ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FICTION TWST : Odinary girl in WONDERLAND [ OC ]

    ลำดับตอนที่ #54 : ตอนพิเศษหลังวันวาเลนไทน์ : My girl is silly! [ All x marie ] (2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.41K
      146
      11 เม.ย. 64



    ตอนพิเศษก่อนวันวาเลนไทน์ : My girl is silly!

    pairing : All x marie / marie x All ???????????????????????

    เรื่องย่อ : วันหนึ่งที่มารีตื่นขึ้นมา แล้วพานพบว่าทุกคนรอบตัวเธอก็แปลกไปหม

    # มีการหลุดคาร์แรคเตอร์แต่ละคนสูงจนถึงที่สุด

    #ตอนพิเศษนี้มารีรู้จักทุกคน(ยกเว้นผอ.RSA)ที่ปรากฏตัวตั้งแต่เนื้อเรื่องหลักจากบท1-5

    # อย่าหาสาระจากฟิคนี้ เกิดขึ้นเพราะสนองนีทตัวเองล้วนๆ + คลายเครียด

    # เซอร์วิสเยอะและเรี่ยราด รวมถึงมีฮาเร็ม ใครไม่ไหวกรุณากดข้ามนะคะ


    ***


    แม้ว่าจะใช้เวลาไปเสียหน่อยกับการกอดสมาชิกหอสะวันน่าห์คลอทุกคน แต่ภายในที่สุดมารีก็เดินออกมาจากเขตบริเวณโรงเรียนได้สำเร็จ

    ร่างของเด็กสาวเรือนผมสีขาวเดินออกมาจากโรงเรียนผ่านสะพานไม้เก่าแก่ที่เชื่อมกับทางลาดผา เดินลงมาสู่เมืองที่ครึกครื้นบนเกาะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่---ตามจริงแล้วข้างล่างนี้มารีเองก็เคยพอจะเดินผ่านมาอยู่บ้าง แต่บ่อยครั้งหล่อนมักจะอยู่อาศัยที่โรงเรียนเสียมากกว่า

    ภายในเมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ระหว่างใจกลางของโรงเรียนทางทิศเหนือเฉกเช่นไนท์เรเวนคอลเลจ ขณะที่ทางใต้ของเมืองเป็นโรงเรียนรอยัลซอร์ดอะคาเดมี่ อันซึ่งเป็นสถาบันที่มีลักษณะหรูหราล้อมกายไปด้วยตัวอาคารที่เน้นสีขาวและสีฟ้าเสียเป็นส่วนใหญ่ หากจะถามว่ารู้มาจากที่ใด คำตอบก็คงจะเป็นเพราะมารีก็เคยพอจะเห็นภาพของสถาบันรอยัลซอร์ดอะคาเดมี่จากในหนังสือของทางโรงเรียนไนท์เรเวนคอลเลจอยู่บ้างจึงพอจะจำลักษณะได้

    นอกจากนั้นแล้ว ลักษณะส่วนใหญ่ของเหล่านักเรียนยอรัลซอร์ดอะคาเดมี่นั้น...

    "อ๊ะ นั่นคุณมารีนี่น่า!"

    คือพวกเขาส่วนมากมักจะเปล่งประกายระยับระยับน่ะสิ

    "เนจเหรอ?"

    "ครับ ผมเองคุณมารี"

    เด็กหนุ่มปริศนาดึงผ้าปิดปากของเขาลง ก่อนจะดึงแว่นตาดำออกห่างจากใบหน้าของตนเพื่อเผยให้เห็นใบหน้าเต็ม

    ไม่นานนัก ใบหน้าของเนจ เลอบลองเช่ ฉีกยิ้มให้แก่มารีภายในสภาพที่สวมใส่ชุดลำลองและปกปิดใบหน้ากับแววตาไร้เดียงสาของเขาด้วยผ้าปิดปากกับแว่นตาดำ ภายในวันนี้เขาสวมใส่ชุดที่ดูธรรมดาเฉกเช่นคนปกติทั่วไปจึงไม่ค่อยเป็นที่ผิดสังเกตนัก

    มารีพอจะจำเขาได้อยู่บ้าง เพราะรอยยิ้มของเนจทำให้หล่อนนึกถึงเบนจามินไม่มีผิดนัก

    "แล้ววันนี้ทำไมถึงออกมาข้างนอกล่ะ?" มารีเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นเนจที่ยิ้มแย้มอยู่ข้างกายของหล่อน ฝีเท้าของพวกเขากำลังก้าวไปยังเส้นทางที่ทอดยาวไปสู่ร้านรวงภายในตัวเมือง "เดี๋ยวก็เหมือนคราวที่แล้วอีกหรอก"

    เนจส่งยิ้มประกายสดใส

    "เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกครับ" เขากล่าว น้ำเสียงฟังดูร่าเริงขณะที่สบสายตากับมารี "ก็ผมมีคุณมารีคอยช่วยเหลือนี่น่า!"

    มารีมองรอยยิ้มที่เปล่งประกายของเนจ ก่อนที่ไม่นานจะเผลอยกมือข้างขวาเกยหน้า

    บ้าจริง...เจิดจ้าเกินไปแล้ว

    "แล้วก็..." นาทีต่อมาเสียงของเนจที่อยู่ข้างๆของหล่อนก็เบาลง นัยตาสีน้ำตาลอำพันกรอกตาไปมาราวควาญหาใครบางคน "ตามจริงแล้วผมออกมาซื้อของขวัญให้กับเพื่อนๆของผมน่ะ"

    มารีเลิกคิ้ว

    "หมายถึงเพื่อนของเธอที่เป็นคนแคระใช่ไหม?"

    เนจพยักหน้า

    "ครับ เป็นของขวัญครบรอบวันที่พวกเราทั้งแปดคนเป็นเพื่อนกัน" น้ำเสียงไร้เดียงสาของเนจดังขึ้น ชั่วขณะนั้นรอยยิ้มดูอบอุ่นกว่าคราไหนๆ "ผมเลยอยากจะไปเลือกของขวัญให้กับพวกเขาด้วยตัวเอง" 

    "แบบนั้นนี่เอง" มารีเอ่ยขณะที่หวนนึกถึงคำสั่งของอาซูล ดูท่าว่าเธอคงจะมีเวลาสักหน่อยพอจะช่วยเด็กหนุ่มข้างกายได้อยู่บ้าง "ถ้างั้นเดี๋ยวฉันช่วยไปดูร้านค้าให้อีกแรงไหม? ไหนๆพวกเราก็จะไปซื้อของที่ตรอกเดียวกันนี่?"

    "จะดีหรือครับ!? ไม่เป็นการรบกวนคุณมากไปใช่ไหมคุณมารี?" เนจขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาดูเป็นห่วงปนเกรงใจเธออย่างเห็นได้ชัด

    เด็กสาวเรือนสีขาวสั้นส่ายหน้าอย่างเชื่องช้า นัยตาสีน้ำข้าวของหล่อนจ้องมองมาทางเขาก่อนจะส่งสายตาอ่อนโยนให้

    "ก็ตั้งใจจะไปเลือกนี่ อีกอย่างเป็นของขวัญสำหรับคนสำคัญของเธอด้วย" มารีกล่าว ชั่วขณะนั้นไม่ได้รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าเนจจ้องมองหล่อนไม่วางตา "อีกอย่างไปทางเดียวกัน แวะช่วยหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก"

    เธอคลี่ยิ้มขณะที่เนจก้มศีรษะของเขาลงเล็กน้อย

    ไม่นานนัก เสียงนั้นก็ลอดแผ่วออกมาจากริมฝีปาก

    "คุณมารีเนี่ย...ใจดีกับผมอยู่เสมอเลยนะครับ" เด็กหนุ่มเรือนผมสีดำดั่งไม้มะกอกกล่าว ใบหน้าของเนจขึ้นสีแดงจาง

    มารีเบิกตากว้าง

    ...เอ๊ะ นี่อย่าบอกนะว่าเนจก็เป็นไปกับเขาด้วยน่ะเฮ้ย!?



    มารีกำลังสงสัย

    "คุณมารีครับ เดี๋ยวให้ผมช่วยจ่ายให้ไหม?"

    "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ"

    ไม่สิ อันที่จริงแล้วสงสัยมากๆเลยต่างหาก

    บัดนี้ร่างของหนึ่งเด็กหนุ่มโมเดลระดับโลกและเด็กสาวสามัญชนธรรมดาๆได้มาอยู่ภายในร้านขายวัตถุดิบที่อุดมไปด้วยสินค้ามากมายนับไม่ถ้วน สีสันของเหล่าวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารมากมายถูกแสดงอยู่บนใบเมนูเลือกวัตถุดิบ มารีเช็ครายการสั่งซื้อจากอาซูล---ดูเหมือนว่าภายในตอนนี้ของที่เธอเลือกมาจะตรงตตามใบเมนูทั้งหมดของเขาแล้ว

    เหลือแค่ต้องรอรับวัตถุดิบ จ่ายเงินแล้วกลับโรงเรียนเท่านั้น

    ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัดไร้ร่างของพนักงานที่กำลังไปนำวัตถุดิบมา มารีเหลือบมองไปยังร่างของเนจที่อ้อมแขนของเขาเต็มไปด้วยของฝากสำหรับคนแคระ---เพื่อนของเขาทั้งเจ็ดคน สีหน้าของเด็กหนุ่มเรือนผมสีดำดั่งไม้มะเกลือยิ้มแย้มและดูเริงร่านัก ถึงกระนั้นแววตาที่ถูกบดบังด้วยแว่นกันแดดก็ดูคลับคล้ายคลับคราจะมีความกังวลใจไม่น้อย คงเพราะเขาไม่ได้รู้เหมือนว่าจะตอบแทนเธอมากเท่าที่ควร

    จริงๆไม่ต้องตอบแทนก็ได้นะ... มารีคิดหลังจากเห็นสีหน้าของเนจที่อยู่ข้างๆ แต่หล่อนก็ไม่ได้กล่าวคำพูดใดออกไป จริงๆฉันก็ไม่ได้ช่วยเยอะเท่าไหร่ด้วยซ้ำ

    เด็กสาวเรือนผมสีขาวหวนนึกถึงตอนที่หล่อนไปช่วยเนจเลือกซื้อของให้กับเหล่าคนแคระของเขา ภาพรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเขาดังขึ้นมาจากความทรงจำ แวบหนึ่งที่ความรู้สึกคลับคล้ายคลับคราของที่ทำให้นึกถึงเบนจามินก็กลับมาอีกครั้ง---แต่กระนั้นมารีก็ยังคงตระหนักได้ว่าเนจไม่ใช่เบนจามินอยู่ดี

    และไม่มีทางจะเป็น

    "คุณมารี---คุณมารีครับ?"

    "...หือ?" เด็กสาวกระพริบตาปริบ สะดุ้งตัวขึ้นมาก่อนจะสบสายตากับเนจที่มาอยู่ตรงหน้าหล่อน "อ่า ขอโทษที---เมื่อกี้ฉันเหม่อไปเหรอ?"

    เด็กหนุ่มเรือนผมสีไม้มะเกลือยิ้มแย้ม

    "ครับ แล้วก็ตอนนี้พนักงานเขาเอาวัตถุดิบมาให้แล้วนะครับ" เด็กหนุ่มเอ่ย สายตาจ้องมองไปยังร่างของพนักงานที่กลับมาพร้อมกับวัตถุดิบอยู่ตรงหน้าเค้าท์เตอร์

    มารีพยักหน้าแทนคำตอบ ร่างของเด็กสาวก้าวเข้าไปด้านหน้าก่อนจะจ่ายเงินที่พกมาให้เรียบร้อยแล้วรับวัตถุดิบมาไว้ภายในอ้อมแขน---ไม่นานนักพวกเขาก็เดินออกมาจากร้านขายวัตถุดิบโดยไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ใบหน้าของเด็กสาวเรือนผมสีขาวเงยศีรษะขึ้นจ้องมองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสีแล้วเต็มที

    อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงเวลาทำงานของเธอภายในมอนสโตรเลาจ์นแล้ว

    เด็กสาวเรือนผมสีขาวสั้นหันหน้าไปเอ่ยกับเนจ

    "ขอบคุณมากนะที่วันนี้มาเดินด้วยกัน" มารีกล่าว ใบหน้าขยับยิ้มอย่างทุกครั้งเมื่อคิดจะกล่าวขอบคุณกับใครสักคน "วันนี้สนุกมากเลยล่ะเนจ"

    "ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายพูดคำนั้นน่ะคุณมารี" เนจกล่าว ใบหน้าของเขาฉีกยิ้มไร้เดียงสาออกมาอย่างทุกที "เพราะคุณมารีแท้ๆผมเลยเลือกของฝากกลับไปให้พวกเขาได้"

    มารีส่ายศีรษะของตน

    "ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนักหรอก" เด็กสาวกล่าวขณะที่หลับตาลง แสงตะวันทอสาดแสงตกกระทบบนใบหน้าของมารีขณะที่เรือนผมสีขาวพิสุทธิ์พลิ้วไสวไปตามสายลมเบาบาง โดยไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่าเนจจ้องมองหล่อนไม่ละสายตาเลยสักนิด "อีกอย่าง...ฉันคิดว่าของที่เธอเลือกให้พวกเขา พวกเขาต้องชอบมันมากแน่ๆ"

    แสงอาทิตย์กำลังตกกระทบให้เงาของพวกเขาทอดยาวไป---ในช่วงเวลาที่ผู้คนเริ่มเบาบางลง ท้ายที่สุดแล้วยามเมื่อนัยตาสีขาวของมารีเริ่มตาขึ้น---เธอก็มองเห็นร่างของเนจที่เอ่ยคำๆหนึ่งออกมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาราวกับกำลังกระซิบ

    "Some day my price will come..."

    มารีเบิกตากว้าง

    "...เอ๊ะ?"

    ณ ช่วงวินาทีนั้น ร่าของเนจสาวเท้าก้าวเข้ามาใกล้เธอด้วยใบหน้าจริงจัง

    "คุณมารีครับ!" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อย สองมือคว้ามือของหล่อนด้วยสัมผัสที่อ่อนโยน--- ใบหูของเขากลายเป็นสีแดงฉาน ก่อนที่นัยตาสีทองอำพันจะสบสายตากับหล่อนด้วยแววตาจริงจังราวกับมันถึงเวลาที่จะต้องพูดแล้วเสียที "ผมน่ะ...ตลอดมาคิดมาเสมอว่ามันไม่ใช่! แต่ว่า---พอได้เห็นคุณในตอนนี้ในที่สุดผมก็รู้สึกตัวจนได้-!"

    มารีอ้าปากค้างกว่าเดิม

    ห๊ะ ห๊ะ ห๊ะ???? 

    เนจกุมมือของหล่อนกระชับขึ้น ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดงฉานอย่างปิดไม่มิด

    "ได้โปรดช่วยมาเป็นเจ้--!!"

    "เนี๊ยนฮ่า เน่ พวกนายสองคนกำลังทำอะไรอยู่อ่า?"

    "ชะ - เชเนียนคุง!!?"

    "คุณเชเนียน...?"

    เสียงตะโกนของเนจและมารีดังขึ้นเมื่อเห็นส่วนหัวของเชเนียนที่โผล่พ้นออกมาจากความว่างเปล่า ดวงตาของเด็กสาวเรือนผมสีขาวเบิกตากว้างขึ้นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มร่างสูงเริ่มโผล่ร่าวออกมาอย่างเต็มตัว นัยตาสีเหลืองทองจ้องมองสลับไปทางเนจบ้าง มารีบ้าง ก่อนที่ไม่นานนักรอยยิ้มแสยะจะถูกวาดลงบนใบหน้าของเขา

    มารีมองรอยยิ้มนั้น รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมากด้วยเหตุผลบางอย่าง

    "ดูเหมือนว่าฉันจะมาผิดจังหวะไปหน่อยเหรอเนี่ย?" เขากล่าว สายตาจ้องวมองไปยังใบหน้าของเนจที่ขึ้นสีแดงร้อนฉ่ายังไม่หาย "เอ๊ะ หรือว่าจะมาถูกจังหวะกันนะเนี๊ยน?"

    ใบหน้าของเนจหลับตาลง

    "วันหลังเชเนียนคุงช่วยโผล่มาให้ซุ่มให้เสียงหน่อยสิครับ โถ่" น้ำเสียงเสียดายถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากของเนจ ก่อนที่ไม่นานนักเสียงพึมพำที่แผ่วเบาจะถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากราวกับกำลังกระซิบกระซาบกับตนเอง "ถ้าช้าอีกนิดล่ะก็ ผมก็คง..."

    มารีที่อยู่ใกล้เอียงศีรษะของหล่อนเล็กน้อยด้วยความสงสัย

    "ก็คง?"

    "ปะ เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับคุณมารี!" เนจเลิ่กลั่ก

    ใบหน้าของเชเนียนฉีกยิ้มแสยะ
      
    "ทั้งสองคนเนี่ยดูสนุกกันจังเลยน้าเนี๊ยน" เขากล่าว ก่อนที่ไม่นานนักร่างของเชเนียนจะหายตัวไปปรากฏตัวอยู่ฝั่งด้านหลังของมารี สองแขนของเขาเกาะไหล่ทั้งสองข้างของหล่อนไว้ด้วยสัมผัสแผ่วเบาราวกับกำลังทะนุถนอมก่อนจะหันมาเอ่ยกับหล่อนในระยะประชิด "นี่---ไม่ใช่ว่าตอนนี้เหลือเวลาเริ่มงานไม่มากแล้วเหรอมารี?"

    "เวลาเริ่มงาน?" มารีเลิกคิ้ว---มือข้างขวาของหล่อนหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดดูเวลาก่อนจะเบิกตากว้าง เมื่อพบว่าเหลืออีกไม่ถึงชั่วโมงก็ใกล้จะได้เวลาต้องนำวัตถุดิบไปส่งแล้ว "จะ จริงด้วย! ต้องรีบไปแล้ว---ขอตัวก่อนนะเนจ คุณเชเนียน!"

    เนจส่งเสียงเอ่ยรั้งขึ้นโดยพลันเมื่อเห็นร่างของเด็กสาวรีบโบกมือลาแล้วเดินจากไป

    "ดะ เดี๋ยวสิครับคุณมารี!?"

    "บ๊ายบาย-"

    น่าเสียดายที่ยังไม่ทันจะได้รั้งเอาไว้--ร่างของเด็กสาวก็วิ่งฉิวออกไปด้วยความรวดเร็วเหลือเพียงแค่สองหนุ่มที่ถูกทิ้งเอาไว้อยู่เบื้องหลัง เสียงหัวเราะคิกคักของเชเนียนดังขึ้นพร้อมกับเสียงถอนหายใจยาวเหยียดของโมเดลระดับโลกอย่างเนจ

    "เฮ้ออ..."

    "เอาน่า เอาน่า อย่าไปเศร้านักซิ" เชเนียนเอ่ย ใบหน้าของเด็กหนุ่มหูแมวยิ้มร่า นัยตาหรี่ลงอย่างมีเลศนัย "ยังไงซะก็อย่าพึ่งสารภาพตอนนี้ดีกว่านะเนี๊ยน ไม่งั้นจะแย่เอานา?"

    "ทำไมล่ะครับ เชเนียนคุง?" เนจขมวดคิ้ว

    เสียงหัวเราะของเชเนียนลอยแว่วมาจากลำคอ

    "ทำไมน่ะรึ? นั่นสิน้า---บางทีแล้วเพราะเธอคนนั้นอาจจะไม่ได้ยินน่ะซิ"


    ***

    มอนสโตรเลานจ์ - เวลายามตะวันตกดิน



    "มาแล้วเหรอมารีจัง!"

    "มาทันพอดีเลยนะ!" เสียงเรียกจากพนักงานที่รับผิดชอบโซนครัวยังด้านหลังร้านมอนสโตรเลานจ์ดังขึ้น ใบหน้าของมนุษย์เงือกคนนั้นเอ่ยอย่างเร่งร้อน "วางวัตถุดิบได้เลย แล้วก็ไปเปลี่ยนชุดเลยนะ!"

    "เข้าใจแล้วค่ะ!" มารีเอ่ย แม้จะไม่เข้าใจว่าหล่อนกลายมาเป็นเด็กพารืทไทม์ของมอนสโตรเลานจ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ตาม

    ในที่สุดหลังจากที่เดินมาทางถึงมอนสโตตรเลาน์จและทำธุระที่อาซูลมอบหมายให้เสร็จสิ้น ร่างของเด็กสาวเรือนผมสขาวสั้นก็ก้าวเดินไปตามเส้นทางด้านหลังของมอนสโตรเลานจ์โดยอาศัยความทรงจำที่หลงเหลืออยู่ภายในหัวของเธอตอนนี้ 

    แม้ว่าหล่อนจะจำไม่ได้เลยก็เถอะว่าตลอดที่ผ่านมานี้ไปเป็นพนักงานร้านมอนสโตรเลานจ์ตอนไหนกันแน่ก็ตาม

    ไม่นานนักมารีก็เดินเข้ามาถึงโซนแต่งตัวสำหรับพนักงานหญิงอย่างหล่อนโดยเฉพาะ ร่างของเด็กสาวเรือนผมสีขาวสั้นรีบกุลีกุจอคว้าเครื่องแบบหญิงของมอนสโตรเลานจ์มาพิจารณาก่อนจะสวมใส่โดยไว(โดยเครื่องแบบของมอนสโตรเลานจ์เท่าที่ดูก็ไม่ได้ต่างจากเครื่องแบบชายเท่าไหร่ นอกเสียจากท่อนล่างถูกเปลียนเป็นกระโปรงทรงกระสอบ ถุงน่องดำยาว และรองเท้าส้นสูงเท่านั้น)

    เด็กสาเรือนผมสีขาวใช้เวลาไม่นานนักในการสวมใส่เครื่องแบบและตรวจสอบเนคไทในกระจก มารีหมุนตัวไปมาเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าให้กับตัวเองเมื่อพบว่าสภาพของตนนั้นพร้อมจะออกไปทำงานแล้ว แต่ยังไม่ทันจะได้เดินออกไปจากห้อง---เสียงของประตูที่เปิดออกก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของชายหนุ่มร่างสูงที่เดินเข้ามาภายในห้อง

    "โคเอบิจางง" เสียงร้องจากเด็กหนุ่มผู้ครอบครองนัยตาสองสีดังขึ้นมา ใบหน้าของเขายิ้มแฉ่งเมื่อพบว่าหล่อนอยู่ภายในห้อง "แต่งตัวเสร็จแล้วอ๋อ? พวกช้านกำลังรออยู่พอดีเลย"

    มารีหันมามองร่างของของฟลอยด์ที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ใกล้กับเธอ

    "ขอบคุณที่รอนะคะ" หล่อนกล่าว น้ำเสียงนุ่มนวลดังออกมาจากริมฝีปากที่คลี่ยิ้มอย่างยินดี "วันนี้ฉันจะพยายามทำงานให้เต็มที่เลยค่ะ"

    ฟลอยด์หัวเราะ

    "ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ เนอะ♥" เขากล่าว มือที่ดูใหญ่และกว้างกว่าเธอนักโอบอุ้มฝ่ามือของหล่อนด้วยสัมผัสอ่อนโยน ขณะที่สองขาของเธอและเขาเริ่มออกเดินตามออกจากห้อง "วันนี้มีเมนูพิเศษด้วยน้าโคเอบิจาง ไว้หลังปิดร้านพวกเรามาทานด้วยกันสองคนเถอะเน้อ"

    หืม แค่สองคนเหรอ?

    "ไม่ชวนรุ่นพี่เจกับรุ่นพี่อาซูลมาด้วยเหรอครับ?" มารีเอ่ยถามเมื่อความสงสัยผุดขึ้นมาภายในใจ ก่อนที่ไม่นานนักจะสังเกตุเห็นว่าฟลอยด์ไม่ได้ก้าวเท้าเร็วจนคนอื่นตามไม่ทันดั่งเช่นทุกวัน

    "ไม่อาวหรอก แบบนั้นก็แย่พอดีอ่ะดิ" ฟลอยด์กล่าว ใบหน้าที่คล้ายไม่สบอารมณ์ปรากฏให้หล่อนเห็น "เจดกับอาซูลชอบแย่งโคเอบิจังไปตลอดเลย อ้างนู่นอ้างนี่อยู่เรื่อย น่ารำคาญจะตาย-"

    "โอยะ ผมว่าทางผมเองก็ไม่ได้ใช้เวลากับคุณมารีมากขนาดนั้นเท่าที่ฟลอยด์กล่าวมาเลยนะครับ?"

    เสียงจากผู้ที่ปรากฏอยู่บนทางเดินของด้านหลังมอนสโตรเลานจ์ดังขึ้นพร้อมใบหน้าที่คลี่ยิ้ม

    นัยตาสีน้ำข้าวของมารีภายในชุดเครื่องแบบของมอนสโตรเลานจ์สบสายตากับเจด ลีช ที่จ้องมองมาทางตนพร้อมกับใบหน้าของฟลอยด์ที่ขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจออกมาเล็กน้อยยามได้ยินคำกล่าวปฏิเสธจากปากของชายหนุ่มฝาแฝดของตน

    "พูดอะไรอ่าเจด" ฟลอยด์กล่าว มือของเขาออกแรงจับมือของมารีแน่นขึ้น---แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่ได้แรงจนทำให้ฝ่ายเด็กสาวรู้สึกเจ็บ "ถ้าง้านน้า--- วันหลังก็ปล่อยให้ช้านได้อยู่กับโคเอบิบ้างดิ?"

    เจดหรี่ตาลง สบสายตากับฟลอยด์ด้วยแววตาที่มารีไม่รู้จัก ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะเปิดออก

    "ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็--"

    "พวกคุณสองคนมาทำอะไรที่นี่อย่างงั้นหรือครับ เจด ฟลอยด์?"

    "รุ่นพี่อาซูล?" เสียงของมารีดังขึ้นเมื่อเห็นร่างของอาซูลที่เดินเข้ามายังบริเวณทางเดิน

    อาซูล อาเชนกร็อตโต้ เฝ้ามองเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นขณะที่ไม้เท้าประจำตัวของเขากระทบดังกับพื้นทางเดิน แววตาของเด็กหนุ่มหัวหน้าหอออคตาวิเนลจ้องมองไปยังร่างของสองแฝดที่จ้องมองกันด้วยสายตาไม่ยอมคน ไม่มีแม้แต่เสียงจะตอบรับผู้เป็นหัวหน้าหอที่เฝ้ามองด้วยสายตาเหนื่อยหน่ายใจ ขณะที่มารีเฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าของหล่อนด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะเข้าใจเสียเท่าใดนัก แต่หากปล่อยเป็นเช่นนี้ต่อไปก็คงไม่ดีแน่

    คงต้องทำอะไรสักอย่าง... เด็กสาวเรือนผมสีขาวครุ่นคิดอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ไม่อย่างงั้นสองคนนี้คงได้ตีกันก่อนแน่ๆ แต่ท่าทางแล้วพวกเขาดูเป็นมิตรกับเรามากกว่าปกติ บางทีแล้วอาจจะเตือนได้ล่ะมั้ง?

    "ทั้งสองคนพอได้แล้วค่ะ" เสียงเรียกของมารีดังขึ้นพอจะเรียกความสนใจของฟลอยด์และเจดกลับมาได้ นัยตาของทั้งสองคนหันมาจ้องมองเธอนิ่งโดยไม่แม้แต่จะกระพริบตา "การทะเลาะกันมันไม่ดีนะ อีกอย่าง---นี่มันก็เป็นเวลาทำงานด้วย ตอนนี้ต้องหยุดกันก่อนนะคะ"

    "ถ้าช้านหยุดแล้วโคเอบิจังจะมาทานข้าวด้วยกันใช่มะ?" ฟลอยด์เอ่ยถามหล่อน

    "แน่นอนสิคะ" มารียิ้ม เสียงหัวเราะดังแผ่วออกมาจากลำคอ "ก็รุ่นพี่ฟลอยด์เป็นคนชวนฉันนี่น่า"

    ฟลอยด์ยิ้มแป้น หมดสิ้นซึ่งใบหน้าแห่งความไม่พอใจไปอย่างสิ้นเชิง

    "ช้านล่ะชอบโคเอบิจางที่สุดเลยน้า!" เด็กหนุ่มร่างสูงเพรียวกล่าว แขนทั้งสองข้างช้อนร่างของเด็กสาวเรือนผมสีขาวสั้นอุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาว ท่ามกลางสีหน้าตกตะลึงของอาซูลและดวงตาที่เบิกตากว้างของเจดยามเมื่อเห็นฟลอยด์อ้าปากของเขากว้าง

    แต่ยังไม่ทันที่เจดจะได้เอ่ยปากอะไรออกมา เสียงตะโกนของอาซูลก็ดังขึ้นด้วยใบหน้าไม่พอใจ

    "เดี๋ยวเถอะครับ ฟลอยด์!!!"

    มารีงุนงง นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?




    บางทีแล้วเด็กสาวก็คิดว่าการทำงานพาร์ทไทม์ที่มอนสโตรเลานจ์ก็ดูท่าว่าจะง่ายกว่าที่หล่อนคิดพอสมควรนัก

    "มารีจัง เอาเจ้านี่ไปเสิร์ฟโต๊ะห้าที!"

    "เข้าใจแล้วค่ะ!"

    มารีภายในชุดเครื่องแบบมอนสโตรเลานจ์รับถาดอาหารมาจากคนครัวของมอนสโตรเลานจ์ที่อยู่ด้านหลังร้าน แล้วรีบเดินออกไปจากโซนครัวอย่างรวดเร็วเมื่อเหล่าพนักงานที่พึ่งรับออเดอร์มาต่างเริ่มทยอยกันมาแจ้งออร์เดอร์ภายในครัว

    ทุกอย่างสำหรับที่นี่แลดูวุ่นวายนัก ร่างของเด็กสาวที่รีบกุลีกุจอออกมาจากด้านหลังร้านจับถาดอาหารอย่างมั่นคง ก้าวเดินหลังตรงมุ่งไปทางโต๊ะห้าที่หล่อนจำเป็นต้องนำอาหารไปเสิร์ฟ ใบหน้าของมารีคลี่ยิ้มขึ้นอย่างสดใสทันทีที่ได้เห็นลูกค้า---แม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะปั้นแต่งเพื่อธุรกิจก็ตามที

    "สเปเชี่ยลเมนูพิเศษของทางมอนสโตรเลานจ์มาแล้วค่ะ เชิญรับประทานได้เลยนะคะ" เด็กสาวเรือนผมสั้นสีขาวเอ่ย ค่อยๆจัดแจงวางอาหารอย่างเชี่ยวชาญขณะที่ลูกค้าทั้งสองคนภายในโต๊ะจ้องมองไม่วางตา จนเมื่อเสร็จสิ้นร่างของหล่อนก็จากไป ทิ้งไว้เพียงสายตาของลูกค้าทั้งสองที่ตัดสินใจกลับมาสนใจอาหารเมื่อพบว่าได้รับสายตากดดันจากพนักงานทั่วมอนสโตรเลานจ์

    ขณะที่บรรยากาศกำลังดำเนินไปตามปกติ(โดยที่มารีไม่ได้สังเกตเลยสักนิด) เด็กสาวเรือนผมสั้นสีขาวโพลนก็เดินไปรับออร์เดอร์จากโต๊ะที่อยู่อีกฝากของร้าน เสียงพูดคุยของกลุ่มลูกค้าที่นั่งอยู่ภายในโต๊ะเดียวกันค่อยๆเงียบลงเมื่อเห็นว่าร่างของมารีเดินเข้ามารับออเดอร์ 

    "จะรับอะไรดีคะ?" เด็กสาวเอ่ยถาม ใบหน้าส่งรอยยิ้มให้แก่เหล่าลูกค้าที่อยู่ภายในโต๊ะ

    "เห---ดูเหมือนข่าวลือจะเป็นความจริงสินะเนี่ย ที่มีเด็กไร้เวทมนตร์มาเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่น่ะ?"

    นัยตาสีน้ำข้าวจ้องมองไปยังร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่แสยะยิ้ม ก่อนที่มือของนักเรียนคนนั้นจะรวบเอวของหล่อนให้เข้ามาใกล้ มารีจ้องมองลูกค้าตรงหน้านิ่ง ริมฝีปากเม้มเรียบไม่เอ่ยอะไรออกไป

    เจ้าพวกนี้นี่มัน..-

    "หน้าตาก็ดูใช้ได้นิ ที่นี่ไม่มีบริการพิเศษอะไรหน่อยรึไง?" เขากล่าว มือเอื้อมลงไปลูบไล้บั้นท้ายของหล่อนจนเด็กสาวเผลอกำหมัดแน่น "พวกฉันเองก็เป็นลูกค้าประจำของมอนสโตรเลานจ์นะเว้ย—"

    โครม!

    "ฮะ เฮ้ย อะไรวะ!!!?"

    เสียงร้องตกใจดังขึ้นพร้อมๆกับร่างของมารีที่ถอยห่างออกไป ยามเมื่อมองเห็นโต๊ะของมอนสโตรเลานจ์ล้มลงไปจนเหล่ากลุ่มลูกค้าที่นั่งอยู่เผยสีหน้าแตกตื่น เสียงอึกทึกครึกโครมที่ดังขึ้นมาทำให้ภายในร้านเงียบสงัดลงไปชั่วขณะ---ก่อนที่สายตาของพวกเขารวมถึงมารีจะจับจ้องมองไปยังร่างของคนที่เป็นตัวการถีบโต๊ะให้ล้มลงไปต่อหน้าต่อตา

    "โอยะ ต้องขออภัยด้วยจริงๆนะครับ" เจด ลีช ที่เข้ามากำบังเด็กสาวส่งยิ้มอย่างสุภาพ ทว่านัยตาของเขาไม่ได้ฉายแววยิ้มตามเลยแม้แต่น้อย "ดูเหมือนว่าผมจะก้าวเท้าผิดจังหวะไปหน่อยน่ะครับ"

    "ก้าวเท้าผิดบ้านแกสิ แบบนี้มัน--!!!!!!"

    โครม!!

    "เมื่อกี้พูดอะไรนะครับ ผมไม่ได้ยินเสียด้วยสิ" น้ำเสียงนุ่มนวลของเจดยังคงเอ่ยต่อไป แต่ดูเหมือนการกระทำของเขาที่เตะสิ่งของจนเฉียดตัวของนักเรียนหนุ่มไปดูท่าจะตรงกันข้าม "ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงด้วยนะครับ แต่ว่า..."

    "การลวนลามพนักงานของเราเมื่อสักครู่นี้มันผิดกฏ คงต้องขอเชิญทุกท่านออกจากร้านครับ"

    "ฮะ-ฮี๊!!?"

    "นะ-หนีกันเถอะ!!"

    เสียงแตกตื่นของเหล่าลูกค้าที่รีบกุลีกุจอออกลุกจากโซฟาดังขึ้น มารีจ้องมองพวกเขาที่รีบวิ่งออกจากไปโดยไม่หันหลังกลับมา---เหลือทิ้งไว้เพียงโต๊ะและสิ่งของที่กระจัดกระจายตกอยู่ตรงบริเวณตกโต๊ะ ก่อนที่ไม่นานนักเหล่าพนักงานจะรีบมาจัดการบริเวณโต๊ะโดยทันที

    ในที่สุดความสงบก็กลับมาแล้ว

    "ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?"

    เสียงของเจดดังขึ้นเรียกให้เด็กสาวที่เหม่อมองสักพักลับมาสบสายตากับเขา ใบหน้าของเด็กสาวคล้ายกับกำลังขมวดคิ้วด้วยความงุนงง---มือของมารีสั่นเสียจนแม้แต่กระทั่งตัวเธอยังคงทอดมองด้วยสายตาสงสัย ใบหน้าของหล่อนขมวดคิ้วหนักผิดเจดที่เผยสีหน้าเป็นห่วงปรากฏแก่ตัวของมารี

    "ไปพักก่อนเถอะครับ" เด็กหนุ่มอมนุษย์เอ่ย "ฝืนทำงานต่อไปแบบนี้คงไม่ดีแน่"

    พักเหรอ? มารีจ้องมองขาของอีกฝ่ายสลับกับมือของตนที่ยังคงสั่นอยู่ ถึงจะรู้สึกแปลกๆที่มือมันสั่นทั้งที่ปกติเจอแบบนี้ไม่สั่น แต่เมื่อกี้รุ่นพี่เจดก็เตะแรงเอาเรื่องอยู่ไม่ใช่รึไงกัน?

    "...แล้วรุ่นพี่ล่ะคะ?" มารีเอ่ยถาม นัยตาทอประกายความเป็นห่วงส่งให้แก่อีกฝ่าย "ขา...เตะแรงไปแบบนั้นไม่เป็นไรเหรอคะ?"

    เจดคลี่ยิ้ม

    "เป็นห่วงผมเหรอครับ คุณมารี?"

    เด็กสาวพยักหน้า

    "ค่ะ ก็คุณเป็นคนช่วยฉันเอาไว้นิคะ" มารีกล่าวด้วยสายตามุ่งมั่น ชั่วขณะนั้นที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าเจดนิ่งชะงักไป "ยิ่งตอนที่เตะเกิดเสียงดังแบบนั้นแล้วด้วย"

    "แม้ว่าผมจะดูไม่เป็นอะไรงั้นเหรอครับ?" เขาเลิกคิ้ว

    "ถึงจะดูไม่เป็นอะไร แต่ก็เลิกห่วงไม่ได้หรอกค่ะ" มารีตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    เจดมองหล่อนนิ่งไปสักพักคล้ายชะงัก---แต่หลังจากนั้นไม่นานนักเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ปรากฏออกมาบนใบหน้า มารีมองเขาที่ปิดตาก่อนจะส่งเสียงหัวเราะออกมา

    "คุณมารีเนี่ยอ่อนโยนมากเลยนะครับ" เขากล่าว สายตาที่ทอดมองและรอยยิ้มที่คลี่ออกมาดูจะอ่อนโยนลงต่างจากเดิม "ดีแล้วจริงๆที่ตอนนี้ผมยังไม่คิดถอดใจไปก่อน"

    "ถอดใจอะไรเหรอคะ?" หล่อนขมวดคิ้วด้วยความงุนงง

    และหลังจากคำพูดของมารีนั้น คำตอบที่ได้รับมาก็มีเพียงแค่เสียงหัวเราะเบาๆที่ดังลั่นออกมาจากปากของเจด




    "วันนี้โอเคไหมครับ?" 

    "โอเคอะไรเหรอคะ?"

    เสียงถอนหายใจจากอาซูลดังขึ้นยามเมื่อเห็นใบหน้างุนงงของเด็กสาว

    ภายในห้องวีไอพีที่ปราศจากผู้คนนอกจากอาซูลและมารี นัยตาสีน้ำข้าวจ้องมองไปทางเด็กหนุ่มอมนุษย์ที่เผยสีหน้าหงุดหงิดปนเหนื่อยหน่ายใจออกมา แต่ยังไม่ทันที่ฝ่ายเด็กสาวเรือนผมสั้นสีขาวจะได้เอ่ยคำพูดใดออกมาจากริมฝีปาก อาซูลก็เป็นฝ่ายแรกที่ชิงเอ่ยคำพูดนั้นออกมาเสียก่อน

    "ก็เรื่องที่คุณโดนลวนลามภายในมอนสโตรเลานจ์น่ะสิ คุณมารี" เด็กหนุ่มหัวหน้าหอออคตาวิเนลล์เอ่ย น้ำเสียงของเขาดูจริงจังขึ้นมายามได้สบสายตากับหล่อน "แม้ว่าภายในตอนนั้นผมจะไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย แต่ก็ได้ยินเรื่องมาจากปากของเจดแล้วล่ะครับ"

    มารีส่งเสียงร้องอ๋อขึ้นในทันใด

    "อ่า...ตอนนั้น-" เด็กสาเวรือนผมสีขาวสั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงแลฟังดูไม่มั่นใจกับตนเอง "ฉันก็ไม่ได้กลัวเท่าไหร่นะคะ แต่ว่าตอนนั้นมือมันสั่นมากเลยล่ะค่ะรุ่นพี่อาซูล"

    "แบบนั้นนั่นมันกลัวแล้วไม่ใช่เหรอครับ!?" เด็กหนุ่มแผดเสียง

    "อะ เอ๋!?" มารีร้องลั่น สะดุ้งโหยงเมื่อสองมือของอาซูลคว้าไหล่ของหล่อนทันทีหลังจากแผดเสียง

    "อย่างน้อยก็ช่วยเป็นห่วงตัวเองหน่อยสิครับ!" อาซูลเอ่ยตะโกน น้ำเสียงของเขาจริงจังขึ้นยามเมื่อมารีสบสายตากับเขาก่อนที่ประโยคถัดมาน้ำเสียงของเด็กหนุ่มจะเบาลงพร้อมกับคิ้วขมวด "ให้ตายสิ...รู้ไหมผมเป็นห่วงคุณแทบแย่เลยนะ"

    มารีเลิกคิ้ว

    เป็นห่วง...คนแบบฉัน?

    "...ฮะฮะ ขอโทษด้วยจริงๆนะคะที่ทำให้คุณ---ไม่สิ พวกคุณเป็นห่วง" มารีกล่าวพลางยิ้มแห้ง ใบหน้าของเด็กสาวคล้ายดูซึมลงไปเล็กน้อยยามได้เห็นสีหน้าเป็นห่วงของอีกฝ่าย "แล้วก็...ขอบคุณมากจริงๆนะคะที่ใส่ใจฉัน"

    อาซูลจ้องมองไปยังใบหน้าของเด็กสาว ก่อนที่ไม่นานนักมือทั้งสองข้างของเขาจะค่อยๆปล่อยมือออกจากไหล่ของมารี นัยตาสีซีดเฝ้ามองนัยตาสีน้ำข้าวของเด็กสาวเรือนผมสีขาวสั้นภายในชุดพนักงานมอนสโตรเลานจ์---ไม่รู้เพราะเหตุใด แต่เมื่อได้เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายในยามนี้แล้วเขาก็เผลอใจอ่อนลงเสียทุกครั้ง

    "ไม่เป็นไรหรอกครับ" เขากล่าว น้ำเสียงที่ดูอ่อนโยนลงทำให้มารีเผยแววตาแปลกใจออกมา "ก็คุณน่ะเป็นคนที่อ่อนโยนต่อผมเสมอเลยนี่น่า"

    อ่อนโยน? มารีเลิกคิ้ว มองเห็นใบหูของอาซูลที่ขึ้นสีแดงดั่งลูกมะเขือเทศ ปกติฉันเคยอ่อนโยนกับหมอนี่ด้วยเหรอ?

    "อ่อนโยนอะไรกันคะ ไม่ขนาดนั้นหรอก" มารีเอ่ย น้ำเสียงนุ่มนวลปนขบขันเล็กน้อยปนออกมาจากริมฝีปากยามเด็กสาวหัวเราะ "ฉันน่ะก็แค่ชอบคนที่ไม่ยอมย่อท้อเท่านั้นเอง"

    สิ้นคำกล่าวเช่นนั้นอาซูลก็เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อยราวกับไม่ยอมสบสายตากับหล่อน---นิ้วเรียวยาวขยับแว่นตาให้ดันขึ้น ก่อนจะเปล่งเสียงพึมพำแผ่วเบาออกมา

    "แสดงว่าผมยังมีโอกาสอยู่สินะ..."

    มารีเลิกคิ้วค้าง

    หือ โอกาสอะไรนะ?


    ***


    บริเวณทางเดินหลัก - เวลายามเย็น


    "ฮ่า---ในที่สุด" มารียืดลำแขนทั้งสองข้างของหล่อนขึ้นสูง "ก็ออกมาได้สักที!"

    ภายในถนนสายหลักช่วงยามเย็น หลังจากที่เด็กสาวได้เลิกเวลาทำงานก่อนกำหนดการเนื่องจากเหตุการณ์ภายในมอนสโตรเลานจ์ ก็จบลงด้วยการที่อาซูลจ่ายเงินให้กับเธอมากกว่าปกติสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและค่าวัตถุดิบ พร้อมกับได้ทานอาหารสูตรพิเศษจากฟลอยด์ไวกว่าที่คาดเนื่องจากพวกเขาสามคน(เจด ฟลอยด์ อาซูล)ต่างเห็นพ้องกันว่าควรจะให้หล่อนได้กลับไปพักผ่อนเร็วกว่าปกติ

    "ถึงจะเสียดายที่ช้านไม่ได้อยู่กับโคเอบิจังสองต่อต่อเถอะน้า" เสียงฟลอยด์จากในความทรงจำเมื่อครั้นก่อนที่เด็กสาวจะออกจากมอนสโตรเลานจ์ดังขึ้นมาภายในหัวพร้อมกับภาพของเขาที่ทำอาหารสูตรพิเศษให้กับหล่อนภายในครัวก่อนจะป้อนอาหารให้กับมารี "แต่ว่าตอนนี้ถ้าดันทุรังให้อยู่เนี่ยคงแย่เอา ไม่ได้ ไม่ด้ายล่ะเน้อ"

    แต่จะว่าไปมันก็แปลกดีแฮะ... มารีครุ่นคิดยามเมื่อการระลึกภาพภายในความทรงจำได้จบลง หลายอย่างที่เราทำในนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราเคยทำมาก่อนจนเหมือนนี่เป็นความฝัน แต่อีกในขณะเดียวกันเราก็รู้สึกเหมือนนี่มันเป็นความจริงไม่มีผิดเลย

    สรุปนี่มันอะไรกันแน่นะ?

    ฝุ่บ!

    "Je l'ai trouvé!(เจอแล้ว!)"

    "แว้กก!?"

    เสียงร้องลั่นของมารีดังขึ้นยามเมื่อเห็นร่างของชายหนุ่มสูงโปร่งโผล่พ้นออกมาจากพุ่มไม้ เรือนผมสีบลอนด์สั้นบ๊อบเต็มไปด้วยเศษใบไม้และกิ่งไม้เล็กๆจากพุ่มไม้สีเขียวชะอุ่ม นัยตาสีเขียวมรกตเข้มจับจ้องมองมาทางเธอ--- ก่อนที่ไม่นานนัก รูค ฮันท์ จะเอ่ยน้ำเสียงนุ่มนวลของเขาออกขณะที่สาวเท้าเข้ามาหาหล่อน

    "บงชัวน์(bon soir *)ทริกสเตอร์" เสียงเรียกของเขาดังขึ้น ใบหน้านั้นคลี่ยิ้มกว้างราวกับยินดีที่ได้พบหล่อน "ในยามเย็นวันนี้ความงามของเธอก็ยังคงสะกดสายตาของฉันกับ Roi de poisonได้ไม่แปรเปลี่ยนไปเลยนะ"

    มารีเผลอขมวดคิ้ว

    หือ? ปกติรุ่นพี่รูคชอบพูดแบบนี้กับฉันด้วยเหรอ

    "เอ่อ...ขอบคุณนะคะ?" เด็กสาวเอ่ยขอบคุณคำชมที่ได้รับจากชายหนุ่มนายพราน ก่อนที่ไม่นานนักเมื่อเห็นสายตาที่แฝงจุดประสงค์บางอย่างมารีก็ตัดสินใจเอ่ยถามออกมา "แล้วที่มาหาฉันแบบนี้มีเรื่องอะไรเหรอคะ?"

    "พอดีว่า Roi de roison เรียกตัวเธอไปน่ะ" เขากล่าว ขยับปีกหมวกสีน้ำตาลอ่อนของตนเล็กน้อย "ดูเหมือนคราวนี้เขาอยากจะลองอะไรใหม่ๆให้กับเธอนะทริกสเตอร์"

    "ลองอะไรใหม่ๆ?" มารีกระพริบตา อะไรใหม่ๆที่ว่าหมายถึงเครื่องสำอางค์ใช่ไหม? "ถ้าอย่างงั้นก็ได้อยู่นะคะ ฉันเองก็ยังพอมีเวลาว่างเหลืออยู่ด้วย"

    ใบหน้าของชายหนุ่มเรือนผมสีบลอนด์คลี่ยิ้มกว้าง
     
    "C'est génial!(ช่างวิเศษเหลือเกิน!)" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงยินดียิ่ง ก่อนที่มือข้างขวาของเขาจะช้อนมือข้างซ้ายของหล่อนขึ้นแล้วมอบจุมพิตให้ การกระทำดังกล่าวทำให้มารีชะงักไปชั่วขณะหนึ่งด้วยความตกใจ "ถ้าเช่นนั้นก็ไปกันเถอะทริกสเตอร์ Monsieur Crabapple และ Roi de Poison คงจะดีใจแน่ที่ได้พบเธอในยามเย็นเช่นนี้!"

    มารีกระพริบตาปริบๆ

    "คะ...ค่ะ" หล่อนกล่าวเสียงเบา จากเดิมที่เคยแปลกใจกับการกระทำของรุ่นพี่หนุ่มหอพอมฟิโอเร่แล้วบัดนี้ก็ยิ่งจะมีแต่แปลกใจมากขึ้นไปอีก "ถ้างั้นจะไปกันเลยไหมคะ?"

    รอยยิ้มของรูคเปล่งประกายเปล่งประกายจ้า

    "Bien sûr!(แน่นอน!)"

    สิ้นคำตอบรับ มือของชายหนุ่มก็เอื้อมมือมาจับมือของมารีเอาไว้ เด็กสาวเรือนผมสีขาวมีท่าทางแปลกใจชั่วพักหนึ่ง แต่ไม่นานนักก็ตัดสินใจกอบกุมมือนั้นกลับไปด้วยความเคยชินของตนเอง โดยไม่ได้สังเกตเลยสักนิดถึงสายตาหลงใหลของรูคที่เฝ้ามองมาทางเด็กสาวเรือนผมสีขาวร่างเล็กราวกับนายพรานที่จดจ้องเหยื่อไม่มีผิด

    แต่ช่างน่าเสียดายที่เหมือนมารีจะไม่ได้รู้สึกตัวเลยสักนิด

    [ To be cotinue ]

    ***


    สารจากไรท์

    :  จริงๆไรท์กะว่าจะให้จบในพาร์ทนี้แต่เหมือนมันจะยาวกว่าที่คิดเอาไว้เยอะเลย แต่คิดว่าพาร์ทหน้าจะจบแล้วค่ะไม่งั้นมันจะยืดเยื้อเกินไป แฮะๆ(เกาแก้ม) แต่ยังไงก็ตัดสินใจเอาไว้แล้วค่ะว่าถ้าอัพตอนนี้เสร็จไรท์อาจจะไปต่อเนื้อเรื่องหลักแล้วค่อยกลับมาอัพพาร์ท3 เพราะไม่อยากจะให้เนื้อเรื่องหลักขาดช่วงนานเกินไปแล้วล่ะค่ะ(เพราะแค่นี้ไรท์ก็คิดว่ามันนานมากแล้วล่ะ)

    สำหรับบทนี้ไม่มีอะไรพิเศษค่ะนอกจากขายฉากรักใสๆ แต่คิดว่าพาร์ทที่สามน่าจะเพิ่มระดับความรุนแรง...เอ้ย โมเม้นต์มากขึ้น ยังไงก็ขอขอบคุณทุกท่านจริงๆด้วยนะคะที่ยังคงรอไรท์กันอยู่ ดีใจมากๆเลยล่ะค่ะ!

    ปล. ตอนต่อไปที่จะได้อัพอาจจะนานหน่อยนะคะ เพราะไรท์ระแวงงานมากเลยช่วงนี้ แล้วก็รร.ไรท์ปิดเทอมตอนเดือนเมาษายนนู่นแน่ะ(กัดผ้าเช้ดหน้า) ยังไงก็ขอให้รีดเดอร์รักษาสุขภาพกายใจด้วยนะคะช่วงนี้ อีกเดี๋ยวก็จะได้ปิดเทอมกันแล้วล่ะค่ะ!

    ปล. 2 ไม่ได้อวยRSA เลยนะคะ ไม่อวยเลยนะ จริงจริ๊ง(เสียงสูง)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×