คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ✿เด็กชายจาก 5 แคว้น( 100 %)✿
ตอนที่ 1 เด็กชายจาก 5 แคว้น
ท่ามกลางหิมะในฤดูร้อน ผมเดินอยู่บนถนนพลางคิดถึงเรื่องราวเมื่อ 1 ชั่วโมงก่อน ผมจำได้ว่าเวลานั้นผมยังเป็นไซม่อน โคเวลล์ เสนาธิการของพระราชวังเทอร์คอยซ์อยู่ และเวลานั้นผมก็เห็นความวุ่นวายในวังที่ลงท้ายด้วยการหายสาบสูญของอัญมณี 5 เม็ด ที่คอยคุ้มครองภัยให้กับแคว้นพี่น้องทั้ง 5 แคว้น แอเมทิสต์ คาลซิโดนี่ สเปสซาไทน์ เพริดอต และเทอร์คอยซ์บ้านเกิดของผม ตำราเก่าแก่ของเหล่าแคว้นได้บอกไว้ว่า หากอัญมณีทั้ง 5 เม็ดใดเม็ดหนึ่งได้หายไปนานถึง 20 ปี โลกต้องถึงกาลอวสาน วันนี้หายไปถึง 5 เม็ด หิมะยังตกผิดฤดู ถ้าภายใน 20 ปีพวกเราไม่เจออัญมณีเหล่านั้น มันจะเกิดอะไรขึ้น คนในวังพวกนั้นแทนที่จะหาผู้ขโมยอัญมณี กลับมากล่าวให้โทษกันเอง ผมเสนอความคิดที่จะตามหาอัญมณีทั้ง 5 แต่ทุกคนก็หาว่าผมบ้า ในเมื่อพวกเขาไม่ช่วยผม ผมก็ต้องเป็นฮีโร่ช่วยทุกคนในแคว้นด้วยตนเอง
ผมเดินมาที่หอสมุดของแคว้นเทอร์คอยซ์เพื่อหาวิธีเริ่มต้นการกอบกู้โลกของผม แล้วผมก็ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่ง
" พงศาวดาร 5 แคว้น "
เมื่อเปิดเข้าสู่หน้าสารบัญ ผมก็สะดุดตากับบทความหนึ่ง นั่นคือ "การอัญเชิญอัญมณีแห่งแคว้นและข้อห้ามร้ายแรง"
" หากวันใด อัญมณี ได้สูญหาย แล้วกลับกลาย คืนสู่ ลู่แท่นนี้
ใช้ 5 คน จาก 5 แคว้น สามัคคี ร่วมอัญเชิญ อัญมณี สู่นิรันดร์
จักให้ใคร ไม่รู้นาม มาล้ำเส้น แท่นจะเอน เปิดนรก ให้ผู้นั้น
ผู้เหมาะสม นั้นเป็น สิ่งสำคัญ พลอยเม็ดนั้น จะบอกท่าน ว่าเป็นใคร "
"ผู้เหมาะสมต้องเกิดในแคว้น 5 แคว้น แคว้นละคน อย่างนี้ฉันก็หมดสิทธิ์สิ" ไซม่อนถอนหายใจอย่างหมดหวัง แต่ทันใดนั้นเขาก็คิดไอเดียสุดยอดที่จะทำให้สามารถหาผู้เหมาะสมทั้ง 5 เจอ และผู้เหมาะสมทั้ง 5 ก็จะสามารถนำอัญมณีกลับมา และอัญเชิญขึ้นสู่แท่นได้....
ไซม่อนยืมหนังสือเล่มนั้นแล้วเดินออกมาจากหอสมุด เพื่อมุ่งหน้าสู่ร้านขายอัญมณีใต้ดิน ร้านที่ละเมิดกฎเกณฑ์การค้าพลอยผิดกฎหมาย เขาซื้อพลอยที่มีชื่อเดียวกับแคว้นทั้ง 5 แล้วรีบออกจากร้านอย่างรวดเร็ว ถ้าใครเห็นว่าอดีตเสนาธิการทำผิดกฎหมายอย่างนี้ไม่ดีแน่ เขารีบเดินมายังถนนกลาง ถนนเส้นเดียวที่เชื่อมต่อกับทั้ง 5 แคว้น เพื่อที่จะหาคนที่เหมาะสม คนๆนั้นต้องเป็นเด็ก เพราะยังไงก็ต้องเกิดที่แคว้นนั้นๆ แน่นอน และถ้าเด็กคนไหนเป็นผู้ที่เหมาะสมกับการเป็นผู้อัญเชิญอัญมณีจริง ก็คงต้องมีปฏิกิริยากับพลอยพวกนี้บ้างแหละ แล้วก็ไม่ผิดอย่างที่เขาพูดไว้ พลอยเทอร์คอยซ์เปล่งแสงสีฟ้าขึ้นเมื่อไซม่อนเดินผ่านบ้านซอมซ่อหลังหนึ่ง เขาเคาะประตูเป็นร้อยครั้งแต่ก็ไม่มีใครเปิดให้ เขาจึงพังประตูเข้าไป เขาเห็นเพียงเด็กผู้ชายที่มีตาสีฟ้าน้ำทะเล สีเดียวกับพลอยเทอร์คอยซ์อายุประมาณ 4 ขวบนั่งร้องไห้ ข้างๆเขาเป็นผู้หญิงนอนจมกองเลือดอยู่ เธอพูดอย่างแผ่วเบากับไซม่อน
"ฝากดูแลเขาด้วย ลูอิส ทอมลินสัน ฝากดูแลเขา..." มันเป็นคำแรกและคำสุดท้ายที่เธอพูดกับเขา ไซม่อนผู้ซึ่งเป็นคนอารมณ์อ่อนไหว หลั่งน้ำตาออกมา ไม่ใช่ว่าเขาซึ้งอะไรหรอกนะ แต่เขากลับดีใจที่ได้ผู้เหมาะสมได้รวดเร็ว และไม่ต้องเสียแรงมากมาย เขาพนักหน้าให้กับศพผู้หญิงตรงหน้า ก่อนที่จะอุ้มเด็กผู้ชายขึ้นมา แล้วเดินจากไป
มันง่ายขนาดนี้เลยหรอ หรือว่าผมมันอัจฉริยะ หรือเพราะโชคชะตาต้องการให้ผมเป็นคนที่ได้สร้างฮีโร่เพื่อปกป้องโลก จะเพราะอะไรก็ช่าง ตอนนี้ผมได้ฮีโร่คนแรกแล้ว แต่..... ใช้คำว่าฮีโร่มันคงจะซ้ำกับคนอื่นเขา อย่างผมมันต้องไม่เหมือนใคร ผมจะใช้คำแทนพวกเขาว่าอะไรดีนะ อัญมณี กับ วีรบุรุษ วีรบุรุษแห่งอัญมณี ไม่ดีกว่า ชื่อนี้ลิเกชะมัด อ่าา... เกม...ฮีโร่... เกมีโร่ ชื่อนี้แจ่ว ใช่แล้ว พวกเขาคือ...
เกมีโร่ผู้ปกป้องโลก
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ผมเดินต่อไปที่ถนนเส้นเดิม แต่คราวนี้มีหนูน้อยลูอิส ทอมสินสันที่อยู่ในอ้อมแขนของผมด้วย ตอนนี้พ้นเขตของแคว้นเทอร์คอยซ์และเข้าสู่แคว้นเพริดอต ตามทฤษฎี (ที่คิดขึ้นเองของผม) ผมว่าพลอยเม็ดต่อไปที่ต้องสอดแสงคือเม็ดสีเขียวใสหลายเหลี่ยมเม็ดนี้แน่นอน แต่ตอนนี้...ผมเริ่มเมื่อยแล้วหล่ะ
"ลูอิส นายเดินเถอะ ฉันไม่ไหวแล้ว" ผมปล่อยลูอิสให้เดินด้วยตัวเอง ลูอิสปล่อยตัวผมและลงยืนอย่างว่าง่าย แต่เขากลับวิ่งหนีผมไปอย่างรวดเร็ว ผมก็ตามไป จนจับลูอิสได้สำเร็จ เล่นเอาเหนื่อยชิบ และเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง พลอยสีเขียวที่ผมพูดถึงก็ส่องแสงเปล่งประกายอยู่ในกระเป๋า ผมมองหาเด็กที่เป็นคนทำให้พลอยเพริดอตส่องแสง คราวนี้เจอเด็กผู้ชายทีเดียว 3 คน อายุน่าจะ 2 ขวบคนหนึ่ง และ 5 ขวบอีก 2 คน แล้วคนไหนที่เป็นตัวจริงกันเนี่ย.....
ผมเดินเข้าไปหาเด็กทั้ง 3 คนที่กำลังเล่นขายของ ย่อง ย่อง และย่องอย่างเงียบที่สุดเท่าที่ขาใหญ่ๆของผมจะทำได้ พร้อมกับกำพลอยเพริดอตไว้ในมือ เด็กพวกนั้นความรู้สึกแอบช้า ผมเดินเข้าใกล้ขนาดนี้ยังไม่รู้สึกตัว แต่ช่างเถอะ ผมยื่นพลอยไปหาเด็กคนที่ตัวใหญ่ที่สุด พลอยก็ยังส่องแสงเหมือนเดิม หรืออาจจะเป็นคนนี้ ? ต้องลองกับเด็กอีก 2 คนที่เหลือ เขายื่นพลอยอย่างช้าๆ ไปยังเด็กอีกสองคน พลอยเพริดอตนั้นก็ยังส่องแสงเช่นเดียวกัน แล้วตกลงมันเป็นคนไหนเนี่ย ผมเริ่มเครียด เครียด และเครียดขึ้นเรื่อยๆ หรือว่าทฤษฎีของผมมันจะไม่ถูกต้อง หรือว่าเจ้าเด็ก ลูอิส ทอมลินสัน จะไม่ใช่ผู้เหมาะสม....ว่าแต่.... ไอ้เจ้าลูอิสมันหายไปไหนอีกแล้วเนี่ยยยยยยยย.....
ผมมองหาเจ้าเด็กตัวแสบรอบๆ ก็พบว่าเขาวิ่งเข้าไปหาเด็กสามคนที่ผมจ้องอยู่ เด็กสามคนคงจะรู้แล้วว่าผมอยู่ข้างๆ เลยเปลี่ยนมาเล่นกันที่หน้าบ้านที่ห่างจากตัวผมไปกิโลกว่าๆ ไม่น่าหล่ะ แสงของพลอยเพริดอตถึงดับลง เจ้าลูอิสนั่งเล่นขายของอยู่กับเด็กพวกนั้นอย่างสนุกสนาน ผมเดินเข้าไปหากลุ่มเด็กพวกนั้นอีกที ฟังเด็กๆคุยกันมันคงจะช่วยลดความเครียดของผมได้บ้าง
“นายชื่อไร ?” ลูอิสถามเด็กที่ตัวเล็กที่สุด
“ล..เลียม เลียม เพย์น พ...พี่ ชื่อไย” เด็กน้อยพูดอย่างยากลำบาก เพราะเขาเพิ่ง 2 ขวบเองนี่นา พูดได้แค่นี้ก็เก่งแล้ว
“ลูอิส ทอมลิ้นสั้น 5555” ลูอิสกับเลียมหัวเราะกันจนหงายหลังไปทั้งคู่ ผมช่วยจับทั้งคู่ให้ลุกขึ้นมา พลอยเพริดอตกับเทอร์คอยซ์ส่องแสงพร้อมๆกัน ลมจากไหนก็ไม่รู้พัดหน้าของเด็กทั้งสองอย่างกับหนังกำลังภายใน ฮ่า~~~ ผมรู้แล้วว่าใครเป็นเกมีโร่เพริดอต
“เด็กน้อยเลียม เพย์นคนนี้นี่เอง!!!!”
ไม่รอช้า ผมรีบอุ้มเลียมและจูงลูอิสไปพร้อมๆกัน แล้ววิ่งสุดกำลัง เป็นอะไรที่น่าอายชะมัด ตอนนี้ผมไม่สนแล้วว่าเลียมมีพ่อแม่ไหม ถ้ามี แล้วพ่อแม่เขาจะเสียใจแค่ไหนที่ลูกตัวเองหายไป ผมอุตส่าห์เสียสละตัวเองเพื่อช่วยกอบกู้โลก พวกเขาก็ต้องเสียสละลูกของเขาให้ผมบ้าง....
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
หมดเวลาไปหนึ่งวัน กับการหาเกมีโร่เพื่อกอบกู้แคว้นทั้ง 5 แต่อย่างน้อย ตอนนี้ก็ได้มาแล้ว 2 คน เหลืออีก 3 ไว้ค่อยหาพรุ่งนี้เถอะ ผมเหนื่อยจะแย่ เวลานี้ สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดคือ กลับบ้านนอน... เราทั้งสามเหมารถประจำทางจากแคว้นเพริดอตมายังบ้านของผมที่แคว้นเทอร์คอยซ์ บ้านผมก็ไม่ค่อยใหญ่โตเท่าไร มี 3 ชั้น 7 ห้องนอน 10 ห้องน้ำ 3 ห้องครัวเอ๊งงงง.... แหม เป็นเสนาธิการประจำราชวังทั้งที เล็กกว่านี้ได้ไง ถึงผมจะอยู่คนเดียวก็เหอะ เรื่องหาเมียเอาไว้ก่อน ตอนนี้การกู้โลกสำคัญกว่า
ผมพาเด็กทั้งสองไปนอนที่ห้องชั้น 2 ริมซ้ายสุด ห้องนี้ตกแต่งด้วยของสีฟ้าล้วนๆ ผนังติดวอลเปเปอร์ลายคลื่นทะเล เลียมขอนอนห้องเดียวกับลูอิส สงสัยคงจะติดใจมุกตลกของเจ้าแสบนี่ เด็กทั้งสองไม่ร้องไห้หรืองอแงอะไรเลย พวกเขาจะรู้หรือเปล่านะว่าโดนจับตัวมา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
เช้าวันใหม่ 12 กันยายน 2538 วันที่สองกับการเป็นสามัญชนคนธรรมดา ไซม่อน โคเวลล์ ผู้(กำลังจะ)กอบกู้โลก ผู้ที่จะรักษาแคว้นทั้ง 5 ให้สงบสุข
หลังจากที่ทำกิจวัตรประจำวันเสร็จแล้วทั้งผม ทั้งลูอิส และเลียม ก็ได้เวลาที่ต้องหาเกมีโร่ที่เหลือ แต่ผมคงจะหิ้วสองคนนี้ไปด้วยไม่ได้ คนหนึ่งซนอย่างกับลิง อีกคนก็เด็กเกินกว่าจะเดินทางไหว ผมเลยขังทั้งสองไว้ในห้อง หาของเล่น ทีวี ขนมนมเนยให้ทั้งคู่ เมื่อทุกอย่างโอเค ก็ได้เวลาออกเดินทาง....
ผมเดินออกจากบ้านแล้วโบกรถประจำทางเทอร์คอยซ์ – สเปสซาไทน์ เมื่อถึงปลายทาง ผมก็ลงเดินไปเรื่อยๆ พร้อมกับหยิบพลอยเม็ดสีส้มทรงหยดน้ำรอมันจะส่องแสงเมื่อเจอกับเกมีโร่สเปสซาไทน์ ......
รถบัสสีแดงเคลื่อนตัวเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดรถลงที่ประตูหน้าแคว้นสเปสซาไทน์ ผมลงจากรถบัสคันนั้นแล้วเดินตามทาง พร้อมกับถือพลอยสเปสซาไทน์ไว้ในมือ เดิน เดิน และก็เดิน ก็ยังไม่มีวี่แววที่พลอยจะส่องแสง แต่ผมก็ยังคงเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่ท้อถอย จนกระทั่งผมได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธและความเสียใจ...
“ไอ้ลูกชั่ว!!! ไอ้ลูกทรพี แกฆ่าพ่อตัวเองได้ยังไงงงงง!!!” ผมหันหน้าไปตามเสียง สงสัยคงจะเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ คนดีอย่างผม (?) ต้องไปช่วยซะแล้ว ไม่รอช้า ผมวิ่งไปตามทางของเสียงโหวกเหวกโวยวาย และทันใดนั้น!! พลอยสเปสซาไทน์ก็ค่อยๆเปล่งแสง ชัดขึ้น และชัดขึ้นเรื่อยๆ นี่คงจะเป็นทางนำไปสู่เกมีโร่คนต่อไปสินะ
ผมวิ่ง และวิ่งจนมาถึงบ้านต้นเหตุ ประตูเปิดออกพร้อมต้อนรับผม เมื่อเข้าไปในบ้าน ผมเห็นเด็ก 2 ขวบยืนตาถมึง มือกำแน่นทั้งสองข้าง และผู้หญิงเจ้าของเสียงนั่งร่ำไห้อยู่กับศพผู้ชายตัวสูงใหญ่ไว้หนวดเคราอยู่ริมผนัง กระจกของหน้าต่างบนผนังรอบๆตัวศพชายผู้นั้นแตกละเอียดเป็นผุยผง ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้สนใจผมเลย เธอไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าผมเข้ามาในบ้านเลยนานแล้ว จากนั้นเธอก็ชี้หน้าไปที่เด็ก 2 ขวบอย่างโกรธกริ้ว และพูดด้วยน้ำเสียงก้าวร้าว
“แกฆ่าพ่อ แกฆ่าพ่อ แกมันเลวววว!!!” ประโยคนั้นทำให้ผมถึงกับตะลึง เด็ก 2 ขวบฆ่าพ่อตัวเอง เป็นไปได้ไงเนี่ยยย...!!
“ขอโทษนะครับคุณ...”
“แพทรีเซีย มาลิค” เธอตอบด้วยน้ำเสียงเคืองๆ
“ขอโทษนะครับคุณมาลิค ทำไมคุณถึงคิดว่า...เอ่อ...”
“เขาชื่อเซน”
“ทำไมคุณถึงคิดว่าเด็กน้อยเซนคนนี้ถึงฆ่าพ่อของเขาหล่ะครับ” ผมถามคุณมาลิคอย่างสุภาพ แต่เธอทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้
“ฉันเห็นกับตา เห็นกับตา ฉันทะเลาะกับพ่อของเซน แล้วเซนเขาก็... ก็ .. ก็ผลักเขา ผลักพ่อของตัวเองจนพุ่งไปกระแทกกับกระจกหน้าต่าง จนแตก และกระจกนั้นก็ทิ่มเขาจน ....”
“ไม่ต้องเล่าแล้วหล่ะครับ ผมเข้าใจแล้ว” หลังจากที่ผมได้ฟังเรื่องราวของครอบครัวมาลิค ผมก็อึ้งไปพักใหญ่ จนลืมสังเกตพลอยสเปสซาไทน์ที่มือของผม ตอนนี้มันส่องแสงสว่างอยู่นี่ และในที่นี่ก็มีเด็กอยู่เพียงคนเดียว ....เซน มาลิค... ผมเริ่มมีความคิดบ้าๆ (อีกแล้ว) ที่จะได้หนูน้อยคนนี้กลับบ้านแล้วสิ
“คือ... ถ้าผมจะขอเซนให้ไปอยู่บ้านผม จะเป็นไร ม...”
“เอาไปเลย!!! ฉันเกลียดมัน ถ้าคุณต้องการก็เอาไปเลย ฉันยกให้ แล้วอย่าเอามาคืนหล่ะ” คุณนายมาลิคพูดอย่างไม่ใยดีลูกชาย ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้แคร์อะไร อุ้มหนูน้อยเซนจอมพลังเดินออกจากบ้าน(เก่า)ของเขา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ผมขึ้นรถประจำทางเพื่อไปยังคาลซิโดนี่ต่อพร้อมกับเด็กชายเซน เขานิ่งเงียบไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย หน้าบูดบึ้งเหมือนกับตอนที่ผมเพิ่งเจอเขาใหม่ๆ ตอนนี้ผมมีเกมีโร่ 3 คนแล้ว เหลืออีก 2 คน คงจะไม่ยากเกินความสามารถเท่าไร และนี่ก็ใกล้ถึงคาลซิโดนี่แล้ว เกมีโร่คนที่ 4 รอผมอยู่ ไอ้ผมก็คิดอะไรเรื่อยๆ ตามนิสัย แล้วทันใดนั้น!! รถประจำทางที่ผมกับเซนนั่งอยู่ก็ชนกับรถเบนซ์หรูเข้าอย่างจัง รถประจำทางที่ผมกับเซนนั่งอยู่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก แต่รถเบนซ์คันที่โดนชนเนี่ยสิ ผมและคนอื่นๆบนรถลงมาดูสภาพของเบนซ์กันใหญ่ แล้วผมก็เห็นคน 3 คน อยู่บนรถคันนั้น พ่อ แม่ และลูก และแล้ว.... คาลซิโดนี่ ก็เปล่งแสงจ้า....
ผมเหลือบมองไปที่พลอยสีเหลืองเรียบเนียนเม็ดนั้น สลับกับมองหาเด็กบริเวณนี้ ผมก็ไม่เห็นเจอใครนอกจากเด็กเซนจอมพลัง ผมละสายตาจากคาลซิโดนี่และการตามหาเด็กทันที เมื่อเสียงรถพยาบาลและรถกู้ภัย (ที่ผมสุดแสนจะรำคาญ) ดังขึ้น ผมพักจากการตามหาเกมีโร่แล้วมาดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ หมอและพยาบาลแทน ซึ่งผมว่ามันเสียเวลา แต่ทำไมถึงยังจะดูต่อผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
ผมยืนจ้องเจ้าหน้าที่ที่กำลังช่วยกันพลิกรถเบนซ์สีบรอนซ์เงินราคาแพงที่ตอนนี้ยับเยินหมดสภาพ แล้วพอเจ้าหน้าที่พลิกกลับมาให้ตั้งขึ้นเหมือนเดิม พวกเขาก็อุ้มหญิงสาวร่างอาบเลือดบนรถมาก่อนคนแรก ซึ่งจากที่ผมดู ผมว่าเธอไม่น่าจะรอด เนื่องจากร่างเธอช่างแน่นิ่งและซีดเซียวเหลือเกิน เธอเป็นคนที่สวยมากในสายตาของผม
เจ้าหน้าที่วางเธอลงบนเปลสีส้มแล้วยกขึ้นรถกู้ภัยไป จากนั้นก็มาช่วยกันหิ้วปีกชายหนุ่มที่ยังไม่หมดสติ เขาพยายามจะวิ่งไปที่รถกู้ภัยเพื่อดูศพของภรรยาตนเอง แต่ก็ไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะทำไหว เขาคลานไปหาผู้เป็นภรรยาอย่างเร็วที่สุด เท่าที่ร่างกายบอบช้ำของเขาจะอำนวย เมื่อเห็นร่างของภรรยาที่ไร้วิญญาณอยู่ตรงหน้า เขาก็ปล่อยโฮลั่น น้ำหูน้ำตาน้ำลายไหลมาอย่างไม่อายใคร ปากก็พึมพำคำอะไรไม่รู้เรื่อง จนเขาหมดแรง สุดท้ายจึงยอมให้เจ้าหน้าที่ช่วยพยุงขึ้นรถพยาบาลเพื่อรักษาแผลตามร่างกายโดยดี และมีเจ้าหน้าที่อีกคน 2 คนไปอุ้มผู้บาดเจ็บคนสุดท้ายเข้าไปที่รถพยาบาล เป็นเด็กผู้ชายอายุประมาณ 1-2 ขวบ ผมสีน้ำตาล-บรอนซ์ เขาดูน่ารักมาก ถ้า....
“ตาเขาเป็นอะไรหน่ะครับ” ผมเดินจูงเซนไปถามคุณหมอที่กำลังตรวจดูเด็กน้อยคนนั้นอยู่
“เศษกระจกเข้าไปในตาทั้งสองข้างของเขาครับ หมอดูเบื้องต้นแล้วคาดว่าเขาคงจะตาบอดชั่วคราว”
“ตาบอด!!! แล้วเขาจะกลับมามองเห็นไหมครับ” แล้วทำไมผมต้องสนใจเด็กคนนี้ด้วยนะ แล้วผมก็นึกขึ้นได้!!! คาลซิโดนี่ที่ผมกำไว้เปล่งแสงอยู่นี่ แสดงว่าเด็กคนนี้
“ต้องเป็นเกมีโร่คาลซิโดนี่แน่ๆ!!”
“คุณพูดอะไรนะ อะไรเกมีๆ คานๆ ผมไม่เข้าใจ” คุณหมอยืนเกาหัวสงสัยในกิริยาท่าทางและคำพูดของผม
“เปล่าครับ แล้วตกลงเขาจะกลับมามองเห็นไหมครับ”
“โอกาสหน่ะเป็นไปได้อยู่ แต่ปัญหาก็คือ ต้องเอาดวงตาที่เข้ากันได้มาเปลี่ยน แล้วใครจะยอมแลก จริงไหม”
“แล้วสมมติถ้าเป็นของคนตายแล้วหรือตาของสัตว์ จะได้ไหมครับ” คุณหมออึ้งกับคำถามผมไปนาน เขาคงคิดว่าผมเพื้ยนแน่ๆ ที่จะเอาตาสัตว์หรือตาคนตายมาเปลี่ยนกับตาของเด็กคนนี้ แล้วพอคุณหมอรวบรวมความคิดของเขาได้ (ซึ่งนานทีเดียว) คุณหมอก็ตอบผมอย่างลังเลว่า
“ได้อยู่ แต่ต้องตายไม่นานนะ ภายใน 24 ชั่วโมง และตาของคน เอ่อ.. หรือสัตว์ตัวนั้นต้องเข้ากันกับตาของเด็กคนนี้ได้ด้วย”
“แล้วถ้าเป็นตาของแม่เขาหล่ะครับ ?” ผมถามคุณหมออย่างมีความหวัง ผมจะปล่อยให้เกมีโร่ผู้ที่ (กำลังจะ) กอบกู้โลกตาบอดไม่ได้นะ มันไม่เพอร์เฟ็ค ถ้าเด็กคนนี้ตาบอดขึ้นมา จะทำภารกิจให้ผมได้ไหมเนี่ย!!
“น่าคิดนะ เดี๋ยวผมขอไปเช็คสภาพตาของคุณผู้หญิงคนนั้นก่อน” คุณหมอพูดจบก็เดินไปที่รถกู้ภัยเพื่อดูสภาพดวงตาของแม่เด็กน้อยคนนั้น ไม่นานคุณหมอก็เดินกลับมา
“ไม่ได้ ตาของคุณผู้หญิงก็บอบช้ำพอกัน คงจะนั่งข้างกระจกก่อนเกิดอุบัติเหตุแน่ๆ”
“คุณหมอครับ เดี๋ยวผมจะหาดวงตาให้เด็กคนนี้เองครับ และผมจะรับเป็นเจ้าของไข้ให้ด้วย ผมชื่อไซมอน โคเวลล์ นี่นามบัตรผมครับ ถ้ามีอะไร รีบโทรมาเลยนะครับ” ผมรีบยื่นนามบัตรให้คุณหมอแล้วจูงมือเซนที่นิ่งเงียบอยู่นานออกมาจากบริเวณนั้นทันที เพื่อหาดวงตาให้เด็กคนนั้น ว่าแต่ เด็กนั่นชื่ออะไรยังไม่รู้เลย
“คุณหมอครับ เด็กคนนี้ชื่ออะไรหรอครับ” ผมหันกลับมาถามคุณหมอ แต่คุณหมอไม่พูดอะไร กลับยกวิทยุสื่อสารขึ้นมาแล้วพูดใส่มัน จากนั้นก็หันมาพูดกับผม
“เขาชื่อ ไนออล ฮอแรน” ผมฟังแล้วรีบเดินออกมาจากถนนจุดเกิดเหตุ บริเวณสองข้างทางเป็นป่าไม้และสวนสาธารณะที่ร่มรื่น คาลซิโดนี่เป็นแคว้นที่ป่าไม้อุดมสมบูรณ์ที่สุดในบรรดาแคว้นพี่น้อง ส่วนสเปสซาไทน์เป็นเมืองที่ร้อนที่สุด และเป็นเมืองเดียวที่หิมะไม่ตก แต่ผมคงพูดคำนั้นไม่ได้แล้ว เพราะผมเพิ่งผ่านหิมะตกหนักที่สเปสซาไทน์มา สาเหตุเป็นเพราะอะไรก็รู้ๆกันอยู่
ผมเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย อันที่จริงก็มีแหละ ผมต้องการหาดวงตาให้เด็กน้อยไนออลผู้น่าสงสาร แต่นี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย ผมคงจะคิดว่าสามารถหาดวงตาได้ตามท้องที่ทั่วไปหล่ะมั้ง คิดว่าคงเดินก็เจอ คิดว่า… เฮ้!!! นั่นมัน… นกอินทรีย์!!!! ทำไมมานอนตาลีตาเหลือกอยู่กลางทางเดินนะ ดวงตามันช่างแปลกกว่านกอินทรีย์ทั่วไป สีฟ้าน้ำทะเลคู่สวย แต่เดี๋ยว! ….ผมว่าดวงตาของนกอินทรีย์มันน่าจะเท่ากับตาของเด็กน้อยไนออลนะ
“ไม่ได้การแล้ว เซนไปโรงพยาบาลกับฉัน !!!” ไซม่อนจูง (หรือฉุดกระชาก) เซนที่ทำหน้าเบื่อหน่ายบึ่งไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
ฟิ้ววววววววววว~ 15 นาทีผ่านไป ไซม่อนและเซนก็มาถึงโรงพยาบาลคาลซิโดนี่ พร้อมกับซากนกอินทรีย์ ไซม่อนเอานกอินทรีย์ให้คุณหมอที่คุยกันเมื่อเที่ยง คุณหมอทำหน้าแบ่งรับแบ่งสู้ จะรับนกดีหรือไม่รับดี คุณหมอลังเลอยู่นาน สุดท้ายจึงยอมเอาตานกอินทรีย์ไปผ่าตัดใส่ในตาของไนออลที่บอบช้ำจนบอดทั้งสองข้าง ไซม่อนเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด 1 ชั่วโมงผ่านไป 2 ชั่วโมงผ่านไป จนนี่ก็ 4 โมงเย็นแล้ว และในที่สุด!!! คุณหมอก็ออกมาจากห้องผ่าตัดพร้อมกับพยาบาลที่เข็นหนูน้อยผมบรอนซ์ที่พันผ้าพันตา ไซม่อนวิ่งไปดักคุณหมอทันที
“ใช้ได้ไหมครับ ตาของนกอินทรีย์ที่ผมให้ไป”
“เอ่อ……ได้ครับ เข้ากับตาของเขาพอดี แต่เขาอาจจะมีประสิทธิภาพในการมองเห็นมากกว่าคนทั่วไป”
“ยังไงหรอครับคุณหมอ”
“นกอินทรีย์มันจะมีตาที่ความละเอียดสูงมาก สูงกว่าคนถึง 10 เท่า มองในระยะทางไกลได้ดีมาก และยังมองเห็นในที่มืดได้อีกด้วย”
“ก็ดีนิครับ ไม่เห็นมีอะไรน่าห่วง”
“สิ่งที่น่าห่วงก็คือ….ผลในระยะยาว ผมไม่สามารถยืนยันได้ว่าตาคู่นี้จะอยู่ได้นานเท่าไร และมันจะมีผลกระทบอะไรต่อไปหรือเปล่า ทางที่ดีควรจะพาเขามาให้หมอตรวจเช็คทุกปีนะครับ”
“แล้วเขาจะกลับบ้านได้เมื่อไรครับ”
“อีก 3-4 วันหน่ะครับ แต่อาจจะนานกว่านั้น เพราะแม่ของเขาก็เสียแล้ว ส่วนพ่อของเขาก็…..” คุณหมอเบี่ยงตัวแล้วชี้ไปยังผู้ชายใส่ชุดผู้ป่วยที่กำลังอาละวาดอยู่ท่ามกลางบุรุษพยาบาล
“พ่อของไนออลเป็นอะไรหน่ะครับ”
“เขาได้รับการกระทบกระเทือนทั้งร่างกายและจิตใจหน่ะครับ ทำให้เสียสติ และควบคุมตัวเองไม่ได้ ตอนนี้เขาเป็นผู้ป่วยทางจิต เราจึงไม่สามารถให้ลูกของเขาอยู่กับเขาได้ คุณสนใจจะอุปการะครอบครัวนี้ไหมครับ ?”
“ได้เลยครับ ผมจะดูแลทั้งไนออลและพ่อของเขา” ผมตอบแบบไม่คิด เพราะในเมื่อมาถึงขณะนี้แล้ว ยังไงก็ต้องไปให้ถึงที่สุด เหลือแค่เกมีโร่คนสุดท้าย …. เกมีโร่แอเมทิสต์…
…………………………………………………………………………………………………………………
ตอนนี้ผมกลับมาถึงบ้านของผมพร้อมกับเซนแล้ว เมื่อเปิดประตูบ้านก็พบกับ…กองขยะขนาดมหึมา เศษขนม สี ดินสอ กระดาษยับยู่ยี่ เซนทำหน้าขยะแขยงเหลือทน คนที่ผมสงสัยว่าเป็นต้นเหตุของขยะพวกนี้ก็คือเจ้าลิงลูอิสกับเลียม แต่สองคนนั้นถูกขังอยู่นี่ จะออกมาได้ไง หรือว่าจะเป็นขโมย!!!
“ฉันคือซูเปอร์แมน !!!!!” เสียงเด็กผู้ชายลั่นบ้าน ผมหันหน้าไปทางต้นเสียง ก็พบคนที่ผมหมายหัวไว้… ใช่แล้ว เจ้าลูอิสกับเจ้าเลียมตัวแสบบบบบ…..!!
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ นี่พวกนายออกมากันได้ไง!!” ผมตะคอกใส่ทั้งสอง พวกเขาหน้าถอดสีทั้งคู่ แม้นายลูอิสจะแอบหัวเราะ แต่ก็ต้องหุบเหงือกทันทีที่เห็นสายตาของผม
“ลู… ลูเปิด” เลียมพูดด้วยน้ำเสียงกลัวปนสะอื้น ส่วนลูอิสก็เหมือนจะรู้ว่ากำลังจะโดนด่า จึงรีบก้มหน้าก้มตาหลบตาทันที
“ลูอิส ทำไมนายถึงเปิดประตูได้ ทำไมถึงเล่นอะไรกันเลอะเทอะขนาดนี้ เป็นพี่แทนที่จะดูแลน้อง กลับชวนน้องทำลายข้าวของ นั่งกินขนม ดูทีวีเฉยๆไม่ได้หรือไงฮ้า….!!!” ลูอิสทำท่าเหมือนกำลังจะร้องไห้ สายตายังคงจ้องลงที่พื้น ดวงตาสีฟ้าคู่สวยเริ่มคลอไปด้วยน้ำใสๆ เขามองไปรอบๆห้องแล้วพูดด้วยเสียงที่เบามาก
“ผมจะเก็บให้เอง”
และทันทีที่ลูอิสพูดจบ ข้างของเครื่องใช้ที่กระจัดกระจายไร้ซึ่งคำว่าระเบียบก็ค่อยๆเรียงตัวกลับไปยังที่เดิมของมัน กระดาษที่ยับก็ตึงเรียบและจัดวางเหมือนเดิม สีบางแท่งที่หักก็ต่อเข้ากันเหมือนเพิ่งซื้อใหม่ ขยะลอยไปลงถังได้อย่างมหัศจรรย์ ทุกคนตะลึงกับภาพที่ได้เห็นตรงหน้า รวมถึงตัวลูอิสเอง
“น…นาย ….ทำได้ไงหน่ะ” นี่เป็นเสียงแรกที่ไซม่อนได้ยินจากปากเซน เซนทำหน้าตกตะลึงไร้ท่ามาดเก๊กเหมือนก่อนหน้านั้น
“ฉันก็ไม่รู้” ลูอิสตอบเสียงอ่อน เลียมพยายามทำแบบลูอิสบ้าง แต่ก็ไม่เป็นผล ส่วนไซม่อน หลังจากที่อึ้งทึ่งอยู่นาน เขาก็พยายามวิเคราะห์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ลูอิสมีความสามารถในการควบคุมสิ่งของได้ เซนมีพละกำลังที่เหนือกว่าเด็กอายุ 2 ขวบมาก ถ้าเกมีโร่ทุกคนมีความสามารถพิเศษ แล้วเลียม ไนออล และเกมีโร่อีกคนหล่ะ พวกเขามีความสามารถอะไร? สงสัยว่าฟ้าคงได้เลือกคนเหล่านี้ให้เราเพื่อพิทักษ์แคว้นนี้ มันเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ทฤษฎีของผมคงจะเป็นจริงแน่นอน …
ผมยุติความคิดนั้นไว้ก่อน เพราะเด็กชายทั้งสามหันมามองผมด้วยท่าทีที่สงสัยว่าทำไมผมถึงนิ่งไป ผมไล่ให้ทุกคนไปกินข้าว อาบน้ำ และนอน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เซนขอนอนคนเดียวในห้องสีส้มสว่าง มีหน้าต่างเกือบสิบบาน ม่านสีขาวปลิวไสวปลิวตรงหน้าต่างทุกบาน ห้องนี้ร้อนมาก ตอนที่สร้างบ้านนี้ผมเก็บห้องนี้ไว้นอนอาบแดด และไว้นอนในฤดูหนาว เพราะเวลาที่แคว้นเทอร์คอยซ์ถึงฤดูหนาว จะเย็นยะเยือกไปทุกรูขุมขน อุณหภูมิจะเท่าๆกับรัสเซียเลยก็ว่าได้ เซนคงจะขี้หนาวหล่ะมั้ง จึงเลือกที่จะนอนห้องนี้ ส่วนเลียม ขอเปลี่ยนห้องนอนที่แต่เดิมนอนกับลูอิสที่ห้องนอนสีฟ้าคราม ไปนอนห้องที่ติดวอลเปเปอร์ลายป่าไม้เขียวอุดมสมบูรณ์ มีต้นไม้นานาพันธุ์อยู่เต็มห้อง ห้องนี้อยู่ติดห้องของลูอิส ส่วนลูอิส นอนห้องเดิมไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง ผมว่าผมต้องตั้งชื่อห้องนอนแล้วหล่ะ เพราะมีถึง 10 ห้อง เดี๋ยวจะสับสนกันพอดี
…………………………………………………………………………………………………………………
ผมตื่นขึ้นมาต้อนรับเช้าวันใหม่ มองไปยังหน้าต่างไร้ม่านก็เห็นว่าข้างนอกนั้นหิมะได้หยุดตกแล้ว แต่กลับกลายเป็นฝนกระหน่ำมาแทนที่ ถึงผมจะไม่ค่อยโอเคเท่าไรกับสภาพอากาศแบบนี้ แต่แน่นอนหล่ะ วันนี้มีภารกิจสำคัญรอผมอยู่
ตามหาเกมีโร่คนสุดท้าย
ผมลงมายังชั้น 2 เพื่อไปปลุกบรรดาเด็กๆขี้เซาทั้ง 3 คน เมื่อทั้งสามอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เราทั้งหมดก็ลงมานั่งกินข้าวกันที่ห้องโถงใหญ่
“ว้าววว~ แครอท ของโปรดผมเลย เซน เลียม นายห้ามกินจานนี้” ลูอิสทำตาลุกวาวและเลื่อนซุปแครอทมาไว้ข้างตัว เขากินอย่างเอร็ดอร่อยไม่สนใจใคร ซึ่งต่างจากเลียมที่หน้าดำหน้าแดงแสดงอาการขยะแขยงสิ่งตรงหน้า
ซึ่งมีแค่จาน ส้อม และช้อน...
“เลียม เธอเป็นอะไรไป ดูท่าทางเหมือนไม่สบาย” ไซม่อนถามด้วยความเป็นห่วง
“เขาเป็นคนบ้า ไซม่อน คุณรู้ไหมว่าเขากลัวช้อนมากกว่าแมลงสาบซะอีก ตลกชะมัด” ลูอิสตอบด้วยเสียงอู้อี้ เพราะยังมีซุปแครอทอยู่เต็มปาก ส่วนเลียมก็มองตาค้อนใส่ลูอิสก่อนที่จะหันมามองไซม่อนเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งไซม่อนรู้ดีว่าเขาต้องทำอะไร
เอาช้อนออกก่อนที่เลียมจะเป็นลม และไม่พูดถึงมันอีก
“เอาหล่ะ ถ้าพวกเธอกินข้าวเรียบร้อยแล้ว ขึ้นไปบนห้องของตัวเอง อย่าส่งเสียงดัง อย่าทำข้าวของพัง” ไซม่อนหันไปทางที่ลูอิสนั่ง เขาทำหน้าเหมือนจะสำลักซุปทันทีที่เห็นสายตาของไซม่อน
“แล้วฉันจะกลับมา...”
…………………………………………………………………………………………………………………
ไซม่อนออกจากบ้านพร้อมกับร่มคันใหญ่ ฝนยังคงกระหน่ำไม่มีวี่แววจะหยุด แต่ยังไงวันนี้เขาก็ต้องออกเดินทาง เขาขึ้นรถประจำทางเหมือนเดิม ใช่ว่าเขาไม่มีรถยนต์ แต่เขาเชื่อว่าการนั่งรถประจำทางมันจะทำให้เจอเกมีโร่ได้เร็วกว่า แม้ว่ามันจะฟังดูไม่มีเหตุผลก็ตาม แต่นั่นแหละ คุณเคยเห็นเขาใช้เหตุผลบ้างหรือเปล่าหล่ะ?
เขาได้เข้ามาสู่แคว้นแอเมทิสต์ แคว้นที่มีความเจริญ และหรูหรามากที่สุดในบรรดา 5 แคว้นพี่น้อง และเป็นแคว้นที่มีความวุ่นวายที่สุดอีกด้วยในความคิดของเขา ตอนนี้เป็นเวลา 9 โมงเช้า เวลาที่คนครึ่งแคว้นยังไม่ตื่นกัน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพลอยทรงรีสีม่วงยังไม่ปรากฎแสงใดๆออกมา ในสายตาของเขา เขามองเห็นเพียงบรรดาขอทานกระจายตามตัวเมือง แอเมทิสต์ขึ้นชื่อเรื่องจำนวนขอทานมากพอๆ กับจำนวนตึกสูงๆ เขาไม่ยี่หรากับขอทานผู้ยากไร้เหล่านี้เท่าไรนัก เพราะสิ่งเดียวที่เขาสนใจมากและมากที่สุดตอนนี้มีเพียงเรื่องเดียว และตอนนี้...
พลอยแอเมทิสต์เปล่งแสงมาอย่างระเรื่อ เด่นชัดขึ้น ชัดขึ้น และทำให้ความหวังของเขาพลอยชัดขึ้นตามไปด้วย เขาพยายามมองหาเด็กชายผู้ที่เขาต้องการตัว แต่อย่างที่บอกไป คนที่อยู่นอกเตียงนอนก็มีเพียง “ขอทาน” หวังว่าเกมีโร่คนสุดท้ายคงไม่ใช่ขอทานหรอกนะ
ไซม่อนเดินมายังริมแม่น้ำแสนสกปรก เมื่อเทียบกับเพริดอตเมืองที่สะอาดบรรยากาศสดชื่น หรือแม้แต่เทอร์คอยซ์บ้านเขาเอง เขาเดินตามแม่น้ำไปเรื่อยๆ จนสะดุดกระโปรงผู้หญิงที่นั่งอยู่
สะดุดกระโปรงอย่างนั้นหรือ ?
เขาก้มลงแล้วมองมายังต้นเหตุทันที และเขาก็ได้พบกับหญิงสาวผมสีน้ำตาล หน้าตาน่ารัก แต่งตัวดี ดูท่าไม่น่าจะมาเป็นขอทาน กับลูกของเขา หนูน้อยผมเยอะและหยิก คนเป็นแม่กำลังร้องไห้อย่างหนัก ส่วนลูกชายตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนแม่นั้นยื่นมือซับน้ำตาผู้เป็นแม่อย่างอ่อนโยน เขาน่าจะอายุไม่เกิน 1 ขวบ แต่กลับรู้ซึ้งถึงความรู้สึกของแม่เป็นอย่างดี
“ขอโทษนะครับคุณผู้หญิงที่สะดุดกระโปรงของคุณ”
“ไม่เป็นไรค่ะ... ฉันผิดเองที่นั่งไม่ดูที่ทาง ...ฉันผิดเองที่คุยกับผู้ชาย ...ฉันผิดเองทุกอย่าง ฉัน...ผิด..” หญิงสาวร่ำไห้เสียงดังลั่น ผมไม่รู้เลยว่าไปทำอะไรให้เธอร้องไห้เข้า
“ขอโทษอีกครั้งนะครับ ที่ผมทำให้คุณร้องไห้” เธอหยุดร้องไห้ และหันขวับเมื่อสิ้นเสียงของผม
“ไม่...ไม่ใช่คุณหรอกค่ะ คุณเป็นสุภาพบุรุษ ฉันร้องไห้เรื่องอื่น” เธอยิ้มเจื่อนๆให้ผม และทันใดนั้น อยู่ดีๆผมก็รู้สึก...
อยากคุยกับเธอ
อยากอยู่กับเธอ
อยากกอดเธอ
อยากจูบเธอ
และอยาก....
เฮ้ยยยย...!! นี่ผมคิดอะไรบ้าๆ อยู่เนี่ย เราเพิ่งเจอกันเมื่อ 5 นาทีที่แล้วเองนะ ทำไมแรงปราถนามันแรงอย่างนี้ เธอมีลูกแล้วเห็นไหม
“ตาของเขาสวยดีนะครับ ลูกของคุณ” ผมพยายามรั้งเรื่องอื่นมากลบความคิดทุเรศของผม เธอมองไปที่ตาสีม่วงของเด็กผมหยองคนนั้น ไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็ทำหน้าตกใจสุดขีด
“แฮร์รี่!!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ เลิกเล่นจับคู่ใครให้แม่ซะที หยุด เปลี่ยนสีตาเดี๋ยวนี้” เธอส่ายมือไปมาบริเวณหน้าของเด็กน้อยแฮร์รี่ และแล้ว ตาของเขาก็กลายเป็นสีน้ำตาล และความรู้สึกอันน่าขนลุกของผมก่อนหน้านี้ก็เบาบางจนจางหายไป
มันเป็นพลังพิเศษใช่ไหม ?
ถ้างั้น....
ผมรีบแบมือที่กำพลอยทรงรีสีม่วงออกอย่างรวดเร็วจนเกือบทำมันหล่น
มันส่องแสง...!!!
“คุณผู้หญิงครับ คุณชื่ออะไร”
“แอน คอกซ์ ถามทำไมคะ หรือพลังที่ลูกฉันใส่คุณไปมันยังไม่หาย”
“เปล่าครับ แล้วลูกของคุณ”
“เขาชื่อ แฮร์รี่ สไตล์”
“ขอโทษที่ถามนะครับ คุณมีบ้านใช่ไหม” ผมถามอย่างถนอนน้ำใจที่สุด แต่เธอเริ่มทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ
“เคยมี แต่ตอนนี้... ฮืออ..”
“ไปอยู่กับผมไหม” เธอนิ่งไปชั่วขณะ แล้วพูดว่า
“เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะคะ ฉันได้ยินไม่ถนัด”
“อยู่ กับ ผม ไหม ครับ คุณ แอน คอกซ์” เธอลังเลไปชั่วขณะ แววตายากที่จะอธิบายความรู้สึกของเธอตอนนี้ ผมคงไม่แปลกใจเลยถ้าเธอตะคอกใส่หน้าผมแล้วตบหน้าผมซักสองสามที ข้อหาทำตัวห่ามเที่ยวขอผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักมาอยู่บ้านตัวเอง
“ตกลงค่ะ วันนี้ ตอนนี้เลยใช่ไหม ? ” ผมว่าเธอห่ามกว่าผมอีก ผมเห็นเธอยิ้มร่ากับลูกชายของเธอ แฮร์รี่ยิ้มตอบเธอด้วยรอยยิ้มที่เหมือนกันเป๊ะ
“ค..ครับ ทำไมคุณถึง..”
“ไว้ถึงบ้านคุณแล้วฉันจะบอกค่ะ” เธอยิ้มกว้างให้ผม ตอนที่หน้าเธอไร้คราบน้ำตา เธอช่าง...
...น่ารักเหลือเกิน...
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
จบตอนแรกแล้ว เย้!!!!!!!
ได้อ่านคอนเม้นต์แล้วแรงกระตุ้นในการอัพมันดีจริงๆ ยิ่งมีคนโหวต คนแอดเฟบเพิ่มแล้วยิ่งคึก
เรื่องเกมส์ที่จะเล่นขอเลื่อนก่อนนะ แหะๆ
ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนจุดเริ่มต้นของไรเตอร์คนนี้ รักรีดเดอร์จัง ^^
G Minor!
ความคิดเห็น