คำว่าเพื่อนของเทอ [sayamilky] - คำว่าเพื่อนของเทอ [sayamilky] นิยาย คำว่าเพื่อนของเทอ [sayamilky] : Dek-D.com - Writer

    คำว่าเพื่อนของเทอ [sayamilky]

    ฟิคของวง NMB48 คู่ ซายามิ้ลกี้(หญิงxหญิง)

    ผู้เข้าชมรวม

    211

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    211

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    3
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ธ.ค. 56 / 15:25 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เมือเธอเลือกแล้ว ฉันก็ควรไป
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      วันนี้เป็นวันว่างๆของฉันที่กำลังนอนกลิ้งๆไปกลิ้งมาอยู่กับบ้าน

      “เฮ้อว่างจังเลยน่า” ฉันบ่นออกมาเบาๆ ก่อนที่จะมีข้อความเข้ามา และมันก็ไม่ใช่ใครเจ้าม่าจุงนั้นเอง มันช่วนฉันออกไปเที่ยวกะมันพรุ่งนี้  จะบอกไงละว่าชั้นมีเรียน ช่วนไม่ดูเลยนะว่าฉันยังไม่ปิดเทอมจะว่างก็ช่วงบ่ายไปดีไหมนะ =w=

      ซายากะ ซาซายากะ ” เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น

      อะ ซายากะจัง พรุ่งนี้ว่างไหมอะ จะชวนไปเป็นเพื่อนหน่อย เสียงของมิ้ลกี้ พูดมาตามสายอย่างร่าเริงตามประสาของเธอ

      จะไปไหนเหรอ ฉันถามกลับไป

      ฉันว่าจะไปบริจากเลือดนะ ซายากะจังไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ นา นาเธอทำเสียงอ้อนตามแบบฉบับของเธอ ไอ้คนอย่างเราก็แพ้ลูกอ้อนชะด้วยสิ

      เรามีเรียนเช้านะมิ้ลกี้

      แง อะไรอะ แล้วเค้าจะมีเพื่อนไปไหนละนั้น ไม่มีใครว่างชักคน

      ม่าจุงไง มันยังชวนเราเที่ยวอยู่เลย

      ไม่เอาม่าจุงอะ ม่าจุงชอบกวนเค้า ก็อยากไปกะซายากะจังอะ มิ้ลกี้พูดด้วยน้ำเสียง งอ แง ยัยนี้นี้น่า งอ แงเป็นเด็กตลอดถ้ามีคนขัดใจ

      เรามีเรียนนะ มิ้ลกี้ห้าม งอแง งั้นเอางี้เดียวไปรับละกัน เดียวพาไปเลี้ยงขนม

      บ้าเค้าไม่ใช้เด็กๆนะ สัญญานะว่าจะมารับ

      อือ ฉันตอบรับก่อนจะว่างสายไป เอาเถอะเดียวยัยนั้นก็ต้องหาเพื่อนไปด้วยจนได้ละนะ ฉันก็อยากไปดูแลเธอนะมิ้ลกี้ แต่ไม่รู้เธอจะอยากให้ฉันเป็นคนดูแลเธอไหม ใช่แล้วละจะบอกว่าฉันชอบเธอก็ถูก ฉันมิ้ลกี้มานานแล้ว แต่ก็ไม่เคยพูดออกไปสักที มันติดที่ยัยนั้นบอกมาว่าให้เราเป็นเพื่อนกันและดูถ้าว่าฉันก็คงจะเป็นได้แค่นั้น สำหรับเธอสินะ

      …………………………………………………………

      …………………………………..

      ……………………

      อา มิ้ลกี้อยู่ไหนนะ เราเลิกเรียนแล้วนะ แล้วกลับได้ไหม อยู่กะใครละนั้นฉันโทรหามิ้ลกี้หลังจากเดินออกมาจากห้องเรียนทันที ด้วยที่ว่าเดียวยัยตัวร้ายนั้นจะงอลเอา

      อะ ซายากะจัง ตอนนี้อยู่บนรถนะ กำลังจะไปห้าง ซายากะจะไปเจอกันที่ห้างเลยนะ เค้าไม่ได้บริจาคอะ เลือดดันจางอะ แต่เพื่อนที่มาด้วยบริจาคพึ่งเสร็จเองเสียงมิ้ลกี้ตอบกับมาตามแบบฉบับของเธอ

      เออ อา เข้าใจละ นั้นเจอกันที่ห้างเลยละกัน เดียวจะได้โทรบอกเจ้าม่าจุง แล้วเจอกัน” ^^ ฉันว่างสายก่อนที่จะโทรไปบอกเจ้าม่าจุง ว่าให้มาเจอกันที่ห้างเลย สุดท้ายเจ้าม่าจุงก็เกาะขาฉันมาจนได้สินา

      ฉันมาถึงก่อนใครๆเพื่อนก็คงเพราะ ที่ๆฉันเรียนมันใกล้กะที่นี้ด้วยละมั้ง ฉันนั่งรอสักพักเจ้าม่าก็มา แต่ก็ยังไม่เห็นมิ้ลกี้สักที ทั้งที่นี้ก็ปาไปบ่ายโมงกว่าแล้วด้วย

      ซายาเน่ เมื้อไรมิ้ลกี้จะมานี้ ฉันหิวแล้วนะ “ เจ้าม่าบ่นอยู่ข้างๆหู รู้นะว่าหิว ฉันนี้มาก่อนแกอีก ยังไม่บ่นเลย

      รอๆไปเถอะน่า ตะกี้ก็บอกว่าจะถึงแล้ว

      สักพักหลังจากที่ฉันเถียงกันกันมาจนชาวบ้านเค้ามองมา แบบเจ้าสองคนนี้มันคงเป็นบ้าแน่ๆ มิ้ลกี้ก็มา

      “อะ ซายากะจัง รอนานไหม เดียวไปหาอะไรกินกันนะ ก่อนที่วาตานาเบะซังจะแย่เอา” == อยู่ดีๆฉันก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมา

      ฉันหึงงันเหรอ ไม่ใช่หรอมั่ง คิดอะไรบ้าๆน่า

      “ไปกันเถอะ” ฉันบอกออกไป ก่อนจะเดินนำหน้าไปเพราะเห็นภาพบาดตาอะไร บางอย่าง

      “ซายาเน่ ทำไหมมิ้ลกี้ถึงมากะวาตานาเบะซังได้ละ ทั้งๆที่ใครก็รู้ว่า วาตานาเบะซังนะเจ้าชูจะตาย นี้คงไม่ใช่ว่าจะมางับมิ้ลกี้นะ “ ม่าจุงเดินเข้ามาพูดกับฉัน ฉันจะไปรู้เหรอ

      “ไม่รู้” ฉันตอบม่าจุงไปแค่นั้น

      “เอา แล้วนี้ก็เป็นอะไรไปอีกละ ทำหน้ายังกะจะไปฆ่าคน “ ม่าจุงพูดแบบกลัวฉัน มันก็คงจะจริงก็ตอนนี้ในใจฉันมัน รู้สึกเจ็บมากๆนะสิ ก็คงเพราะกลัวข่าวที่ได้ยินมาจะเป็นจริง และกลัวที่เจ้าม่าพูดมันจะเป็นจริง หรือเพราะฉันคิดมากไปเอง

      “ซายากะจัง รอด้วยสิ เดินช้าๆหน่อยสิ วาตานาเบะซังเค้าพึ่งบริจาคเลืดมานะ “ มิ้ลกี้เดินมาดุฉันเบาๆ

      “ขอโทษทีนะ พอดีมันหิวนะ ^^ “ ฉันตอบออกไปพร้อมกับปั่นหน้ายิ้ม ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ข้างในนั้นมันไม่ใช่เลย

      ในที่สุดเราก็มาถึง แมคเราตกลงกันว่าจะมาหาน้ำตาลใส่ท้อง แล้วแมคนี้มันเป็นที่บริโภคน้ำตาลตรงไหนกันฟะ ทำไมไม่ไปร้านเค้ก = =  ฉันเลือกที่จะนั่งคู่กลับม่าจุง แต่เหมือนฉันจะคิดผิด เพราะตลอดการกินที่สุดแสนจะอร่อย(เฉพาะม่าจุงคนเดียวที่เอาแต่กิน)                 ตลอดทั้งการกิน ฉันต้องทนเห็นภาพบาดตาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งป้อนให้กัน คุยกันกระนุงกระนิง เหมือนในโลกนี้มีแค่เราสองคน  จนของทุกอย่างเริ่มหมด(ด้วยฝีมือม่าจุง) ฉันก็แทบจะไม่ได้เตะอะไรเลย ฉันจึงเป็นฝ่ายชวนทุกคนกลับ โดยที่ไม่รอใคร ฉันเดินๆๆๆ เดินเหมือนคนหมดแรงและอกหัก และฉันไปอกหักตอนไหนละ ทั้งที่เราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน เรามันเป็น”แค่เพือน” กัน  แต่ดูเหมือนว่า มิ้ลกี้จะสังเกตเห็นความเปลี่ยนไปของฉันเลยเดินเข้ามาหา ได้โปรดอย่าเดินมาหาฉันตอนนี้

      “ซายากะจังเป็นอะไรไป =*= ทำไมวันนี้ถึงไม่พูดกับเราเลยละ”

      “เปล่านี้ ก็ไม่ได้เป็นอะไร แค่เหนือยและง่วงนะ เลยอย่างรีบกลับ” ฉันแถบอกออกไป จะให้ฉันบอกออกไปได้ยังไงละว่าหึงเธอนะ !!

      “ซายากะจังโกหก เราไม่เชื่อหลอกก็ซายากะจังนะ ต่อให้ง่วงยังไง ก็ตามใจเราตลอดอะ แต่นี้ดูก็รู้อะว่าไม่พอใจ ซายากะจัง ไม่พอใจอะไรก็บอกเราสิ “ ตรงลงนี้ฉันโกหกเธอไม่เคยได้เลยสินะ

      “ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี้ แล้วมิ้ลกี้ไม่ไป”ดูแล” วาตานาเบะซังละ มาด้วยกันนี้” ฉันพูดเน้นน้ำหนักไปที่คำว่า ดูแล ก็เห็นเอาใจกันชะขนาดนั้นนี้

      “ก็ว่าตายนาเบะซังมาเป็นเพือนเรานี้ และก็พึ่งเสียเลือดไปเยอะ ด้วยเราเลยต้องดูแลว่าจะไม่เป็นลมไปนะ ถ้าวาตานาเบะซังเป็นอะไรไปมันก็ความผิดของเรานะสิ”

      “ก็แล้วทำไมคนที่มาเป็นเพือนเธอต้องเป็นวาตานาเบะซังด้วยละ “

      “ก็เพือนกันนิ ม่เห็นจะเป็นอะไรเลย “ นี้เธอไม่รู้ว่าคนๆคิดมากกว่าเพือนเธอ(หรือแม้แต่ตัวฉันเอง)  หรือว่าเธอ ให้คำๆนี้กับทุกๆคน กันแน่หะมิ้ลกี้

      “เพือนเหรอ ดูแลกันชะขนาดนั้น เด็กมันเห็นยังคิดเลยว่าเป็นแฟนกัน “ ฉันประชดออกไป

      “ก็เป็นเพือนกันจริงๆนี้นา แล้วซายากะละเป็นอะไรไป เราก็เพือนกันนะ ทำไมถึงต้องมาประชดกันด้วย” มิ้ลกี้หยุดเดินแล้วหันมาพูดกลับฉัน

      นี้เธอไม่รู้เลยสินะว่าคำว่าเพือนของเธอนะมันทำร้ายใครหลายๆคน

      “ฉันไม่ได้เป็นอะไร เห็นฉันเป็นเพือนก็ไม่ต้องมาทำดีกับฉัน ไม่ต้องมาเอาอกเอาใจฉัน ไม่ต้องมาทำให้ฉันคิดไปมากกว่าเพือน !!!” ฉันพูดออกมาพร้อมพยายามกลั้นน้ำตาให้ได้มากที่สุด มัเจ็บนะ มันเจ็บกับคำนี้ๆของเธอมาก มิ้ลกี้เงีบยไป และหันมาจับมือฉันและเดินไปข้างหน้ากลับเธอ เราเดินกันไปเงียบๆจนถึงรถไฟฟ้า บ้านฉันกับมิ้ลกี้นั้นคนละทางกัน  หลังจากขึ้นไปรอรถไฟ เธอก็พูดขึ้นมา

      “วันนี้ซายากะไม่ต้องไปส่งฉันนะ เดียววันนี้วาตานาเบะจะไปส่งและนี้ก็เย็นมาแล้วด้วยเดียวจะกลับบ้านดึก” เธอพูดโดยที่สายตามองทอดยาวไปข้างหน้าไม่ได้หันมามองหน้าฉันเลยสักนิด

      “อืม” ฉันตอบรับไปแค่นั้น

      “ซายากะจังเราเป็นเพือนกันนะดีแล้ว “ เธอหันมาพูดแค่นั้นก่อนจะขึ้นรถไฟฟ้าไป ปล่อยให้ฉันยืนเงียบอยู่คนเดียว ยืนเก็บความเจ็บไว้ในใจ ยืนคิดทบทวนถึงช่วงเวลาที่มีความสุขของเราถึงมันจะในฐานะเพือนและมันคงจะดีกว่า ถ้าฉันไม่พูดออกไปในวันนี้………………………………………………………………………………………

       

                                 จบแบบดราม่า 5555 หลบบาทาคนอ่าน  จะบอกว่านี้มันคือเรืองจริงที่คนแต่งเจอมา T^T เลยเอามาแต่งฟิคชะเลย

       

       

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×