คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ฉันท์
ฉันท์
ฉันท์ คือลักษณะของบทร้อยกรองชนิดหนึ่งที่เน้นเสียงหนักเบา ( ครุลหุ ) เวลา
อ่าน ฉันท์นี้ไทยได้รูปแบบมาจากอินเดีย ซึ่งเดิมแต่งเป็นภาษาบาลีและสันสกฤต โยเฉพาะในภาษาบาลี มีตำราที่กล่าวถึงวิธีแต่งฉันท์ไว้เป็นแบบเฉพาะ โดยเรียกชื่อว่า “ คัมภีร์วุตโตทัย”
ต่อมาไทยได้จำลองแบบมาแต่งในภาษาไทย โดยเพิ่มบังคับสัมผัสขึ้นเพื่อให้เกิดความไพเราะ
ตามแบบนิยมของไทย
ฉันท์ในภาษาบาลีและสันสกฤตแบ่งออกเป็น ๒ ชนิดคือ
๑. ฉันท์วรรณพฤติ เป็นฉันท์ที่กำหนดด้วยตัวอักษร คือวางคณะและกำหนดให้มีเสียงหนักเบาที่เรียกว่า ครุ ลหุ เป็นสำคัญ
๒. ฉันท์มาตราพฤติ เป็นฉันท์ที่กำหนดด้วยมาตรา คือจังหวะสั้นของมาตราเสียงเป็นสำคัญ นับคำลหุเป็น ๑ มาตรา ไม่กำหนดตัวอักษรเหมือนอย่างวรรณพฤติ
ฉันท์มีชื่อต่างๆตามที่ปรากฏในคัมภีร์วุตโตทัย มีถึง ๑๐๘ ฉันท์ แต่ไทยเรา
ดัดแปลงเอามาใช้ไม่หมด คงเลือกเอาเฉพาะที่เห็นว่าไพเราะ มีทำนองสละสลวยและเหมาะแก่การที่จะบรรจุคำในภาษาไทยได้ดีเท่านั้น
ฉันท์ที่นิยมแต่งในภาษาไทยใช้ฉันท์วรรณพฤติเป็นพื้นส่วนใหญ่ ที่เป็นมาตราพฤติ
ไม่ค่อยปรากฏมีผู้นิยมแต่ง เพราะจังหวะและทำนองที่อ่านในภาษาไทยไม่สู้จะไพเราะเหมือนฉันท์วรรณพฤติ แม้ฉันท์วรรณพฤติที่แปลงมาเป็นภาษาไทยแล้ว ก็ไม่นิยมแต่งทั้งหมด
ลักษณะบังคับของฉันท์
ฉันท์ประกอบด้วยลักษณะบังคับ ๓ อย่างคือ พยางค์ คณะ และสัมผัส
๑. พยางค์ ในฉันท์แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ
๑.๑. พยางค์ที่มีเสียงหนัก เรียกว่า ครุ ใช้
ซึ่งมีลักษณะดังนี้
§ เป็นพยางค์ที่ประสมด้วยสระเสียงยาวในแม่ ก กา รวมทั้งสระ อำ ไอ เอา เช่น มา ดี มือ จำใจไปเอา
§ พยางค์ที่มีตัวสะกด เช่น ช้าง กิน ลม โชย รวง ข้าว
๑.๒. พยางค์ที่มีเสียงเบา เรียกว่า ลหุ ใช้
ซึ่งมีลักษณะดังนี้
§ เป็นพยางค์ที่ประสมด้วยสระเสียงสั้นในแม่ ก กา เช่น จะตี บุ เลอะ
§ เป็นพยัญชนะตัวเดียว เช่น ธ บ ณ ก็ ฤ
§ สำหรับสระอำ อนุโลมให้เป็นเสียงเบาหรือลหุ ได้
อนึ่งสำหรับคำ ๒ พยางค์ที่เป็นอักษรนำ เช่น ขยาย สมาน สวิง ฯลฯ
จะนับเป็น ๑ พยางค์ คือเป็นครุ หรือจะนับเป็น ๒ พยางค์คือ ลหุ กับ ครุ ก็ได้
๒. คณะ ในลักษณะบังคับของฉันท์ หมายถึง ลักษณะการเรียงกันของครุ
ลหุ กลุ่มละ ๓ เสียง จึงจัดเป็น ๑ คณะ ซึ่งมีทั้งหมด ๘ คณะ ดังนี้
§ มะ คณะ ย่อมาจาก มารุต แปลว่าลม ประกอบด้วยครุสามเสียง ดังนี้
§ นะ คณะ ย่อมาจาก นรา แปลว่า ฟ้า ประกอบด้วยลหุสามเสียง ดังนี้
§ ภะ คณะ ย่อมาจาก ภูมิ แปลว่า ดิน ประกอบด้วยครุ ลหุ ลหุ ดังนี้
§ ยะ คณะ ย่อมาจาก ยชมาน แปลว่า พราหมณ์บูชายันต์ ประกอบด้วย ลหุ ครุ ครุ เรียงกันดังนี้
§ ชะ คณะ ย่อมาจาก ชลน แปลว่า ไฟ ประกอบด้วย ลหุ ครุ ลหุ ดังนี้
§ ระ คณะ ย่อมาจาก รวิ แปลว่า แสงอาทิตย์ ประกอบด้วย ครุ ลหุ ครุ เรียงกันดังนี้
§ สะ คณะ ย่อมาจาก โสม แปลว่า พระจันทร์ ประกอบด้วย ลหุ ลหุ ครุ เรียงกันดังนี้
§ ตะ คณะ ย่อมาจาก โตย แปลว่า น้ำ ประกอบด้วย ครุ ครุ ลหุ ดังนี้
๓. สัมผัส สัมผัสเป็นส่วนที่กวีไทยเพิ่มเติมขึ้น เพื่อปรับปรุงฉันท์ให้เข้ากับ
ลักษณะของร้อยกรอง แบ่งได้เป็น ๓ ลักษณะด้วยกันคือ
๓.๑. สัมผัสแบบกาพย์ คือ ไม่มีสัมผัสระหว่างวรรคที่ ๓ กับวรรคที่ ๔ ซึ่งฉันท์ส่วนใหญ่จะส่งสัมผัสตามแบบนี้
๓.๒. สัมผัสแบบกลอนสังขลิก คือ ไม่มีสัมผัสระหว่างวรรคสุดท้ายของบทแรกกับคำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ของบทต่อไป ฉันท์ที่ส่งสัมผัสแบบนี้ได้แก่ฉันท์บทละ ๓ วรรค
๓.๓. สัมผัสแบบกลอนสุภาพ คือ มีการสัมผัสทั้งระหว่างวรรคทุกวรรค และระหว่างบทด้วย
ตัวอย่างฉันท์ที่กวีไทยนิยมแต่งบทร้อยกรอง
๑. อินทรวิเชียรฉันท์
อินทรวิเชียรฉันท์ มีรูปแบบดังนี้
สัญลักษณ์
สัญลักษณ์
คณะ บทหนึ่งมี ๒ บาท คือบาทเอกและบาทโท บาทหนึ่งๆมี ๒ วรรค วรรคหน้า
๕ คำและวรรคหลัง
สัมผัสบังคับ
๑. คำสุดท้ายวรรคแรกบาทเอก สัมผัสกับคำที่ ๓ หรือที่ ๑ หรือที่ ๒
วรรคหลังในบาทเดียวกัน
๒. คำสุดท้ายบาทเอกกับคำสุดท้ายวรรคแรกบาทโท
๓. คำสุดท้ายบทแรกกับคำสุดท้ายบาทเอกของบทต่อไป
สัมผัสพิเศษ
อาจเพิ่มสัมผัสสระหรือสัมผัสอักษรภายในวรรคแต่ละวรรค
โอกาสที่ควรใช้
ใช้บรรยายหรือพรรณนาความทั่วไปหรือคร่ำครวญรำพัน
.........................................................................เอกสารประกอบการสอนวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕
ตัวอย่างอินทรวิเชียรฉันท์ ๒ บท
ควรชนประชุมเช่น คณะเป็นสมาคม สามัคคิปรารม - ภนิพัทธรำพึง ไป่มีก็ให้มี ผิวมีก็คำนึง เนื่องเพื่อภิยโยจึง จะประสบสุขาลัย สามัคคีเภทคำฉันท์ ชิต บุรทัต
๒.วสันตดิลกฉันท์
สัญลักษณ์
สัญลักษณ์
คณะ บทหนึ่งมี ๒ บาท คือบาทเอกและบาทโท บาทหนึ่งๆมี ๒ วรรค วรรคหน้า
๘ คำและวรรคหลัง ๖
.......................................................................เอกสารประกอบการสอนวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕
สัมผัสบังคับ
ตามแผนผังบังคับ
สัมผัสพิเศษ
อาจเพิ่มสัมผัสสระหรือสัมผัสอักษรภายในวรรคแต่ละวรรค
โอกาสที่ควรใช้
ใช้ในความสรรเสริญ ความชมเชย หรือความศักดิ์สิทธิ์
ตัวอย่างวสันตดิลกฉันท์ ๒ บท
ปางเมื่อพระองค์ปรมพุท - ธวิสุทธศาสดา
ตรัสรู้อนุตรสมา - ธิณโพธิบัลลังก์
ขุนมารสหัสพหุพา- หุวิชาวิชิตขลัง
ขี่คีริเมขลประทัง คชเหี้ยมกระเหิมหาญ
บทสวดพระพุทธคุณ ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
ความคิดเห็น