ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FICTION TWST : Odinary girl in WONDERLAND [ OC ]

    ลำดับตอนที่ #50 : ม่านละครที่สอง : The lion 's plan (2)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.02K
      129
      5 มี.ค. 64



    "ทั้งที่หมอนั่นเป็นคนที่สุดยอดแท้ๆ!...แต่กลับที่จะเลือกยอมแพ้แบบนั้น-"

    -แจ็ค ฮาวน์


    "แผนของราชสีห์"

    ***


    "อะไรเล่า" เสียงของเอซดังออกมาด้วยความไม่พอใจขณะที่จ้องเขม็งไปยังบุคคลที่ปรากฏตัวออกมาจากหลังต้นไม้ "นายก็แค่ยืนดูอยู่เฉยๆไม่ใช่หรือไง? หอนายมีแต่รุ่นพี่ที่เป็นแบบนี้กันหมด"

    บัดนี้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาขณะตายามเมื่อร่าองของหมาป่าหิมะหนุ่มในที่สุดก็ปรากฏตัวออกมา นัยน์ตาสีน้ำข้าวจ้องมองไปยังร่างของแจ็คนิ่งโดยยังไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มปริปากพูด

    ถ้าหากเป็นไปตามที่หล่อนคิดเอาไว้แล้วล่ะก็ เขาน่ะก็จะ...-

    "ทำไมพวกนายต้องทำเพื่อคนอื่นขนาดนี้"

    โป๊ะเชะ มารีทำสีหน้านิ่งงันเมื่อเห็นใบหน้าของแจ็คเคร่งขรึม ทั้งๆที่ใจจริงของเด็กสาวกำลังฉีกยิ้มไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เหมือนว่าในที่สุดความเป็นคนดีของหมอนี่จะยังไม่หายไปแฮะ

    ไม่สิ ไม่ได้หายไป แค่ยังไม่ได้ลงมือเท่านั้นเอง

    "เพื่อคนอื่นเหรอ?" ดิวซ์เอ่ย ใบหน้าท่าทางของเด็กหนุ่มดูงุนงงเล็กน้อยขณะที่นิ้วของเขาสัมผัสกับคางเบาๆ

    แจ็คเอ่ยขึ้น

    "ก็เข้าใจนะว่าอยากเอาคืนคนร้ายที่ทำให้บาดเจ็บน่ะ..."

    มารีมองไปยังใบหน้าของดิวซ์และเอซที่ชะงักงันไปชั่วครู่หนึ่งก่อนจะหันมามองใบหน้าของแจ็คบ้าง

    "หา พูดอะไรน่ะ?" เอซเอ่ย

    "เอ๋?" แจ็คส่งเสียง

    เด็กสาวยิ้มอ่อนเมื่อเห็นใบหน้าของเอซที่แสยะยิ้มขึ้นมาดั่งตอนที่เคยพบเจอกันในคราแรก

    อื้ม แจ็คคนดีกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ซะอีกแฮะ

    "ใครบอกว่าทำเพื่อคนอื่นกันล่ะ?" เด็กหนุ่มเรือนผมสีแสดแดงกล่าวออกมา

    มารีมองไปยังใบหน้าของดิวซ์ที่เหมือนจะแสยะยิ้มชั่วร้ายไม่ต่างจากเอซ

    "พวกผมแค่จะจับคนร้ายเอาแต้มเฉยๆเท่านั้นเอง"

    "ช่ายๆ พอจับได้ปุ๊บก็จะได้เข้าร่วมเมจิกเคิลชิฟ-" เอซกล่าว ใบหน้านั้นยังคงแสยะยิ้มชั่วร้ายจนมารีรู้สึกหมั่นไส้ "แล้วก็จะได้แสดงให้ทั่วโลกเห็นยังไงล่ะ"

    "-ถึงจะรู้สึกแย่กับรุ่นพี่เทรย์แต่ก็จะขอดึงจุดความสนใจไปล่ะนะ?" 

    มารีอยากจะส่ายหน้าให้กับคำพูดของเอซเสียเหลือเกิน แต่ไม่ทันไรที่จะได้ส่ายศีรษะแจ็คก็หันมาจ้องเธอเขม็ง---หรือว่าหมอนี่เองก็อยากให้เธอพูดจุดประสงค์ที่มาช่วยน่ะ แต่ว่าจุดประสงค์ที่เธอมาช่วยก็ไม่ได้ดีเท่าเจ้าสามคนนี่ที่เป็นเพื่อนเธอหรอกนะจะบอกให้

    "ที่ฉันมาช่วยเพราะอาจารย์ใหญ่ร้องขอน่ะ" มารีกล่าวเริ่มต้นเหมือนจะดูดีจนแจ็คมีสีหน้าเปลี่ยนไป แต่ไม่นานนักเด็กสาวในสภาพถักเปี่ยเดี่ยวก็ยิ้มแห้ง "แล้วพวกเราก็ตกลงเรื่องค่าตอบแทนหลังจากที่จับคนร้ายได้"

    แจ็คทำเสียงภายในลำคอด้วยสีหน้าจริงจังขณะนัยน์ตาฉายแววผิดหวังเมื่อได้ยินจุดประสงค์ของพวกเธอทั้งสามคน

    "หึ! พวกที่ทำเพื่อคนอื่นน่ะเชื่อถือไม่ได้หรอก" แจ็คกล่าว นัยน์ตาของเขาจ้องมองมาที่พวกเธอทั้งสามคน "พวกนายแย่กว่าที่ฉันคิดอีกนะเนี่ย"

    "แต่นายก็ผิดเหมือนกันนะที่เมินเฉยจนเรื่องมันบานปลายได้ขนาดนี้" มารีหรี่ตาลง น้ำเสียงเหน็บแหนมปรากฏขึ้นขณะจ้องมองไปยังแจ็คที่ชะงักไปเพราะคำกล่าวของหล่อย "เอาเถอะ ออกมาเสียก็ยังดีกว่าไม่ออกมาตอนนี้ล่ะนะ"

    "ใช่ๆ นายแย่กว่าพวกเราซะอีก แค่มองก็รู้แล้ว" เอซกล่าวขณะที่จ้องมองยังแจ็คที่อยู่ตรงหน้า "หมอนั่นเป็นคนร้ายไม่ใช่รึไง?"

    "โอ๊ะ จริงด้วย!" กริมม์ด้วยสีหน้าที่ราวกับว่าพึ่งจะนึกได้ "พวกเจ้าอยู่หอเดียวกันก็เลยไม่กลายเป็นเป้าหมายใช่ไหม?"

    ความเงียบโรยราชั่วขณะหนึ่งเมื่อแจ็คก้มหน้าลงไปสักพัก พวกเธอสี่คนมองไปยังแจ็คด้วยสายตางุนงง---แต่ไม่นานนักแจ็คก็เงยหน้าขึ้น แววตาของเขาแข็งกร้าวและจริงจังกว่าเดิมมากนักขณะที่นัยน์ตาของหมาป่าหิมะสะท้อนภาพของมารี เอซและดิวซ์อยู่ในนัยน์ตาสีเหลืองอำพันเข้มนั่น

    "เฮ้ย...พวกแกน่ะ มาร่วมมือกับฉันซะ" มารีมองไปยังแจ็คที่จู่ๆก็ทำให้หล่อนนึกถึงตัวละครที่เบนจามินชอบขึ้นมา จะว่าไปแล้วตัวละครที่ชอบเนี่ยเบนจามินเรียกมันว่า'แอนตี้ฮีโร่'รึเปล่านะ...เอ่อ ช่างเถอะ "ถ้าพวกแกแสดงให้เห็นว่าจะไม่ลอบกัดทีหลัง ฉันจะบอกทุกอย่างที่รู้ทั้งหมดให้"

    "แหยะ..." เอซทำสีหน้าเหยเก "ฉันยิ่งไม่ชอบอะไรแบบนี้อยู่ด้วย"

    "ฉันก็ไม่ได้เกลียดนะ" ดิวซ์เอาหมัดชนกับมืออีกข้าง ใบหน้าของเขาแสยะยิ้ม ท่าทางเตรียมพร้อมซัดเต็มที่ "เข้าใจอะไรง่ายๆแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือยังไง!?"

    "เดี๋ยว ฉันเองดีกว่า" มารียกมือขึ้นปราม "ถ้านายชกเดี๋ยวรุ่นพี่ริดเดิ้ลควันออกหูแน่"

    เอซและดิวซ์หันมองเด็กสาวด้วยความไม่เชื่อสายตา

    "ไม่ ผมทำเองดีกว่า!" เสียงของดิวซ์ดังขึ้นด้วยความตื่นตระหนกพร้อมขัดขวางมารีที่กำลังจะก้าวออกไป เอซที่รู้ทันรีบวิ่งเข้ามาใช้แขนทั้งสองข้างสอดเข้าใต้ระหว่างแขนของมารีที่กำลังทำหน้างงแล้วลากมาห่างๆ 

    แจ็คกอดอกมอง

    "ฉันว่าเจ้าหมอนั่นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะ ถ้าพวกแกสองคนจะเข้ามาพร้อมกันฉันก็ไม่ขัด"

    "ไม่ได้นะ!" เอซร้องตะโกนลั่น ใบหน้าของเด็กหนุ่มเลิกลั่กยามเมื่อเห็นแจ็คที่กำลังทำสีหน้างุนงงไม่เข้าใจ "นายไม่เข้าใจหรอก เจ้าหมอนั่น---!!"

    ภาพที่มารีอุ้มดิวซ์กับเอซด้วยแขนเพียงข้างเดียวภายในวันที่ต้องเผชิญกับสัตว์ประหลาดวาบกลับเข้ามาภายในหัว

    ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนนิสัยไม่ดี แต่เขาก็ไม่อยากให้มารีซัดเจ้าหมอนี่จนหมอบหรอกนะโว้ย!

    มารีหันมามองเขาพลางส่งยิ้มอ่อนโยนให้ 

    "ไม่ต้องห่วงหรอกนะเอซ ดิวซ์" มารีเอ่ยเสียงหวาน แต่ใบหน้าของสองหนุ่มบัดนี้กลับเต็มไปด้วยเหงื่อที่ผุดขึ้นมามากมายเต็มไปหมดเมื่อเห็นว่ามารีหลุดจากการจับกุมของเอซเข้าเสียแล้ว "เดี๋ยวฉันจะทำให้มันจบเร็วๆนี้แหละ"

    "กล้าหาญดีนิ" แจ็คฉีกยิ้มขึ้น "ถ้างั้นก็เข้ามาเลย!"

    เอซมองไปยังมารีกับแจ็ค ก่อนที่จะหันกลับมามองที่ดิวซ์

    "...นายคิดเหมือนฉันใช่ไหม ดิวซ์?"

    ดิวซ์พยักหน้าให้แก่เอซ

    "ผมว่าพวกเราคิดเหมือนกันก็คราวนี้นี่แหละ"

    และความคิดของพวกเขาประสานเสียงออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

    ลาก่อนนะแจ็ค ฮาวน์...


    ***


    "บะ บ้าน่า!?" แจ็คส่งเสียงออกมาขณะที่หอบหายใจเข้าปอด ใบหน้าของเด็กหนุ่มร่างสูงแลดูไม่เชื่อในสายตาของตัวเอง "สุดยอดไปเลย นี่นายแรงเยอะกว่าที่ฉันเห็นซะอีก!"

    "อย่าดูถูกขนาดตัวและรูปร่างสิ" มารีกล่าว ใบหน้าของเด็กสาวยิ้มแย้มยามมองมาที่แจ็ค "หรือว่านายจะต่ออีกสักตา?"

    "พอแล้วล่ะ เป็นหมัดที่น่าประทับใจมาก" แจ็คเอ่ยใบหน้าของเขายิ้มกว้างขณะที่มองไปยังร่างของมารี "คราวหน้าฉันจะต้องชนะนายให้ได้เลย"

    บัดนี้ใกล้จะถึงช่วงเวลาที่ดวงตะวันลับขอบฟ้า ดิวซ์และเอซจ้องมองไปยังร่างของแจ็คที่เกือบจะทรุดลงไปกับพื้นเข้าเสียแล้ว---แต่ร่างของเขาก็ยังลุกยืนหยัดขึ้นมาใหม่ได้อย่างน่าประทับใจ แววตาของดิวซ์เปล่งประกายในเชิงชื่นชม ขณะที่เอซนั้นแทบอยากจะเอามือก่ายหน้าผาก ใบหน้าของเด็กหนุ่มเหยเกลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

    "เอาล่ะ เลิกสงสัยแล้ว" แจ็คเอ่ยขึ้นขณะที่มองไปยังร่างของพวกเขาทั้งสามคนขณะที่มารีเดินกลับไปสู่ข้างๆเอซกับดิวซ์ "ฉันจะบอกสิ่งที่รู้ให้"

    เอซเลิกคิ้วด้วยใบหน้างุนงง

    "เลิกสงสัยนี่หมายความว่ายังไง?"

    มารีมองไปยังแจ็คที่ทำท่าอึดอัด

    "ตัวฉันข้ามเส้นมาแล้วไง และกำลังจะทรยศหอของตัวเอง---แต่จะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้อีกต่อไปแล้ว" หมาป่าหนุ่มกล่าว ใบหน้าของเขาฉายแววจริงจังขึ้น "การต่อสู้คือแบบทดสอบว่าตัวเองจะสู้กับคู่ต่อสู้ได้มากแค่ไหนใช่ไหมล่ะ? ฉันน่ะจะพาตัวเองไปหัวนาเม้นต์ครั้งนี้ให้ได้!"

    "-การโกงที่ดูขยะแขยงแบบนี้น่ะ ชนะไปก็ไม่มีความหมายหรอก! ฉันน่ะอยากจะใช้พลังของตัวเองเพื่อพาไปสู่ชัยชนะ!"

    "อ่ะ เจ้าหมอนี่น่ารำคาญเป็นบ้าเลย" เอซมองด้วยสีหน้าเอือมระอา

    เด็กสาวยักไหล่ สำหรับเธอมารีก็ไม่คิดว่ามันจะเดือดร้อนนักหรอกถ้าหากมีอุดมการร์ถึงขนาดนั้น

    อย่างน้อยก็ดีกว่าคนที่ลงมือทำทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการแบบเลโอน่า...-

    "นี่พี่ครับ ทำไมสการ์ถึงต้องตายด้วยล่ะ?"

    "ผมไม่เห็นเข้าใจเลย ทั้งๆที่พยายามถึงขนาดนั้นแท้ๆ"

    ...ทำไมจู่ๆเราถึงได้คิดถึงคำพูดของเบนจามินในตอนนั้นขึ้นมากันนะ?

    "เข้าใจนะ! ฉันเข้าใจเลยล่ะความรู้สึกแบบนี้น่ะ!" ดิวซ์ตะโกนด้วยแววตาที่เปล่งประกายขณะที่เอซและมารีทอดมอง

    ช่างเถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาใส่ใจกับคำพูดในตอนสมัยเด็กๆได้หรอก

    "อื้ม พอมีหนุ่มเลือดร้อนมาอยู่ด้วยกันสองคนไฟจะยิ่งลุกโชนสินะ" เด็กสาวยิ้มแห้งเมื่อราวกับจะเห็นเปลวเพลิงที่ลุกโชนออกมาจากด้านหลังของแจ็คและดิวซ์

    "เวทย์ประจำตัวของรุ่นพี่รักกี้ก็คือ-" ในที่สุดเมื่อบรรยากาศเงียบลง แจ็คก็เริ่มเอ่ยขึ้นมา "การทำให้ผู้อื่นขยับไปเอง ดังนั้นก็เลยเกิดอุบัติเหตุโดยที่ทำให้คนอื่นขยับไปโดยไม่ได้ระวัง"

    ดวงตาสีน้ำข้าวของมารีหลุบตาต่ำลง

    ขยับไปเอง? นั่นคงจะเป็นเวทมนตร์ประจำที่แท้จริงของรักกี้สินะ

    "ขยับไปเอง...แบบนี้นี่เอง" มารีพึมพำเสียงแผ่ว "ก็ว่า...ทำไมถึงสัมผัสไม่ได้เลยว่าถูกยิงความคิดเข้าใส่สมอง" 

    ไม่ใช่ควบคุมความคิด แต่เป็นร่างกายเพียงอย่างเดียว...ก็ถือว่าซอฟฟ์ลงจากในโลกที่เราอยู่ไม่น้อยเลย

    "เมื่อกี้ได้พูดอะไรรึเปล่าน่ะมารี?" ดิวซ์มองมารีด้วยสายตางุนงง

    เด็กสาวส่ายหน้า ริมฝีปากขยับเอื้อนเป็นคำพูดโกหกได้อย่างง่ายดาย

    "ไม่นิดิวซ์ นายหูฝาดชัวน์"

    เอซทำสีหน้าเข้าใจเมื่อได้ฟังคำอธิบายจากปากของแจ็ค

    "อย่างงี้นี่เอง---เพราะงั้นอย่างงี้ก็เลยทำเหมือนกริมม์ในตอนโรงอาหารเองงั้นเหรอ" เอซกล่าวออกมาหลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของแจ็ค เด็กหนุ่มเรือนผมสีแสดก็เข้าใจทันทีว่าเหตุใดทีแรกกริมม์ถึงยอมยื่นอาหารกลางวันของตนเองให้ ไม่นานนักเสียงหัวเราะคิกคักก็ดังขึ้น "ถ้าเจ้ากริมม์มาได้ยินล่ะก็คงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแหง"

    พวกเธอเอซและมารีพยักลงอย่างเข้าใจในจุดประสงค์---แต่ไม่นานนักดิวซ์ที่กำลังพยายามครุ่นคิดก็ทำสีหน้าคล้ายความสงสัยผุดขึ้นมา ใบหน้าและนัยตาของชายหนุ่มมองตรงไปยังแจ็คก่อนจะเปิดปากเอ่ยถามในสิ่งที่ตนสงสัย

    "แต่เดี๋ยวก่อนสิ-" ดิวซ์เอื้อนเอ่ย สีหน้าของเขาดูคล้ายจะสังเกตได้ถึงบางสิ่ง "ถ้าเขาทำให้ตกบันไดได้มันไม่น่าสงสัยไปหน่อยเหรอ?"

    แจ็คมองไปยังดิวซ์

    "อุบัติเหตุพวกนี้น่ะ รุ่นพี่รักกี้ไม่ได้ทำเพียงแค่คนเดียวหรอก" เด็กหนุ่มผิวแทนร่างสูงกล่าวขณะที่มองไปยังพวกเธอทั้งสามคน "คิดว่าพวกสะวันน่าห์คลอว์ส่วนใหญ่เป็นคนทำ"

    "ไม่แปลกใจเท่าไหร่แฮะ" มารีพยักหน้าหงึกหงักหลังจากที่ได้ฟังคำอธิบาย

    "ก็อย่างที่นายว่า ถ้าทำอะไรแปลกๆความก็จะแตกได้" มารี เอซ และดิวซ์ฟังสิ่งที่แจ็คอธิบาย "เพราะอย่างงั้นนักเรียนภายในหอคนอื่นๆก็เลยทำเหมือนเป็นกำแพงเพื่อปกป้องสิ่งที่รุ่นพี่รักกี้ได้เท่าเอาไว้"

    "ทั้งหอเลยเหรอ...-" น้ำเสียงของดิวซ์ฟังดูไม่เชื่อสายตายามได้ฟัง "ทำแบบนี้ไปทำไมกัน...?"

    "อืม...ถ้าเป็นแบบนั้นมันจะส่งผลต่อการแข่งขันเมจิกเคิลชิฟของนายด้วยไม่ใช่เหรอ?" เอซเอ่ยถามแจ็ค "เพราะงั้นคงพูดไม่ได้หรอกว่าเข้าใจความรู้สึกน่ะ"

    "กรร..."

    แจ็คส่งเสียงคำรามถัดมาหลังจากนั้นยามได้ฟังคำพูด

    มารีมองเอซมีท่าทีแผงะไปอย่างเห็นได้ชัด 

    "หวา---น่ากลัวนะ อย่าคำรามแบบนั้นสิ ล้อเล่นน่า" เอซยกมือเชิงปรามขึ้น

    "หึ! อนาคตก็ตอนนี้ไม่ใช่หรือ? ไม่ใช่ว่าต้องแสดงให้เห็นรึไงว่าทำอะไรได้บ้างน่ะ" เป็นน้ำเสียงที่ดูไม่พอใจและไม่สบอารมณ์ แววตาสีอำพันเข้มของแจ็คแข็งกร้าวขึ้นด้วยใบหน้าไม่เข้าใจ "ฉันคงอยู่กับหัวหน้าหอ เลโอน่า คิงสกอร์ล่าร์ไม่ได้อีกแล้ว! ทั้งที่หมอนั่นเป็นคนสุดยอดมากแท้ๆ!!...แต่กลับเลือกยอมแพ้แบบนั้น-!"

    "เรื่องนี้ฉันเห็นด้วยนะ" มารีเอ่ย ดวงตาสีน้ำข้าวหลุบตาต่ำลง "กล้ามเนื้อก็แข็งแรง ท่าทางก็ฝึกมาไม่น้อย---เก่งขนาดนั้นแต่กลับเลือกที่จะไม่ทำอะไรสักอย่างเลย"

    "ใช่ไหมละ!!? มีพรสวรรค์แต่กลับไม่ใช้เนี่ยนะ?" แจ็คส่งเสียงตะโกนด้วยท่าทางโมโหก่อนที่จะค่อนๆคลายลง "ฉันน่ะเกลียดคนพรรค์นี้ที่สุดเลย การเล่นเมื่อสามปีก่อนของเขาน่ะมันสุดยอดมากจริงๆ เพราะอย่างงั้นตอนที่ได้เข้าเรียนนี้...และหลังจากที่ได้เข้าสะวันน่าห์คลอว์ก็คิดมาตลอดว่าจะได้เล่นแมกกิ๊ฟกับคนคนนั้นจริงๆ..."

    มารีจ้องมองไปยังแจ็คที่กล่าวออกมา แววตาสีเหลืองอำพันของเขาแม้จะทอประกายเจ็บปวดทว่าคำพูดกลับแฝงความชื่นชมเอาไว้---ท่าทางนั้นของเด็กหนุ่มเผ่าหมาป่าหิมะทำให้หล่อนนึกถึงภาพทับซ้อนในช่วงเวลาที่ตนได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับไดอาน่า ผู้เปรียบเหมือนพี่สาวของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่มีผิดเพี้ยน

    แม้ว่าสุดท้ายแล้ว...ตัวตนของเธอจะกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนชิงชัง แม้กระทั่งกับไดอาน่าคนนั้นก็ตาม

    ช่วงนาทีที่พลันจ้องมองไปยังภาพข้างหน้าด้วยแววตาที่หวนรำลึกถึง เอซก็โน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูของมารีผู้กำลังยืนนิ่ง

    "คือว่านะ...มารี" น้ำเสียงกระซิบแผ่วของเอซทำให้หล่อนรู้สึกจั๊กจี้หูเล็กน้อย "ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว---หมอนี่เหมือนจะว่าหัวหน้าหอตัวเองนะ แต่ก็..."

    ดวงตาสีน้ำข้าวของเด็กสาวเรือนผมสีขาวมองตรงไปข้างหน้าก่อนจะหลับตาลง

    "คงจะนับถือแล้วก็คอยเฝ้ามองมาตลอดเลยล่ะมั้ง..." ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจก็เถอะว่าคนอย่างคิงสกอร์ล่าร์มีอะไรดีๆบ้างก็ตาม

    มารีที่ในที่สุดก็เปิดตาของหล่อนขึ้นพลางมองไปยังแจ็ค เหมือนว่าหลังจากที่หล่อนกระซิบตอบเอซไปไม่กี่นาทีถัดมาในที่สุดเขาก็เริ่มเอ่ยสมมุตติฐานของตนออกมา

    "ถึงอุบัติเหตุจะดูไม่สำคัญอะไรแต่พวกเขาจะต้องคิดทำการใหญ่แน่" 

    "ทำการใหญ่?" ดิวซ์เลิกคิ้ว

    "หัวหน้าของเดียซอมเนีย มาเลอุส ดราโกเนีย หมอนั่นเป็นปีศาจที่พาเดียซอมเนียไปสู่ชัยชนะเมื่อสองปีก่อน" มารีฟังสิ่งที่แจ็คอธิบาย แต่ว่านะ...มาเลอุส ดราโกเนียอีกแล้วเหรอ? "เพราะเรื่องนั้นเลยทำให้สะวันน่าห์คลอว์แพ้ตตั้งแต่แมตช์แรกๆโดยที่ไม่ได้แม้แต่แต้มเดียว พวกเขาเลยแค้นกันมาก"

    "แพ้ทั้งๆที่ยังไม่ได้แม้แต่แต้มเดียว...หอที่ตั้งเป้าจะไปสู่จุดสูงสุดแบบนี้คงเจ็บใจน่าดูเลยนะ" ดิวซ์กล่าว ใบหน้าของเขาฉายแววหม่นลงเล็กน้อย

    "ท่ามกลางทั่วโลกที่กำลังดูอยู่ การที่พ่ายแพ้แบบนั้นช่างเป็นสิ่งที่น่าขายหน้ามากๆ" แจ็คกล่าวด้วยแววตาที่ไม่พอใจเมื่อเอ่ยเช่นนั้นออกมา "รุ่นพี่ก็เลยพยายามจะทวงชัยชนะคืนอยู่ แต่มันต้องไม่ใช่วิธีคดโกงแบบนี้"

    "พวกนั้นเลยคิดจะวางแผนทำอะไรกับเดียซอมเนียในวันนั้นสินะ" เอซเอ่ย

    "ใช่แล้ว เพราะฉะนั้นฉันจะทำลายแผนนั้นทิ้งซะ!" แจ็คมีท่าทีฮึกเหิมขึ้นมาขณะที่มือของเขากำหมัดแน่น

    "ขอบใจที่เล่าให้ฟังนะ"

    "พวกข้าได้ยินสิ่งที่เจ้าพูดกันแล้วล่ะนะ เนี๊ยนฮ่า!"

    เสียงของริดเดิ้ลและกริมม์ดังขึ้นมา 

    ฝีเท้าของสองสมาชิกหอฮาร์ทสลาบิวท์และหนึ่งผู้มาจากหอซ่อมซ่อแรมแชตเกิลมุ่งตรงมาทางกลุ่มของพวกเขาที่กำลังพูดคุยกัน มารีหันไปมองก่อนที่จะโบกมืออย่างเริงร่า แต่ก็ล้วนได้รับสายตาแปลกๆกลับมาแทน

    เอซและดิวซ์ที่รู้ถึงสาเหตุเหงื่อแตกพลั่ก แต่จะห้ามก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเด็กสาวเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเริงร่าราวกับไม่สำนึกเลยว่าตนเองไปทำอะไรมา

    "กริมม์ รุ่นพี่ริดเดิ้ล แล้วก็รุ่นพี่ได---"

    กริมม์ใช้อุ้งเท้าตีเข้าที่ศีรษะของมารีในบัลดล

    ป้าบ!

    "เจ้าบ้าเอ้ย นี่แกทำอะไรลงไปรู้ตัวไหมเนี่ย!!" กริมม์ร้องตะโกน "ถ้าจะลงไปจากชั้นสามก็ช่วยบอกกันก่อนสิเว้ย ไม่ใช่ปุ๊บปั๊บกระโดดลงไปเลยนะ!!"

    "ชั้นสาม...?" แจ็คมองด้วยท่าทีงุนงง

    "ตอนที่รุ่นพี่บุชชี่วิ่งหนีเหมือนมารีจะกระโดดลงมาจากชั้นสามเพื่อจับเขาน่ะสิ" ดิวซ์เอ่ย จากนั้นไม่นานสีหน้าของเขาก็ดูฮึกเหิมขึ้นมาในทันใด "ฉันเองก็อยากจะลองแบบนั้นบ้างแฮะ!"

    "อย่าหาทำเชียวนะเฮ้ย" เอซทำสีหน้าเหยเก

    "ห้ะ เป็นไปได้ด้วยเรอะ!?" แจ็คแผงะ มองมารีที่กำลังโดนล้อมวงด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป "เจ้าหมอนี่แข็งแกร่งกว่าที่ฉันคาดเอาไว้ซะอีก...!"

    "มารีจังล่ะก็น้า รู้ไหมว่าทำพวกฉันเป็นห่วงแทบตายเลย" เคเตอร์ฉีกยิ้ม แต่มารีสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคาดโทษหล่อนโดยการที่ยื่นมือเข้ามาดึงแก้มของตนเล่น "รอบที่แล้วก็ทำแบบนี้ รอบนี้ต้องให้บทลงโทษหน่อยแล้วสิ♦"

    "อะ- อับอาบอับ(ระ-....รับทราบครับ)" มารีที่โดนดึงแก้มเอ่ยรับปาก

    "กลับไปเมื่อไหร่เธอโดนตัดหัวแน่มารี เอเกอร์" ริดเดิ้ลกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังจนมารีเหงื่อแตกพลั่ก เหมือนว่าสิ่งที่หล่อนทำจะดูไม่สมควรแล้วจริงๆ "แต่รอบนี้ผมจะปล่อยไปก่อน เดี๋ยวจบเหตุการณ์นี้เมื่อไหร่จะกลับมาทบทั้งต้นทั้งดอกเลย"

    เด็กหนุ่มเรือนผมสีแดงไวน์เบือนสายตาออกจากเธอ เหมือนว่าเขาจะดูใจเย็นขึ้นบ้างแล้วหลังจากที่ได้เอ่ยออกไปให้มารีได้ฟัง(แม้กระทั่งเคเตอร์เองก็ยอมปล่อยแก้มของหล่อนแล้วเหมือนกัน)

    "ผมไม่สามารถให้มีคนมาทำลายประเพณีสำคัญเพียงเพราะความแค้นส่วนตัวไม่ได้หรอกนะ" เขากล่าว สายตามุ่งตรงมาที่พวกเขาทั้งหมด

    "ถ้าเป็นอย่างงั้นเราคงต้องทำตามแผนอันนั้นแล้วสินะ" เคเตอร์ฉีกยิ้มกรุ่มกริ่ม

    "อ๋อ แผนอันนั้นนี่เองสินะครับ" เด็กสาวร้องอ๋อขึ้นมาทันใด

    "แผนอย่างงั้นหรือครับหัวหน้าหอโรสฮาร์ท?" ดิวซ์เลิกคิ้ว

    "มีแผนเตรียมไว้แล้วเหรอเนี่ย? สมกับเป็นหัวหน้าหอเลยแฮะ" เอซเอ่ย ท่าทางเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะดูสบายใจขึ้นเมื่อได้ยินประโยคที่ว่า มีแผน ขึ้นมาจากปากของรุ่นพี่ทั้งสองคน

    ริดเดิ้ลกอดอกด้วยสีหน้าจริงจัง

    'แน่นอน การเตรียมการเป็นสิ่งสำคัญ"  เขาเอ่ยออกมา สายตาจ้องมองไปยังแจ็ค สมาชิกหอสะวันน่าห์คลอว์เพียงหนึ่งเดียวในวงสนทนา "แต่ก่อนอื่น..."

    ดวงตาสีอำพันฉายหรี่ตาลงก่อนจะเอ่ยปฏิเสธเสียงแข็ง

    "เดี๋ยวก่อน ฉันก็แค่ให้ข้อมูลเท่านั้น---ไม่คิดจะให้ความร่วมมือด้วยหรอกนะ"

    "เอ๋ พึ่งจะเอามาพูดป่านนี้เนี่ยนะ?" เคเตอร์เอ่ย น้ำเสียงของเขาฟังดูรื่นเริงแม้ว่าแววตาจะดูแปลกใจก็ตามถึงปฏิกิริยาของแจ็ค

    เด็กสาวเรือนผมสีขาวถอนหายใจออกมาทันทีที่ได้ยินคำพูดของแจ็ค

    ไม่นึกเลยว่าจะเป็นแบบนี้ ตอนแรกคิดว่าจะให้ความร่วมมือแล้วซะสิ

    ช่วยไม่ได้ คงต้องพูดโน้มน้าวให้ร่วมมือด้วยแล้วสินะ

    "แล้วนายแน่ใจเหรอว่าสองมือกับหัวของนายจะทำอะไรได้น่ะ?" 

    ทันทีที่มารีกล่าว ร่างของแจ็คที่พลันเตรียมจะหันหลังไปก็หันกลับมา---ใบหน้าของแจ็คฉายแววไม่พอใจออกมาอย่างรุนแรงขณะที่เด็กสาวมองด้วยแววตาเรียบเฉยราวกับไม่สะทกสะท้านกับสายตาเหล่านั้น บรรยากาศรอบข้างเริ่มถูกความเงียบโรยราและดูน่าอึดอัดขึ้นทันตา

    ทันใดนั้นเสียงของเขาก็ดังออกมาจากลำคอ

    "...หา?"

    "กะ กลับมาก่อนสิ" ท่าทางของกริมม์ดูร้อนรนเมื่อเห็นสายตาแข็งกร้าวของแจ็ค "ท่าทางของเจ้าหมอนั่นมัน-"

    "แค่นายคนเดียวโอกาสชนะกับคนทั้งหอแทบไม่มีเลยนะ" ดิวซ์เอ่ยขึ้นขณะที่สายตาของเขาจ้องมองไปที่แจ็คเฉกเช่นเดียวกันกับมารี

    เด็กสาวเริ่มเอื้อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

    "ถ้าจะหยุดพวกเขา พวกเรามาร่วมมือกันเถอะนะครับแจ็ค ฮาวน์" มารีฉีกยิ้มขึ้นปรากฏแก่สายตาของหมาป่าตรงหน้า "เพราะขนาดเมจิกเคิลชิฟน่ะ---ก็ชนะด้วยตัวเองเพียงคนเดียวไม่ได้ไม่ใช่หรือครับ?"

    สายตาของแจ็คและมารีสอดประสานกันชั่วครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มจ้องมองเธอนิ่งด้วยสายตาไม่ไหวติง---ก่อนในท้ายที่สุดเสียงถอนหายใจก็ดังออกมาจากริมฝีปากของเขา

    ดูเหมือนพวกเธอจะทำสำเร็จแล้ว

    "...ก็ได้ จะลองฟังแผนดูหน่อยก็ได้" แจ็คเอ่ยตอบตกลง มารีฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น "แต่ถ้าฉันไม่ชอบแผนของพวกนาย ฉันขอออกนะ"

    "ขอบคุณนะครับ!" มารีฉีกยิ้มกว้าง ท่าทีสดใสผิดจากตอนโดนตำหนิเมื่อครู่

    "หมอนี่น่ารำคาญจริงๆ" เอซเบ้ปาก

    "ดื้อด้านเหมือนนายไม่มีผิดเลยล่ะเอซจัง" เคเตอร์ฉีกยิ้มร่า

    ริดเดิ้ลกระแอม

    "เอาล่ะกลับมาต่อเรื่องเมื่อกี้ ก่อนอื่นผมมีเรื่องที่อยากจะบอกพวกนายทุกคนว่า..."


    ***


    หอแรมแชตเกิล - เวลาค่ำคืนที่เงียบสงัด


    มารีกำลังฝัน

    เธอเริ่มรู้สึกตัวมาแบบนี้สักพักใหญ่ๆแล้ว

    ร่างของเด็กสาวบัดนี้ปรากฏกายอยู่ภายในทุ่งหญ้าแห่งสัตว์ป่าหรือทุ่งหญ้าสะวันน่าห์ กลิ่นดินเอื้อมแตะจมูกของมารี---ชั่วขณะที่ดวงตาทั้งสองข้างเริ่มลืมตาขึ้น---ภาพตรงหน้าที่คุ้นตาก็ปรากฏให้หล่อนได้ยลโฉมมัน

    นั่นคือร่างของสการ์และซาซู เป็นฉากที่แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่แต่ก็ยังคงจะพอจำได้อยู่

    ร่างของเจ้านกที่ดูคุ้นตาบัดนี้ถูกขังอยู่ภายในโครงกระดูกสัตว์ที่ไม่ต่างจากกรงขัง สีหน้าของเจ้านกน้อยตนนี้คล้ายดูจะไม่มีเสียเท่าไหร่ยามเผชิญหน้ากับสการ์ที่อารมณ์โมโหร้าย สายตาของมันยังคงแฝงไว้ด้วยซึ่งความเฉื่อยชาและความคมกริบไม่ต่างจากเจ้าแห่งสัตว์ป่า

    "หยุดซะ ซาซู" สการ์กล่าว ใบหน้าของราชสีห์ที่มีร่องรอยของบาดแผลบริเวณดวงตาจ้องมองซาซูด้วยแววตาคมกริบ "เจ้ากำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่สินะ"

    เจ้าซาซูขยับจะงอยปากนกของมัน

    "ฮ่าห์- แต่มูฟฟาซาไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย"

    "อะไรห้ะ! นี่เจ้าพึ่งพูดอะไรออกมากัน! ในตอนนี้ข้าต่างหากที่เป็นราชา!!" มันร้องตะโกน ท่าทางของสการ์โมโหร้ายมากขึ้นเมื่อได้ยินคำกล่าวของซาซู

    เสียงฝีเท้าของสัตว์ทั้งสองตัวดังเข้ามาภายในถ้ำ

    "ไง นายท่าน ตอนนี้ทุกตัวกำลังส่งเสียงไม่พอใจกันอยู่เลย" เป็นร่างของบันไซที่ก้าวเท้าเข้ามาภายในอาณาเขตของสการ์ มารีละสายตาจากราชสีห์แล้วหันไปมองมัน

    "ไม่มีอาหารและน้ำ พวกเราหิวจนจะตายกันอยู่แล้ว!" เซนซีร้องตะโกน

    "ฉันไม่สน" สการ์เอ่ย เธอมองเห็นสีหน้าของมันที่ไม่พอใจกับคำกล่าวของเซนซี "ถ้าอย่างงั้นพวกแกก็กินเจ้าซาซูสิ"

    เสียงร้องภายในลำคอของเซนซีดังออกมายามได้ยินประโยคที่ถูกกล่าวออกมาจากปากของสการ์

    "ชิ ถ้าหากมูฟฟาซาร์ในตอนนี้เป็นราชาของที่นี่ล่ะก็-"

    นัยน์ตาสีเขียวมรกตของสการ์มองไปยังร่างของสัตว์ทั้งสามด้วยความเกรี้ยวโกรธ

    "เฮอะ พวกแกนี่มันอุจาดตาข้าชะมัด-" มันร้องตะโกนขณะที่นัยน์ตาสีเขียวมรกตประกายเรืองวาบ "รีบไปให้พ้นๆสายตาของข้าซะ เดี๋ยวนี้!!"

    และแล้วเสียงร้องของเอ็ดก็ดังขึ้นหลังจากนั้น

    มารีจ้องมองไปยังภาพตรงหน้าด้วยแววตาที่เฉยเมย---ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังค่อยๆแตกดับและแหลกสลายไปราวกับกระจก ฉากพวกนี้ก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในฉากอนิเมชั่นที่ไม่สำคัญอะไร แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นพอได้ก้าวเข้ามาใกล้แล้วทอดมองไปยังท่าทางของสการ์---ความรู้สึกแปลกประหลาดก็ประดังเข้ามา

    แววตา...เหมือนกับผู้ชายคนนั้นเลย

    มารีมองนิ่ง ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่มือกลับเอื้อมเข้าไปใกล้สการ์---ภายในเสี้ยววินาทีที่ทุกอย่างกำลังจะหายไปแล้วกลายเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวในความฝัน ดวงตาสีเขียวมรกตที่จ้องมองไปยังสิ่งอื่นก็ค่อยๆเบนสายตาหันมามองจุดที่ร่างของมารียืนอยู่

    ก่อนที่จะเลื่อนสายตาของมันขึ้นมาสบสายตากับเธอ

    บางทีแล้วหล่อนอาจจะคิดไปเองก็ได้ ถึงกระนั้นร่างของมารีก็แข็งค้าง---เด็กสาวไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน ท้ายที่สุดแล้วหลังจากนั้นร่างของมารีก็จมดิ่งลงไปภายในห้วงแห่งความมืดที่ไม่แม้แต่จะมองเห็นแสงสว่างเลยแม้แต่น้อย

    ไม่มีสการ์ ไม่มีอีกแล้วทุ่งหญ้าสะวันน่าห์

    แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ภายในห้วงความมืดเด็กสาวกลับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของใครบางคน

    นัยน์ตาสีน้ำข้าวของมารีค่อยๆลืมตาขึ้น สบสายตากับเด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายตนเอง---นั่นคือใบหน้าของเบนจามิน เขาอยู่ใกล้เธอเพียงปลายจมูก รอยยิ้มของเขาตราตรึงอยู่บนใบหน้าอันอ่อนเยาวน์ ทำให้หัวใจของเด็กสาวเรือนผมสีขาวซีดพองโตขึ้นมา

    เบนจามินอยู่ที่นี่แล้ว---

    "เบนจามิน..." มารีเปล่งเสียงกระซิบ สายตาของหล่อนจับจ้องไปยังเบนจามิน "เบนจามิน...นั่นเธอหรือ?"

    เบนจามินไม่ตอบอะไรเธอกลับมา

    แต่ถึงกระนั้นสองมือที่อบอุ่นก็ยังคงสัมผัสกับใบหน้าของหล่อน เบนจามินยังส่งยิ้มอันแสนอบอุ่นให้แก่มารีกลับมา---จากนั้นไม่นานมือของผู้เป็นน้องชายก็ค่อยๆเอื้อมเข้าใกล้บริเวณริมฝีปากของเธอ มารีเผยอปากขึ้นด้วยสีหน้างุนงงเมื่อสัมผัสได้ว่าเขาอยากจะให้หล่อนเปิดปากออกมา

    และหลังจากนั้น---

    แขนทั้งลำของเบนจามินก็กระซวกเข้ามาภายในปากของมารี

    "!!!?"

    เด็กสาวส่งเสียงออกมาอย่างตกใจเมื่อลำแขนพุ่งเข้ามาภายในปากจนหายใจแทบไม่ออก ร่างของหล่อนดิ้นทุรนทุรายราวกับปลาขาดน้ำเมื่อสัมผัสได้ว่าอะไรบางอย่างที่น่าขยะแขยงกำลังจะทะลักเข้ามาภายในร่างกายของตน หยาดน้ำตาค่อยๆไหลออกมาจากนัยน์ตาทั้งสองข้างของมารีด้วยความเจ็บปวดเหลือคณานับ แต่ทว่ายามได้มองไปยังใบหน้าของเบนจามินที่มีความสุขแววตาของมารีก็พลอยมีความสุขตาม

    เธอไม่รู้ บางทีแล้วนี่อาจจะเป็นเพราะความรักของหล่อนที่มีต่อน้องชาย

    ภาพตรงหน้าของมารีกำลังเริ่มพร่ามัวลงไป

    สิ่งสุดท้ายที่พอจะยังพอมองเห็นคือร่างของเบนจามินที่ไม่แยแสต่ออาการของมารี สายตาของเด็กสาวผู้มีเรือนผมสีขาวยังคงจับจ้องมองไปยังผู้เป็นน้องชายของหล่อนที่เผยใบหน้ากังวลใจออกมาด้วยท่าทางน่ารัก กระซิบด้วยคำพูดซ้ำๆที่ในตอนนี้มันช่างแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินแม้แต่น้อย

    "ต้อง...มากกว่านี้...มากกว่านี้"

    เบนจามิน...กำลังพูดอะไรกันนะ?

    "เพื่อที่...เพื่อที่..."

    อยากจะพูดอะไรกับฉันงั้นหรือ...?

    "กลืนกิน...กลืนกิน...กลืนกิน-"

    สายตาของเบนจามินจับจ้องมาที่เธอ

    และแล้ว ชั่วขณะนั้นมารีก็เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา--

    ...ไม่สิ

    "พลัง พลัง พลัง...ทั้งหมด...ของ...ของ-"

    นี่น่ะ มันไม่ใช่...

    "ของ---...เบนจามิน"

    [เบนจามิน]ของฉัน







    "อุ๊บ---แค่ก!!?"

    ในค่ำคืนนั้น มารีที่สะดุ้งตัวตื่นขึ้นจากความฝันสำหรอกของเหลวสีดำออกมาขณะที่หลังของหล่อนโก่งคด

    เด็กสาวจ้องมองของเหลวสีดำจำนวนมากที่สำรอกออกมาคาผ้าห่มเองตนเอง แต่ไม่นานนักพวกมันก็สลายหายกลายเป็นควันแล้วปลิวขึ้นไปบนอากาศสักพักก่อนจะจางหายไป กริมม์ที่นอนออยู่บนเตียงด้วยกันขยับตัวไปมาขณะที่ร้องละเมอ---ท่าทางมันคงจะไม่รู้ว่าหล่อนกำลังทำอะไรอยู่

    เด็กสาวจ้องมองคราบสีดำที่กำลังสลายกลายเป็นควันบนฝ่ามือของตนเอง นัยน์ตาสีน้ำข้าวฉายแววความกังวลออกมาบนสีหน้าอย่างแจ่มชัดในยามที่แสงจันทร์ลอดผ่านผ้าม่านและหน้าต่าง 

    "เมื่อกี้ฉัน..." เสียงพึมพำแผ่วเบาดังขึ้น มารีพยายามอย่างหนักเมื่อสัมผัสได้ว่าอะไรบางอย่างคาอยู่ที่หัวของตน "ฝันถึงสการ์...ใช่รึเปล่านะ?"

    ภาพของสการ์ที่เคยฝันเห็นค่อยๆปรากฏขึ้นมาภายในหัว มันเป็นฝันที่แจ่มชัดราวกับลางบอกเหตุไม่ต่างจากฝันภายในคราของอลิซยังดินแดนมหัศจรรย์เลยสักนิด มันก็เหมือนกับภายในคราวที่แล้วที่เธอเข้าไปพัวพันกับหอฮาร์ทสลาบิวท์เพราะเอซ

    ใช่แล้ว เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเสียเหลือเกิน

    แต่ว่านอกเหนือจากสการ์นั้น...เธอฝันถึงอะไรอีกบ้างกันนะ?

    แม้ว่าจะพยายามนึกถึงมันมากเสียเท่าไหร่ ก็ไม่มาอะไรปรากฏขึ้นมาภายในหัวอีก...-

    นึกไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว



    ***

    สารจากไรท์

    : แหม่ หลังจากที่เบนจามินบทออกน้อยมาตั้งนาน ในที่สุดก็โผล่มาเป็นตัวเป็นตนแล้วล่ะค่ะ! แต่หลังจากนี้บทก็คงจะห่างหายกันไปอีกนานๆเลยทีเดียว เป็นยังไงบ้างคะ น่ารักใช่ไหมล่ะเบนจามินน่ะ(?)

    สำหรับช่วงนี้ไรท์อาจจะค่อนข้างแต่งช้าเป็นพิเศษหน่อยนะคะ เนื่องจากเหมือนว่าบทแปลเนื้อเรื่องหลักตั้งแต่แชปเตอร์บท1-4จะหายไปแล้ว(เหงื่อตก) แต่ไม่เป็นไรค่ะ ถึงจะหายไปแต่ไรท์ก็ยังพอดำน้ำได้อยู่ แต่ถ้าไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆไรท์จะงมอิ้งแล้วไปแปลเอามาแต่งฟิคให้ได้อ่านเองค่ะ ถึงจะไม่เซียนอิ้งก็ตาม(จริงจัง)

    อีกสัปดาห์เดียวไรท์ก็จะหมดเรียนชดเชยแล้วค่ะ แต่ครูสั่งงานอะไรเยอะมากจนไรท์แทบจะเคลียร์ไม่ไหวแล้ว แต่ยังไงก็จะพยายามดิ้นหาทางมาอัพให้ได้เลยค่ะ! สำหรับวันนี้ไรท์คงมาสั้นๆเพียงเท่านี้ค่ะ ไว้เจอกันใหม่น้า!

    ปล. มี50ตอนแล้ว(แม้เนื้อเรื่องจะไม่ถึง50ตอนก็ตาม) เหมือนเช็คอินก่อนจะไปสู่100+ตอนเลยค่ะ คงจะเป็นหนทางอีกยาวไกลแน่ๆ(ซับเหงื่อ) ยังไงก็ขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาเป็นแรงสนับสนุนให้ไรท์เขียนต่อได้นะคะ สักวันพระเอกจะต้องออกมาอย่างแน่นอนค่ะ รอก่อนนะคะรีดเดอร์ ไรท์จะหาซีนให้เขาได้ออกมาเองค่ะ!

    ปล.สอง วันวาเลนไทน์ถ้าทำได้อาจจะเขียนตอนพิเศษออกมานะคะ แต่ไรท์กลัวว่าตอนสวีทมันจะออกมาเป็นตอนกาวๆนี่แหละสิ(ครุ่นเครียด)

    ปล.สาม มีการเปลี่ยนแปลงบทพูดของมูฟฟาซาร์จากในฉบับของเนื้อเรื่องแปลไทยเล็กน้อย เนื่องจากไรท์ไปเทียบกับบทแปลอังกฤษแล้วกลับมาเปิดคัตซีนดูไลอ้อนคิงแล้วพบว่าบริบทมันไม่เหมือนกันนะคะ(โค้ง)

















     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×