซี่แล้ว ผมปีนหน้าต่างหนีออกหลังโบสถ์ก่อนก้มลงแอบหลังแผ่นไม้ใกล้ๆป้ายหลุมศพ เสียงฮัมเพลงสากลสมัยเก่าดังคลอมาเบาๆบ่งบอกว่ามันกำลังอารมณ์ดีสุดๆ หมอกหนาๆนี่เองก็ทำเอาแทบไม่เห็นร่างของมันเลย เสียเปรียบชะมัด
เสียงหัวใจเต้นรัวขึ้นเรื่อยๆ แทบไม่อยากจะเชื่อว่าผมกำลังกลัว ทั้งๆที่ผ่านสงครามมานับไม่ท่วน
...เลือดของเทรซี่ยังติดอยู่ที่กรงเล็บมันด้วยซ้ำ...ตั้งสตินาอิบ....ตั้งสติ...
"ฉันเห็นรอยเท้านายนะ :)"
"....!!!!"
หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม! เสียงกระซิบที่ข้างหูทำให้ผมพึ่งรู้ตัวว่าไอ้ฆาตกรนี่มันอยู่ใกล้กว่าที่คิด!! กรงเล็บอันตรายเฉียวคอผมไปอย่างหวุดหวิดในตอนนั้นเองที่ผมล้มไม้ใส่หน้ามันแล้ววิ่งหนี
น่ากลัว...เมื่อกี้ถ้าผมหลบไม่ทันคอได้ขาดแน่ๆ ...ไอ้หมอนั่นเข้ามาใกล้โดยที่ผมไม่ทันรู้ตัว แม่งเอ้ย!! การเข้ามาร่วมเกมบ้านี่เป็นไอเดียที่โคตรบัดซบสุดๆที่เคยตัดสินใจมา!!
"อึก!! แสบนักนะแก!!"
น้ำเสียงโกรธแค้นที่ราวกับหมายหัวผมเอาไว้ยิ่งทำให้ผมสติแตก
ก็แหงสิวะ!!
รู้สึกเหมือนทุกๆอย่างมันมั่วไปหมด ไม่เคยได้กลัวตายอย่างจริงจังแบบมานานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ เมื่อเริ่มเหนื่อยเพราะวิ่ง ผมจึงหันหลังกลับไปมองมัน...
"....??"
ไม่มีอะไรตามมาแล้ว...ได้ยังไง?
"แฮ่ก...แฮ่ก...."
เลือดสูบฉีดเร็วเพราะความกลัวจนต้องหยุดอยู่นิ่งๆซักเล็กน้อยเพื่อไม่ให้หัวใจสูบฉีดเลือดเร็วเกินไปจนรู้สึกเหนื่อยล้าไปมากกว่านี้
ตึ้ดๆๆ!!
แม่งเอ้ย...ยังไม่ทันหายเหนื่อยสัญญาณเตือนที่บอกว่าประตูเปิดแล้วมันก็หาเรื่องให้ออกแรงเดินไปอีกครั้ง
ผมรีบตรงไปประตูหน้าโบสถ์ซึ่งเป็นที่ที่ทุกคนน่าจะอยู่ พลังงานทั้งหมดมันหายไปกับการหนีไอ้หมอนั่นเมื่อกี้ อาจจะช้าหน่อยแต่ก็ต้องไปสมทบกับพวกนั้น---
"กรี้ดดดด!!!"
"...!!"
เสียงของเทรซี่
บ้าเอ้ย....เพราะแบบนี้สินะมันถึงไม่ไล่ผมต่อ!
"เฮเลน่าเร็วเข้า!!"
มันไปหยุดไม่ให้ทุกๆคนเปิดประตู! เสียงดังมาจากหน้าโบสถ์ ต้องวิ่งอีกแล้วเหรอวะ....แม่งเอ้ย!!
...
..
.
ผมมาช้าไป....
ภาพตรงหน้าคือร่างของเทรซี่และมาร์ธ่า พวกเธอนอนจมกองเลือดอยู่หน้าประตูที่เปิดอยู่
พระเจ้า....เทรซี่...เธอตายแล้ว...
"เฮ...เลน่า"
แต่มาร์ธ่ายังอยู่!
"มาร์ธ่า! นี่..."
ยังไม่ทันได้ดูอาการของมาร์ธ่าเสียงกรีดร้องของเฮเลน่าก็ดังขึ้นมาซะก่อน
"กรี้ดดดดด!! ใครก็ได้!!! ขอร้องล่ะ!!"
เสียงของเฮเลน่า?
"มันกำลัง....จะแขวนคอเฮเลน่า...."
น้ำเสียงแหบพร่ารวยรินของสาวทหารเรื่องกำลังขอให้ผมไปช่วยเฮเลน่าที่กำลังจะโดนแขวนคอ ให้ตายสิ...
"ห่วงตัวเองก่อนเถอะ"
"มะ...ไม่ได้..."
"สภาพใกล้ตายแบบนี้เธอไม่มีสิทธิ์ ตัดสินใจนะ!"
....ปล่อยไว้แบบนี้มาร์ธ่าจะเสียเลือดจนตายแน่...ถ้าผมแบกเธอออกไปจะถือว่ามาร์ธ่ารอด แต่ทำแบบนั้นก็ช่วยเฮเลน่าไม่ทัน...
ผมต้องเลือกระหว่าเฮเลน่ากับมาร์ธ่า ไม่ชอบแบบนี้เลย...
"....."
"นายจะ...ทำ...อะไร?"
มาร์ธ่าถามเสียงสั่น และผมเลือกที่จะไม่ตอบก่อนช้อนร่างของหญิงสาวในชุดทหารเรือขึ้นมาอุ้มแล้วพยายามทำหูให้หนวกกับเสียงกรีดร้องที่แสนทรมานของเฮเลน่าตอนที่โดนแขวนคอ
ผมทิ้งให้เฮเลน่าต้องตาย
"...."
มะ....ไม่ผิดซักหน่อย....ผมต้องเลือกนะ ระหว่างชีวิตของมาร์ธ่าและเฮเล่น่า....ดังนั้น....
.
.
.
"!!!!"
เอาอีกแล้ว....สะดุ้งตื่นกลางดึกอีกแล้ว...
หลังจบเกมนั่นผมได้งานที่ต้องการตามที่ตกลง มันเป็นงานบอดี้การ์ดแสนง่ายแถมรายได้ดี แต่ก็ต้องแลกกับความรู้สึกผิดที่มันตามหลอกหลอนจนบางทีคิดว่าตายไปซะก็ยังจะดีกว่า ฝันร้ายแทบทุกคืนแต่ก็บอกใครเกี่ยวกับเรื่องเกมบ้าๆก็นั่นไม่ได้
นี่ก็ผ่านมาสองปีแล้วนะ
ทำไมลืมไม่ได้ซักที!
"...."
...พรุ่งนี้ต้องไปเจอนายจ้าง ต้องรีบต่อนอนแล้ว...
ดวงตาสีฟ้าเหลือบไปเห็นยานอนหลับข้างเตียงที่เหลือน้อยเต็มทีเพราะถูกใช้ไปมาก ...ท่าทาง....คืนนี้เองก็คงต้องพึ่งมันเหมือนเคย...
7:56
ก๊อกๆๆ
นัดไว้8โมงเช้าแต่มาก่อนเวลา5นาทีคงไม่มีปัญหาอะไรนะ มาตามที่อยู่ในจดหมายแล้วคนที่จ้างผมเห็นว่าจะเป็นจิตกรฝีมือดีที่สุดในลอนดอน ท่าทางเขาคงไม่ค่อยเหยียดเชื้อชาติถึงได้เลือกจ้างทหารชาวเนปาลอย่างผมให้มาเป็นบอดี้การ์ด รู้สึกนายจ้างจะชื่อว่า'แจ็คสัน ดาเรน'
ขอสารภาพว่าครั้งแรกที่อ่านจดหมายการจ้างวาน รู้สึกได้เลยว่าลายมือเขาสวยมาก
พวกจิตกรลายมือกันสวยเหรอ?
แอดด~
เมื่อประตูเปิดออก ผมจำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นไปมองคนตรงหน้าเพราะเขาตัวสูง'มาก'
ก็ไม่มากแต่ถือว่ามากกว่าผม แต่งตัวเหมือนผู้ดีอังกฤษทั้วๆไป ผมสีน้ำตาลเข็มถูกเซ็ตมาอย่างเรียบร้อย
คนตรงหน้าอายุราวๆเลขสี่ได้แต่เขาก็ยังดูดี ร่างสูงยิ้มให้กับผมอย่างเป็นมิตรผมจึงเริ่มบทสนทนา
"คุณเป็นเจ้าของจดหมายที่จ้างผมสินะ"
ผมว่าพลางยื้นจดหมายให้เขาดูเจ้าตัวรับไปก่อนจะพลิกไปมาอยู่สองสามทีแล้วผงกหัว
"เอ่อ...นาอิ...นาอิบ สุบีดาร์....โทษทีนะเผลอออกเสียงชื่อนายผิดรึเปล่า มันเป็นภาษาเนปาลน่ะ"
ดูสุภาพบุรุษสุดๆเลยแฮะ
"จะเรียกชื่อผมในสำเนียงอังกฤษก็ได้ ผมไม่ถือหรอก"
"สุภาพจังเลย ทำไมไม่เข้ามาข้างในล่ะ?"
บ้านเขาสุดยอดไปเลย...มีภาพวาดเต็มไปหมด แต่ละอันก็สวยๆทั้งนั้น เขาเป็นคนวาดเองหมดเลยเหรอเนี้ยo_O
"คุณวาดเองทั้งหมดเลยเหรอ?"
"....ก็ฉันเป็นจิตรกรนี่....แต่บางรูปก็ซื้อมา อุดหนุนศิลปินที่ตัวเองชอบ^^"
อือหือ....ความเป็นผู้ดีแทบจะแทงเข้าตา=_= ห้องรับแขกหรูชะมัด.... ทันทีที่ก้นแตะโซฟาก็ สัมผัสได้ถึงความนุ้มที่ผมคงไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เบาะนอนที่ค่ายทหารเทียบไม่ติดเลยกับโซฟาในห้องรับแขกบ้านเขา
"ชาไหม?"
ชวนดื่มชาตามมารยาทของพวกผู้ดีอังกฤษแต่โทษที ผมไม่ถูกกับชาของคนอังกฤษเท่าไหร่ กลิ่นมันก็ดีแต่รสชาติห่วยแตกมาก
"ไม่ล่ะครับ"
"เฮ้อ...ฉันเป็นนายจ้างก็จริง แต่นายต้องมารักษาความปลอดภัยให้ฉันตั้งสองเดือนดังนั้น ไม่ต้องสุภาพหรอกมันน่าอึดอัดจะตาย"
เขาว่าพลางเกาแก้มแก้ประหม่า ติ๋มชะมัด แต่ก็ดีนะ...สุภาพแบบนี้มันอึดอัดเหมือนกัน
"ได้เลยคุณดาเรน"
"....แจ๊ค:) ทุกคนเรียกฉันแบบนั้น"
ที่บอกว่าไม่ต้องสุภาพก็หมายถึงไม่ต้องเรียกนามสกุลนี่เอง
"โอเค แจ๊ค..."
"สองเดือนจากนี้ฝากตัวด้วยนะ นาอิบ:)"
แจ๊คยื่นมือมาให้จับพร้อมกับรอยยิ้มขอสารภาพเลยว่าผมอิจฉาเขา แม้จะดูแก่แต่คือแม่งหล่อโคตร...
นี่ขนาดผมเป็นผู้ชายผมยังคิดเลยว่าหมอนี่ดูดี
เราเช็คแฮนด์กันตามประสาคนร่วมงานกัน แต่เมื่อได้จับมือเขาก็รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกจนต้องขนลุก ในบ้านเขาก็ไม่ได้หนาวอะไรมากแท้ๆ....
ทำไม ..มือเย็นอย่างกะศพ
"ปกติฉันอยู่คนเดียวมาตลอด เลยนายสะดวกนอนโซฟาไหม?"
"แน่นอน"
"...ฮะๆ"
"....?"
แจ๊คส่ายหัวอย่างยิ้มๆเขาหัวเราะให้กับผม ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจนักหรอกว่าทำไม
"เอาจริงดิ?"
อะไรของหมอนี่
"เมื่อกี้ฉันแค่ล้อเล่นนะ ใครจะให้นายนอนโซฟากัน นายต้องรักษาความปลอดภัยให้ฉันถึงสองเดือนนะ เดี๋ยวพาไปดูห้อง"
ตอแหลเก่งจังวะ ผมคิดจริงๆนะว่าเขาจะให้นอนโซฟา แต่มันก็เป็นมุกตลกเริ่มต้นความสัมพันธ์ได้ดี
สาเหตุที่เขาต้องการบอดี้การ์ดเพราะช่วงนี้มีข่าวThe Ripper ในหนังสือพิมพ์บ่อยๆมันทำให้เขากลัว จนกว่าพวกตำรวจจะจับได้ว่าใครคือRipper เขาก็ยังต้องการบอดี้การ์ดอย่างผม
ห้องที่เขาจัดให้ดูดีสุดๆไปเลย ผมเป็นแค่บอดี้การ์ดแท้ๆ
เมื่อจัดของในห้องเสร็จผมลงไปหาเขาเพื่อเฝ้าระวังให้ตามงานในขณะที่เขากำลังวาดรูป
"...."
และ....แจ๊คเงียบมากๆเลยเขาดูตั้งใจสุดๆตอนละเลงสีด้วยพู่กันในมือจนผมไม่กล้าพูดอะไรออกมาเพราะกลัวจะไปรบกวนเขา เอาตรงๆผมไม่กล้าหายใจดังด้วยซ้ำ ทุกอย่างคงเงียบจนจะกลายเป็นป่าช้าถ้าอยู่ๆหมอนี่ไม่ฮัมเพลงขึ้นมา...
รู้สึกเหมือนเคยได้ยินเสียงฮัมเพลงสากลแบบนี้ที่ไหนมาก่อน...มันติดอยู่ในหัวนะ
"แจ๊ค..."
"ว่าไง:)"
เขาขานรับโดยไม่หันมามองผมที่ยืนพิงกำแพงดูเขาอยู่
"เพลงที่นายฮัมอยู่น่ะ..."
การถามจากเจ้าตัวก็น่าจะง่ายที่สุดร่างสูงเอียงคอก่อนจะหันมาถาม
"ฮะๆมันเพราะดีใช่ไหมล่ะ?"
"ไม่ใช่อย่างนั้น..."
แจ๊คทำหน้าหมองลง...
"มันน่าหนวกหูสินะ..."
อ้าว....แย่ล่ะสิ กลายเป็นว่าผมเสียมารยาทต่อเขาซะได้!
"เปล่านะ! มันเพราะดีแต่....ฉันแค่คิดว่าเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเท่านั้นเอง"
เขาผงกหัวเหมือนเข้าใจ
"เพลงนี้ดังน่ะ นายจะเคยได้ยินมาก่อนก็ไม่แปลกหรอก:)"
"....."
ก็แค่เพลงติดหูน่าไอ้เบื้อก! ไปกวนเขาวาดรูปแบบนี้เสียมารยาทชะมัด!
"งั้น...ฉันถามนายบ้างได้รึเปล่า?"
"....?"
คนตัวใหญ่วางพู่กันและจานสีก่อนหันมาหาผม เขาเข้ามาใกล้....จนรู้สึกว่าใกล้มากและใกล้เกินไป
อีกอย่างทันทีที่เดินเข้ามามันเหมือนจะมีไอเย็นยะเยือกออกมาจากตัวเขาเลย...
"ก็ได้อยู่หรอก"
มือที่เย็นเฉียบลูบที่ต้นคอผมจนรู้สึกขนลุกซู่ แจ๊คหรี่ตามองที่ต้นคอผมอย่างฉงนก่อนถามออกมาเสียงเรียบนิ่ง
"แผลกว้างมากเลยนะที่คอนายมันเกิดอะไรขึ้นเหรอ?"
"...."
...แผลจากไอ้ฆาตกรนั่น
"ฉันเคยไปรบน่ะ ก็ต้องมีแผลบ้างแหละ"
"งั้นเหรอ....นายโชคดีนะเนี้ยเพราะดูจากแผลแล้วเหมือนว่าจะทำให้คอนายขาดได้เลย"
"อะ...อืม นั่นสินะ"
=============
แจ๊คจะเงียบมากๆเวลาที่เขาวาดรูป เหตุผลที่เขาฮัมเพลงฮัมเพลงเพราะแจ็คแค่อยากจะรู้ว่านาอิบยังจะจำเสียงนี้ได้อยู่ไหม
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น